ในวิชาคณิตศาสตร์ ทฤษฎีบทพีทาโกรัส แสดงความสัมพันธ์ในเรขาคณิตแบบยุคลิด ระหว่างด้านทั้งสามของสามเหลี่ยมมุมฉาก กำลังสองของด้านตรงข้ามมุมฉากเท่ากับผลรวมของกำลังสองของอีกสองด้านที่เหลือ ในแง่ของพื้นที่ กล่าวไว้ดังนี้
ในสามเหลี่ยมมุมฉากใด ๆ พื้นที่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีด้านเป็นด้านตรงข้ามมุมฉาก เท่ากับผลรวมพื้นที่ของสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีด้านเป็นด้านประชิดมุมฉากของสามเหลี่ยมมุมฉากนั้น
ทฤษฎีบทดังกล่าวสามารถเขียนเป็นสมการสัมพันธ์กับความยาวของด้าน a, b และ c ได้ ซึ่งมักเรียกว่า สมการพีทาโกรัส ดังด้านล่าง
- (อาจแทนด้วยตัวแปรอื่นเช่น x, y, z, ก, ข, ค)
โดยที่ c เป็นความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก และ a และ b เป็นความยาวของอีกสองด้านที่เหลือ
ทฤษฎีบทพีทาโกรัสตั้งตามชื่อนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก พีทาโกรัส ซึ่งถือว่าเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีบทและการพิสูจน์ แม้จะมีการแย้งบ่อยครั้งว่า ทฤษฎีบทดังกล่าวมีมาก่อนหน้าเขาแล้ว มีหลักฐานว่านักคณิตศาสตร์ชาวบาบิโลนเข้าใจสมการดังกล่าว แม้ว่าจะมีหลักฐานหลงเหลืออยู่น้อยมากว่าพวกเขาปรับให้มันพอดีกับกรอบคณิตศาสตร์
ทฤษฎีบทดังกล่าวเกี่ยวข้องกับทั้งพื้นที่และความยาว ทฤษฎีบทดังกล่าวสามารถสรุปได้หลายวิธี รวมทั้งปริภูมิมิติที่สูงขึ้น ไปจนถึงปริภูมิที่มิใช่แบบยูคลิด ไปจนถึงวัตถุที่ไม่ใช่สามเหลี่ยมมุมฉาก และอันที่จริงแล้ว ไปจนถึงวัตถุที่ไม่ใช่สามเหลี่ยมเลยก็มี แต่เป็นทรงตัน n มิติ ทฤษฎีบทพีทาโกรัสดึงดูดความสนใจจากนักคณิตศาสตร์เป็นสัญลักษณ์ของความยากจะเข้าใจในคณิตศาสตร์ ความขลังหรือพลังปัญญา มีการอ้างถึงในวัฒนธรรมสมัยนิยมมากมายทั้งในวรรณกรรม ละคร ละครเพลง เพลง สแตมป์และการ์ตูน
รูปอื่น
ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น หาก c แทนความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก และ a และ b แทนความยาวของอีกสองด้านที่ประกบมุมฉาก ทฤษฎีบทพีทาโกรัสจะสามารถเขียนในรูปสมการพีทาโกรัสได้ดังนี้
หรือ
ถ้าทราบความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก c และด้านประชิดมุมฉากด้านใดด้านหนึ่ง (a หรือ b) แล้ว ความยาวด้านที่เหลือสามารถคำนวณได้ดังนี้
หรือ
ทฤษฎีบทพีทาโกรัสกำหนดความสัมพันธ์ของด้านทั้งสามของสามเหลี่ยมมุมฉากอย่างง่าย เพื่อที่ว่าถ้าทราบความยาวของด้านสองด้าน ก็จะสามารถหาความยาวของด้านที่เหลือได้ อีกบทแทรกหนึ่งของทฤษฎีบทพีทาโกรัสคือ ในสามเหลี่ยมมุมฉากใด ๆ ด้านตรงข้ามมุมฉากจะยาวกว่าสองด้านที่เหลือ แต่สั้นกว่าผลรวมของทั้งสอง
ทฤษฎีบทดังกล่าวสามารถกล่าวโดยสรุปได้เป็นกฎของโคซายน์ ซึ่งเมื่อให้ความยาวของด้านทั้งสองและขนาดของมุมระหว่างด้านนั้นมา จะสามารถคำนวณหาความยาวด้านที่สามของสามเหลี่ยมใด ๆ ได้ ถ้ามุมระหว่างด้านเป็นมุมฉาก กฎของโคซายน์จะย่อลงเหลือทฤษฎีบทพีทาโกรัส
การพิสูจน์
ทฤษฎีบทพีทาโกรัสอาจเป็นทฤษฎีบทที่รู้จักกันว่ามีการพิสูจน์มากกว่าทฤษฎีบทอื่น หนังสือ The Pythagorean Proposition มีการพิสูจน์มากถึง 370 แบบ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
-
ภาพเคลื่อนไหวแสดงการพิสูจน์ทฤษฎีบทพีทาโกรัส -
การพิสูจน์โดยการจัดเรียงรูปสามเหลี่ยมใหม่ -
การพิสูจน์โดยการจัดเรียงพื้นที่
บทกลับของทฤษฎีบทพีทาโกรัส
บทกลับของทฤษฎีบทพีทาโกรัสนั้นเป็นจริง โดยกล่าวไว้ดังนี้
