อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 4001 สายชุมพร-ปากน้ำ ตำบลบางหมาก เชิงสะพานท่านางสังข์ ห่างจากอำเภอเมืองชุมพร ประมาณ 5 กิโลเมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของยุวชนทหารที่ทำการรบต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น ที่รุกรานเข้ามาในประเทศไทย
ประวัติ
อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณความดีและวีรกรรมของผู้กล้าหาญอันประกอบด้วยตำรวจ หน่วยยุวชนทหารที่ 52 โรงเรียนศรียาภัย และกองพันทหารราบที่ 38 ที่ได้รวมกำลังกันต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่ยกพลทางเรือมาขึ้นบกที่กลางอ่าวบ้านคอสน จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เพื่อเดินทางผ่านไทยเข้าตีพม่าและมาลายู ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งบริเวณที่ตั้งอนุสาวรีย์นั้น เป็นบริเวณที่ได้มีการต่อสู้ปะทะกับข้าศึกนั่นเอง ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ญี่ปุ่นทำสนธิสัญญาไตรภาคีกับอิตาลีและเยอรมันซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เพื่อเริ่มการรบครั้งใหม่ หลังจากโจมตีอ่าวเพิลอาร์เบอร์ของอเมริกาจนแหลกราญเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นก็ส่งกำลังกองทัพขนาดมหึมาเข้าตีพม่า และมลายู โดยเดินทัพผ่านประเทศไทย รัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ในขณะนั้นได้ขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่ได้รับการปฏิเสธ
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองทัพเรือญี่ปุ่นจำนวนมากได้ยกพลขึ้นฝั่งที่บางปู จังหวัดสมุทรปราการโดยไม่มีการต่อสู้ผ่านมาถึงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และล่องลงใต้ต่อไปปะทะกับกองกำลังตำรวจที่สุราษฎร์ธานี และยึดเมืองได้แล้วยกพลขึ้นบกได้ที่นครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี ซึ่งมีการสูญเสียชีวิตและกำลังทั้งสองฝ่ายญี่ปุ่นและไทยจากการสู้รบกัน ส่วนที่จังหวัดชุมพร กองกำลังทหารญี่ปุ่นส่งเรือระบายพลขึ้นที่กลางอ่าวบ้านคอสน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เวลา 2 นาฬิกา แต่เนื่องจากบริเวณหน้าบ้านคอสน นั้นมีเลนลึกมาก ทหารญี่ปุ่นต้องติดเลนอยู่จนเกือบรุ่งสว่างทำให้กองกำลังตำรวจเมืองชุมพร หน่วยยุวชนทหารที่ 52 โรงเรียนศรียาภัย และทหารกองพันทหารราบที่ 38 สามารถรวมตัวและเคลื่อนกำลังพลมารับกำลัง ทหารญี่ปุ่นอยู่ที่คอสะพานท่านางสังข์ ฝั่งตะวันออก ใช้เวลาในการรบอยู่ถึง 7 ชั่วโมง ขณะที่ ญี่ปุ่นมีกำลัง 4 - 5 พันคน พร้อมอาวุธหนักและเบาอันทันสมัย แต่ฝ่ายไทยมีทหาร 1 หมวด ยุวชนทหารโรงเรียนศรียาภัยประมาณ 30 นาย และกำลังตำรวจอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็สามารถต่อสู้กันถึง ครึ่งวันจนมีกำลังจากหน่วยเหนือให้ยุติการต่อต้านญี่ปุ่นปล่อยให้กองทัพญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังทางถนน ปากน้ำ - ชุมพร ผ่านไปยังอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง โดยมุ่งหมายที่จะยึดของอังกฤษในพม่า ผลจากการสู้รบกองกำลังจังหวัดชุมพรเสียชีวิตไป 5 นาย และบาดเจ็บ 5 นาย ส่วนหน่วยยุวชนทหารไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
วีรกรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในยุโรปในช่วงกลางปี พ.ศ. 2482 สงครามได้ลุกลามออกไป มีประเทศต่างๆเข้าร่วมรบมากมาย จนกระทั่งญี่ปุ่นได้ลงนามเป็นพันธมิตรกับเยอรมนี และ อิตาลี ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2483 ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าร่วมสงครามโลกอย่างเต็มตัว ด้วยการยึดดินแดนที่เป็นอาณานิคมของชาติฝ่ายสัมพันธมิตร (สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต และจีน) โดยชูนโยบาย เอเชียเพื่อชาวเอเชียเพื่อสร้างเอเชียให้เป็นหนึ่ง ซึ่งเรียกกันว่า สงครามมหาเอเชียบูรพาในตอนเช้าตรู่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้โจมตีฐานทัพเพิร์ลฮาเบอร์ของสหรัฐอเมริกา และส่งกองทัพไปโจมตีประเทศอื่นๆ ในแถบแปซิฟิก หมู่เกาะต่างๆของอินโดนีเซีย ทะเลจีนใต้ รวมถึงไทยด้วย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถยึดครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด
เวลา ประมาณ 23.00 น.บริเวณอ่าวชุมพร วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองเรือรบญี่ปุ่นเผชิญพายุฝนทำให้กำหนดการบุกขึ้นฝั่งคลาดเคลื่อน รุ่งเช้า วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ทหารญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่จังหวัดชุมพร 2 จุด คือที่บ้านแหลมดิน และบ้านคอสน กองทหารญี่ปุ่นที่บ้านแหลมดินเป็นทัพหน้า จัดรูปขบวนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เข้าสู่ถนนชุมพร ส่วนทหารญี่ปุ่นที่บ้านคอสนเคลื่อนทัพไปทางทิศใต้ ตามแนวชายฝั่ง และค่อยไปสมทบกับทัพหน้าที่สะพานท่านางสังข์ เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองชุมพร หลวงจรูญประศาสน์ (จรูญ คชภูมิ)ข้าหลวงประจำจังหวัดชุมพรทราบข่าวการยกพลขึ้นบกของทหารญี่ปุ่นราว 6 นาฬิกา 30 นาที จึงสั่งให้ พ.ต.ต.หลวงจิตการุณราษฎร์ ผู้กำกับการตำรวจภูธร และร้อยเอก ถวิล นิยมเสน ผู้บังคับหน่วยฝึกยุวชนทหารที่ 52 จัดกำลังไปต้านทานกองทัพญี่ปุ่นที่จะเข้ามาทางปากน้ำชุมพร เวลา ประมาณ 7 นาฬิกา 15 นาที ร้อยเอก ถวิล นิยมเสน ได้เคลื่อนย้ายกำลังออกปฏิบัติการ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 2 ส่วน
- ส่วนที่ 1 ใช้กำลังยุวชนทหาร 5 นาย ตำรวจภูธร 5 นาย และราษฎรอาสาสมัคร 1 คน พร้อมด้วยปืนกลเบา 1 กระบอก ในความควบคุมของ จ.ส.อ.จง แจ้งชาติ เดินทางมุ่งไปรักษาเส้นทางอ่าวพนังตัก หน่วยนี้ไม่พบข้าศึกเลย
- ส่วนที่ 2 ใช้กำลังยุวชนทหาร 30 นาย ในความควบคุมของ ร้อยเอก ถวิล นิยมเสน และสิบเอกสำราญ ควรพันธ์ ครูฝึก เคลื่อนย้ายโดยรถยนต์บรรทุกตามเส้นทางชุมพร-ปากน้ำไปสะพานท่านางสังข์ ยุวชนทหารทั้งหมดที่เข้าการรบเป็นยุวชนทหารชั้นปีที่ 2 ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาแล้วเป็นอย่างดีและกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของปีการศึกษานั้น
