แอบู แอล-กอซีม แมฮ์มูด บิน แซบูกตีกีน (เปอร์เซีย: ابوالقاسم محمود بن سبکتگین, อักษรโรมัน: Abu al-Qāṣim Maḥmūd ibn Sabuktigīn; 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 971 – 30 เมษายน ค.ศ. 1030) ส่วนใหญ่รู้จักในพระนาม แมฮ์มูดแห่งแฆซนี หรือ แมฮ์มูด แฆซแนวี (محمود غزنوی) เป็นสุลต่านแห่งจักรวรรดิแฆซแนวีดที่ครองราชย์ใน ค.ศ. 998 ถึง 1030 ในรัชสมัยของพระองค์และข้อมูลสมัยกลาง พระองค์มักเป็นที่รู้จักด้วย ยะมีนุดเดาละฮ์ (یمین الدوله, แปลว่า พระหัตถ์ขวา) ในช่วงที่สวรรคต อาณาจักรของพระองค์กลายเป็นจักรวรรดิทหารกว้างขวางที่มีพื้นที่จากอิหร่านตะวันตกเฉียงเหนือถึงปัญจาบในอนุทวีปอินเดีย ใน และ
แมฮ์มูดแห่งแฆซนี | |||||
---|---|---|---|---|---|
![]() แมฮ์มูดแห่งแฆซนี (กลาง) ทรงรับจากเคาะลีฟะฮ์ จุลจิตรกรรมใน โดยเราะชีด-อัล-ดิน-ฮามาดานี | |||||
สุลต่านแห่งจักรวรรดิแฆซแนวีด | |||||
ครองราชย์ |
| ||||
ก่อนหน้า | |||||
ถัดไป | |||||
ประสูติ | 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 971 กัซนี จักรวรรดิซอมอนีด (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน) | ||||
สวรรคต | 30 เมษายน ค.ศ. 1030 กัซนี ซอบูลิสถาน จักรวรรดิแฆซแนวีด (ปัจจุบันอยู่ในประเทศอัฟกานิสถาน) | (58 ปี)||||
ฝังพระศพ | มัสยิดและสุสานสุลต่านแมฮ์มูด แฆซแนวี จังหวัดกัซนี ประเทศอัฟกานิสถาน | ||||
พระราชบุตร |
| ||||
| |||||
เปอร์เซีย | یمین الدوله امینالملة ابوالقاسم محمود بن سبکتگین | ||||
ราชวงศ์ | |||||
พระราชบิดา | |||||
ศาสนา | อิสลามนิกายซุนนี () | ||||
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |||||
ประจำการ | ป. 998 – 1030 | ||||
การยุทธ์ | | ||||
แมฮ์มูดยังคงใช้ระบบราชการ การเมือง และวัฒนธรรมที่อย่างมากของก่อนหน้า พระองค์สถาปนรากฐานสำหรับรัฐในอนาคตที่ปัญจาบ โดยมีจุดศูนย์กลางที่ลาฮอร์ นครที่พระองค์พิชิต เมืองหลวงของพระองค์ที่กัซนีพัฒนาไปเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การค้า และภูมิปัญญาที่สำคัญในโลกอิสลามจนเกือบเทียบเท่ากับนครแบกแดด เมืองหลวงนี้ดึงดูดบุคคลสำคัญมากมาย เช่น อัลบีรูนีกับเฟร์โดว์ซี
แมฮ์มูดขึ้นครองราชย์ตอนพระชนมพรรษา 27 พรรษา เมื่อพระราชบิดาสวรรคต แม้จัดขึ้นหลังสงครามสืบทอดราชบัลลังก์กับ พระอนุชา เพียงช่วงหนึ่ง พระองค์เป็นผู้ปกครององค์แรกที่ถือตำแหน่ง สุลต่าน บ่งบอกถึงขอบเขตอำนาจของพระองค์ ในขณะเดียวกันก็รักษาความเชื่อมโยงทางอุดมการณ์กับของ ในรัชสมัยของพระองค์ พระองค์รุกรานและเข้าปล้นนครที่ร่ำรวยและเมืองที่ตั้งวิหารหลายแห่ง เช่น มถุราและโสมนาถในอินเดียสมัยกลางถึง 17 ครั้ง และใช้ทรัพย์สินที่ปล้นได้ไปสร้างเมืองหลวงของพระองค์ที่กัซนี
พระราชสมภพและภูมิหลัง
