กุ้งเรดบี | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Arthropoda |
ไฟลัมย่อย: | Crustacea |
ชั้น: | |
อันดับ: | Decapoda |
อันดับฐาน: | |
วงศ์: | |
สกุล: | Caridina , 1837 |
ชนิด | |
|
กุ้งเรดบี (อังกฤษ: Redbee shrimp) เป็นครัสเตเชียนในกลุ่มกุ้ง จัดอยู่ในสกุล Caridina เป็นกุ้งแคระในตระกูลกุ้งบี เป็นสัตว์น้ำจืด (ไม่มีในแหล่งน้ำธรรมชาติถูกพัฒนาสายพันธุ์โดยมนุษย์) หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว เปลือกแบ่งเป็นปล้อง ๆ เปลือกที่หุ้มท่อนหัวและอกคลุมมาถึงหางนั้นมี 8 ปล้อง กรีมีลักษณะแหลมชี้ไปข้างหน้า ก้ามและขาอยู่ที่ส่วนหัวและอก มี 10 ขา สามารถแบ่งขากุ้งเรดบีออกเป็น 2 ส่วน คือ ขาที่ใช้ในการเดินจะมีทั้งหมด 5 คู่ แต่ขาคู่แรกนั้นเป็นก้ามที่ใช้ในการหยิบจับอาหารและ ส่วนของครีบว่ายน้ำ จะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ซึ่งจะค่อยโบกเอาน้ำที่มีออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อหายใจและเพื่อประโยชน์ในการพัดอ๊อกซิเจนไปใช้ในการฟักไข่ที่อยู่ใต้ท้อง รวมทั้งที่ใต้ครีบว่ายน้ำนั้นยังใช้เป็นที่อุ้มไข่ที่ถูกรับการปฏิสนธิแล้วเพื่อรอเวลาในการฟักเป็นลูกกุ้งตัวน้อยส่วนเหงือกของกุ้งเรดบีนั้นลักษณะคล้ายขนนกอยู่ใกล้บริเวณปากเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการระบบหายใจกล่าวคือเป็นทางผ่านของน้ำเพื่อให้น้ำไหลผ่านเข้าช่องเหงือก อุปนิสัยโดยปกติกุ้งเรดบีชอบหลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ ตามพื้นน้ำหรือซอกหลืบในมุมมืด ๆ มักจะออกหากินในเวลากลางคืน ส่วนในธรรมชาตินั้น กุ้งเรดบี (กุ้งบี) กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร เช่น ซากพืช ซากสัตว์ ลูกปลาขนาดเล็กที่พึ่งเกิดอ่อนแอ ไส้เดือนน้ำและกุ้งด้วยกันเอง รวมไปถึงสัตว์หน้าดินขนาดเล็กชนิดอื่น ๆ และซากสัตว์ที่เน่าเปื่อย
ประวัติ
กุ้งเรดบีมีรากฐานเดิมมาจาก "กุ้งบี" (Bee Shrimp, Normal Bee shrimp, Bee Shrimp, Caridina serrata) กุ้งบีในธรรมชาตินั้นสามารถพบได้ในแหล่งน้ำลำธารในป่าเขา ที่เย็นเงียบสงบสะอาดบริเวณแถบประเทศจีน ตอนล่าง จวบจนในประเทศเวียดนามตอนบนและในลำธารชายเขาในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ลักษณะทางกายภาพทั่วไปของกุ้งบีลำตัวมีลักษณะสั้นป้อม สีที่พบจะมีสีดำจาง ๆ สีน้ำตาลเข้มอมดำหรือน้ำเงินแก่ มีสีขาวที่เกือบใส ขึ้นสลับไปมา ที่บริเวณปลายกรีช่วงลำตัวปลายข้อหาง
กุ้งเรดบีเกิดจากการพัฒนาคัดสรรกุ้งบีจากในธรรมชาติ ด้วยหลักการ Inbreed เพื่อให้เกิดการผ่าเหล่า จนเกิดกุ้งที่มีลักษณะ เด่นแปลกประหลาดกว่ากุ้งบีดั้งเดิมในธรรมชาติ กล่าวคือมีสีแดงจางสลับปล้องขาวเล็ก ๆ ที่ยังใส ซึ่งผู้ที่พัฒนากุ้งนี้เป็นผลสำเร็จคือ Mr.Hisayasu Suzuki ชาวญี่ปุ่นซึ่งอาจกล่าวได้ว่าท่านคือบิดาแห่งกุ้งเรดบี ซึ่งท่านใช้เวลาในการพัฒนาถึง 6 ปี ด้วยสีของกุ้งบีนี้ มีสีโทนแดง จึงเป็นที่มาของชื่อ Crystal Red Shrimp (CRS) แต่ชื่อที่นิยมกล่าวขานกุ้งตัวนี้คือกุ้งเรดบี (Redbee Shrimp, Crystal Red Bee Shrimp, Bishurinpu) แต่การพัฒนา กุ้งเรดบีนั้นยังไม่หยุดแค่นั้นยังคง มีการพัฒนาต่อเนื่องใทั้งในเรื่องสีสันที่เข้มขึ้น แดงเป็นแดงสดขาวเป็นขาวทึบ มีการแยกเกรดกุ้งเรดบีออกเป็น (อ้างอิงในประเทศญี่ปุ่นจะแบ่งเกรดเป็น Normal Grade, S Grade, SS Grade, SSS Grade และยังมีการแบ่งตาม ลวดลาย ได้ดังนี้
- โมสุระ โดยกรีมีแถบขาวบริเวณหัวแดงลำตัวจรดปลายหางมีสีขาวหรืออาจมีจุดแดงบริเวณข้อหาง
