บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
|
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ มีพระนามเต็มว่า เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ ดำรงรัฐสีมาอุบลราชธานีบาล พระนามเดิมว่า เจ้าหน่อคำ พรหมเทพสกุล
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (หน่อคำ พรหมเทพ) | |
---|---|
เจ้าประเทศราชผู้ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวนาไลยประเทศราช | |
ก่อนหน้า | |
ถัดไป | ราชบุตร (หนูคำ) |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | พ.ศ.2368 นครหลวงเวียงจันทน์ |
เสียชีวิต | 5 พฤษภาคม พ.ศ.2429 เวลา 10.00 น. เศษ กรุงเทพมหานคร |
ศาสนา | ศาสนาพุทธ |
ทรงเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีองค์ที่ 5 ในฐานะเจ้าประเทศราชต่อจาก พระประเทศราชผู้ครองเมืองอุบลราชธานีองค์ที่ 4 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เดิมมีพระยศในตำแหน่งคณะอาญาสี่เป็นที่เจ้าราชวงษ์นครจำปาศักดิ์ ในสมัย พระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์เป็นเจ้านครจำปาศักดิ์ เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ทรงเป็นต้นสกุลพระราชทาน 3 สกุลคือ พรหมโมบล เทวานุเคราะห์ และ พรหมเทพ
ราชตระกูลแห่งราชวงศ์เวียงจันทน์
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ทรงสืบเชื้อสายราชตระกูลมาจากราชวงศ์เวียงจันทน์อันเก่าแก่ พระองค์เป็นพระโอรสในเจ้าเสือกับเจ้านางท่อนแก้ว เจ้าเสือผู้เป็นพระบิดานั้นเป็นพระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์แห่งนครเวียงจันทน์พระองค์สุดท้าย ดังนั้น เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์จึงมีศักดิ์เป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) ในสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 และเป็นพระราชปนัดดา (เหลนทวด) ในสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 3 (สมเด็จพระเจ้าสิริบุญสาร) ฝ่ายพระมารดาคือเจ้านางท่อนแก้วนั้นเป็นพระธิดาในสมเด็จเจ้ามหาอุปฮาต (ติสสะ) ผู้เป็นอุปราชนครหลวงเวียงจันทน์ในสมัยสงครามกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 และสมเด็จเจ้ามหาอุปฮาต (ติสสะ) ยังเป็นพระราชอนุชาต่างพระมารดากับสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 ดังนั้น เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์จึงมีศักดิ์เป็นพระราชนัดดา (หลานตา) ในสมเด็จเจ้ามหาอุปฮาต (ติสสะ) อีกด้วย
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์มีพระญาติใกล้ชิดเป็นพระขนิษฐภคินี (น้องสาว) คือเจ้าหญิงหนูมั่น ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าจอมมารดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) โดยได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า เจ้าจอมมารดาดวงคำ เจ้าหญิงหนูมั่นเป็นพระธิดาในเจ้าคลี่กับเจ้านางท่อนแก้ว เจ้าคลี่เป็นพระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์ เจ้าคลี่จึงมีศักดิ์เป็นพี่น้องกับเจ้าเสือผู้เป็นพระบิดาในเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ ฝ่ายเจ้านางท่อนแก้วนั้นเป็นพระธิดาในสมเด็จเจ้ามหาอุปฮาต (ติสสะ) ดังนั้น เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์และเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงดวงคำ จึงเป็นพี่น้องร่วมพระมารดาแต่ต่างพระบิดากัน นอกจากนี้ เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ยังมีศักดิ์เป็นลุงของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านารีรัตนา และ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐาสารี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) กับเจ้าจอมมารดาดวงคำ และเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ยังมีศักดิ์เป็นหลานลุงในสมเด็จเจ้าราชบุตร (โย่) พระเจ้านครจำปาศักดิ์ ผู้เป็นพระเชษฐาของเจ้าเสือพระบิดาในเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์
ขึ้นเป็นเจ้าประเทศราช