กำหนด a, b และ c เป็นจำนวนจริงบวกที่ จะมีสามเหลื่ยมมุมฉากหนึ่งรูปที่มีความยาวด้านเท่ากับสามจำนวนนั้น และสามเหลี่ยมนั้นจะมีมุมฉากระหว่างด้าน a และ b
ชุดของสามจำนวนนี้เรียกว่า อีกข้อความหนึ่งกล่าวว่า
สำหรับสามเหลี่ยมใด ๆ ที่มีด้าน a, b และ c ถ้า แล้วมุมระหว่าง a กับ b จะวัดได้ 90°
บทกลับนี้ยังปรากฏอยู่ในหนังสือ Euclid's Elements ของ ยุคลิดด้วย
ถ้าในสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง สี่เหลี่ยมบนด้านหนึ่งเท่ากับผลรวมของสี่เหลี่ยมบนอีกสองด้านที่เหลือของสามเหลี่ยมแล้ว แล้วมุมที่รองรับด้านทั้งสองที่เหลือของสามเหลี่ยมนั้นจะเป็นมุมฉาก
บทกลับนี้สามารถพิสูจน์ได้โดยใช้ กฎของโคไซน์ หรือตามการพิสูจน์ดังต่อไปนี้
กำหนดสามเหลี่ยม ABC มีด้านสามด้านที่มีความยาว a,b และ c และ เราจะต้องพิสูจน์ว่ามุมระหว่าง a และ b เป็นมุมฉาก ดังนั้น เราจะสร้างสามเหลื่ยมมุมฉากที่มีความยาวของด้านประกอบมุมฉาก เป็น a และ b แต่จากทฤษฎีบทปีทาโกรัส เราจะได้ว่าด้านตรงข้ามมุมฉาก ของสามเหลื่ยมรูปที่สองก็จะมีค่าเท่ากับ c เนื่องจากสามเหลี่ยมทั้งสองรูปมีความยาวด้านเท่ากันทุกด้าน สามเหลี่ยมทั้งสองรูปจึงแบบ "ด้าน-ด้าน-ด้าน" และต้องมีมุมขนาดเท่ากันทุกมุม ดังนั้นมุมที่ด้าน a และ b มาประกอบกัน จึงต้องเป็นมุมฉากด้วย
จากบทพิสูจน์ของบทกลับของทฤษฎีบทปีทาโกรัส เราสามารถนำไปหาว่ารูปสามเหลี่ยมใด ๆ เป็นสามเหลี่ยมมุมแหลม, มุมฉาก หรือ มุมป้าน ได้ เมื่อกำหนดให้ c เป็นความยาวของด้านที่ยาวที่สุดในรูปสามเหลี่ยม
- ถ้า สามเหลี่ยมนั้นจะเป็นสามเหลี่ยมมุมฉาก
- ถ้า สามเหลี่ยมนั้นจะเป็นสามเหลี่ยมมุมแหลม
- ถ้า สามเหลี่ยมนั้นจะเป็นสามเหลี่ยมมุมป้าน
อ้างอิง
- Judith D. Sally, Paul Sally (2007). "Chapter 3: Pythagorean triples". Roots to research: a vertical development of mathematical problems. American Mathematical Society Bookstore. p. 63. ISBN .
- George Johnston Allman (1889). Greek Geometry from Thales to Euclid (Reprinted by Kessinger Publishing LLC 2005 ed.). Hodges, Figgis, & Co. p. 26. ISBN .
The discovery of the law of three squares, commonly called the "theorem of Pythagoras" is attributed to him by – amongst others – Vitruvius, Diogenes Laertius, Proclus, and Plutarch ...
- (Heath 1921, Vol I, p. 144)
- Otto Neugebauer (1969). The exact sciences in antiquity (Republication of 1957 Brown University Press 2nd ed.). Courier Dover Publications. p. 36. ISBN .. For a different view, see Dick Teresi (2003). Lost Discoveries: The Ancient Roots of Modern Science. Simon and Schuster. p. 52. ISBN ., where the speculation is made that the first column of a tablet 322 in the supports a Babylonian knowledge of some elements of trigonometry. That notion is pretty much laid to rest by Eleanor Robson (2002). "Words and Pictures: New Light on Plimpton 322". The American Mathematical Monthly. Mathematical Association of America. 109 (2): 105–120. doi:10.2307/2695324. JSTOR 2695324. See also pdf file 2013-09-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The accepted view today is that the Babylonians had no awareness of trigonometric functions. See Abdulrahman A. Abdulaziz (2010). "The Plimpton 322 Tablet and the Babylonian Method of Generating Pythagorean Triples". :1004.0025. §2, page 7.