- โมสุระคราว โดยมีลักษณะลวดลายเหมือนโมสุระแต่สิ่งที่แตกต่างคือ จะมีจุดที่บริเวณกลางหัวด้านบน ซึ่งจะมีทั้งจุดแดงหรือจุดขาว เหมือนกุ้งนั้นมีมงกุฏอยู่บนหัว
- โมสุระฟลาวเวอร์ โดยมีลักษณะลวดลายเหมือนโมสุระแต่สิ่งที่แตกต่างคือบริเวณข้างแก้มกุ้งจะมีลวดลายเส้นที่บริเวณข้างแก้มกุ้ง คล้ายกลีบดอกไม้
- ฮิโนมารุ โดยกรีมีแถบขาวบริเวณหัวแดงลำตัวจรดปลายหางมีสีขาวหรืออาจมีจุดแดงบริเวณข้อหาง แต่จุดเด่นคือจะมี จุดที่กลางหลังดูแล คล้ายกับธงชาติญี่ปุ่นเมื่อมองมุมเหนือผิวน้ำ
- วี โดยกรีมีแถบขาวบริเวณหัวแดงลำตัวจรดปลายหางมีสีขาวหรืออาจมีจุดแดงบริเวณข้อหาง แต่จุดเด่นคือจะมีแถบ สีแดงพาดลงมาทั้งด้านซ้ายและขวาของลำตัวคล้าย อักษร V
- ไทเกอร์ โดยกรีมีแถบขาวบริเวณหัวแดงลำตัวจรดปลายหางมีสีขาวหรืออาจมีจุดแดงบริเวณข้อหาง แต่จุดเด่นคือจะมี แถบสีแดงที่พาดลงทั้งด้านซ้ายขวาของกุ้ง แลดูคล้ายเขี้ยวเสือ 2 เขี้ยว
การพัฒนากุ้งเรดบีนั้นยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ยังคงทยอยมีกุ้งเรดบีที่แตกแยกย่อย มาตลอด อาทิ เช่น กุ้งแบล็คบี ทุกประการมีลักษณะลวดลายและเกรด เหมือนเรดบีทุกประการแต่แตกต่างที่มีสีดำเข้มแทนที่สีแดง และต่างจากกุ้งบีดังเดิมคือ ความเข้มของ สีดำและขาวและการตัดสีของเปลือกกุ้งที่เด่นชัดเจนกว่า กุ้งสโนว์ มีสีขาวหรือขาวอมเหลืองตลอดตัว และถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการพัฒนาในเรื่องลวดลายของกุ้งให้มีลูกเล่นที่มากขึ้นและสง่างาม (โมสุระฟลาวเวอร์, โมสุระคราว)
การเจริญเติบโต
การลอกคราบ
ปัจจัย
วัฎจักรการลอกคราบของกุ้งเรดบีนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย อาทิเช่น
- อายุกุ้ง — กุ้งจะมีการลอกคราบบ่อยครั้งเมื่ออายุน้อย ช่วงที่จะลอกถี่มากที่สุดแทบจะทุกวันคือในช่วงเดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงที่วัดกันว่าจะรอดมากน้อย ถัดมาในเดือนที่ 2–3 ก็จะเป็นช่วงของการพัฒนาในด้านโครงสร้างและสีสัน ช่วงนี้กุ้งเรดบีจะลอกคราบช้าลง ช่วงวันจะกระชับขึ้นแต่พัฒนาการการเติบโตก็ยังคงเดินต่อ ช่วงเดือนนี้เราก็จะพอเห็นแววกุ้งแล้วว่าจะมีแนวโน้มไปด้านสวยขึ้นเหมือนพ่อแม่หรือด้อยลงและเริ่มมองออกว่าเป็นเพศอะไร พอกุ้งเริ่มก้าวย่างเข้าเดือนที่ 4 ขึ้นไป ความถี่ในการลอกคราบก็จะเริ่มน้อยลงอยู่ที่วงรอบ ประมาณ 3–4 สัปดาห์ต่อครั้ง ± 3–5 วัน
- สารอาหารที่จำเป็น — มีส่วนในการลอกคราบเนื่องจากกุ้งเรดบีนั้นจะต้องสร้างเปลือก ซึ่งเปลือกที่สร้างก็มีที่มาจากการสะสมจากแร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำและในอาหารตลอดจนถึงวิตามินที่ละลายอยู่ในน้ำด้วยในการนำมาสะสม
- คุณภาพน้ำและอุณหภูมิและไคโตซาน — น้ำที่มีแร่ธาตุครบสมบูรณ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เอื้อต่อกระบวนการสะสม แร่ธาตุส่วนน้ำที่มีคุณภาพดีสะอาดก็ส่งผลต่อพฤติกรรมความร่าเริงในการดำรงชีวิตประจำวันของกุ้งในการกินอาหาร เพื่อสะสมพลังงานและสารอาหารเพื่อไปใช้ในการลอกคราบ อุณหภูมิเกี่ยวข้องอย่างไรกับกระบวนการลอกคราบที่ต้องเกี่ยว เพราะอุณหภูมิที่ต่ำทำให้กุ้งมีพฤติกรรมการกินอาหารที่น้อยลง อุณหภูมิสูงทำให้กุ้งกินอาหารได้มากขึ้น ซึ่งจะสังเกตได้ว่ากุ้งที่อยู่ในตู้ที่มีอุณภูมิสูงจะกินเก่งโตไวและลอกคราบได้ไวมากกว่า แต่กระนั้นสีสันจะสู้กุ้งที่อยู่ในตู้ที่มีอุณภูมิต่ำกว่าไม่ได้เลย ส่วนก็มีการนำมาใช้กับกระบวนการลอกคราบ เพราะไคโตซานเป็นสารตั้งต้นในการสร้างเนื้อเยื่อและเปลือก ช่วยกระตุ้นให้กุ้งมีการลอกคราบได้ดีและไวขึ้น ทำให้กุ้งเกิดการผสมพันธุ์ได้ไวกว่าปกติกว่าที่ควรจะเป็นไปตามธรรมชาติ แต่ในการเร่งก็มีข้อเสียเช่นกัน กล่าวคือทำให้ความแข็งแรงสมบูรณ์ของกุ้งจะด้อยลง แม่กุ้งอ่อนแอ เพราะการสะสมแร่ธาตุพลังงานอาหารนั้นไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ในกระบวนการลอกคราบ การนำไคโตซานนั้นกับกุ้งเรดบีใช้ได้แต่ควร ใช้ในปริมาณที่เหมาะสมถูกต้องตามปริมาณและในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ระยะการลอกคราบ