เมืองอุบลราชธานีนี้ เดิมแรกตั้งเมืองมีฐานะเป็นเมืองประเทศราช ปรากฏความในเอกสารจดหมายเหตุ ร.1 จ.ศ. 1154 เลขที่ 2 สมุดไทยดำ เรื่องทรงตั้งเจ้าประเทศราชกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ว่าด้วยเรื่องตั้งให้พระประทุม เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษเมืองอุบลราชธานี ความว่า "ด้วย พระบาทสมเดจ๊พระพุทธิเจ้าอยหัว ผู้พานพิภพกรุงเทพพระมหาณครศรีอยุทธยา มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งให้พระประทุม เปนพระประทุมววรราชสุริยวงษ ครองเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช เศกให้ ณ วัน 2 ฯ 13 8 ค่ำจุลศักราช 1154 ปีชวดจัตวาศก" ผู้ปกครองเมืองมีพระยศเป็นพระประเทศราช นิยมออกคำนำนามพระยศในจารึกว่า พระ เช่น พระประทุมฯ พระพรหมฯ เป็นต้น เจ้านายสายแรกที่ปกครองเมืองทรงปกครองเมืองดอนมดแดงมาก่อน ทรงสืบเชื้อสายจากราชตระกูลนครศรีสัตนาคณหุตล้านช้างเวียงจันทน์หรือราชวงศ์แสนทิพย์นาบัว ที่แยกย่อยมาจากราชตระกูลล้านช้างเวียงจันทน์อีกที ตั้งแต่ครั้งพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวทิดพรหม) เจ้าเมืองพระองค์ก่อนเถิงแก่พิราลัย ทางราชการบ้านเมืองก็ยังหาตัวเจ้าเมืองจะปกครองมิได้ พระเจ้าแผ่นดินสยามจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเจ้าราชวงศ์ (หน่อคำ) เจ้านายในคณะอาญาสี่เมืองนครจำปาศักดิ์ ผู้เป็นพระเชษฐาในเจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงดวงคำมาเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามว่า เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ ดำรงรัฐสีมา อุบลราชธานีบาล เพื่อให้คล้องกันกับพระนามของ เจ้าจันทรเทพสุริยวงศ์ ดำรงรัฐสีมา มุกดาหาราธิบดี หรือเจ้าหนู เจ้าผู้ครองเมืองมุกดาหารบุรี (บังมุก) ผู้เป็นพระญาติใกล้ชิด ส่วนตำแหน่งเจ้าราชวงศ์นครจำปาศักดิ์เมื่อว่างลงแล้วนั้น ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพิมพิสาร (บัวระพันธ์) พระโอรสในเจ้านุด พระราชนัดดาในเจ้านครจำปาศักดิ์ (หมาน้อย หรือ พรหมาน้อย) รับตำแหน่งสืบไป
วิวาทกับเจ้านายกรมการเมืองอุบลราชธานี
พี่น้อง
การพระศาสนา
อัญเชิญพระเจ้าทองทิพย์จากนครเวียงจันทน์
สร้างวัดไชยมงคล
วัดธรรมยุติกนิกายลำดับ 4 แห่งเมืองอุบลราชธานี
วัดไชยมงคลเป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 2 ถนนสุรศักดิ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี รหัสไปรษณีย์ 34000 มีเนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 89.7 ตารางวา ตามเอกสารโฉนดที่ 1945 เลขที่ดิน 1 หน้าสำรวจ 106 เล่มที่ 20 หน้า 45 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ออกให้ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 โดยมีอาณาเขตทิศเหนือจรดถนนพโลชัย ทิศใต้จรดถนนสุรศักดิ์ ทิศตะวันออกจรดถนนสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันตกจรดที่ดินเอกชน วัดไชยมงคลเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี โดยเป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นลำดับที่ 4 ในบรรดาวัดที่สังกัดธรรมยุติกนิกายในเมืองอุบลราชธานี โดยวัดแรกที่สร้างขึ้นคือวัดสุปัฏนารามวรวิหาร สร้างโดยพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวทิดพรหม ต้นสายสกุล พรหมวงศานนท์) (พ.ศ. 2338 - 2388) เจ้าเมืองอุบลราชธานีองค์ที่ 2 วัดที่สร้างขึ้นเป็นลำดับที่ 2 คือวัดศรีอุบลรัตนาราม (วัดศรีทอง) สร้างโดยพระอุปฮาด (โท ต้นราชตระกูล ณ อุบล) และคณะกรมการเมืองอุบลราชธานี โดยเริ่มสร้างกุฎิ วิหาร และศาลาการเปรียญขึ้นในปี พ.ศ. 2398 นอกจากนี้เจ้านายพื้นเมืองอุบลราชธานียังได้ร่วมมือกันสร้างวัดสุทัศนาราม ซึ่งเป็นวัดในสังกัดธรรมยุติกนิกายแห่งที่ 3 ส่วนวัดไชยมงคลนั้นเป็นวัดสังกัดธรรมยุติกนิกายในลำดับที่ 4
มูลเหตุสร้างวัดไชยมคล