- Mario Livio (2003). The golden ratio: the story of phi, the world's most astonishing number. Random House, Inc. p. 25. ISBN .
- (Loomis 1968)
- Judith D. Sally, Paul Sally (2007-12-21). "Theorem 2.4 (Converse of the Pythagorean Theorem).". Cited work. p. 62. ISBN .
- Euclid's Elements, Book I, Proposition 48 From D.E. Joyce's web page at Clark University
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
inwichakhnitsastr thvsdibthphithaokrs aesdngkhwamsmphnthinerkhakhnitaebbyukhlid rahwangdanthngsamkhxngsamehliymmumchak kalngsxngkhxngdantrngkhammumchakethakbphlrwmkhxngkalngsxngkhxngxiksxngdanthiehlux inaengkhxngphunthi klawiwdngnithvsdibthphithaokrs phlrwmkhxngphunthikhxngsiehliymsxngrupbndanprachidmumchak a aela b ethakbphunthikhxngsiehliymbndantrngkhammumchak c insamehliymmumchakid phunthikhxngsiehliymctursthimidanepndantrngkhammumchak ethakbphlrwmphunthikhxngsiehliymctursthimidanepndanprachidmumchakkhxngsamehliymmumchaknn thvsdibthdngklawsamarthekhiynepnsmkarsmphnthkbkhwamyawkhxngdan a b aela c id sungmkeriykwa smkarphithaokrs dngdanlang a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 xacaethndwytwaeprxunechn x y z k kh kh odythi c epnkhwamyawdantrngkhammumchak aela a aela b epnkhwamyawkhxngxiksxngdanthiehlux thvsdibthphithaokrstngtamchuxnkkhnitsastrchawkrik phithaokrs sungthuxwaepnphukhnphbthvsdibthaelakarphisucn aemcamikaraeyngbxykhrngwa thvsdibthdngklawmimakxnhnaekhaaelw mihlkthanwankkhnitsastrchawbabiolnekhaicsmkardngklaw aemwacamihlkthanhlngehluxxyunxymakwaphwkekhaprbihmnphxdikbkrxbkhnitsastr thvsdibthdngklawekiywkhxngkbthngphunthiaelakhwamyaw thvsdibthdngklawsamarthsrupidhlaywithi rwmthngpriphumimitithisungkhun ipcnthungpriphumithimiichaebbyukhlid ipcnthungwtthuthiimichsamehliymmumchak aelaxnthicringaelw ipcnthungwtthuthiimichsamehliymelykmi aetepnthrngtn n miti thvsdibthphithaokrsdungdudkhwamsniccaknkkhnitsastrepnsylksnkhxngkhwamyakcaekhaicinkhnitsastr khwamkhlnghruxphlngpyya mikarxangthunginwthnthrrmsmyniymmakmaythnginwrrnkrrm lakhr lakhrephlng ephlng saetmpaelakartunrupxuntamthiidklawipaelwkhangtn hak c aethnkhwamyawdantrngkhammumchak aela a aela b aethnkhwamyawkhxngxiksxngdanthiprakbmumchak thvsdibthphithaokrscasamarthekhiyninrupsmkarphithaokrsiddngni a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 hrux c a2 b2 displaystyle c sqrt a 2 b 2 thathrabkhwamyawdantrngkhammumchak c aeladanprachidmumchakdaniddanhnung a hrux b aelw khwamyawdanthiehluxsamarthkhanwniddngni a c2 b2 displaystyle a sqrt c 2 b 2 hrux b c2 a2 displaystyle b sqrt c 2 a 2 thvsdibthphithaokrskahndkhwamsmphnthkhxngdanthngsamkhxngsamehliymmumchakxyangngay ephuxthiwathathrabkhwamyawkhxngdansxngdan kcasamarthhakhwamyawkhxngdanthiehluxid xikbthaethrkhnungkhxngthvsdibthphithaokrskhux insamehliymmumchakid dantrngkhammumchakcayawkwasxngdanthiehlux aetsnkwaphlrwmkhxngthngsxng thvsdibthdngklawsamarthklawodysrupidepnkdkhxngokhsayn sungemuxihkhwamyawkhxngdanthngsxngaelakhnadkhxngmumrahwangdannnma casamarthkhanwnhakhwamyawdanthisamkhxngsamehliymid id thamumrahwangdanepnmumchak kdkhxngokhsayncayxlngehluxthvsdibthphithaokrskarphisucnthvsdibthphithaokrsxacepnthvsdibththiruckknwamikarphisucnmakkwathvsdibthxun hnngsux The Pythagorean Proposition mikarphisucnmakthung 370 aebb swnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphaphekhluxnihwaesdngkarphisucnthvsdibthphithaokrs karphisucnodykarcderiyngrupsamehliymihm karphisucnodykarcderiyngphunthibthklbkhxngthvsdibthphithaokrsbthklbkhxngthvsdibthphithaokrsnnepncring odyklawiwdngni kahnd a b aela c epncanwncringbwkthi