ระยะการลอกคราบของกุ้งเรดบีแบ่งออกได้ 3 ช่วงดังนี้
- ระยะก่อนการลอกคราบ — มีลักษณะคือ บริเวณคอกุ้งเปลือกชิ้นที่สองจะมีรอยการปริแยกออก จากบริเวณคอกุ้งและกุ้งมักจะเก็บตัวแยกสันโดษไม่ยุ่งกับใคร การเคลื่อนไหวจะช้า ไม่สนใจอาหารเท่าที่กุ้งทั่วไปควรจะเป็น ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่กุ้งเริ่มที่จะสะสมพลังงานสารอาหารเพื่อเร่งในการนำไปใช้ในกระบวนการสร้างเปลือกใหม่ทดแทนเปลือกเก่าที่จะถูกสลัดออก ไปช่วงนี้กุ้งจะใช้ออกซิเจนค่อนข้างมากในการนำไปใช้ในกระบวนการนี้
- ช่วงลอกคราบ — ในช่วงนี้กุ้งจะมีพฤติกรรมที่นิ่งเฉย ส่วนปริมาณกลูโคส ไขมัน โปรตีนที่อยู่ในกระแสเลือด ที่กุ้งสะสมไว้จะเพิ่มขึ้น ช่วงนี้กุ้งต้องการใช้ออกซิเจนเพื่อเข้าสู่ร่างกายปริมาณมาก เนื่องจากกุ้งจะต้องใช้พลังงานจำนวนมากไปใช้ในการสลัดคราบเก่าและสร้างคราบใหม่มาทดแทน เมื่อกุ้งลอกคราบเสร็จก็จะถึงช่วงเวลาทองในการผสมพันธุ์ สำหรับกุ้งเพศเมียซึ่งจะมีเวลาแค่ช่วงสั้น ๆ แต่มีความหมาย กุ้งทั้งตู้จะว่ายน้ำวนอย่างไร้ทิศทางเพื่อจุดหมายเดียวคือการปล่อยน้ำเชื้อไป ผสมที่บริเวณหัวของกุ้งเพศเมียที่พึ่งสลัดคราบถ้าการผสมคราวนั้นสำเร็จ กุ้งที่พึ่งลอกคราบนั้นก็จะมีการเคลื่อนย้ายไข่จากบริเวณหัวแม่กุ้งมายังท้องเพื่อรอการฟูมฟักเป็นกุ้งน้อยในเวลา 3–4 สัปดาห์ถัดมา (อุณหภูมิต่ำแม่กุ้งจะฟักไข่นาน แต่กุ้งจะออกมาแข็งแรงถ้าอุณหภูมิสูงแม่กุ้งจะฟักไข่ระยะสั้นกว่า) แต่ถ้าการผสมครั้งนี้ไม่สำเร็จก็จะต้องรอการลอกคราบคราวถัดไปเพราะเปลือกกุ้งเพศเมียเริ่มแข็งไม่เอื้ออำนวยต่อการสืบพันธุ์ ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าขั้นตอนนี้กุ้งจะเสียพลังงานค่อนข้างจะมาก เราจึงมักจะสูญเสียกุ้งกันมากในขั้นตอนการลอกคราบในช่วงขั้นนี้ โดยเฉพาะตัวเมียจะเกิดการสูญเสียมากที่สุดในขั้นตอนนี้ เนื่องด้วยสาเหตุความอ่อนเพลียกระบวนการสะสมสารอาหารที่สั้น ข้อนี้มักเจอะปัญหากับตู้ที่เลี้ยงกุ้งเรดบีในอุณหภูมิที่สูงกว่า 28 องศาเซลเซียส การที่แร่ธาตุในน้ำที่ต่ำไปก็ก่อให้เกิดปัญหาแร่ธาตุไม่เพียงพอต่อการที่กุ้งจะนำไปสะสมในการสร้างเปลือก ทำให้กุ้งลอกคราบไม่สำเร็จและเปลือกไม่แข็งตัวหลังการลอกคราบ หรือการลอกคราบที่สลัดไม่หมดจนติดที่ตัวกุ้งจนสลัดไม่ออก
- ระยะหลังการลอกคราบเสร็จสมบูรณ์ — เปลือกก็จะเริ่มค่อย ๆ แข็งดังเดิม กุ้งจะเริ่มมีการใช้ชีวิตตามปกติเดินคุ้ยหาสิ่งต่าง ๆ เข้าปากตลอดเวลา เจริญอาหารมากขึ้น เพื่อนำสารอาหารแร่ธาตุวิตามินเหล่านั้นไปชดเชยส่วนที่เสียไปในกระบวนการก่อนหน้านี้ และสะสมเพื่อการลอกคราบในคราวต่อไป โดยนำไปสำรองในตับกุ้งซึ่งกุ้ง จะสะสมไปเรื่อย ๆ จนกว่ามันพร้อมก็จะเริ่มต้นกลับไปที่ระยะที่หนึ่งในการลอกคราบอีกหนเป็นเช่นนี้วนเวียนไปจนสิ้นอายุขัย
การเลี้ยงดู
แม้กุ้งเรดบีนั้นจะมีบรรพบุรุษที่มาจากกุ้งบีที่อาศัยอยู่ใน ธรรมชาติก็ตามแต่กุ้งเรดบีนั้นกลับไม่สามารถดำรงชีวิตได้ในธรรมชาติเพราะความอ่อนแอ ที่เกิดจากการการพัฒนาแบบอินบรีดและความไม่คุ้นเคยในธรรมชาติเดิมที่บรรพบุรษมันได้เคยอยู่อาศัย ประกอบกับสีสันที่เด่น ทำให้ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่ในธรรมชาติได้ง่าย ซึ่งกุ้งบีในธรรมชาตินั้นจะมีสีโทนดำน้ำตาลขาวจาง ๆ ซึ่งสามารถ อำพรางกายได้ตามผิวดินต้นไม้ก้อนหิน ซึ่งกุ้งเรดบีนี้ไม่สามารถที่จะปรับตัวได้ ฉะนั้นการเลี้ยงดูมันในตู้ที่มนุษย์จัดสรรให้กุ้งเรดบีจึงค่อนข้างจะจุกจิกค่อนข้างมาก เพราะเป็นกุ้งที่มีความอ่อนแอในตัวมันเองอยู่แล้ว