วัดไชยมงคลสร้างขึ้นโดยเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (พ.ศ. 2409-2425) ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มูลเหตุการสร้างวัดไชยมงคลขึ้นนั้น ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อพุทธศักราช 2409 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (บ้างออกพระนามว่าเจ้าพรหมเทวานุสรณ์) เป็นเจ้าผู้ครองเมืองอุบลราชธานีพระองค์ที่ 4 แล้ว ในปีเดียวกันได้เกิดกบฏฮ่อขึ้นที่นครหลวงเวียงจันทน์ฝั่งประเทศลาว ขณะนั้นสยามถือว่าแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงยังเป็นประเทศราชของสยามอยู่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) จึงได้มีพระบรมราชโองการให้เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ ยกกองทัพไปปราบกบฏฮ่อที่นครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อพระได้รับพระบรมราชโองการแล้ว พระองค์จึงสั่งให้แม่ทัพนายกองรวบรวมไพร่พล พระองค์เห็นว่าสถานที่รวบรวมไพร่พลหรือบริเวณที่ตั้งวัดปัจจุบันนี้ มีความร่มรื่น มีต้นโพธิ์ต้นไทรเจริญงอกงามอยู่เป็นจำนวนมาก สถานที่นี้มีชัยภูมิอันดีเหมาะที่จะเป็นที่รวบรวมไพร่พลเพื่อยกกองทัพไปปราบกบฏฮ่อ ด้วยความที่เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ทรงมีเชื้อสายมาจากพระมหากษัตริย์ที่เป็นนักรบ พระองค์จึงสามารถปราบกบฏฮ่อสำเร็จอย่างง่ายดาย หลังเสร็จศึกสงครามแล้วจึงเดินทางกลับมาที่เมืองอุบลราชธานี และทรงดำริที่จะสร้างอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะขึ้น ณ สถานที่รวบรวมไพร่พล พระองค์จึงทรงรวบรวมกำลังศรัทธาจากเหล่าข้าราชบริพาร ไพร่พล และชาวบ้านชาวเมืองอุบลราชธานี สร้างวัดขึ้น ณ สถานที่เคยเป็นที่รวบรวมไพร่พลก่อนเดินทางไปปราบกบฏฮ่อ ในปีพุทธศักราช 2414 โดยพระราชทานนามวัดว่า วัดไชยมงคล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ พร้อมทั้งได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ คือ พระปราบไพรีพินาศ ที่อัญเชิญมาจากนครหลวงเวียงจันทน์ มาประดิษฐานไว้ที่วัดไชยมงคลแห่งนี้ ส่วนอีกองค์หนึ่งคือ พระทองทิพย์ ทรงนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดศรีทองหรือวัดศรีอุบลรัตนาราม ในปัจจุบัน เมื่อดำเนินการสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์พร้อมทั้งชาวบ้านชาวเมืองได้กราบอาราธนาเจ้าอธิการสีโหหรือท่านอัญญาสิงห์จากวัดศรีอุบลรัตนาราม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดไชยมงคลรูปแรก
ลำดับเจ้าอาวาสวัดไชยมงคล (พ.ศ. 2414-2553)
- เจ้าอธิการสีโห (เจ้าอธิการสิงห์) เจ้าอาวาสรูปแรก (พ.ศ. 2414) เดิมอยู่วัดศรีทอง
- ญาครูลา บ้านเดิมอยู่บ้านปลาดุก
- ญาครูคำ บ้านเดิมอยู่บ้านก้านเหลือง
- พระอาจารย์ทอง
- พระอาจารย์มหาคำแสน
- พระอาจารย์กอง
- พระครูชิโนวาทสาทร (พระมหาอุทัย ปภสฺสโร, ปธ. 4) พ.ศ. 2499-2538
- พระครูมงคลชัยคุณ (พระสมชาย กลฺยาโณ) พ.ศ. 2538-2543)
- พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ (พระจตุรงค์ ญาณุตฺตโม) พ.ศ. 2543-ปัจจุบัน 2553)
ผลงาน
เสด็จราชการทัพศึกฮ่อ
ขอตั้งเมืองชานุมานมลฑลและเมืองพนานิคม
รวบรวมตำนานเมืองจำปาศักดิ์
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ทรงเป็นเจ้านายลาวพระองค์หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการค้นคว้า และรวบรวมตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์ร่วมกันกับเจ้าราชวงษ์ผู้เป็นเจ้านายลาวจากนครจำปาศักดิ์ ตำนานนี้ถูกรวบรวมไว้ในประชุมพงศาวดารภาคที่ 70 เรียกว่า ตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์ ฉะบับเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์ และเจ้าราชวงศ์ ดังปรากฏความในตอนต้นของตำนานว่า
...วัน 4 เดือน 6 ขึ้นค่ำ 3 ปีระกาตรีศกศักราช 1223 ตรงกับปีคฤสตศักราช 1861 เป็นปีที่ 11 ในรัชชกาลที่ 4 ในพระบรมราชวงศ์อันนี้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ สุทธสมมติเทพยพงศ์วงศาดิศวรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมราชมหาจักรพรรดิราชสังกาศ บรเมธรรหิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตรพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ที่ 4 ในพระบรมราชวงศ์อันนี้ มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งพระศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมพระอาลักษณ์ และเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์เจ้าเมืองอุบลราชธานี และเจ้าราชวงศ์เมืองนครจำปาศักดิ์เก่า ซึ่งเป็นโทษต้องถอดออกนอกราชการค้างอยู่นานในกรุงเทพมหานคร มารวบรวมพงศาวดารเก่าของเมืองนครจำปาศักดิ์ และรวบรวมจดหมายเหตุเก่าใหม่มีใน 4 แผ่นดินมาเลือกเอาความตามสมควร แล้วเรียงเรื่องพระพุทธปฏิมากรแก้วผลึกเอกอุดมลงไว้ เพื่อจะให้ผู้อ่านได้ทราบความเดิม ตามเหตุที่มีจริงเป็นจริงดังจะกล่าวไปนี้...
