อาโมส-เมริทอามุน เป็นพระราชินีแห่งอียิปต์โบราณในช่วงต้นราชวงศ์ที่สิบแปด พระองค์เป็นทั้งพระขนิษฐาและพระมเหสีของฟาโรห์อเมนโฮเทปที่หนึ่ง พระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังน้อยและถูกฝังอยู่ในหลุมฝังพระศพหมายเลข TT358 ใน El-bahari
อาโมส-เมริทอามุน ในไฮเออโรกลีฟ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อาโมส-เมริทอามุน บุตรแห่งดวงจันทร์, ผู้เป็นที่รักของอามุน |
อาโมส-เมริทอามุน | |
---|---|
รูปสลักหินของพระนางอาโมส-เมริทอามุน | |
สุสาน | ในธีบส์ |
คู่สมรส | ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่หนึ่ง |
บิดามารดา | ฟาโรห์อาโมสที่หนึ่ง อาโมส-เนเฟอร์ทาริ |
พระประวัติ
อาโมส-เมริทอามุน เป็นพระราชธิดาของฟาโรห์อาโมสที่หนึ่งกับพระมเหสีอาโมส-เนเฟอร์ทาริ และกลายเป็นพระมเหสีของพระเชษฐาของพระองค์ ฟาโรห์อเมนโฮเทปที่หนึ่ง ซึ่งเป็นฟาโรห์ของอียิปต์โบราณในราชวงศ์ที่สิบแปด
พระนางเมริทอามุน ปรากฎอยู่ในภาพสลักในหลุมฝังศพของอินเฮอร์เคา (TT359) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในราชวงศ์ที่ยี่สิบ พระองค์เป็นหนึ่งใน "เทพเจ้าแห่งทิศตะวันตก" ตำแหนางของพระองค์ในแถวด้านบนหลังพระราชินีอาโฮเทปที่ 1 และในด้านหน้าของพระราชินี
การสิ้นพระชนม์และที่ฝังพระศพ
พระศพของพระองค์ถูกค้นพบที่ El-bahri ใน TT358 ใน ค.ศ.1930 โดย Herbert eustis winlock พระศพถูกพบในโลงศพไม้ซีดาร์ พระศพของได้รับการห่อผ้าลินินใหม่และย้ายที่ฝังพระศพ โดยนักบวชที่ได้พบหลุมฝังพระศพของพระองค์ที่ได้ถูกโจรปล้นสุสาน ปรากฏว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อพระองค์ค่อนข้างหนุ่มสาวที่มีหลักฐานของการเป็นทุกข์กับโรคข้ออักเสบ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
โลงศพชั้นนอก (ตอนนี้ถูกเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์อียิปต์) เป็นโลงไม้ขนาด 10 ฟุต ทำจากไม้ซีดาร์แผ่นที่เข้าร่วมและแกะสลักเพื่อเครื่องแบบความหนาตลอดของโลงศพ ตาและคิ้วฝังด้วยแก้ว ร่างกายอย่างระมัดระวังแกะสลักกับบั้งยศทาสีในสีฟ้าเพื่อสร้างภาพลวงตาของขน. โลงศพที่ถูกครอบคลุมไปด้วยทอง ซึ่งต่อไปได้ถูกปล้นในสมัยโบราณ ส่วนโลงศพชั้นในเป็นมีขนาดเล็ก สูงประมาณ 6 ฟุต โลงศพชั้นในได้ถูกเคลือบด้วยทอง แต่ปล้นจนเหลือแค่โลงไม้ ทำให้พระศพของพระองค์ได้รับการห่อผ้าลินินใหม่ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของฟาโรห์พิเนดเจมที่หนึ่ง บันทึกว่าผ้าลินินที่ใช้ในการบูรณะพระศพทำในปีที่ 18 ของการครองราชย์ โดยมหาปุโรหิตมาซาเฮอร์ตา พระราชโอรสของฟาโรห์พิเนดเจมที่หนึ่ง การบูรณะนี้เกิดขึ้นในปีที่ 19 เดือนที่ 3 ของฤดูหนาว, วันที่ 28
อ้างอิง
- Aidan Dodson & Dyan Hilton: The Complete Royal Families of Ancient Egypt. Thames & Hudson, 2004, ISBN , p.123, 127, 129
- Grajetzki, Ancient Egyptian Queens: A Hieroglyphic Dictionary, Golden House Publications, London, 2005, ISBN
- "Upper part of a limestone statue of Queen Ahmose-Merytamun," The British Museum Web site.
- Tyldesley, Joyce. Chronicle of the Queens of Egypt. Thames & Hudson. 2006. p. 91, ISBN
- H. E. Winlock, The Tomb of Queen Meryetamun: I The Discovery, The Metropolitan Museum of Art Bulletin New Series, Vol. 33, No. 2 (Summer, 1975), pp. 77-89; Article Stable URL: http://www.jstor.org/stable/3258743
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xaoms emrithxamun epnphrarachiniaehngxiyiptobraninchwngtnrachwngsthisibaepd phraxngkhepnthngphrakhnisthaaelaphramehsikhxngfaorhxemnohethpthihnung phraxngkhsinphrachnmtngaetxayuyngnxyaelathukfngxyuinhlumfngphrasphhmayelkh TT358 in El baharixaoms emrithxamun inihexxorklifxaoms emrithxamun butraehngdwngcnthr phuepnthirkkhxngxamunxaoms emrithxamunrupslkhinkhxngphranangxaoms emrithxamunsusaninthibskhusmrsfaorhxemnohethpthihnungbidamardafaorhxaomsthihnung xaoms enefxrthariphraprawtixaoms emrithxamun epnphrarachthidakhxngfaorhxaomsthihnungkbphramehsixaoms enefxrthari aelaklayepnphramehsikhxngphraechsthakhxngphraxngkh faorhxemnohethpthihnung sungepnfaorhkhxngxiyiptobraninrachwngsthisibaepd phranangemrithxamun prakdxyuinphaphslkinhlumfngsphkhxngxinehxrekha TT359 sungmichiwitxyuinrachwngsthiyisib phraxngkhepnhnungin ethphecaaehngthistawntk taaehnangkhxngphraxngkhinaethwdanbnhlngphrarachinixaohethpthi 1 aelaindanhnakhxngphrarachini phaphwadcaksusankhxngxinehxrekha inxyuchwngrachwngsthiyisib danbnsudcakkhwaipsay faorhxemnohethpthihnung faorhxaomsthihnung xaohethpthi 1 xaoms emrithxamun xaoms sithamun sixamun xaoms ehnuththaemhu xaoms tuemxrrisi xaoms enebtta xaoms siaephr danlangcakkhwaipsay xaoms enefxrthari faorhramessthihnung faorhemnthuohethpthisxng faorhxemnohethpthisxng faorhthaoxthisxng raoms faorhramessthisi faorhthutomsthihnungkarsinphrachnmaelathifngphraspholngimchninkhxngphranangxaoms emrithxamun phrasphkhxngphraxngkhthukkhnphbthi El bahri in TT358 in kh s 1930 ody Herbert eustis winlock phrasphthukphbinolngsphimsidar phrasphkhxngidrbkarhxphalininihmaelayaythifngphrasph odynkbwchthiidphbhlumfngphrasphkhxngphraxngkhthiidthukocrplnsusan praktwaphraxngkhsinphrachnmemuxphraxngkhkhxnkhanghnumsawthimihlkthankhxngkarepnthukkhkborkhkhxxkesb sungxaccaepnsaehtukhxngkarsinphrachnmkhxngphraxngkh olngsphchnnxk txnnithukekbrksainphiphithphnthxiyipt epnolngimkhnad 10 fut thacakimsidaraephnthiekharwmaelaaekaslkephuxekhruxngaebbkhwamhnatlxdkhxngolngsph taaelakhiwfngdwyaekw rangkayxyangramdrawngaekaslkkbbngysthasiinsifaephuxsrangphaphlwngtakhxngkhn olngsphthithukkhrxbkhlumipdwythxng sungtxipidthukplninsmyobran swnolngsphchninepnmikhnadelk sungpraman 6 fut olngsphchninidthukekhluxbdwythxng aetplncnehluxaekholngim thaihphrasphkhxngphraxngkhidrbkarhxphalininihm sungtrngkbrchsmykhxngfaorhphiendecmthihnung bnthukwaphalininthiichinkarburnaphrasphthainpithi 18 khxngkarkhrxngrachy odymhapuorhitmasaehxrta phrarachoxrskhxngfaorhphiendecmthihnung karburnaniekidkhuninpithi 19 eduxnthi 3 khxngvduhnaw wnthi 28xangxingAidan Dodson amp Dyan Hilton The Complete Royal Families of Ancient Egypt Thames amp Hudson 2004 ISBN 0 500 05128 3 p 123 127 129 Grajetzki Ancient Egyptian Queens A Hieroglyphic Dictionary Golden House Publications London 2005 ISBN 978 0 9547218 9 3 Upper part of a limestone statue of Queen Ahmose Merytamun The British Museum Web site Tyldesley Joyce Chronicle of the Queens of Egypt Thames amp Hudson 2006 p 91 ISBN 0 500 05145 3 H E Winlock The Tomb of Queen Meryetamun I The Discovery The Metropolitan Museum of Art Bulletin New Series Vol 33 No 2 Summer 1975 pp 77 89 Article Stable URL http www jstor org stable 3258743