แมฮ์มูดเสด็จพระราชสมภพที่เมืองกัซนีในภูมิภาค (ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน) ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 971 พระราชบิดา เคยเป็นผู้บัญชาการทาสเติร์กที่วางรากฐานแก่ราชวงศ์แฆซแนวีดที่กัซนีใน ค.ศ. 977 ซึ่งพระองค์ปกครองภายใต้การปกครองของที่ปกครองโฆรอซอนกับ พระราชมาดาของแมฮ์มูดเป็นหญิงชาวอิหร่านจากตระกูลขุนนางผู้ครองที่ดินที่มั่งคั่งในภูมิภาคซอบูลิสถาน ทำให้บางครั้งข้อมูลบางส่วนระบุตัวพระองค์เป็น Mahmud-i Zavuli ("แมฮ์มูดจากซอบูลิสถาน") ไม่มีข้อมูลชีวิตช่วงแรกของแมฮ์มูดมาก นอกจากว่าพระองค์เป็นเพื่อนในชั้นเรียนและพี่/น้องชายบุญธรรมของ ชาวเปอร์เซียในซอบูลิสถาน
เหตุการณ์และความท้าทาย
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpOWpMMk14THpFNE9UVmZZWEpqYUdsMlpWOXdhRzkwYjE5dlpsOTBhR1ZmVTI5dGJtRjBhRjkwWlcxd2JHVmZjblZwYm5NbE1rTmZWbVZ5WVhaaGJGOUhkV3BoY21GMEpUSkRYMFY0ZEdWeWFXOXlYekl4TG1wd1p5OHlNakJ3ZUMweE9EazFYMkZ5WTJocGRtVmZjR2h2ZEc5ZmIyWmZkR2hsWDFOdmJXNWhkR2hmZEdWdGNHeGxYM0oxYVc1ekpUSkRYMVpsY21GMllXeGZSM1ZxWVhKaGRDVXlRMTlGZUhSbGNtbHZjbDh5TVM1cWNHYz0uanBn.jpg)
ใน ค.ศ. 1025 แมฮ์มูดเข้ารุกรานคุชราต ปล้นทรัพย์ในโสมนาถมนเทียรและทำลาย ชโยติรลึงค์ ของมณเทียร พระองค์ได้ทรัพย์สินที่ยึดมาถึง 2 ล้านดีนาร หลังการพิชิตโสมนาถจึงตามมาด้วยการรุกรานแบบลงโทษที่ นักประวัติศาสตร์บางคนอ้างว่ามีบันทึกการแสวงบุญมนเทียรใน ค.ศ. 1038 ที่ไม่ได้กล่าวถึงความเสียหายต่อมนเทียร อย่างไรก็ตาม มีการพัฒนาตำนานอันทรงพลังเกี่ยวกับการจู่โจมของแมฮ์มูดพร้อมรายละเอียดที่ซับซ้อนในวรรณคดีเติร์ก-เปอร์เซีย ซึ่ง นักวิชาการ ระบุว่า "สร้างความช็อก" ต่อโลกมุสลิม
ประวัติศาสตร์นิพนธ์เกี่ยวกับโสมนาถ
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ความท้าทายทางการเมือง
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สวรรคต
สุลต่านแมฮ์มูดสวรรคตในวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 1030 ของพระองค์ตั้งอยู่ที่กัซนี ประเทศอัฟกานิสถาน
มุมมองศาสนาและสงคราม
ในรัชสมัยของแมฮ์มูดแห่งแฆซนี ภูมิภาคนี้แยกออกจากเขตอิทธิพลของ พระองค์ได้รับตำแหน่งสุลต่านเพื่อยอมรับการเป็นเอกราช โดยพระองค์ยอมรับให้เป็นเคาะลีฟะฮ์พอเป็นพิธี
หลังได้รับการรับรองจากรัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ใน ค.ศ. 999 พระองค์ให้คำปฏิญาณ ญิฮาด และรุกรานอินเดียทุกปี ใน ค.ศ. 1005 แมฮ์มูดนำการทัพหลายครั้ง ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้นับถืออิสมาอีลียะฮ์แห่งมุลตานถูกสังหารหมู่
หลังภารกิจญิฮาดต่อคนนอกศาสนาแห่งอินเดีย แมฮ์มูด แฆซนีไม่เพียงแต่ทำลายโสมนาถมนเทียรและปล้นทรัพย์สมบัติเท่านั้น แต่ยังฆ่าผู้ศรัทธาทุกคนในเมือง พระองค์ยังทำสิ่งเดียวกันกับผู้ศรัทธาหญิง ด้วยการฆ่าหรือลักพาตัวเพื่อไปขายในตลาดทาสที่อัฟกานิสถานในภายหลัง