ชนิด
|
|
อ้างอิง
- บทความกุ้งเรดบี
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-07-12. สืบค้นเมื่อ 2012-08-08.
- การเจริญเติบโตและการขยายพันธุ์ของกุ้งเรดบี
- Charles Fransen (2011). "Caridina H. Milne Edwards, 1837 [in H. Milne Edwards, 1834-1840". World Register of Marine Species. Retrieved December 8, 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ชุมชนกุ้งเรดบี (ไทย)
- ジョヴァイエ・ペット写真館 レッドビーシュリンプ 2014-08-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (ญี่ปุ่น)
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Caridina ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
kungerdbikarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Arthropodaiflmyxy Crustaceachn xndb Decapodaxndbthan wngs skul Caridina 1837chnidmakmay duinenuxha kungerdbi xngkvs Redbee shrimp epnkhrsetechiyninklumkung cdxyuinskul Caridina epnkungaekhraintrakulkungbi epnstwnacud immiinaehlngnathrrmchatithukphthnasayphnthuodymnusy hayicdwyehnguxk latwyaw epluxkaebngepnplxng epluxkthihumthxnhwaelaxkkhlummathunghangnnmi 8 plxng krimilksnaaehlmchiipkhanghna kamaelakhaxyuthiswnhwaelaxk mi 10 kha samarthaebngkhakungerdbixxkepn 2 swn khux khathiichinkaredincamithnghmd 5 khu aetkhakhuaerknnepnkamthiichinkarhyibcbxaharaela swnkhxngkhribwayna camilksnaepnaephnbang sungcakhxyobkexanathimixxksiecnekhasurangkayephuxhayicaelaephuxpraoychninkarphdxxksiecnipichinkarfkikhthixyuitthxng rwmthngthiitkhribwaynannyngichepnthixumikhthithukrbkarptisnthiaelwephuxrxewlainkarfkepnlukkungtwnxyswnehnguxkkhxngkungerdbinnlksnakhlaykhnnkxyuiklbriewnpakepnswnsakhyinkrabwnkarrabbhayicklawkhuxepnthangphankhxngnaephuxihnaihlphanekhachxngehnguxk xupnisyodypktikungerdbichxbhlbsxntwxyuxyangengiyb tamphunnahruxsxkhlubinmummud mkcaxxkhakininewlaklangkhun swninthrrmchatinn kungerdbi kungbi kinthngphuchaelastwepnxahar echn sakphuch sakstw lukplakhnadelkthiphungekidxxnaex iseduxnnaaelakungdwyknexng rwmipthungstwhnadinkhnadelkchnidxun aelasakstwthienaepuxyprawtikungerdbimirakthanedimmacak kungbi Bee Shrimp Normal Bee shrimp Bee Shrimp Caridina serrata kungbiinthrrmchatinnsamarthphbidinaehlngnalatharinpaekha thieynengiybsngbsaxadbriewnaethbpraethscin txnlang cwbcninpraethsewiydnamtxnbnaelainlatharchayekhainekhtpkkhrxngphiesshxngkng lksnathangkayphaphthwipkhxngkungbilatwmilksnasnpxm sithiphbcamisidacang sinatalekhmxmdahruxnaenginaek misikhawthiekuxbis khunslbipma thibriewnplaykrichwnglatwplaykhxhang kungerdbiekidcakkarphthnakhdsrrkungbicakinthrrmchati dwyhlkkar Inbreed ephuxihekidkarphaehla cnekidkungthimilksna ednaeplkprahladkwakungbidngediminthrrmchati klawkhuxmisiaedngcangslbplxngkhawelk thiyngis sungphuthiphthnakungniepnphlsaerckhux Mr Hisayasu Suzuki chawyipunsungxacklawidwathankhuxbidaaehngkungerdbi sungthanichewlainkarphthnathung 6 pi dwysikhxngkungbini