หอรำลึกซุน ยัตเซ็น หรือ หอรำลึกจงซานเป็นอาคารทรงแปดเหลี่ยมในเมืองกว่างโจว เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง
中山纪念堂 | |
พิกัด | 23°08′06″N 113°15′54″E / 23.134978°N 113.265004°E |
---|---|
ที่ตั้ง | กวางโจว, มณฑลกวางตุ้ง, ประเทศจีน |
ประเภท | อนุสรณ์สถาน |
วัสดุ | เหล็กและคอนกรีต |
ความสูง | 49 m (161 ft) |
เริ่มก่อสร้าง | ค.ศ. 1929 |
สร้างเสร็จ | ตุลาคม ค.ศ. 1931 |
อุทิศแด่ | ดร.ซุน ยัตเซ็น |
หอรำลึกซุน ยัตเซ็น | |||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 中山紀念堂 | ||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อักษรจีนตัวย่อ | 中山纪念堂 | ||||||||||
|
หอรำลึกได้รับการออกแบบโดย และถูกสร้างขึ้นด้วยเงินที่ระดมทุนโดยคนจีนทั้งในและต่างประเทศเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของดร.ซุน ยัตเซ็น งานก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1929 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1931 ห้องโถงเป็นโครงสร้างแปดเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่มีความยาว 71 เมตรโดยไม่มีเสาหลัก หอรำลึกตั้งด้วยเวทีขนาดใหญ่และบรรจุคนได้ 3,240 คน
ประวัติ
หอรำลึกในอดีตนั้นเคยเป็นที่ตั้งที่มีชื่อว่า ทำเนียบประธานาธิบดีกวางตุ้ง เมื่อครั้งที่ดร.ซุน ยัตเซ็นทำกับสู้รบเพื่อรวบรวมประเทศจีนในยุคขุนศึก
มาถึงปี ค.ศ. 1931 ทำเนียบประธานาธิบดีได้ถูกเปลี่ยนเป็นหอรำลึกซุน ยัตเซ็นสร้างขึ้นเพือรำลึกถึง ดร.ซุนยัดเซ็น ถือว่าเป็นบิดาของคนจีนยุคใหม่ ดร.ซุน ยัดเซ็น เป็นผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง และเป็นประธานาธิบดีคนแรกของจีน เป็นแกนนำคนสำคัญในการโค่นล้มราชวงศ์ชิง เป็นผู้ที่มีพระคุณกับชาวจีนอย่างใหญ่หลวงเพราะเป็นผู้ที่ปลดปล่อยชาวจีนให้รอดพ้นจากสังคมเดิมที่ล้าหลัง และระบบกษัตริย์ราชวงศ์ชิง
หอรำลึกซุน ยัตเซ็น ได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี ค.ศ. 1972 สร้างเพื่อระลึกวันเกิดร้อยปีของ ดร.ซุน ยัตเซ็น สัญลักษณ์ของหอที่ระลึกแห่งนี้คือรูปปั้นเหมือนของตัวท่าน ที่ตั้งอยู่ทางด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ และแผ่นป้ายที่เขียนว่า "เทียนเซี้ยะเหวยกง” ซึ่งท่านก็เป็นผู้เขียนด้วยตัวของท่านเอง โครงสร้างภายนอกเลียนแบบวังจีน หลังคาปูด้วยกระเบื้องสีเหลือง ภายในหอมีห้องประชุมใหญ่ ห้องสมุด ดร.ซุน ยัตเซ็น ห้องภาพ และห้องบรรยาย ในห้องโถงใหญ่มีรูปปั้น ดร.ซุน ยัตเซ็น ที่ทำจากทองแดงแท้ สูง 5.8 เมตร ฐานสูง 3.1 เมตร ภายในอนุสรณ์สถานนั้นเป็นหอประชุมขนาดใหญ่รูปทรงแปดเหลี่ยม ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเยี่ยม เพราะสร้างขึ้นโดยไม่มีเสากลางห้องที่จะบดบังสายตาของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม
การเดินทาง
สามารถเข้าถึงหอรำลึกซุน ยัตเซ็นได้จากรถไฟใต้ดินกว่างโจวโดยใช้เส้นทาง
ดูเพิ่ม
- ที่เมืองหนานจิง
- ที่ประเทศสิงค์โปร์
อ้างอิง
บรรณานุกรม
- Beck, Sanderson (2007), Republican China in Turmoil 1912–1926.
