แฮ็นดริก โยฮันเนิส ไกรฟฟ์ (ดัตช์: Hendrik Johannes Cruijff; 25 เมษายน พ.ศ. 2490 – 24 มีนาคม พ.ศ. 2559) เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ผู้ได้ชื่อว่าเป็นตำนานแห่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เจ้าของฉายา "นักเตะเทวดา" หรือ "ผู้สง่างาม" (De Majestueuze) ในภาษาดัตช์
โยฮัน ไกรฟฟ์ ในปี ค.ศ. 2013 | |||
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | แฮ็นดริก โยฮันเนิส ไกรฟฟ์ | ||
วันเกิด | 25 เมษายน ค.ศ. 1947 | ||
สถานที่เกิด | อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์ | ||
วันเสียชีวิต | 24 มีนาคม ค.ศ. 2016 | (68 ปี)||
สถานที่เสียชีวิต | บาร์เซโลนา, สเปน | ||
ส่วนสูง | 1.80 m (5 ft 11 in) | ||
ตำแหน่ง | กองกลางตัวรุก / กองหน้า | ||
สโมสรเยาวชน | |||
1957–1964 | อายักซ์ | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
1964–1973 | อายักซ์ | 240 | (190) |
1973–1978 | บาร์เซโลนา | 143 | (48) |
1979–1980 | 27 | (14) | |
1980–1981 | 32 | (12) | |
1981 | เลบันเต | 10 | (2) |
1981–1983 | อายักซ์ | 36 | (14) |
1983–1984 | ไฟเยอโนร์ด | 33 | (11) |
รวม | 520 | (291) | |
ทีมชาติ | |||
1966–1977 | เนเธอร์แลนด์ | 48 | (33) |
จัดการทีม | |||
1985–1988 | อายักซ์ | ||
1988–1996 | บาร์เซโลนา | ||
2009–2013 | กาตาลุญญา | ||
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น |
ประวัติ
โยฮัน ไกรฟฟ์ มีชื่อเต็มว่า แฮ็นดริก โยฮันเนิส ไกรฟฟ์ (Hendrik Johannes Cruijff) เกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 1947 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในครอบครัวฐานะปานกลาง ไกรฟฟ์เริ่มเล่นฟุตบอลข้างถนนในวัยเยาว์เหมือนเด็กคนอื่น ๆ ทั่วไป จากนั้นได้มีแมวมองจากสโมสรอาเอฟเซ อายักซ์ เข้ามาเห็นแวว ในที่สุดไกรฟฟ์ก็ทำสัญญาเข้าร่วมทีมเยาวชนของอายักซ์ สโมสรฟุตบอลใหญ่ของเนเธอร์แลนด์
ไกรฟฟ์ได้ขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้น โดยยิงได้เพียงแค่ลูกเดียวตลอดฤดูกาลนั้น แต่ในฤดูกาลถัดมา ไกรฟฟ์ก็ได้ขึ้นมาเล่นเป็นตัวจริงของอายักซ์อย่างเต็มตัว ก่อนที่จะแสดงความสามารถพาอายักซ์คว้าแชมป์เอเรอดีวีซีได้แบบไร้คู่ต่อกร โดยไกรฟฟ์ยิงไปทั้งสิ้น 25 ประตู จากการลงเล่น 23 นัด คว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของเนเธอร์แลนด์ได้อีกหนึ่งรางวัลด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี
หลังจากนั้น ไกรฟฟ์ก็กลายมาเป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ทันที และถูกเรียกตัวติดทีมชาติ แต่ว่าช่วงเวลาในทีมชาติช่วงแรกของไกรฟฟ์นั้นไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าใดนัก โดยเพียงแค่ในเกมที่สองในนามทีมชาติ ในนัดที่พบกับเชโกสโลวาเกีย ไกรฟฟ์โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม และยังถูกราชสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ห้ามลงแข่งไปหนึ่งปีอีกต่างหากจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำให้ไกรฟฟ์ตั้งตัวเป็นศัตรูสมาคมทันที ทั้งที่มีอายุเพียงแค่ 19 ปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกอยู่เหมือนกันที่นักฟุตบอลวัยเยาว์เช่นนี้กล้าเป็นศัตรูกับสมาคมฟุตบอลของประเทศ
แม้ว่าจะมีปัญหาระหองระแหงกับสมาคมฟุตบอลของประเทศ แต่ว่ากับระดับทีมอายักซ์ ไกรฟฟ์ก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ดี ตำแหน่งแชมป์ลีกในประเทศมักจะได้มาเป็นประจำ จนทำให้แฟนฟุตบอลของอายักซ์ เริ่มมองถึงเป้าหมายการเป็นแชมป์ยุโรปแล้ว
ในปี ค.ศ. 1969 ไกรฟฟ์พาอายักซ์ทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับเอ.ซี. มิลาน แห่งอิตาลี แต่ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นมิลานที่ได้แชมป์ไปครองในที่สุด
แต่ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของไกรฟฟ์ ทำให้มีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลให้เรียกตัวเขากลับมาเล่นให้กับทีมชาติอีกครั้ง และในที่สุดไกรฟฟ์ก็ได้รับโอกาสให้ติดทีมชาติอีกครั้ง
เมื่อได้โอกาส ไกรฟฟ์ก็สามารถยกระดับการเล่นของเนเธอร์แลนด์จากที่เคยเป็นแค่ทีมระดับไม้ประดับของยุโรปกลายมาเป็นทีมระดับแถวหน้าของทวีป ส่วนผลงานกับทีมอายักซ์ ไกรฟฟ์ก็สามารถพาอายักซ์ชนะเลิศยูโรเปียนคัพซึ่งเป็นความปรารถนาของแฟนฟุตบอลได้สำเร็จ หลังจากที่ได้เพื่อนร่วมทีมระดับคุณภาพอย่างโยฮัน เนสเกินส์ และ ในรูปแบบการเล่นที่เรียกว่า "" (Total Football) อันเลื่องลือ ภายใต้การทำทีมของผู้จัดการอย่าง เจ้าของฉายา "ท่านนายพล" ซึ่งก็ทำให้อายักซ์กลายเป็นยอดทีมฟุตบอลทีมหนึ่งของยุโรป ก่อนที่จะชนะจากกรีซได้แชมป์ยูโรเปียนคัพเมื่อปี ค.ศ. 1971 ได้สำเร็จในที่สุด
นอกจากนี้แล้วการคว้าแชมป์ดังกล่าว ทำให้ไกรฟฟ์ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปหรือบาลงดอร์ (Ballon d'Or) ไปครองอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย นับเป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์รายแรกที่ได้สัมผัสกับรางวัลนี้ หลังจากนั้นเขาก็พาอายักซ์คว้าแชมป์ยุโรปได้อีกสองสมัยซ้อน ซึ่งเป็นทีมแรกนับจากเรอัลมาดริดที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สามปีติดต่อกัน
จากความสำเร็จดังนี้ ไกรฟฟ์ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนาแห่งสเปน ที่มีรีนึส มีเคิลส์ ผู้จัดการทีมคู่บารมีของเขาคุมทีมอยู่ โดยพาเอาโยฮัน เนสเกินส์ คู่หูตลอดกาลของเขามาด้วย และไกรฟฟ์ก็ไม่ทำให้แฟนของบาร์เซโลนาผิดหวัง เมื่อเขาพาทีมล้มเรอัลมาดริดและคว้าแชมป์ลาลิกาประจำปี ค.ศ. 1974 ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะนัดที่อยู่ในความทรงจำ คือนัดที่ไกรฟฟ์และนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ของบาร์เซโลนาสามารถบุกไปเอาชนะเรอัลมาดริด คู่ปรับตลอดกาล ถึงถิ่นด้วยประตูถล่มทลายถึง 5-0 ด้วยกัน
ในฟุตบอลโลก