ตำนานเมืองนครจำปาศักดิ์ฉบับนี้ ได้ถูกนำมาอ้างอิงทางวิชาการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ลาวและประวัติศาสตร์อีสานอยู่บ่อยครั้งในวงการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ยุคปัจจุบัน
ถึงแก่อสัญกรรมและการพระราชทานเพลิง
เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ทรงป่วยเป็นอหิวาตกโรค มาแต่วันอังคาร เดือนหก ขึ้น 2 ค่ำ ปีจอ อัฐศก (พ.ศ. 2429) ได้หาหมอเชลยศักดิ์มารักษาอาหารหาคลายไม่ ครั้น ณ วันพูธ เดือนหก ขึ้น 3 ค่ำ ปีจอ อัฐศก (5 พฤษภาคม พ.ศ. 2429) เวลาเช้าสี่โมงเศษ เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ ได้ถึงแก่อสัญกรรมในกรุงเทพ อายุ 61 ปี โดยเจ้าพนักงานได้นำศพไปฝังไว้ตามสมควร เวลาล่วงมาถึง 21 ปี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาส พร้อมกับพระศพของพระขนิษฐภคินีคือ เจ้าจอมมารดาดวงคำ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ร.ศ. 126 (พ.ศ. 2450) ครั้นในวันถัดมา ณ วันที่ 2 มีนาคม ร.ศ. 126 ภายหลังจากพิธีเก็บอัฐิเจ้าจอมมารดาดวงคำแล้ว เจ้าพนักงานจึงได้ชักศพเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ขึ้นตั้งในเมรุ ประกอบหีบทองทึบ งานมโหรศพคงมีอย่างวันก่อน เวลาบ่ายพระราชทานเพลิง พระราชทานผ้าไตร 5 ไตร ผ้าขาวพับ 10 พับ กัลปพฤกษ์ 2 ต้น ต้นละ 20 บาท กับดอกไม้เพลิง และหนัง วันรุ่งขึ้น เวลาเช้า เจ้าพนักงานดับเพลิงแปรรูปเก็บอัฐิแล้ว เป็นเสร็จการ ฯ
อนุสรณ์
จังหวัดอุบลราชธานีได้ตั้งชื่อถนนสายหนึ่งว่า ถนนพรหมเทพ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระนามและคุณงามความดีของพระองค์
เกี่ยวกับนามสกุล
สกุลพรหมโมบล
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามสกุลแก่ทายาทใกล้ชิดของเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ว่า พรหโมบล เขียนเป็นอักษรโรมันว่า Brahmopala ลำดับเลขทะเบียนพระราชทานนามสกุลที่ 1404 ทรงพระราชทานแก่หลวงบุเรศผดุงกิจ (รวย) ปลัดกรมกองตระเวณ เป็นหลานเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์ เมืองอุบลราชธานี 27/4/14 อนึ่ง หลวงบุเรศผดุงกิจ (รวย) ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นที่ พันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นบุตรของนายขำ เป็นพระนัดดาในเจ้าหญิงหนูจีน เจ้าหญิงหนูจีนเป็นพี่น้องกับเจ้าเสือพระบิดาในเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (หน่อคำ) เจ้าหญิงหนูจีนและเจ้าเสือเป็นพระราชธิดาและพระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ดังนั้น พระยาบุเรศผดุงกิจ (รวย พรหโมบล) จึงมีศักดิ์เป็นหลานยายในเจ้าหญิงหนูจีน และมีศักดิ์เป็นหลานตาในเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (หน่อคำ) ผู้ถือว่าเป็นต้นสกุล
สกุลเทวานุเคราะห์
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามสกุลแก่ทายาทใกล้ชิดของเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ว่า เทวานุเคราะห์ เขียนเป็นอักษรโรมันว่า Devanugrah ลำดับเลขทะเบียนพระราชทานนามสกุลที่ 3/6435 ทรงพระราชทานแก่นายจันทร์แพ บุตรชายเจ้าจันทร์โสม (จันทร์โฉม) ลำดับอักษร ท ที่ 24 พระราชทานเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2471 อนึ่ง เจ้าจันทร์โสมเคยได้รับการสถาปนาเป็นพระสนมในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) และได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า เจ้าจอมมารดาจันทร์โฉม และมีพระราชธิดา 1 พระองค์ คือพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงไม่ปรากฏพระนาม ต่อมาเจ้าจอมมารดาจันทร์โฉมได้สมรสใหม่และมีบุตรชายคือนายจันทร์แพ เจ้าจอมมารดาจันทร์โฉมเป็นพี่น้องกับเจ้าเสือพระบิดาของเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (หน่อคำ) ทั้ง 2 พระองค์เป็นพระราชธิดาและพระราชโอรสในเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ดังนั้น นายจันทร์แพ จึงมีศักดิ์เป็นหลานลุงในเจ้าเสือ และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง (น้องชาย) ในเจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงษ์ (หน่อคำ) ผู้ถือว่าเป็นต้นสกุล
สกุลพรหมเทพ
ก่อนหน้า | เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์วงศ์ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี (พ.ศ. 2409 - พ.ศ. 2425) |
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-15. สืบค้นเมื่อ 2010-05-08.
- บำเพ็ญ ณ อุบล และคณะ. อุบลราชธานี 200 ปี. กรุงเทพฯ : ชวนพิมพ์. 2535.
- หม่อมอมรวงศ์วิจิตร (ม.ร.ว. ปฐม คเนจร). พงศาวดารหัวเมืองมณฑลอิสาณ : ตีพิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาค 4. ม.ป.ท. : ม.ป.พ., ม.ป.ป..
- คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี. เรื่อง ทรงตั้งเจ้าประเทศราช กรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1. ม.ป.ท. : สำนักนายกรัฐมนตรี, 2514. น. 5-7.
- เติม วิภาคย์พจนกิจ. ประวัติศาสตร์อีสาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2546. น. 111.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-10. สืบค้นเมื่อ 2016-07-29.
- https://th.wikisource.org/wiki/%[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-06-19. สืบค้นเมื่อ 2021-09-02.
- https://sites.google.com/site/thailandsurname/home/-ph-1
- กรมศิลปากร. นามสกุลพระราชทานในรัชกาลที่ 7 ถึงรัชกาลปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : เดือนตุลา. 2554. น. 55
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnitxngkarcdrupaebbkhxkhwam karcdhna karaebnghwkhx karcdlingkphayin aelaxun bthkhwamnitxngkarphisucnxksr xacepndankarichphasa karsakd iwyakrn rupaebbkarekhiyn hruxkaraeplcakphasaxun bthkhwamnitxngkaraehlngxangxingephimephuxphisucnkhxethccring ecaphrhmethwanuekhraahwngs miphranametmwa ecaphrhmethwanuekhraahwngs darngrthsimaxublrachthanibal phranamedimwa ecahnxkha phrhmethphskulecaphrhmethwanuekhraahwngs hnxkha phrhmethph ecapraethsrachphukhrxngemuxngxublrachthanisriwnailypraethsrachkxnhnathdiprachbutr hnukha khxmulswnbukhkhlekidph s 2368 nkhrhlwngewiyngcnthnesiychiwit5 phvsphakhm ph s 2429 ewla 10 00 n ess krungethphmhankhrsasnasasnaphuthth thrngepnecaemuxngxublrachthanixngkhthi 5 inthanaecapraethsrachtxcak phrapraethsrachphukhrxngemuxngxublrachthanixngkhthi 4 trngkbrchsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 thungrchkalphrabathsmedcphraculcxmeklaecaxyuhw rchkalthi 5 edimmiphraysintaaehnngkhnaxayasiepnthiecarachwngsnkhrcapaskdi insmy phrarachoxrsinecaxnuwngsepnecankhrcapaskdi ecaphrhmethwanuekhraahwngsthrngepntnskulphrarachthan 3 skulkhux phrhmombl ethwanuekhraah aela phrhmethphrachtrakulaehngrachwngsewiyngcnthnecaphrhmethwanuekhraahwngsthrngsubechuxsayrachtrakulmacakrachwngsewiyngcnthnxnekaaek phraxngkhepnphraoxrsinecaesuxkbecanangthxnaekw ecaesuxphuepnphrabidannepnphrarachoxrsinecaxnuwngs phramhakstriyaehngnkhrewiyngcnthnphraxngkhsudthay dngnn ecaphrhmethwanuekhraahwngscungmiskdiepnphrarachndda hlanpu insmedcphraecaichyechsthathirachthi 5 aelaepnphrarachpndda ehlnthwd insmedcphraecaichyechsthathirachthi 3 smedcphraecasiribuysar fayphramardakhuxecanangthxnaekwnnepnphrathidainsmedcecamhaxuphat tissa phuepnxuprachnkhrhlwngewiyngcnthninsmysngkhramkuexkrachkhxngsmedcphraecaichyechsthathirachthi 5 aelasmedcecamhaxuphat tissa yngepnphrarachxnuchatangphramardakbsmedcphraecaichyechsthathirachthi 5 dngnn ecaphrhmethwanuekhraahwngscungmiskdiepnphrarachndda hlanta insmedcecamhaxuphat tissa xikdwy ecaphrhmethwanuekhraahwngsmiphrayatiiklchidepnphrakhnisthphkhini nxngsaw khuxecahyinghnumn sungtxmaidrbkarsthapnaepnecacxmmardainphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 odyidrbphrarachthanphranamihmwa ecacxmmardadwngkha ecahyinghnumnepnphrathidainecakhlikbecanangthxnaekw ecakhliepnphrarachoxrsinecaxnuwngs ecakhlicungmiskdiepnphinxngkbecaesuxphuepnphrabidainecaphrhmethwanuekhraahwngs fayecanangthxnaekwnnepnphrathidainsmedcecamhaxuphat tissa dngnn ecaphrhmethwanuekhraahwngsaelaecacxmmardaecahyingdwngkha cungepnphinxngrwmphramardaaettangphrabidakn nxkcakni ecaphrhmethwanuekhraahwngsyngmiskdiepnlungkhxng phraecabrmwngsethx phraxngkhecanarirtna aela phraecabrmwngsethx phraxngkhecapradisthasari phrarachthidainphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 kbecacxmmardadwngkha aelaecaphrhmethwanuekhraahwngsyngmiskdiepnhlanlunginsmedcecarachbutr oy phraecankhrcapaskdi phuepnphraechsthakhxngecaesuxphrabidainecaphrhmethwanuekhraahwngskhunepnecapraethsrachemuxngxublrachthanini