a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 camisamehluymmumchakhnungrupthimikhwamyawdanethakbsamcanwnnn aelasamehliymnncamimumchakrahwangdan a aela b chudkhxngsamcanwnnieriykwa xikkhxkhwamhnungklawwa sahrbsamehliymid thimidan a b aela c tha a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 aelwmumrahwang a kb b cawdid 90 bthklbniyngpraktxyuinhnngsux Euclid s Elements khxng yukhliddwy thainsamehliymruphnung siehliymbndanhnungethakbphlrwmkhxngsiehliymbnxiksxngdanthiehluxkhxngsamehliymaelw aelwmumthirxngrbdanthngsxngthiehluxkhxngsamehliymnncaepnmumchak bthklbnisamarthphisucnidodyich kdkhxngokhisn hruxtamkarphisucndngtxipni kahndsamehliym ABC midansamdanthimikhwamyaw a b aela c aela a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 eracatxngphisucnwamumrahwang a aela b epnmumchak dngnn eracasrangsamehluymmumchakthimikhwamyawkhxngdanprakxbmumchak epn a aela b aetcakthvsdibthpithaokrs eracaidwadantrngkhammumchak khxngsamehluymrupthisxngkcamikhaethakb c enuxngcaksamehliymthngsxngrupmikhwamyawdanethaknthukdan samehliymthngsxngrupcungaebb dan dan dan aelatxngmimumkhnadethaknthukmum dngnnmumthidan a aela b maprakxbkn cungtxngepnmumchakdwy cakbthphisucnkhxngbthklbkhxngthvsdibthpithaokrs erasamarthnaiphawarupsamehliymid epnsamehliymmumaehlm mumchak hrux mumpan id emuxkahndih c epnkhwamyawkhxngdanthiyawthisudinrupsamehliym tha a2 b2 c2 displaystyle a 2 b 2 c 2 samehliymnncaepnsamehliymmumchak tha a2 b2 gt c2 displaystyle a 2 b 2 gt c 2 samehliymnncaepnsamehliymmumaehlm tha a2 b2 lt c2 displaystyle a 2 b 2 lt c 2 samehliymnncaepnsamehliymmumpanxangxingJudith D Sally Paul Sally 2007 Chapter 3 Pythagorean triples Roots to research a vertical development of mathematical problems American Mathematical Society Bookstore p 63 ISBN 0821844032 George Johnston Allman 1889 Greek Geometry from Thales to Euclid Reprinted by Kessinger Publishing LLC 2005 ed Hodges Figgis amp Co p 26 ISBN 143260662X The discovery of the law of three squares commonly called the theorem of Pythagoras is attributed to him by amongst others Vitruvius Diogenes Laertius Proclus and Plutarch Heath 1921 Vol I p 144 harv error no target CITEREFHeath1921 Otto Neugebauer 1969 The exact sciences in antiquity Republication of 1957 Brown University Press 2nd ed Courier Dover Publications p 36 ISBN 0486223329 For a different view see Dick Teresi 2003 Lost Discoveries The Ancient Roots of Modern Science Simon and Schuster p 52 ISBN 074324379X where the speculation is made that the first column of a tablet 322 in the supports a Babylonian knowledge of some elements of trigonometry That notion is pretty much laid to rest by Eleanor Robson 2002 Words and Pictures New Light on Plimpton 322 The American Mathematical Monthly Mathematical Association of America 109 2 105 120 doi 10 2307 2695324 JSTOR 2695324 See also pdf file 2013 09 21 thi ewyaebkaemchchin The accepted view today is that the Babylonians had no awareness of trigonometric functions See Abdulrahman A Abdulaziz 2010 The Plimpton 322 Tablet and the Babylonian Method of Generating Pythagorean Triples 1004 0025 2 page 7 Mario Livio 2003 The golden ratio the story of phi the world s most astonishing number Random House Inc p 25 ISBN 0767908163 Loomis 1968 harv error no target CITEREFLoomis1968 Judith D Sally Paul Sally 2007 12 21 Theorem 2 4 Converse of the Pythagorean Theorem Cited work p 62 ISBN 0821844032 Euclid s Elements Book I Proposition 48 From D E Joyce s web page at Clark University bthkhwamkhnitsastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk