เกาะดอนแท่น ชาวบ้านเรียก เกาะดอนแห้ง หรือ เกาะกลาง ในแผนที่เส้นเขตแดนในแม่น้ำโขงที่เขียนตามสนธิสัญญาสยามกับฝรั่งเศสเรียกว่า หาดเกาะหลวง (Hat Coh Luang) เป็นเกาะในอดีตกลางแม่น้ำโขง จากหลักฐานในสมัยหลังปรากฏว่าคงมีเกาะนี้ระหว่าง พ.ศ. 2446–2528 เกาะนี้ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนไทยกับลาว ใกล้ฝั่งไทย
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpODRMemcwTHlWRk1DVkNPU1U0TUNWRk1DVkNPQ1U0TVNWRk1DVkNPQ1ZDTWlWRk1DVkNPQ1ZDTUNWRk1DVkNPQ1U1TkNWRk1DVkNPQ1ZCUkNWRk1DVkNPQ1U1T1NWRk1DVkNPU1U0TVNWRk1DVkNPQ1U1TnlWRk1DVkNPU1U0T0NWRk1DVkNPQ1U1T1Y4bFJUQWxRamdsT1RZbFJUQWxRamtsT0RnbFJUQWxRamdsUWpJbFJUQWxRamdsUVRJbFJUQWxRamtsT0RBbFJUQWxRamdsUVRFbFJUQWxRamdsUWpjbFJUQWxRamtsT0RnbFJUQWxRamdsUVVSZkpVVXdKVUk0SlRsRkxpVkZNQ1ZDT0NWQk9DNWZNalV3TVM1cWNHY3ZNakl3Y0hndEpVVXdKVUk1SlRnd0pVVXdKVUk0SlRneEpVVXdKVUk0SlVJeUpVVXdKVUk0SlVJd0pVVXdKVUk0SlRrMEpVVXdKVUk0SlVGRUpVVXdKVUk0SlRrNUpVVXdKVUk1SlRneEpVVXdKVUk0SlRrM0pVVXdKVUk1SlRnNEpVVXdKVUk0SlRrNVh5VkZNQ1ZDT0NVNU5pVkZNQ1ZDT1NVNE9DVkZNQ1ZDT0NWQ01pVkZNQ1ZDT0NWQk1pVkZNQ1ZDT1NVNE1DVkZNQ1ZDT0NWQk1TVkZNQ1ZDT0NWQ055VkZNQ1ZDT1NVNE9DVkZNQ1ZDT0NWQlJGOGxSVEFsUWpnbE9VVXVKVVV3SlVJNEpVRTRMbDh5TlRBeExtcHdadz09LmpwZw==.jpg)
ประวัติ
ใน ชินกาลมาลีปกรณ์ มีชื่อ เกาะหลวง ซึ่งเชื่อว่าคือเกาะดอนแท่น กล่าวถึงเจ้ามหาพรหมได้นำพระพุทธสิหิงค์มาเมืองเชียงราย เพื่อทำเลียนแบบ จากนั้นจึงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มายังเมืองเชียงแสน เพื่อกระทำพิธีสวดพุทธาภิเษกที่เกาะดอนแท่น ยังระบุว่ามีพระมหาเถระหลายองค์ได้มากระทำพิธีอุปสมบทให้แก่กุลบุตรหลายครั้งในระหว่างรัชสมัยพญาคำฟู (พ.ศ. 1881–1888) และพระเมืองแก้ว (พ.ศ. 2038–2068)
พงศาวดารฉบับราษฎร์พื้นเชียงแสน มีการกล่าวถึงการสร้างวัดพระแก้ว วัดพระคำ เมื่อ พ.ศ. 1925 ความว่า "เมื่อ พ.ศ.1929 พระมหาเถรสิริวังโส นำพระพุทธรูปชื่อพระแก้ว กับพระคำ เข้ามายังเชียงแสน เมื่อพบภูมิประเทศที่ดอนแท่น (กลางแม่น้ำโขง) ก็พอใจ ขออนุญาตจากมหาเทวี สร้างวิหารวัดพระคำไว้ด้านเหนือ วิหารวัดพระแก้วไว้ด้านใต้"
ในประชุมพงศาวดารภาคที่ 61 พงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสน ระบุว่าเจ้าผู้ครองเมืองเชียงแสนมักจะมากระทำพิธีทางพุทธศาสนา มาสักการะเจ้าผู้ครองเมืองตามโบราณราชประเพณีบนเกาะแห่งนี้ การสถาปนาวัดต่างๆ หลายวัดบนเกาะดอนแท่น เช่นระบุว่า พระมหาเถรเจ้าศิริวังโสได้นำพระพุทธรูปมา 2 องค์ จึงได้สร้างวัดพระแก้ว และวัดพระคำบนเกาะดอนแท่น เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสององค์ เมื่อ พ.ศ. 1930 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพญาแสนเมืองมา (พ.ศ. 1929-1944) และวัดที่สร้างขึ้นบนเกาะดอนแท่นมีจำนวน 10 วัด ปรากฎชื่อวัดพระทองทิพ
ใน พงศาวดารโยนก เรียกเกาะดอนแท่นว่า เกาะดอนแท่น เกาะบันลังตระการ หรือ ปักลังกทิปะกะ กล่าวว่าเกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในการทำพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธสิหิงค์และบวชกุลบุตร เช่นเดียวกับที่กล่าวอ้างในชินกาลมาลีปกรณ์ มีพระราชวังซึ่งพญาแสนภูทรงสร้างอยู่ทางทิศเหนือของเกาะ ซึ่งปัจจุบันสันนิษฐานว่าคือบริเวณสถานีตำรวจภูธร อำเภอเชียงแสน ที่ทำการอำเภอเชียงแสน และอาจจะอีกบางส่วนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) พญาแสนภูประทับอยู่ในพระราชวังบนเกาะดอนแท่นจนสวรรคต และตั้งพระบรมศพบนเกาะดอนแท่นระยะหนึ่ง