แมฮ์มูดใช้ทรัพย์สินที่ได้มาจากการปล้นมาใช้เป็นเงินทุนแก่กองทัพ ซึ่งรวมทหารรับจ้างด้วย ทหารอินเดียที่ คาดการณ์ว่าเป็นชาวฮินดู เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของกองทัพพร้อมผู้บังคับบัญชาที่มีชื่อว่า -i-Hinduwan และอาศัยอยู่ในย่านของตนเองที่กัซนี โดยยังคงนับถือศาสนาของตนเอง ทหารอินเดียที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ Suvendhray ยังคงจงรักษ์ภักดีต่อแมฮ์มูด มีการใช้พวกเขาในการปราบกบฏเติร์ก โดยรายงานว่ามีการให้คำสั่งแก่ชาวฮินดูนามว่า Tilak
นักประวัติศาสตร์อินเดีย ระบุว่า ในรัชสมัยแมฮ์มูดแห่งแฆซนี ไม่มีการจัดเก็บภาษีญิซยะฮ์แก่ "ผู้มิใช่มุสลิม" หรือการกล่าวถึง "การบังคับเข้ารีต" ใด ๆ:
การส่งทหารไปนอกดินแดนของพระองค์ (แมฮ์มูด) ต่ออินเดียไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยศาสนา แต่ด้วยความรักในการปล้นชิง
เอ. วี. วิลเลียมส์ แจ็กสัน ศาสตราจารย์กลุ่มภาษาอินโด-อิเรเนียนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขียนไว้ในหนังสือ History of India ของเขาเองว่า "แมฮ์มูดสาบานว่าพระองค์จะก่อสงครามศักดิ์สิทธิ์กับพวกนอกศาสนาในฮินดูสถานทุกปี" ในช่วงปีที่ 7 ในรัชสมัยของพระองค์ เหรียญกษาปณ์ของแมฮ์มูดจากลาฮอร์ระบุตัวพระองค์เป็น "" (แมฮ์มูดผู้ทำลายรูปปั้น)
พระบุคลิกภาพ
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpODFMelU1TDFCdmNuUnlZV2wwWDI5bVgzUm9aVjlIYUdGNmJtRjJhV1JmY25Wc1pYSmZUV0VsUlRFbFFqZ2xRVFZ0SlVNMUpVRkNaRjhsTWpoa0xsOHhNRE13SlRJNVgyWnliMjFmZEdobFgyZGxibVZoYkc5bmVWOWFKVU16SlVKRFltUmxkQzBsUXpNbFFrTjBYMVJsZG1GeWFXaGZKVEk0TVRVNU9DVXlPUzVxY0djdk1qSXdjSGd0VUc5eWRISmhhWFJmYjJaZmRHaGxYMGRvWVhwdVlYWnBaRjl5ZFd4bGNsOU5ZU1ZGTVNWQ09DVkJOVzBsUXpVbFFVSmtYeVV5T0dRdVh6RXdNekFsTWpsZlpuSnZiVjkwYUdWZloyVnVaV0ZzYjJkNVgxb2xRek1sUWtOaVpHVjBMU1ZETXlWQ1EzUmZWR1YyWVhKcGFGOGxNamd4TlRrNEpUSTVMbXB3Wnc9PS5qcGc=.jpg)
สุลต่านแมฮ์มูดทรงคิดถึงพระองค์เองเป็น "เงาของพระผู้เป็นเจ้าบนโลก" อำนาจเด็ดขาดซึ่งมีเจตจำนงเป็นกฎหมาย พระองค์ใส่ใจในรายละเอียดเกือบทุกอย่าง โดยส่วนพระองค์ดูแลงานของ (ฝ่ายบริหาร) ทุกแผนก
แมฮ์มูดแต่งตั้งรัฐมนตรีด้วยตัวพระองค์เองทั้งหมดโดยไม่ปรึกษาวะซีร (หัวหน้าที่ปรึกษา) หรือดีวาน แม้ว่าบางครั้งพระองค์ต้องรับคำปรึกษา เนื่องจากศาสนาของพระองค์ระบุว่ามุสลิมควรปรึกษาหารือกันทุกประเด็น ส่วนใหญ่พระองค์สงสัยต่อรัฐมนตรีหลายคน โดยเฉพาะวะซีร และเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าพระองค์ทรงมีพระราชดำรัสว่า: "วะซีรเป็นศัตรูของกษัตริย์..." สุลต่านแมฮ์มูดมีสายลับจำนวนมาก (เรียกว่า mushrifs) ทั่วจักรวรรดิที่อยู่ภายใต้การดูแลของดีวานแผนกพิเศษ
แมฮ์มูดทรงเป็นผู้อุปถัมภ์วรรณกรรม โดยเฉพาะบทกวี และบางครั้งก็จัดตั้งกลุ่มนักกวีที่มีพรสวรรค์ทั้งในพระราชวังของพระองค์หรือในสวนหลวง พระองค์มักใจกว้างต่อพวกเขา โดยจ่ายเงินให้ผลงานตามความสามารถและคุณค่าของพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
อ้างอิง
- "Maḥmūd | king of Ghazna". ArchNet (ภาษาอังกฤษ).