misiothnaedng cungepnthimakhxngchux Crystal Red Shrimp CRS aetchuxthiniymklawkhankungtwnikhuxkungerdbi Redbee Shrimp Crystal Red Bee Shrimp Bishurinpu aetkarphthna kungerdbinnyngimhyudaekhnnyngkhng mikarphthnatxenuxngithngineruxngsisnthiekhmkhun aedngepnaedngsdkhawepnkhawthub mikaraeykekrdkungerdbixxkepn xangxinginpraethsyipuncaaebngekrdepn Normal Grade S Grade SS Grade SSS Grade aelayngmikaraebngtam lwdlay iddngni omsura odykrimiaethbkhawbriewnhwaednglatwcrdplayhangmisikhawhruxxacmicudaedngbriewnkhxhang omsurakhraw odymilksnalwdlayehmuxnomsuraaetsingthiaetktangkhux camicudthibriewnklanghwdanbn sungcamithngcudaednghruxcudkhaw ehmuxnkungnnmimngkutxyubnhw omsuraflawewxr odymilksnalwdlayehmuxnomsuraaetsingthiaetktangkhuxbriewnkhangaekmkungcamilwdlayesnthibriewnkhangaekmkung khlayklibdxkim hionmaru odykrimiaethbkhawbriewnhwaednglatwcrdplayhangmisikhawhruxxacmicudaedngbriewnkhxhang aetcudednkhuxcami cudthiklanghlngduael khlaykbthngchatiyipunemuxmxngmumehnuxphiwna wi odykrimiaethbkhawbriewnhwaednglatwcrdplayhangmisikhawhruxxacmicudaedngbriewnkhxhang aetcudednkhuxcamiaethb siaedngphadlngmathngdansayaelakhwakhxnglatwkhlay xksr V ithekxr odykrimiaethbkhawbriewnhwaednglatwcrdplayhangmisikhawhruxxacmicudaedngbriewnkhxhang aetcudednkhuxcami aethbsiaedngthiphadlngthngdansaykhwakhxngkung aeldukhlayekhiywesux 2 ekhiyw karphthnakungerdbinnyngimhyudxyuephiyngethani yngkhngthyxymikungerdbithiaetkaeykyxy matlxd xathi echn kungaeblkhbi thukprakarmilksnalwdlayaelaekrd ehmuxnerdbithukprakaraetaetktangthimisidaekhmaethnthisiaedng aelatangcakkungbidngedimkhux khwamekhmkhxng sidaaelakhawaelakartdsikhxngepluxkkungthiednchdecnkwa kungsonw misikhawhruxkhawxmehluxngtlxdtw aelathuxepnkuyaecsakhy inkarphthnaineruxnglwdlaykhxngkungihmilukelnthimakkhunaelasngangam omsuraflawewxr omsurakhraw karecriyetibotkarlxkkhrab pccy wdckrkarlxkkhrabkhxngkungerdbinn mipccytang thiekhamaekiywkhxngmakmay xathiechn xayukung kungcamikarlxkkhrabbxykhrngemuxxayunxy chwngthicalxkthimakthisudaethbcathukwnkhuxinchwngeduxnaerk sungepnchwngthiwdknwacarxdmaknxy thdmaineduxnthi 2 3 kcaepnchwngkhxngkarphthnaindanokhrngsrangaelasisn chwngnikungerdbicalxkkhrabchalng chwngwncakrachbkhunaetphthnakarkaretibotkyngkhngedintx chwngeduxnnierakcaphxehnaewwkungaelwwacamiaenwonmipdanswykhunehmuxnphxaemhruxdxylngaelaerimmxngxxkwaepnephsxair phxkungerimkawyangekhaeduxnthi 4 khunip khwamthiinkarlxkkhrabkcaerimnxylngxyuthiwngrxb praman 3 4 spdahtxkhrng 3 5 wnsarxaharthicaepn miswninkarlxkkhrabenuxngcakkungerdbinncatxngsrangepluxk sungepluxkthisrangkmithimacakkarsasmcakaerthatuthimixyuinnaaelainxahartlxdcnthungwitaminthilalayxyuinnadwyinkarnamasasmkhunphaphnaaelaxunhphumiaelaikhotsan nathimiaerthatukhrbsmburnkepnxikhnungpccythiexuxtxkrabwnkarsasm aerthatuswnnathimikhunphaphdisaxadksngphltxphvtikrrmkhwamraeringinkardarngchiwitpracawnkhxngkunginkarkinxahar ephuxsasmphlngnganaelasarxaharephuxipichinkarlxkkhrab xunhphumiekiywkhxngxyangirkbkrabwnkarlxkkhrabthitxngekiyw ephraaxunhphumithitathaihkungmiphvtikrrmkarkinxaharthinxylng