จากนั้นเป้าหมายของไกรฟฟ์ก็คือ การพาเนเธอร์แลนด์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก ซึ่งเนเธอร์แลนด์ (นำโดยรีนึส มีเคิลส์, โยฮัน ไกรฟฟ์ และบรรดานักฟุตบอลของอาเอฟเซ อายักซ์) เป็นเต็งหนึ่งของการแข่งขันครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และก็มีทีท่าว่าจะเป็นได้จริงเมื่อเนเธอร์แลนด์เอาชนะได้ทั้งบราซิลแชมป์เก่าเมื่อคราวที่แล้ว และอาร์เจนตินา เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพเยอรมนีตะวันตกได้สำเร็จ ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นเยอรมนีตะวันตกที่ได้แชมป์ไปครองในที่สุด เมื่อสามารถพลิกเอาชนะไปได้ 2-1 จากการทำประตูของ และแกร์ท มึลเลอร์ ทั้งที่เนเธอร์แลนด์เป็นฝ่ายทำประตูนำไปก่อนด้วยจากลูกยิงของโยฮัน เนสเกินส์
ต่อมาไกรฟฟ์ก็ยังคงเล่นให้กับทีมชาติในรอบคัดเลือก แต่ว่าเขากลับตัดสินใจที่จะไม่ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่อาร์เจนตินา โดยให้เหตุผลว่า รับไม่ได้กับความเป็นเผด็จการของประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งในครั้งนั้นเนเธอร์แลนด์ก็เป็นคู่ชิงชนะเลิศกับอาร์เจนตินาเจ้าภาพ และก็เป็นฝ่ายแพ้ไปอีกเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน
บั้นปลายชีวิตนักฟุตบอล
หลังจากนั้นไกรฟฟ์ก็ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติแบบถาวร ก่อนที่จะย้ายไปเล่นที่สหรัฐอเมริกากับ ซึ่งในช่วงนั้นฟุตบอลลีกของสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากมีนักฟุตบอลระดับโลกหลายรายไม่ว่าจะเป็นฟรันซ์ เบคเคนเบาเออร์ หรือเปเล่ เล่นอยู่ แต่ทว่าไกรฟฟ์ก็อยู่กับลีกนี้ได้ไม่นาน โดยในปี ค.ศ. 1981 เขากลับมาเล่นในสเปนอีกครั้งกับเลบันเต
และในปีถัดไกรฟฟ์ก็กลับมาเล่นให้กับทีมที่เขาเริ่มต้นอย่างอายักซ์ ซึ่งแม้ว่าวัยของเขาจะล่วงเลยมาถึง 34 ปี และเรี่ยวแรงจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม แต่ว่าด้วยสไตล์การเล่นที่ปราดเปรียว ทำให้ไกรฟฟ์สามารถลงเล่นกับนักฟุตบอลรุ่นน้องได้อย่างสบาย ๆ เขานำทีมอายักซ์คว้าแชมป์ลีกได้อีกสองสมัย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีมไฟเยอโนร์ดคู่ปรับร่วมลีก และเขาก็ตอกย้ำความเป็นผู้ชนะด้วยการคว้าแชมป์ลีกกับไฟเยอโนร์ดได้อีกต่างหาก ก่อนที่จะประกาศแขวนสตั๊ดไปในวัย 36 ปี
หลังแขวนสตั๊ดและเสียชีวิต
หลังแขวนสตั๊ด ไกรฟฟ์ก็หันไปเป็นผู้จัดการทีม โดยเป็นผู้จัดการทีมอาเอฟเซ อายักซ์, บาร์เซโลนา และ
ชีวิตส่วนตัว โยฮัน ไกรฟฟ์ แต่งงานกับแดนนี คอสเตอร์ ในปลายปี ค.ศ. 1968 มีลูก ๆ ด้วยกันทั้งหมด 3 คน โดยลูกชายคนสุดท้อง คือ เคยเป็นผู้เล่นตำแหน่งกองกลางตัวรุกของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแห่งอังกฤษอยู่ช่วงหนึ่งด้วย
ไกรฟฟ์เสียชีวิตในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559 ด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 68 ปี ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
อ้างอิง
- ราชันไร้มงกุฎ : โยฮัน ไกรฟฟ์
- "Johan Cruyff -International Hall of Fame". ifhof.com. สืบค้นเมื่อ 9 April 2007.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-16. สืบค้นเมื่อ 2018-10-10.
- "Netherlands great Johan Cruyff dies of cancer aged 68". BBC News. 24 March 2016.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
aehndrik oyhnenis ikrff dtch Hendrik Johannes Cruijff 25 emsayn ph s 2490 24 minakhm ph s 2559 epnxditnkfutbxlthimchatienethxraelndphuidchuxwaepntananaehngthimchatienethxraelnd ecakhxngchaya nketaethwda hrux phusngangam De Majestueuze inphasadtchoyhn ikrffoyhn ikrff inpi kh s 2013khxmulswntwchuxetmaehndrik oyhnenis ikrffwnekid25 emsayn kh s 1947 1947 04 25 sthanthiekidxmsetxrdm enethxraelndwnesiychiwit24 minakhm kh s 2016 2016 03 24 68 pi sthanthiesiychiwitbaresolna sepnswnsung1 80 m 5 ft 11 in taaehnngkxngklangtwruk kxnghnasomsreyawchn1957 1964xaykssomsrxachiph pithimlngeln pratu 1964 1973xayks240 190 1973 1978baresolna143 48 1979 198027 14 1980 198132 12 1981elbnet10 2 1981 1983xayks36 14 1983 1984ifeyxonrd33 11 rwm520 291 thimchati1966 1977enethxraelnd48 33 cdkarthim1985 1988xayks1988 1996baresolna2009 2013kataluyya ndthilngelnaelapratuthiyingihaeksomsrechphaalikinpraethsethannprawtioyhn ikrff michuxetmwa aehndrik oyhnenis ikrff Hendrik Johannes Cruijff ekidemuxwnthi 25 emsayn kh s 1947 thikrungxmsetxrdm praethsenethxraelnd inkhrxbkhrwthanapanklang ikrfferimelnfutbxlkhangthnninwyeyawehmuxnedkkhnxun thwip caknnidmiaemwmxngcaksomsrxaexfes xayks ekhamaehnaeww inthisudikrffkthasyyaekharwmthimeyawchnkhxngxayks somsrfutbxlihykhxngenethxraelnd ikrffidkhunmaelnihkbthimchudiydwywyephiyngaekh 17 piethann odyyingidephiyngaekhlukediywtlxdvdukalnn aetinvdukalthdma ikrffkidkhunmaelnepntwcringkhxngxayksxyangetmtw kxnthicaaesdngkhwamsamarthphaxaykskhwaaechmpexerxdiwisiidaebbirkhutxkr odyikrffyingipthngsin 25 pratu cakkarlngeln 23 nd khwataaehnngnketayxdeyiymkhxngenethxraelndidxikhnungrangwldwywyephiyngaekh 18 pi hlngcaknn ikrffkklaymaepnnkfutbxlxndbhnungkhxngwngkarfutbxlenethxraelndthnthi aelathukeriyktwtidthimchati aetwachwngewlainthimchatichwngaerkkhxngikrffnnimkhxyprasbkhwamsaercethaidnk odyephiyngaekhinekmthisxnginnamthimchati inndthiphbkbechoksolwaekiy ikrffodnibaedngilxxkcaksnam aelayngthukrachsmakhmfutbxlenethxraelndhamlngaekhngiphnungpixiktanghakcakphvtikrrmimehmaasm thaihikrfftngtwepnstrusmakhmthnthi thngthimixayuephiyngaekh 19 pi sungthuxwaepneruxngthiaeplkxyuehmuxnknthinkfutbxlwyeyawechnniklaepnstrukbsmakhmfutbxlkhxngpraeths aemwacamipyharahxngraaehngkbsmakhmfutbxlkhxngpraeths aetwakbradbthimxayks ikrffkyngkhngochwfxrmidxyangyxdeyiymxyudi taaehnngaechmplikinpraethsmkcaidmaepnpraca cnthaihaefnfutbxlkhxngxayks erimmxngthungepahmaykarepnaechmpyuorpaelw inpi kh s 1969 ikrffphaxayksthaluekhaipchingchnaeliskbex si milan aehngxitali aetthwathaythisudklbepnmilanthiidaechmpipkhrxnginthisud aetdwyfxrmkarelnthirxnaerngkhxngikrff thaihmiesiyngeriykrxngcakaefnbxliheriyktwekhaklbmaelnihkbthimchatixikkhrng aelainthisudikrffkidrboxkasihtidthimchatixikkhrng emuxidoxkas ikrffksamarthykradbkarelnkhxngenethxraelndcakthiekhyepnaekhthimradbimpradbkhxngyuorpklaymaepnthimradbaethwhnakhxngthwip swnphlngankbthimxayks ikrffksamarthphaxaykschnaelisyuorepiynkhphsungepnkhwamprarthnakhxngaefnfutbxlidsaerc hlngcakthiidephuxnrwmthimradbkhunphaphxyangoyhn ensekins aela inrupaebbkarelnthieriykwa Total Football xneluxnglux phayitkarthathimkhxngphucdkarxyang ecakhxngchaya thannayphl sungkthaihxayksklayepnyxdthimfutbxlthimhnungkhxngyuorp