พิธีการไว้จุกและโกนจุก เป็นประเพณีโบราณที่ปรากฏในกัมพูชา ไทย ลาว และพม่า ที่เริ่มต้นจากการไว้จุกจนกระทั่งถึงพิธีโกนจุก มีทั้งพิธีหลวงซึ่งเรียกว่า พระราชพิธีโสกันต์ และพิธีราษฎร์ ซึ่งพิธีหลวงสิ้นสุดในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีโสกันต์พระองค์เจ้าอินทุรัตนาเมื่อ พ.ศ. 2474 นับเป็นองค์สุดท้ายของประเทศไทย ปัจจุบันมีประเพณีราษฎร์ในประเทศไทยที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ กรุงเทพมหานคร อันเป็นพิธีหลังเสร็จพิธีตรียัมปวาย ยังมีพิธีโกนจุกเพื่อสิริมงคลเช่นที่วัดพิกุลทอง จังหวัดนนทบุรี พิธีกรรมโกนจุกเรียกเป็นภาษาเขมรว่า กอร์เซาะกำป็อด
โดยเมื่อเด็กอายุครบ 1 เดือนจะมี พิธีโกนผมไฟ ทำขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทารกนั้นได้รอดพ้นจากอันตรายแล้วจึงรับเข้าเป็นสมาชิกในตระกูล ด้วยเหตุนี้จึงมี การทำขวัญเดือนและโกนผมไฟ โดยจะโกนผมเด็กทั้งศีรษะ และต่อไปเด็กก็จะไว้จุก และต้องคอยโกนส่วนอื่นของศีรษะให้เกลี้ยง ส่วนที่เป็นจุกอยู่กลางศีรษะก็จะเกล้าและปักปิ่นและถอนไรจุกโดยรอบ พิธีโกนจุกจะทำในวัยเด็กก่อนวัยรุ่น สืบเนื่องจากพระอิศวรโกนพระเกศาพระพิฆเนศวร พระโอรส เมื่อชันษา 11 ปี บนยอดเขาพนมไกรลาส ดังนั้นในพิธีหลวงจะมีปะรำพิธีที่ทำพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ สำหรับเจ้านายในพิธีโสกันต์จึงสร้างบนยอดเขาจำลอง สมมติว่าเป็นพนมไกรลาส
พิธี
พิธีโกนจุกของเด็กไทยในสมัยโบราณส่วนใหญ่นิยมไว้จุกกัน สำหรับเด็กผู้หญิงจะโกนจุกเมื่ออายุประมาณ 11 ปี เด็กผู้ชายเมื่ออายุประมาณ 13–15 ปี พิธีมงคลโกนจุกมักจัดกัน 2 วัน แล้วนิมนต์พระสงฆ์เพื่อมาสวดมนต์เย็นในวันสุกดิบและฉันเช้าในวันงาน อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่ โต๊ะหมู่บูชาพร้อมเครื่องสักการะ โต๊ะสำหรับวางพานมงคล พานใส่ใบบัว มีดโกนและกรรไกร พานล้างหน้าและพานรองเกี้ยว สายสิญจน์ ด้ายผูกข้อมือ แป้งเจิม แหวนนพเก้า ใบมะตูม ชุดถวายของพระ ไทยธรรม ภัตตาหาร เครื่องดื่มถวายพระและเลี้ยงแขกในงาน
เวลาเย็นในวันสุกดิบ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์โดยเจ้าภาพนำเด็กไปไว้ที่บ้านญาติ โกนผมรอบจุกของเด็กแล้วแห่มาจนถึงบ้านของตนเอง เข้ามานั่งสวดมนต์โดยสวมมงคลลงยังผมจุกของเด็กแล้วเอาสายสิญจน์ มาคล้องศีรษะเด็ก จากนั้นหมอทำขวัญทำพิธีสู่ขวัญเด็ก หลังเสร็จพิธีพิณพาทย์ประโคม ลั่นฆ้องและโห่ร้องเอาชัย จากนั้นให้เด็กเปลี่ยนชุดแต่งกายเป็นธรรมดา เป็นอันเสร็จพิธีวันแรก ในช่วงกลางคืนอาจมีมหรสพสมโภช และกินเลี้ยงฉลองกัน
เช้าวันที่สองมีการเลี้ยงพระ เด็กนุ่งขาวห่มขาว แบ่งผมจุกเด็กออกเป็น 3 ปอย นำสายสิญจน์ผูกปลายผมกับแหวนนพเก้าและใบมะตูมทั้งสามปอย ปอยละ 1 วง เอาใบเงินใบทองแซมไว้ที่ผม และเอาหญ้าแพรกขมวดเป็นแหวนหัวพิรอดสวมครอบจุกไว้ จากนั้นนำเด็กออกจากพิธี ชาวบ้านที่มาร่วมงานร่วมกันทำบุญตักบาตร นำอาหารถวายพระ เมื่อพระฉันเสร็จและได้เวลาฤกษ์ก็ลั่นฆ้องชัย เจ้าภาพของเด็กเชิญประธานมาตัดจุก พราหมณ์ส่งสังข์ให้รดน้ำศีรษะเด็กและส่งกรรไกรตัดผมออกจุกหนึ่ง แล้วเอา มีดเงิน ทอง นาก โกนเล่มละ 3 ที พอเป็นพิธี แล้วเชิญแขกตัดอีก 2 ปอย จากนั้นมอบให้ช่างโกนผมจนเสร็จ นำเด็กไปยังที่นั่งเบญจารดน้ำ แขกจะทะยอยมาให้พรเด็ก เสร็จแล้วทัดใบมะตูมที่หูขวา จากนั้นนำเด็กไปเปลี่ยนชุดให้ทันก่อนพระฉันเพลเสร็จ เด็กถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ เป็นอันจบพิธี ส่วนผมที่โกนจะนำไปใส่กระทงลอยน้ำอธิษฐานขอความก้าวหน้า
อ้างอิง
- "พิธีโสกันต์ เจ้าชายที่พนมเปญ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 1901". ฐานข้อมูลหนังสือเก่า.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-19. สืบค้นเมื่อ 2021-12-09.