xunhphumisungthaihkungkinxaharidmakkhun sungcasngektidwakungthixyuintuthimixunphumisungcakinekngotiwaelalxkkhrabidiwmakkwa aetkrannsisncasukungthixyuintuthimixunphumitakwaimidely swnkmikarnamaichkbkrabwnkarlxkkhrab ephraaikhotsanepnsartngtninkarsrangenuxeyuxaelaepluxk chwykratunihkungmikarlxkkhrabiddiaelaiwkhun thaihkungekidkarphsmphnthuidiwkwapktikwathikhwrcaepniptamthrrmchati aetinkarerngkmikhxesiyechnkn klawkhuxthaihkhwamaekhngaerngsmburnkhxngkungcadxylng aemkungxxnaex ephraakarsasmaerthatuphlngnganxaharnnimephiyngphxtxkarnaipichinkrabwnkarlxkkhrab karnaikhotsannnkbkungerdbiichidaetkhwr ichinprimanthiehmaasmthuktxngtamprimanaelainchwngewlathiehmaasmrayakarlxkkhrab rayakarlxkkhrabkhxngkungerdbiaebngxxkid 3 chwngdngni rayakxnkarlxkkhrab milksnakhux briewnkhxkungepluxkchinthisxngcamirxykarpriaeykxxk cakbriewnkhxkungaelakungmkcaekbtwaeyksnodsimyungkbikhr karekhluxnihwcacha imsnicxaharethathikungthwipkhwrcaepn chwngnicaepnchwngthikungerimthicasasmphlngngansarxaharephuxernginkarnaipichinkrabwnkarsrangepluxkihmthdaethnepluxkekathicathuksldxxk ipchwngnikungcaichxxksiecnkhxnkhangmakinkarnaipichinkrabwnkarni chwnglxkkhrab inchwngnikungcamiphvtikrrmthiningechy swnprimankluokhs ikhmn oprtinthixyuinkraaeseluxd thikungsasmiwcaephimkhun chwngnikungtxngkarichxxksiecnephuxekhasurangkayprimanmak enuxngcakkungcatxngichphlngngancanwnmakipichinkarsldkhrabekaaelasrangkhrabihmmathdaethn emuxkunglxkkhrabesrckcathungchwngewlathxnginkarphsmphnthu sahrbkungephsemiysungcamiewlaaekhchwngsn aetmikhwamhmay kungthngtucawaynawnxyangirthisthangephuxcudhmayediywkhuxkarplxynaechuxip phsmthibriewnhwkhxngkungephsemiythiphungsldkhrabthakarphsmkhrawnnsaerc kungthiphunglxkkhrabnnkcamikarekhluxnyayikhcakbriewnhwaemkungmayngthxngephuxrxkarfumfkepnkungnxyinewla 3 4 spdahthdma xunhphumitaaemkungcafkikhnan aetkungcaxxkmaaekhngaerngthaxunhphumisungaemkungcafkikhrayasnkwa aetthakarphsmkhrngniimsaerckcatxngrxkarlxkkhrabkhrawthdipephraaepluxkkungephsemiyerimaekhngimexuxxanwytxkarsubphnthu dwyehtunicaehnidwakhntxnnikungcaesiyphlngngankhxnkhangcamak eracungmkcasuyesiykungknmakinkhntxnkarlxkkhrabinchwngkhnni odyechphaatwemiycaekidkarsuyesiymakthisudinkhntxnni enuxngdwysaehtukhwamxxnephliykrabwnkarsasmsarxaharthisn khxnimkecxapyhakbtuthieliyngkungerdbiinxunhphumithisungkwa 28 xngsaeslesiys karthiaerthatuinnathitaipkkxihekidpyhaaerthatuimephiyngphxtxkarthikungcanaipsasminkarsrangepluxk thaihkunglxkkhrabimsaercaelaepluxkimaekhngtwhlngkarlxkkhrab hruxkarlxkkhrabthisldimhmdcntidthitwkungcnsldimxxk rayahlngkarlxkkhrabesrcsmburn epluxkkcaerimkhxy aekhngdngedim kungcaerimmikarichchiwittampktiedinkhuyhasingtang ekhapaktlxdewla ecriyxaharmakkhun ephuxnasarxaharaerthatuwitaminehlannipchdechyswnthiesiyipinkrabwnkarkxnhnani aelasasmephuxkarlxkkhrabinkhrawtxip odynaipsarxngintbkungsungkung casasmiperuxy cnkwamnphrxmkcaerimtnklbipthirayathihnunginkarlxkkhrabxikhnepnechnniwnewiynipcnsinxayukhykareliyngduwikitara kungerdbimihnainhwkhx khumuxkareliyng aemkungerdbinncamibrrphburusthimacakkungbithixasyxyuin