kxnthicachnacakkrisidaechmpyuorepiynkhphemuxpi kh s 1971 idsaercinthisud nxkcakniaelwkarkhwaaechmpdngklaw thaihikrffidrbrangwlnkfutbxlyxdeyiymaehngpikhxngthwipyuorphruxbalngdxr Ballon d Or ipkhrxngxikhnungtaaehnngdwy nbepnnkfutbxlchawdtchrayaerkthiidsmphskbrangwlni hlngcaknnekhakphaxaykskhwaaechmpyuorpidxiksxngsmysxn sungepnthimaerknbcakerxlmadridthikhwaaechmpraykarniidsampitidtxkn cakkhwamsaercdngni ikrfftdsinicyayiprwmthimbaresolnaaehngsepn thimirinus miekhils phucdkarthimkhubarmikhxngekhakhumthimxyu odyphaexaoyhn ensekins khuhutlxdkalkhxngekhamadwy aelaikrffkimthaihaefnkhxngbaresolnaphidhwng emuxekhaphathimlmerxlmadridaelakhwaaechmplalikapracapi kh s 1974 idxyangyingihy odyechphaandthixyuinkhwamthrngca khuxndthiikrffaelankfutbxlkhnxun khxngbaresolnasamarthbukipexachnaerxlmadrid khuprbtlxdkal thungthindwypratuthlmthlaythung 5 0 dwykninfutbxlolkoyhn ikrff kbenethxraelnd inpi kh s 1974 caknnepahmaykhxngikrffkkhux karphaenethxraelndkhwaaechmpfutbxlolkinfutbxlolk pi kh s 1974 thieyxrmnitawntk sungenethxraelnd naodyrinus miekhils oyhn ikrff aelabrrdankfutbxlkhxngxaexfes xayks epnetnghnungkhxngkaraekhngkhnkhrngnixyangimtxngsngsy aelakmithithawacaepnidcringemuxenethxraelndexachnaidthngbrasilaechmpekaemuxkhrawthiaelw aelaxarecntina ekhasurxbchingchnaeliskbecaphapheyxrmnitawntkidsaerc thwathaythisudklbepneyxrmnitawntkthiidaechmpipkhrxnginthisud emuxsamarthphlikexachnaipid 2 1 cakkarthapratukhxng aelaaekrth mulelxr thngthienethxraelndepnfaythapratunaipkxndwycaklukyingkhxngoyhn ensekins txmaikrffkyngkhngelnihkbthimchatiinrxbkhdeluxk aetwaekhaklbtdsinicthicaimipelnfutbxlolkrxbsudthaythixarecntina odyihehtuphlwa rbimidkbkhwamepnephdckarkhxngpraethsxarecntina sunginkhrngnnenethxraelndkepnkhuchingchnaeliskbxarecntinaecaphaph aelakepnfayaephipxikehmuxnemux 4 pikxnbnplaychiwitnkfutbxloyhn ikrff inpi kh s 2005 hlngcaknnikrffkprakaselikelnihkbthimchatiaebbthawr kxnthicayayipelnthishrthxemrikakb sunginchwngnnfutbxllikkhxngshrthxemrikakalngxyuinchwngthiidrbkhwamniymsungsud enuxngcakminkfutbxlradbolkhlayrayimwacaepnfrns ebkhekhnebaexxr hruxepel elnxyu aetthwaikrffkxyukblikniidimnan odyinpi kh s 1981 ekhaklbmaelninsepnxikkhrngkbelbnet aelainpithdikrffkklbmaelnihkbthimthiekhaerimtnxyangxayks sungaemwawykhxngekhacalwngelymathung 34 pi aelaeriywaerngcaimehmuxnedimaelwktam aetwadwysitlkarelnthipradepriyw thaihikrffsamarthlngelnkbnkfutbxlrunnxngidxyangsbay ekhanathimxaykskhwaaechmplikidxiksxngsmy kxnthicayayiprwmthimifeyxonrdkhuprbrwmlik aelaekhaktxkyakhwamepnphuchnadwykarkhwaaechmplikkbifeyxonrdidxiktanghak kxnthicaprakasaekhwnstdipinwy 36 pihlngaekhwnstdaelaesiychiwithlngaekhwnstd ikrffkhnipepnphucdkarthim odyepnphucdkarthimxaexfes xayks baresolna aela chiwitswntw oyhn ikrff aetngngankbaednni khxsetxr inplaypi kh s 1968 miluk dwyknthnghmd 3 khn odylukchaykhnsudthxng khux ekhyepnphuelntaaehnngkxngklangtwrukkhxngaemnechsetxryuinetdaehngxngkvsxyuchwnghnungdwy ikrffesiychiwitinwnthi 24 minakhm ph s 2559 dwyorkhmaerngpxd inwy 68 pi thibaresolna praethssepnxangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb oyhn ikrff rachnirmngkud oyhn ikrff Johan Cruyff International Hall of Fame ifhof com subkhnemux 9 April 2007 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 10 16 subkhnemux 2018 10 10 Netherlands great Johan Cruyff dies of cancer aged 68 BBC News 24 March 2016