- โชติกา นุ่นชู. "ย้อนรอยพระราชพิธีโสกันต์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้านายพระองค์ใดโสกันต์คนแรก-คนสุดท้าย?". ศิลปวัฒนธรรม.
- "ประเพณีการไว้จุกและการโกนจุกของเด็กไทย" (PDF). กรมศิลปากร.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phithikariwcukaelaokncuk epnpraephniobranthipraktinkmphucha ithy law aelaphma thierimtncakkariwcukcnkrathngthungphithiokncuk mithngphithihlwngsungeriykwa phrarachphithiosknt aelaphithirasdr sungphithihlwngsinsudinsmyphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwinphrarachphithioskntphraxngkhecaxinthurtnaemux ph s 2474 nbepnxngkhsudthaykhxngpraethsithy pccubnmipraephnirasdrinpraethsithythiethwsthanobsthphrahmn krungethphmhankhr xnepnphithihlngesrcphithitriympway yngmiphithiokncukephuxsirimngkhlechnthiwdphikulthxng cnghwdnnthburi phithikrrmokncukeriykepnphasaekhmrwa kxresaakapxdedkcaiwphm odythrngthiniymkhux cuk aekla epiy aelaoka camiphithiokncukemuxxayupraman 13 15 pi sahrbedkchay odyemuxedkxayukhrb 1 eduxncami phithioknphmif thakhunephuxihekidkhwammnicwatharknnidrxdphncakxntrayaelwcungrbekhaepnsmachikintrakul dwyehtunicungmi karthakhwyeduxnaelaoknphmif odycaoknphmedkthngsirsa aelatxipedkkcaiwcuk aelatxngkhxyoknswnxunkhxngsirsaihekliyng swnthiepncukxyuklangsirsakcaeklaaelapkpinaelathxnircukodyrxb phithiokncukcathainwyedkkxnwyrun subenuxngcakphraxiswroknphraeksaphraphikhenswr phraoxrs emuxchnsa 11 pi bnyxdekhaphnmikrlas dngnninphithihlwngcamiparaphithithithaphithipraphrmnaphraphuththmnt sahrbecanayinphithioskntcungsrangbnyxdekhacalxng smmtiwaepnphnmikrlasphithiphithiokncukkhxngedkithyinsmyobranswnihyniymiwcukkn sahrbedkphuhyingcaokncukemuxxayupraman 11 pi edkphuchayemuxxayupraman 13 15 pi phithimngkhlokncukmkcdkn 2 wn aelwnimntphrasngkhephuxmaswdmnteyninwnsukdibaelachnechainwnngan xupkrnthiichidaek otahmubuchaphrxmekhruxngskkara otasahrbwangphanmngkhl phanisibbw midoknaelakrrikr phanlanghnaaelaphanrxngekiyw saysiycn dayphukkhxmux aepngecim aehwnnpheka ibmatum chudthwaykhxngphra ithythrrm phttahar ekhruxngdumthwayphraaelaeliyngaekhkinngan ewlaeyninwnsukdib phrasngkhecriyphraphuththmntodyecaphaphnaedkipiwthibanyati oknphmrxbcukkhxngedkaelwaehmacnthungbankhxngtnexng ekhamanngswdmntodyswmmngkhllngyngphmcukkhxngedkaelwexasaysiycn makhlxngsirsaedk caknnhmxthakhwythaphithisukhwyedk hlngesrcphithiphinphathypraokhm lnkhxngaelaohrxngexachy caknnihedkepliynchudaetngkayepnthrrmda epnxnesrcphithiwnaerk inchwngklangkhunxacmimhrsphsmophch aelakineliyngchlxngkn echawnthisxngmikareliyngphra edknungkhawhmkhaw aebngphmcukedkxxkepn 3 pxy nasaysiycnphukplayphmkbaehwnnphekaaelaibmatumthngsampxy pxyla 1 wng exaibenginibthxngaesmiwthiphm aelaexahyaaephrkkhmwdepnaehwnhwphirxdswmkhrxbcukiw caknnnaedkxxkcakphithi chawbanthimarwmnganrwmknthabuytkbatr naxaharthwayphra emuxphrachnesrcaelaidewlavksklnkhxngchy ecaphaphkhxngedkechiyprathanmatdcuk phrahmnsngsngkhihrdnasirsaedkaelasngkrrikrtdphmxxkcukhnung aelwexa midengin thxng nak oknelmla 3 thi phxepnphithi aelwechiyaekhktdxik 2 pxy caknnmxbihchangoknphmcnesrc naedkipyngthinngebycardna aekhkcathayxymaihphredk esrcaelwthdibmatumthihukhwa caknnnaedkipepliynchudihthnkxnphrachnephlesrc edkthwayekhruxngithythrrmaedphrasngkh epnxncbphithi swnphmthiokncanaipiskrathnglxynaxthisthankhxkhwamkawhnaxangxing phithiosknt ecachaythiphnmepy emuxwnthi 16 phvsphakhm 1901 thankhxmulhnngsuxeka PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2019 08 19 subkhnemux 2021 12 09 ochtika nunchu yxnrxyphrarachphithioskntaehngkrungrtnoksinthr ecanayphraxngkhidoskntkhnaerk khnsudthay silpwthnthrrm praephnikariwcukaelakarokncukkhxngedkithy PDF krmsilpakr