thrrmchatiktamaetkungerdbinnklbimsamarthdarngchiwitidinthrrmchatiephraakhwamxxnaex thiekidcakkarkarphthnaaebbxinbridaelakhwamimkhunekhyinthrrmchatiedimthibrrphbursmnidekhyxyuxasy prakxbkbsisnthiedn thaihtkepnehyuxkhxngstwihyinthrrmchatiidngay sungkungbiinthrrmchatinncamisiothndanatalkhawcang sungsamarth xaphrangkayidtamphiwdintnimkxnhin sungkungerdbiniimsamarththicaprbtwid channkareliyngdumnintuthimnusycdsrrihkungerdbicungkhxnkhangcacukcikkhxnkhangmak ephraaepnkungthimikhwamxxnaexintwmnexngxyuaelwchnidGuo Jiang amp Zhang 1992 Liang Chen amp W X Li 2005 Schenkel 1902 Kingsley 1883 J Li amp S Li 2010 Bouvier 1919 Richard amp Clark 2009 Liang amp Yan 1977 Bouvier 1905 Guo amp Liang 2003 Cai Choy amp Ng 2009 Kemp 1918 Cai amp N K Ng 1999 Jalihal amp Shenoy 1998 Roux 1911 Ng 1995 Liang amp Yan 1983 Guo He amp Bai 1992 Cai Choy amp Ng 2009 Richard amp Clark 2009 Cai Choy amp Ng 2009 De Man 1908 N K Ng amp Cai 2000 De Man 1892 Liang amp Yan 1986 Choy 1992 Roux 1934 Karge von Rintelen amp Klotz 2010 Cai amp Shokita 2006 Richard amp Clark 2005 Cai amp Ng 2000 von Rintelen amp Cai 2009 Bouvier 1919 Cai Choy amp Ng 2009 Yu 1938 S Q Li amp Liang 2002 Roux 1931 Liu amp Liang in Liang 2004 Liang Chen amp W X Li 2005 Liang amp Zhou 1993 Cai amp Shokita 2006 De Man 1892 Blanco 1939 Chopra amp Tiwari 1949 Cai amp Yuan 1996 Guo amp Liang 2003 Cai X Q Nguyen amp Ng 1999 De Man 1915 Choy amp Marshall 1997 Richard amp Clark 2009 Liang amp Yan 1986 de Silva 1982 Liang 1993 Gurney 1984 Đăng 1980 Liang amp Cai 2000 Roux 1911 Cai amp Li 1997 von Rintelen amp Cai 2009 N K Ng amp Cai 2000 Choy 1991 Liang amp Yan 1985 Cai amp Liang 1999 Liang Yan amp Wang 1984 Richard amp Clark 2009 Bouvier 1904 Karge von Rintelen amp Klotz 2010 Cai amp Yuan 1996 Liang amp Yan 1977 De Man 1892 Schenkel 1902 Richard amp Clark 2009 Kemp 1913 Johnson 1961 Hung Chan amp Yu 1993 Roux 1911 Cai amp Liang 1999 Arudpragasam amp Costa 1962 Choy 1983 Đăng 1975 Hung Chan amp Yu 1993 Heller 1862 Roux 1927 Richard amp Clark 2009 von Rintelen amp Cai 2009 Liang Guo amp Gao 1993 Richard amp Clark 2005 Cai amp Anker 2004 De Man 1892 De Man 1892 Lanchester 1901 Stimpson 1860 Liang amp Zhou 1993 Marquet Keith amp Kalfatak 2009 Liang 2002 Jalihal Shenoy amp Sankolli 1984 Liang amp Yan 1983 Tan 1990 Bouvier 1906 Kemp 1913 von Rintelen amp Cai 2009 Cai amp Yuan 1996 Nobili 1905 Liang 2004 Liang amp S Q Li 1993 Liang Guo amp Gao 1993 Holthuis 1970 Mariappan amp Richard 2006 Cai 2010 Liang amp Zheng 1985 Cai Ng amp Choy 2007 Richard amp Clark 2010 Jalihal Shenoy amp Sankolli 1984 Hilgendorf 1898 Z Z Wang amp Liang 2001 Richard amp Chandran 1994 Heller 1862 Holthuis 1965 Yu 1936 Woltereck 1937 Holthuis 1980 Blanco 1939 Cai amp Ng 2009 Stimpson 1860 Blanco 1939 Jiang Guo amp Zhang 2002 Cai Choy amp Ng 2009 Liang Guo amp Gao 1993 Roux 1904 Richard amp Clark 2009 Woltereck 1937 Richard amp Clark 2010 Liang amp Yan 1986 Cai Choy amp Ng 2009 Woltereck 1937 Liang amp Yan 1985 Guo amp Wang 2005 Roux 1926 Cai amp Wowor 2007 