edimaerktngemuxngmithanaepnemuxngpraethsrach praktkhwaminexksarcdhmayehtu r 1 c s 1154 elkhthi 2 smudithyda eruxngthrngtngecapraethsrachkrungrtnoksinthr rchkalthi 1 wadwyeruxngtngihphraprathum epnphraprathumwrrachsuriywngsemuxngxublrachthani khwamwa dwy phrabathsmedcphraphuththiecaxyhw phuphanphiphphkrungethphphramhankhrsrixyuththya miphrarachoxngkaroprdeklaoprdkrahmxmtngihphraprathum epnphraprathumwwrrachsuriywngs khrxngemuxngxublrachthanisriwanailpraethsrach eskih n wn 2 13 8 khaculskrach 1154 pichwdctwask phupkkhrxngemuxngmiphraysepnphrapraethsrach niymxxkkhananamphraysincarukwa phra echn phraprathum phraphrhm epntn ecanaysayaerkthipkkhrxngemuxngthrngpkkhrxngemuxngdxnmdaedngmakxn thrngsubechuxsaycakrachtrakulnkhrsristnakhnhutlanchangewiyngcnthnhruxrachwngsaesnthiphynabw thiaeykyxymacakrachtrakullanchangewiyngcnthnxikthi tngaetkhrngphraphrhmwrrachsuriywngs thawthidphrhm ecaemuxngphraxngkhkxnethingaekphiraly thangrachkarbanemuxngkynghatwecaemuxngcapkkhrxngmiid phraecaaephndinsyamcungthrngphrakrunaoprdekla aetngtngecarachwngs hnxkha ecanayinkhnaxayasiemuxngnkhrcapaskdi phuepnphraechsthainecacxmmardaecahyingdwngkhamaepnecaemuxngxublrachthani thrngphrakrunaoprdekla phrarachthanphranamwa ecaphrhmethwanuekhraahwngs darngrthsima xublrachthanibal ephuxihkhlxngknkbphranamkhxng ecacnthrethphsuriywngs darngrthsima mukdaharathibdi hruxecahnu ecaphukhrxngemuxngmukdaharburi bngmuk phuepnphrayatiiklchid swntaaehnngecarachwngsnkhrcapaskdiemuxwanglngaelwnn kthrngphrakrunaoprdekla ihecaphimphisar bwraphnth phraoxrsinecanud phrarachnddainecankhrcapaskdi hmanxy hrux phrhmanxy rbtaaehnngsubipwiwathkbecanaykrmkaremuxngxublrachthaniphinxngkarphrasasnaxyechiyphraecathxngthiphycaknkhrewiyngcnthn srangwdichymngkhl wdthrrmyutiknikayladb 4 aehngemuxngxublrachthani wdichymngkhlepnwdrasdr tngxyu n elkhthi 2 thnnsurskdi tablinemuxng xaephxemuxng cnghwdxublrachthani rhsiprsniy 34000 mienuxthi 14 ir 3 ngan 89 7 tarangwa tamexksarochndthi 1945 elkhthidin 1 hnasarwc 106 elmthi 20 hna 45 tablinemuxng xaephxemuxng cnghwdxublrachthani xxkihtngaetwnthi 2 phvsphakhm ph s 2499 odymixanaekhtthisehnuxcrdthnnpholchy thisitcrdthnnsurskdi thistawnxxkcrdthnnsatharnpraoychn thistawntkcrdthidinexkchn wdichymngkhlepnwdekaaekwdhnungkhxngcnghwdxublrachthani odyepnwdthisrangkhunepnladbthi 4 inbrrdawdthisngkdthrrmyutiknikayinemuxngxublrachthani odywdaerkthisrangkhunkhuxwdsuptnaramwrwihar srangodyphraphrhmwrrachsuriywngs thawthidphrhm tnsayskul phrhmwngsannth ph s 2338 2388 ecaemuxngxublrachthanixngkhthi 2 wdthisrangkhunepnladbthi 2 khuxwdsrixublrtnaram wdsrithxng srangodyphraxuphad oth tnrachtrakul n xubl aelakhnakrmkaremuxngxublrachthani odyerimsrangkudi wihar aelasalakarepriyykhuninpi ph s 2398 nxkcakniecanayphunemuxngxublrachthaniyngidrwmmuxknsrangwdsuthsnaram sungepnwdinsngkdthrrmyutiknikayaehngthi 3 swnwdichymngkhlnnepnwdsngkdthrrmyutiknikayinladbthi 4 mulehtusrangwdichymkhl wdichymngkhlsrangkhunodyecaphrhmethwanuekhraahwngs ph s 2409 2425 trngkbsmyphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 mulehtukarsrangwdichymngkhlkhunnn tamprawtiklawwa emuxphuththskrach 2409 hlngcakthiphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 thrngmiphrabrmrachoxngkaroprdekla ihecaphrhmethwanuekhraahwngs bangxxkphranamwaecaphrhmethwanusrn epnecaphukhrxngemuxngxublrachthaniphraxngkhthi 4 aelw inpiediywknidekidkbthxkhunthinkhrhlwngewiyngcnthnfngpraethslaw khnannsyamthuxwaaephndinfngsayaemnaokhngyngepnpraethsrachkhxngsyamxyu phrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 cungidmiphrabrmrachoxngkarihecaphrhmethwanuekhraahwngs ykkxngthphipprabkbthxthinkhrhlwngewiyngcnthn