- Pakula, Hannah (2009), The Last Empress: Madame Chiang Kai-shek and the Birth of Modern China, New York: Simon & Schuster.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
hxraluksun ytesn hrux hxralukcngsanepnxakharthrngaepdehliyminemuxngkwangocw emuxnghlwngkhxngmnthlkwangtunghxraluksun ytesn中山纪念堂phikd23 08 06 N 113 15 54 E 23 134978 N 113 265004 E 23 134978 113 265004thitngkwangocw mnthlkwangtung praethscinpraephthxnusrnsthanwsduehlkaelakhxnkritkhwamsung49 m 161 ft erimkxsrangkh s 1929srangesrctulakhm kh s 1931xuthisaeddr sun ytesnhxraluksun ytesnxksrcintwetm中山紀念堂xksrcintwyx中山纪念堂karthxdesiyngphasacinklangmatrthanhny hwiphinxinZhōngshan Jinian Tangphasakwangtungmatrthany hwidephngZung1 saan1 Gei3 nim6 tong4 hxralukidrbkarxxkaebbody aelathuksrangkhundwyenginthiradmthunodykhncinthnginaelatangpraethsephuxralukthungkhunngamkhwamdikhxngdr sun ytesn ngankxsrangerimkhuninpi kh s 1929 aelaesrcsmburninpi kh s 1931 hxngothngepnokhrngsrangaepdehliymkhnadihythimikhwamyaw 71 emtrodyimmiesahlk hxraluktngdwyewthikhnadihyaelabrrcukhnid 3 240 khnprawtiinchwngsatharnrthcin payprakas caehnidwahxraluksun ytesnepnsthanthisakhyinkwangocwinewlannsnamhyahnahxraluk hxralukinxditnnekhyepnthitngthimichuxwa thaeniybprathanathibdikwangtung emuxkhrngthidr sun ytesnthakbsurbephuxrwbrwmpraethscininyukhkhunsuk mathungpi kh s 1931 thaeniybprathanathibdiidthukepliynepnhxraluksun ytesnsrangkhunephuxralukthung dr sunydesn thuxwaepnbidakhxngkhncinyukhihm dr sun ydesn epnphukxtngphrrkhkkmintng aelaepnprathanathibdikhnaerkkhxngcin epnaeknnakhnsakhyinkarokhnlmrachwngsching epnphuthimiphrakhunkbchawcinxyangihyhlwngephraaepnphuthipldplxychawcinihrxdphncaksngkhmedimthilahlng aelarabbkstriyrachwngsching thnbtrthixxkodyinpi kh s 1949 aesdngrupkhxnghxraluksun ytesn inchwngsatharnrthcinsmypkkhrxngaephndinihy hxraluksun ytesn idrbkarburnaxikkhrnginpi kh s 1972 srangephuxralukwnekidrxypikhxng dr sun ytesn sylksnkhxnghxthiralukaehngnikhuxruppnehmuxnkhxngtwthan thitngxyuthangdanhnakhxngphiphithphnth aelaaephnpaythiekhiynwa ethiynesiyaehwykng sungthankepnphuekhiyndwytwkhxngthanexng okhrngsrangphaynxkeliynaebbwngcin hlngkhapudwykraebuxngsiehluxng phayinhxmihxngprachumihy hxngsmud dr sun ytesn hxngphaph aelahxngbrryay inhxngothngihymiruppn dr sun ytesn thithacakthxngaedngaeth sung 5 8 emtr thansung 3 1 emtr phayinxnusrnsthannnepnhxprachumkhnadihyrupthrngaepdehliym thiidrbkarykyxngwaepnsthaptykrrmchineyiym ephraasrangkhunodyimmiesaklanghxngthicabdbngsaytakhxngphuthiekhamaeyiymchmkaredinthangsamarthekhathunghxraluksun ytesnidcakrthifitdinkwangocwodyichesnthangduephimthiemuxnghnancing thipraethssingkhoprxangxingbrrnanukrmBeck Sanderson 2007 Republican China in Turmoil 1912 1926 Pakula Hannah 2009 The Last Empress Madame Chiang Kai shek and the Birth of Modern China New York Simon amp Schuster