Cai amp Ng 2007 H Milne Edwards 1837 Roth Woltereck 1955 Cai amp Duan 1998 Richard amp Clark 2010 Cai amp Shokita 2006 Kemp 1918 L Wang Liang amp F Li 2008 Cai Wowor amp Choy 2009 Richard amp Clark 2009 Cai Ng amp Choy 2007 Woltereck 1937 Silas amp Jayachandran 2010 Bouvier 1912 Roux 1926 Cai amp Yuan 1996 Liang 1993 Guo amp Suzuki 1996 Cai amp Dai 1999 L Wang Liang amp F Li 2008 Roux 1911 Richard amp Clark 2009 Cai amp Shokita 2006 Cai amp Anker 2004 Liang 2002 Nobili 1900 Roth Woltereck 1984 Liang Yan amp Z Z Wang 1987 Stimpson 1860 Cai amp N K Ng 1999 Bouvier 1925 Tiwari amp R S Pillai 1968 Cai amp Ng 2007 S Q Li amp Liang 2002 Roux 1833 Holthuis 1965 Roux 1926 Choy 1984 Richard amp Clark 2009 Cai amp Shokita 2006 Liang Guo amp Tang 1999 Roux 1904 Cai amp Shokita 2006 Jalihal Shenoy amp Sankolli 1984 Nobili 1905 Cai amp Yuan 1996 De Man 1892 Roux 1904 De Man 1892 Gurney 1984 von Rintelen amp Cai 2009 Wang amp Liang 2005 L Q Wang amp Liang 2005 Guo amp Choy 1994 Kemp 1918 Roux 1929 Yu 1938 Yu 1938 Liang 2004 Tiwari amp R S Pillai 1971 Roux 1931 von Rintelen amp Cai 2009 De Man 1908 Hung Chan amp Yu 1993 Richard amp Clark 2005 Đăng amp Dỗ 2007 Guo amp He 2007 Bouvier 1918 Cai amp Ng 2000 Edmondson 1935 Thallwitz 1892 Bouvier 1925 De Man 1915 Fujino amp Shokita 1975 Đăng amp Dỗ 2007 Cai amp Anker 2004 Schenkel 1902 von Rintelen amp Cai 2009 Guo Choy amp Gui 1996 Stimpson 1860 De Man 1892 Jalihal amp Sankolli in Jalihal Shenoy amp Sankolli 1984 Liang amp Cai 2000 Bouvier 1904 Bouvier 1904 Richard amp Clark 2009 Guo amp De Grave 1997 Liang 2004 Richters 1880 Choy 1996 Liang amp Zhou 1993 Guo amp De Grave 1997 Woltereck 1937 Liang Hong amp Yang 1990 Liang Guo amp Tang 1999 Choy amp Marshall 1997 Zitzler amp Cai 2006 Cai 2005 von Rintelen amp Cai 2009 Richard amp Clark 2005 Cai amp Ng 2009 Cai amp Yuan 1996 De Man 1892 Holthuis 1978 Richard amp Clark 2009 Choy amp Ng 1991 Woltereck 1937 Johnson 1961 Riek 1953 von Rintelen Karge amp Klotz 2008 De Man 1893 Hilgendorf 1893 Bouvier 1919 Yam amp Cai 2003 Holthuis 1978 Holthuis 1965 L Wang Liang amp F Li 2008 H Milne Edwards 1837 Đăng amp Dỗ 2007 Richard amp Clark 2009 Gurney 1984 Cai Choy amp Ng 2009 L Wang Liang amp F Li 2008 Đăng amp Dỗ 2007 Blanco 1939 Borradaile 1899 De Man 1892 Cai amp Ng 2000 Cai Wowor amp Choy 2009 Cai amp N K Ng 1999 Hickson 1888 X Y Liu Guo amp Yu 2006 Bouvier 1925 Cai amp Liang 1999 Cai amp N K Ng 1999 Yu 1938 Short 1993 Arudpragasam amp Costa 1962 Liang amp Zheng 1985 Liang 2004xangxingbthkhwamkungerdbi khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2012 07 12 subkhnemux 2012 08 08 karecriyetibotaelakarkhyayphnthukhxngkungerdbi Charles Fransen 2011 Caridina H Milne Edwards 1837 in H Milne Edwards 1834 1840 World Register of Marine Species Retrieved December 8 2011 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Caridinaaehlngkhxmulxunchumchnkungerdbi ithy ジョヴァイエ ペット写真館 レッドビーシュリンプ 2014 08 06 thi ewyaebkaemchchin yipun khxmulthiekiywkhxngkb Caridina thiwikispichis