- Sharma, Ramesh Chandra (1994). The Splendour of Mathurā Art and Museum (ภาษาอังกฤษ). D.K. Printworld. p. 39. ISBN .
- Grousset 1970, p. 146.
- Meri 2005, p. 294.
- "Maḥmūd | king of Ghazni". Encyclopedia Britannica (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-17.
- Heathcote 1995, p. 6.
- Anjum 2007, p. 234.
- Bosworth 1991, p. 65.
- Bosworth 2012.
- Nazim & Bosworth 1991, p. 915.
- I. H. Qureshi et al., A Short History of Pakistan (Karachi Division (Pakistan): University of Karachi, 2000), (p.246-247)
- Yagnik & Sheth 2005, pp. 39–40.
- Thapar 2005, pp. 36–37.
- Thapar 2005, p. 75.
- Thapar 2005, Chapter 3.
- Meenakshi Jain (21 March 2004). . The Pioneer. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 December 2014. สืบค้นเมื่อ 2014-12-15.
- Qassem 2009, p. 19.
- Virani 2007, p. 100.
- Mehta, Jaswant Lal (1979). Advanced Study in the History of Medieval India (ภาษาอังกฤษ). Sterling Publishers Pvt. Ltd. ISBN .
- (2005). Somanatha: The Many Voices of a History. Verso. p. 40. ISBN .
- Habib 1965, p. 77.
- A. V. Williams Jackson. "Chapter 2 – The Idol-Breaker – Mahmud of Ghazni – 997–1030 A.D."
- (1991). Al-Hind the Making of the Indo-Islamic World: The Slave Kings and the Islamic Conquest : 11Th-13th Centuries (ภาษาอังกฤษ). BRILL. p. 321. ISBN .
- Ibn Qutaiba, Uyunu'l-Akhbar, p.3
- Nazim 1931, p. 127.
- Nazim 1931, p. 128.
- Nazim 1931, p. 144.
ข้อมูล
- Anjum, Tanvir (Summer 2007). "The Emergence of Muslim Rule in India: Some Historical Disconnects and Missing Links". Islamic Studies. 46 (2).
- (1991). "Mahmud bin Sebuktigin". Encyclopedia of Islam. E.J.Brill. VI.
- Bosworth, C. Edmund (2012). "Maḥmud b. Sebüktegin". Encyclopaedia Iranica.
- Bosworth, C. E. (2012b). "Āl-e Farīġūn". Encyclopaedia Iranica.
- Nazim, M.; Bosworth, C. Edmund (1991). "The Encyclopedia of Islam, Volume 6, Fascicules 107–108". The Encyclopaedia of Islam, Vol. VI. Brill. pp. 1–1044. ISBN .
- Grousset, René (1970). The Empire of the Steppes: A History of Central Asia. Rutgers University Press. ISBN .
- (1965). Sultan Mahmud of Ghaznin. S. Chand & Co.
- Heathcote, T.A. (1995). The Military in British India: The Development of British Forces in South Asia:1600-1947. Manchester University Press.
- Meri, Josef W. (2005). Medieval Islamic Civilization: An Encyclopedia. Routledge. pp. 1–1088. ISBN .
- Nazim, Muhammad (1931). The Life and Times of Sultan Mahmud of Ghazna. Cambridge University Press. ISBN .
- Qassem, Ahmad Shayeq (2009). Afghanistan's Political Stability: A Dream Unrealised. Ashgate Publishing.
- (2005). Somanatha:The Many Voices of a History. Penguin Books India. ISBN .
- (2007). The Ismailis in the Middle Ages: A History of Survival, A Search for Salvation. New York: Oxford University Press.
- Yagnik, Achyut; Sheth, Suchitra (2005), Shaping of Modern Gujarat, Penguin UK, ISBN
แหล่งข้อมูลอื่น
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpODBMelJoTDBOdmJXMXZibk10Ykc5bmJ5NXpkbWN2TXpCd2VDMURiMjF0YjI1ekxXeHZaMjh1YzNabkxuQnVadz09LnBuZw==.png)
- Mahmud of Ghazna Columbia Encyclopedia (Sixth Edition)
- Mahmud Encyclopædia Britannica (Online Edition)
- Ghaznavid Dynasty Encyclopædia Britannica (Online Edition)
- Ghaznavids and Ghurids Encyclopædia Britannica (Online Edition)
- Mahmud Ghazni
- History of Iran: Ghaznevid Dynasty
- Rewriting history and Mahmud of Ghazni
- Online Copy:Last Accessed 11 October 2007 Elliot, Sir H. M., Edited by Dowson, John.
- , or Kitabu-l Yami
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์