emuxphraidrbphrabrmrachoxngkaraelw phraxngkhcungsngihaemthphnaykxngrwbrwmiphrphl phraxngkhehnwasthanthirwbrwmiphrphlhruxbriewnthitngwdpccubnni mikhwamrmrun mitnophthitnithrecriyngxkngamxyuepncanwnmak sthanthinimichyphumixndiehmaathicaepnthirwbrwmiphrphlephuxykkxngthphipprabkbthx dwykhwamthiecaphrhmethwanuekhraahwngsthrngmiechuxsaymacakphramhakstriythiepnnkrb phraxngkhcungsamarthprabkbthxsaercxyangngayday hlngesrcsuksngkhramaelwcungedinthangklbmathiemuxngxublrachthani aelathrngdarithicasrangxnusrnsthanaehngchychnakhun n sthanthirwbrwmiphrphl phraxngkhcungthrngrwbrwmkalngsrththacakehlakharachbriphar iphrphl aelachawbanchawemuxngxublrachthani srangwdkhun n sthanthiekhyepnthirwbrwmiphrphlkxnedinthangipprabkbthx inpiphuththskrach 2414 odyphrarachthannamwdwa wdichymngkhl ephuxepnxnusrnaehngchychna phrxmthngidxyechiyphraphuththrupsakhy khux phraprabiphriphinas thixyechiymacaknkhrhlwngewiyngcnthn mapradisthaniwthiwdichymngkhlaehngni swnxikxngkhhnungkhux phrathxngthiphy thrngnaippradisthaniwthiwdsrithxnghruxwdsrixublrtnaram inpccubn emuxdaeninkarsrangwdesrceriybrxyaelw ecaphrhmethwanuekhraahwngsphrxmthngchawbanchawemuxngidkrabxarathnaecaxthikarsiohhruxthanxyyasinghcakwdsrixublrtnaram maepnecaxawaswdichymngkhlrupaerk ladbecaxawaswdichymngkhl ph s 2414 2553 ecaxthikarsioh ecaxthikarsingh ecaxawasrupaerk ph s 2414 edimxyuwdsrithxng yakhrula banedimxyubanpladuk yakhrukha banedimxyubankanehluxng phraxacarythxng phraxacarymhakhaaesn phraxacarykxng phrakhruchionwathsathr phramhaxuthy pphs sor pth 4 ph s 2499 2538 phrakhrumngkhlchykhun phrasmchay kl yaon ph s 2538 2543 phrakhrucitwisuththiyankhun phracturngkh yanut tom ph s 2543 pccubn 2553 phlnganesdcrachkarthphsukhx khxtngemuxngchanumanmlthlaelaemuxngphnanikhm rwbrwmtananemuxngcapaskdi ecaphrhmethwanuekhraahwngsthrngepnecanaylawphraxngkhhnungthimibthbathsakhyinkarkhnkhwa aelarwbrwmtananemuxngnkhrcapaskdirwmknkbecarachwngsphuepnecanaylawcaknkhrcapaskdi tanannithukrwbrwmiwinprachumphngsawdarphakhthi 70 eriykwa tananemuxngnkhrcapaskdi chabbecaphrhmethwanuekhraah aelaecarachwngs dngpraktkhwamintxntnkhxngtananwa wn 4 eduxn 6 khunkha 3 pirakatriskskrach 1223 trngkbpikhvstskrach 1861 epnpithi 11 inrchchkalthi 4 inphrabrmrachwngsxnni phrabathsmedcphrapremnthrmhamngkud suththsmmtiethphyphngswngsadiswrkstriy wrkhttiyrachnikordm caturntbrmrachmhackrphrrdirachsngkas bremthrrhikmharachathirach brmnarthbphitrphracxmeklaecaxyuhw epnphraecaaephndinihythi 4 inphrabrmrachwngsxnni miphrabrmrachoxngkardarssngphrasrisunthrowharecakrmphraxalksn aelaecaphrhmethwanuekhraahecaemuxngxublrachthani aelaecarachwngsemuxngnkhrcapaskdieka sungepnothstxngthxdxxknxkrachkarkhangxyunaninkrungethphmhankhr marwbrwmphngsawdarekakhxngemuxngnkhrcapaskdi aelarwbrwmcdhmayehtuekaihmmiin 4 aephndinmaeluxkexakhwamtamsmkhwr aelweriyngeruxngphraphuththptimakraekwphlukexkxudmlngiw ephuxcaihphuxanidthrabkhwamedim tamehtuthimicringepncringdngcaklawipni tananemuxngnkhrcapaskdichbbni idthuknamaxangxingthangwichakarekiywkbprawtisastrlawaelaprawtisastrxisanxyubxykhrnginwngkarsuksawichaprawtisastryukhpccubnthungaekxsykrrmaelakarphrarachthanephlingecaphrhmethwanuekhraahwngsthrngpwyepnxhiwatkorkh maaetwnxngkhar eduxnhk khun 2 kha picx xthsk ph s 2429 idhahmxechlyskdimarksaxaharhakhlayim khrn n wnphuth eduxnhk khun 3 kha picx xthsk 5 phvsphakhm ph s 2429 ewlaechasiomngess ecaphrhmethwanuekhraahwngs idthungaekxsykrrminkrungethph xayu 61 pi odyecaphnknganidnasphipfngiwtamsmkhwr ewlalwngmathung 21 pi cungidthrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmphrarachthanephlingphrasph n wdethphsirinthrawas phrxmkbphrasphkhxngphrakhnisthphkhinikhux ecacxmmardadwngkha inphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhw rchkalthi 4 sungthrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmphrarachthanephlingphrasphemuxwnthi 1 minakhm r s 126 ph s 2450 khrninwnthdma n wnthi 2 minakhm r s 126 phayhlngcakphithiekbxthiecacxmmardadwngkhaaelw ecaphnkngancungidchksphecaphrhmethwanuekhraahwngskhuntnginemru prakxbhibthxngthub nganmohrsphkhngmixyangwnkxn ewlabayphrarachthanephling phrarachthanphaitr 5 itr phakhawphb 10 phb klpphvks 2 tn tnla 20 bath kbdxkimephling aelahnng wnrungkhun ewlaecha ecaphnkngandbephlingaeprrupekbxthiaelw epnesrckar xnusrncnghwdxublrachthaniidtngchuxthnnsayhnungwa thnnphrhmethph ephuxepnkarralukthungphranamaelakhunngamkhwamdikhxngphraxngkhekiywkbnamskulskulphrhmombl phrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw rchkalthi 6 thrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmphrarachthannamskulaekthayathiklchidkhxngecaphrhmethwanuekhraahwngswa phrhombl ekhiynepnxksrormnwa Brahmopala ladbelkhthaebiynphrarachthannamskulthi 1404 thrngphrarachthanaekhlwngbuersphdungkic rwy pldkrmkxngtraewn epnhlanecaphrhmethwanuekhraah emuxngxublrachthani 27 4 14 xnung hlwngbuersphdungkic rwy txmaidrbphrarachthanbrrdaskdiepnthi phntarwcexk phrayabuersphdungkic xthibdikrmtarwc epnbutrkhxngnaykha epnphranddainecahyinghnucin ecahyinghnucinepnphinxngkbecaesuxphrabidainecaphrhmethwanuekhraahwngs hnxkha ecahyinghnucinaelaecaesuxepnphrarachthidaaelaphrarachoxrsinecaxnuwngsaehngewiyngcnthn dngnn phrayabuersphdungkic rwy phrhombl cungmiskdiepnhlanyayinecahyinghnucin aelamiskdiepnhlantainecaphrhmethwanuekhraahwngs hnxkha phuthuxwaepntnskul skulethwanuekhraah phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw rchkalthi 7 thrngphrakrunaoprdeklaoprdkrahmxmphrarachthannamskulaekthayathiklchidkhxngecaphrhmethwanuekhraahwngswa ethwanuekhraah ekhiynepnxksrormnwa Devanugrah ladbelkhthaebiynphrarachthannamskulthi 3 6435 thrngphrarachthanaeknaycnthraeph butrchayecacnthrosm cnthrochm ladbxksr th thi 24 phrarachthanemuxwnthi 28 phvscikayn ph s 2471 xnung ecacnthrosmekhyidrbkarsthapnaepnphrasnminphrabathsmedcphranngeklaecaxyuhw rchkalthi 3 aelaidrbphrarachthanphranamihmwa ecacxmmardacnthrochm aelamiphrarachthida 1 phraxngkh khuxphraecalukethx phraxngkhecahyingimpraktphranam txmaecacxmmardacnthrochmidsmrsihmaelamibutrchaykhuxnaycnthraeph ecacxmmardacnthrochmepnphinxngkbecaesuxphrabidakhxngecaphrhmethwanuekhraahwngs hnxkha thng 2 phraxngkhepnphrarachthidaaelaphrarachoxrsinecaxnuwngsaehngewiyngcnthn dngnn naycnthraeph cungmiskdiepnhlanlunginecaesux aelamiskdiepnlukphiluknxng nxngchay inecaphrhmethwanuekhraahwngs hnxkha phuthuxwaepntnskul skulphrhmethph kxnhna ecaphrhmethwanuekhraahwngs thdipphuwarachkarcnghwdxublrachthani ph s 2409 ph s 2425 xangxing bthkhwamchiwprawtiniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 10 15 subkhnemux 2010 05 08 baephy n xubl aelakhna xublrachthani 200 pi krungethph chwnphimph 2535 hmxmxmrwngswicitr m r w pthm khencr phngsawdarhwemuxngmnthlxisan tiphimphinprachumphngsawdarphakh 4 m p th m p ph m p p khnakrrmkarcdphimphexksarthangprawtisastr sanknaykrthmntri eruxng thrngtngecapraethsrach krungrtnoksinthr rchkalthi 1 m p th sanknaykrthmntri 2514 n 5 7 etim wiphakhyphcnkic prawtisastrxisan phimphkhrngthi 4 krungethph mhawithyalythrrmsastr 2546 n 111 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 07 10 subkhnemux 2016 07 29 https th wikisource org wiki lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 06 19 subkhnemux 2021 09 02 https sites google com site thailandsurname home ph 1 krmsilpakr namskulphrarachthaninrchkalthi 7 thungrchkalpccubn krungethph eduxntula 2554 n 55