บ้างสันนิษฐานว่าเกาะนี้น่าจะถล่มจมลงในแม่น้ำโขงก่อน พ.ศ. 2347 อันเป็นช่วงที่เมืองเชียงแสนถูกเผาทำลายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพื่อไม่ให้เป็นที่ซ่องสุมกำลังพลของทหารพม่า
จากข้อมูลการสัมภาษณ์คนท้องถิ่น ณ พ.ศ. 2540 เกาะมีความกว้างสุดประมาณ 40 เมตร ความยาวประมาณ 600 เมตร สภาพเป็นเนินทราย มีต้นไม้ขึ้นใหญ่น้อย เช่น ต้นงิ้วและต้นไคร้ ทางด้านเหนือและบริเวณที่คอดเกือบส่วนปลายของเกาะจะเป็นชายหาดที่ถูกกัดเซาะ จนเหลือแต่หินกรวดเต็มไปหมด บริเวณหัวเกาะส่วนที่คอดด้านตะวันออกจะมีน้ำวน และบริเวณหัวเกาะส่วนที่คอดด้านทิศตะวันตกจะเป็นคุ้งน้ำ ในฤดูแล้งชาวเชียงแสนจะนำวัวควายมาเลี้ยงบนเกาะนี้
ภายหลังเนินทรายบนเกาะค่อย ๆ หายไปจากการที่มีการขุดดินเพื่อร่อนหาทอง รวมถึงการกัดเซาะของแม่น้ำโขง จากภาพถ่ายทางอากาศเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2530 และข้อมูลแผนที่ในเขตประเทศไทยรวบรวมถึง พ.ศ. 2532 ก็ไม่ปรากฏเกาะนี้แล้ว
โบราณวัตถุ
การค้นพบพระพุทธรูปกลางลำน้ำโขงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อราว พ.ศ. 2479 พบเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมากลางน้ำ ใกล้กับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเชียงแสน ต่อมามีการค้นพบพระรัศมีสำริดขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งจากลำน้ำโขงหน้าเมืองเชียงแสน เชื่อว่าเป็นรัศมีของ พระเจ้าล้านตื้อ (พระเจ้าทองทิพย์) เศียรพระที่พบเมื่อ พ.ศ. 2479 ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน มีการคำนวณกันว่าพระเจ้าล้านตื้อน่าจะสูงถึงกว่า 9 เมตร
พ.ศ. 2488 พบเสาวิหารขนาดใหญ่จำนวน 2–3 ต้นล้มทับกัน จมอยู่ในแม่น้ำโขงลึกประมาณ 4 เมตร ที่บริเวณสามแยกหน้าสถานีตำรวจภูธร อำเภอเชียงแสน ต่อมา พ.ศ. 2489–2490 พบพระกรรณของพระพุทธรูปประทับนั่งขนาดใหญ่
15–16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 พบพระพุทธรูปขนาดเล็ก และพระพิมพ์ขนาดย่อม ศิลปะเชียงแสนหลายองค์
16 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว มีการขุดการค้นพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่กลางแม่น้ำโขง ขนาดหน้าตักกว้าง 1.22 เมตร และสูงราว 3 เมตร น่าจะเป็นพระประธานของวัดสำคัญ (วัดหลวง) บ้างเชื่อว่าเป็น พระเจ้าล้านตื้อ พระพุทธรูปใน ตำนานเชียงแสน
อ้างอิง
- เพ็ญสุภา สุขคตะ. ""ล้านนาศึกษา" ใน "ไทยศึกษาครั้งที่ 13" (3) แกะรอยปริศนาเกศโมลี เมืองเชียงแสน ตอนที่ 1". มติชนสุดสัปดาห์.
- "เวียงหนองหล่ม(ล่ม) หรือ เกาะแม่ม่าย". เทศบาลตำบลโยนก.
- "ส่อเป็นเรื่อง! ลาวท้วงไทยล่องเรือส่องสแกน-งมหา "พระเจ้าล้านตื้อ" กลางแม่น้ำโขง หวั่นกระทบเขตแดน". ผู้จัดการออนไลน์.
- ""ครูบาดังเชียงแสน"ชี้พระพุทธรูปโบราณพบในหาดทรายน้ำโขงฝั่งลาวคาดอยู่บนเกาะดอนแท่นในตำนาน". สยามรัฐ.
- ปริวรรต ธรรมาปรีชากร. "ตามรอย "พระเจ้าล้านตื้อ" พระพุทธรูปแห่งลำน้ำโขง". ศิลปวัฒนธรรม.
- "รู้จักพระเกศโมลี "เปลวรัศมี" ปริศนาแห่งเชียงแสน ร้อยกว่าปียังหาองค์พระพุทธรูปไม่พบ". สนุก.คอม.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์