เมื่อไปถึงสะพานท่านางสังข์ก็ต้องหยุดเข้าสมทบกับกำลังตำรวจ ที่กำลังปะทะอยู่กับทหารญี่ปุ่นอยู่ก่อนแล้ว ร้อยเอกถวิลฯได้ขึ้นไปตรวจการณ์บนสะพาน ถูกข้าศึกยิงแต่ไม่เห็นตัวข้าศึก เพราะบริเวณนั้นเป็นป่าสลับสวนมะพร้าว และทุ่งนาป่าละเมาะ ข้าศึกก็พรางตัวอย่างดีด้วยกิ่งไม้ ใบไม้ ร้อยเอกถวิลฯ จึงรวมกำลังยุวชนทหารทั้งหมดข้ามสะพานไปฝั่งตรงข้าม โดยให้ยุวชนทหาร 3 นาย ที่ไม่มีปืนวิ่งกลับไปรับกระสุนเพิ่มเติมจากในเมือง ในการเคลื่อนที่ข้ามสะพานไปยึดพื้นที่ฝั่งตรงข้ามนั้น ร้อยเอกถวิลฯไ ด้สั่งให้ยุวชนทหารทุกนายติดดาบปลายปืนพร้อมที่จะเข้าตะลุมบอนกับทหารญี่ปุ่นทันที แต่โชคไม่ดีขณะที่ร้อยเอกถวิลฯ วิ่งนำยุวชนทหารอยู่นั้น ร้อยเอกถวิลฯ ได้ถูกข้าศึกยิงเข้าที่ซอกคอ กระสุนทะลุหลอดลมเสียชีวิตทันที ยุวชนทหารวัฒนา นิตยนารถ ได้รีบรายงานให้สิบเอกสำราญ ควรพันธ์ ทราบ สิบเอกสำราญฯ จึงปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ควบคุมยุวชนทหารแทน และได้สั่งให้ยิงต่อสู้ข้าศึกต่อไปอย่างเหนียวแน่น ทหารญี่ปุ่นได้เสริมกำลังเข้ามาเรื่อยๆ โดยพรางตัวด้วยกิ่งไม้ ใบไม้ ดูไกลๆ เหมือนป่าเคลื่อนที่เข้ามา ฝนก็ตกหนักตลอดเวลา ยุวชนทหารได้รับคำสั่งให้ยิงทันทีเมื่อเห็นกิ่งไม้ใบไม้ไหว ทำให้กองทัพญี่ปุ่นหยุดการบุกชั่วขณะหนึ่ง ได้ยินเสียงทหารญี่ปุ่นร้องเมื่อถูกยิงอย่างชัดเจน สิบเอกสำราญฯ เองก็ถูกยิงที่แขนขวา เนื้อขาดไปทั้งก้อนจนปืนหลุดจากมือ ยุวชนทหารละออ เหมาะพิชัย ได้เข้ามาปฐมพยาบาล
ดูเพิ่ม
- กองเสือป่า (ต้นเค้าของกิจการรักษาดินแดนทั้งหมดในประเทศไทย)
- นักศึกษาวิชาทหาร
- ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ ภาพยนตร์เกี่ยวกับวีรกรรมยุวชนทหารที่เชิงสะพานท่านางสังข์
แหล่งข้อมูลอื่น
- อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร 2017-07-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- รายละเอียดเกี่ยวกับวีรกรรมยุวชนทหารที่สะพานท่านางสังข์ และกองบินน้อยที่ 5 2007-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- วีรกรรมยุวชนทหารที่สะพานท่านางสังข์ และความเป็นมาของอนุสาวรีย์ยุวชนทหาร
- ข้อมูลภาพยนตร์เรื่อง ยุวชนทหาร เปิดเทอมไปรบ จาก สยามโซนดอตคอม
- โครงการฝึกยุวชนทหาร โดย หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง 2010-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xnusawriyyuwchnthhar tngxyurimthanghlwnghmayelkh 4001 saychumphr pakna tablbanghmak echingsaphanthanangsngkh hangcakxaephxemuxngchumphr praman 5 kiolemtr srangkhunephuxepnxnusrnralukthungwirkrrmxnklahaykhxngyuwchnthharthithakarrbtxsukbthharyipun thirukranekhamainpraethsithyxnusawriyyuwchnthhar thiechingsaphanthanangsngkh cnghwdchumphrprawtixnusawriyaehngnisrangkhunephuxepnkarralukthungkhunkhwamdiaelawirkrrmkhxngphuklahayxnprakxbdwytarwc hnwyyuwchnthharthi 52 orngeriynsriyaphy aelakxngphnthharrabthi 38 thiidrwmkalngkntxtankxngthphyipunthiykphlthangeruxmakhunbkthiklangxawbankhxsn cnghwdchumphr emuxwnthi 8 thnwakhm ph s 2484 ephuxedinthangphanithyekhatiphmaaelamalayu sungepnemuxngkhunkhxngxngkvsaethlngsngkhramolkkhrngthi 1 sungbriewnthitngxnusawriynn epnbriewnthiidmikartxsupathakbkhasuknnexng khwamsakhythangprawtisastr hlngsngkhramolkkhrngthi 1 yipunthasnthisyyaitrphakhikbxitaliaelaeyxrmnsungepnfayaephsngkhram ephuxerimkarrbkhrngihm hlngcakocmtixawephilxarebxrkhxngxemrikacnaehlkrayemuxwnthi 7 thnwakhm ph s 2484 yipunksngkalngkxngthphkhnadmhumaekhatiphma aelamlayu odyedinthphphanpraethsithy rthbalcxmphlaeplk phibulsngkhram inkhnannidkhxkhwamchwyehluxcakshrthxemrikaaelaxngkvs aetidrbkarptiesth wnthi 8 thnwakhm ph s 2484 kxngthpheruxyipuncanwnmakidykphlkhunfngthibangpu cnghwdsmuthrprakarodyimmikartxsuphanmathungcnghwdpracwbkhirikhnth aelalxnglngittxippathakbkxngkalngtarwcthisurasdrthani aelayudemuxngidaelwykphlkhunbkidthinkhrsrithrrmrach sngkhla aelapttani sungmikarsuyesiychiwitaelakalngthngsxngfayyipunaelaithycakkarsurbkn swnthicnghwdchumphr kxngkalngthharyipunsngeruxrabayphlkhunthiklangxawbankhxsn emuxwnthi 8 thnwakhm ph s 2484 ewla 2 nalika aetenuxngcakbriewnhnabankhxsn nnmielnlukmak thharyipuntxngtidelnxyucnekuxbrungswangthaihkxngkalngtarwcemuxngchumphr hnwyyuwchnthharthi 52 orngeriynsriyaphy aelathharkxngphnthharrabthi 38 samarthrwmtwaelaekhluxnkalngphlmarbkalng thharyipunxyuthikhxsaphanthanangsngkh fngtawnxxk ichewlainkarrbxyuthung 7 chwomng khnathi yipunmikalng 4 5 phnkhn phrxmxawuthhnkaelaebaxnthnsmy aetfayithymithhar 1 hmwd yuwchnthharorngeriynsriyaphypraman 30 nay aelakalngtarwcxikswnhnung aetksamarthtxsuknthung khrungwncnmikalngcakhnwyehnuxihyutikartxtanyipunplxyihkxngthphyipunekhluxnkalngthangthnn pakna chumphr phanipyngxaephxkraburi cnghwdranxng odymunghmaythicayudkhxngxngkvsinphma phlcakkarsurbkxngkalngcnghwdchumphresiychiwitip 5 nay aelabadecb 5 nay swnhnwyyuwchnthharimmiphuidrbbadecbwirkrrmswnnirxephimetimkhxmul khunsamarthchwyephimkhxmulswnniidphaphcalxngehtukarnkarrbkhxngyuwchnthharthisaphanthanangsngkh cnghwdchumphr sngkhramolkkhrngthi 2 ekidkhuninyuorpinchwngklangpi ph s 2482 sngkhramidluklamxxkip mipraethstangekharwmrbmakmay cnkrathngyipunidlngnamepnphnthmitrkbeyxrmni aela xitali inwnthi 27 knyayn ph s 2483 sungthaihyipunekharwmsngkhramolkxyangetmtw dwykaryuddinaednthiepnxananikhmkhxngchatifaysmphnthmitr shrthxemrika xngkvs frngess shphaphosewiyt aelacin odychunoybay exechiyephuxchawexechiyephuxsrangexechiyihepnhnung sungeriykknwa sngkhrammhaexechiyburphaintxnechatruwnthi 8 thnwakhm ph s 2484 kxngthphyipunidocmtithanthphephirlhaebxrkhxngshrthxemrika aelasngkxngthphipocmtipraethsxun inaethbaepsifik hmuekaatangkhxngxinodniesiy thaelcinit rwmthungithydwy thaihyipunsamarthyudkhrxngexechiytawnxxkechiyngitidthnghmd ewla praman 23 00 n briewnxawchumphr wnthi 7 thnwakhm ph s 2484 kxngeruxrbyipunephchiyphayufnthaihkahndkarbukkhunfngkhladekhluxn rungecha wnthi 8 thnwakhm ph s 2484 thharyipunykphlkhunbkthicnghwdchumphr 2 cud khuxthibanaehlmdin aelabankhxsn kxngthharyipunthibanaehlmdinepnthphhna cdrupkhbwnmunghnaipthangthistawntk ekhasuthnnchumphr swnthharyipunthibankhxsnekhluxnthphipthangthisit tamaenwchayfng aelakhxyipsmthbkbthphhnathisaphanthanangsngkh ephuxekhasutwemuxngchumphr hlwngcruyprasasn cruy khchphumi khahlwngpracacnghwdchumphrthrabkhawkarykphlkhunbkkhxngthharyipunraw 6 nalika 30 nathi cungsngih ph t t hlwngcitkarunrasdr phukakbkartarwcphuthr aelarxyexk thwil niymesn phubngkhbhnwyfukyuwchnthharthi 52 cdkalngiptanthankxngthphyipunthicaekhamathangpaknachumphr ewla praman 7 nalika 15 nathi rxyexk thwil niymesn idekhluxnyaykalngxxkptibtikar odyaebngkalngxxkepn 2 swn swnthi 1 ichkalngyuwchnthhar 5 nay tarwcphuthr 5 nay aelarasdrxasasmkhr 1 khn phrxmdwypunkleba 1 krabxk inkhwamkhwbkhumkhxng c s x cng aecngchati edinthangmungiprksaesnthangxawphnngtk hnwyniimphbkhasukely swnthi 2 ichkalngyuwchnthhar 30 nay inkhwamkhwbkhumkhxng rxyexk thwil niymesn aelasibexksaray khwrphnth khrufuk ekhluxnyayodyrthyntbrrthuktamesnthangchumphr paknaipsaphanthanangsngkh yuwchnthharthnghmdthiekhakarrbepnyuwchnthharchnpithi 2 sungidrbkarfukfnmaaelwepnxyangdiaelakalngsuksaxyuchnmthymsuksapithi 5 khxngpikarsuksann emuxipthungsaphanthanangsngkhktxnghyudekhasmthbkbkalngtarwc thikalngpathaxyukbthharyipunxyukxnaelw rxyexkthwilidkhuniptrwckarnbnsaphan thukkhasukyingaetimehntwkhasuk ephraabriewnnnepnpaslbswnmaphraw aelathungnapalaemaa khasukkphrangtwxyangdidwykingim ibim rxyexkthwil cungrwmkalngyuwchnthharthnghmdkhamsaphanipfngtrngkham odyihyuwchnthhar 3 nay thiimmipunwingklbiprbkrasunephimetimcakinemuxng inkarekhluxnthikhamsaphanipyudphunthifngtrngkhamnn rxyexkthwili dsngihyuwchnthharthuknaytiddabplaypunphrxmthicaekhatalumbxnkbthharyipunthnthi aetochkhimdikhnathirxyexkthwil wingnayuwchnthharxyunn rxyexkthwil idthukkhasukyingekhathisxkkhx krasunthaluhlxdlmesiychiwitthnthi yuwchnthharwthna nitynarth idribraynganihsibexksaray khwrphnth thrab sibexksaray cungptibtihnathiepnphukhwbkhumyuwchnthharaethn aelaidsngihyingtxsukhasuktxipxyangehniywaenn thharyipunidesrimkalngekhamaeruxy odyphrangtwdwykingim ibim duikl ehmuxnpaekhluxnthiekhama fnktkhnktlxdewla yuwchnthharidrbkhasngihyingthnthiemuxehnkingimibimihw thaihkxngthphyipunhyudkarbukchwkhnahnung idyinesiyngthharyipunrxngemuxthukyingxyangchdecn sibexksaray exngkthukyingthiaekhnkhwa enuxkhadipthngkxncnpunhludcakmux yuwchnthharlaxx ehmaaphichy idekhamapthmphyabalduephimkxngesuxpa tnekhakhxngkickarrksadinaednthnghmdinpraethsithy nksuksawichathhar yuwchnthhar epidethxmiprb phaphyntrekiywkbwirkrrmyuwchnthharthiechingsaphanthanangsngkhaehlngkhxmulxunxnusawriyyuwchnthhar 2017 07 21 thi ewyaebkaemchchin raylaexiydekiywkbwirkrrmyuwchnthharthisaphanthanangsngkh aelakxngbinnxythi 5 2007 09 29 thi ewyaebkaemchchin wirkrrmyuwchnthharthisaphanthanangsngkh aelakhwamepnmakhxngxnusawriyyuwchnthhar khxmulphaphyntreruxng yuwchnthhar epidethxmiprb cak syamosndxtkhxm okhrngkarfukyuwchnthhar ody hnwybychakarkalngsarxng 2010 05 10 thi ewyaebkaemchchinbthkhwamthhar hruxkarthharniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk