หมึกสายวงน้ำเงินใต้ | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Mollusca |
ชั้น: | Cephalopoda |
อันดับ: | Octopoda |
วงศ์: | |
วงศ์ย่อย: | |
สกุล: | Hapalochlaena |
สปีชีส์: | H. maculosa |
ชื่อทวินาม | |
Hapalochlaena maculosa (, 1883) | |
ชื่อพ้อง | |
|
หมึกสายวงน้ำเงินใต้ หรือ หมึกสายลายฟ้าใต้ (อังกฤษ: Southern blue-ringed octopus; ชื่อวิทยาศาสตร์: Hapalochlaena maculosa) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังมอลลัสคาประเภทหมึกสายชนิดหนึ่ง จำพวกหมึกสายวงน้ำเงิน
บทนำ
ชีววิทยาของหมึก
หมึกสายชนิดนี้เป็นหมึกสายที่มีขนาดเล็กและมีวงแหวนชนิดเรืองแสงสีฟ้าอยู่บนลำตัวและส่วนหนวด ความแตกต่างของหมึกชนิดนี้จากชนิดอื่นๆที่อยู่ในสกุลเดียวกันคือความยาวลำตัวมากที่สุดที่พบ 40 mm และความยาวของหนวดจะมากกว่าความยาวลำตัว 1.5 – 2.5 เท่า ลำตัวเป็นถุงกลม ด้านท้ายแหลม ลำตัวมีสีน้ำตาลมีจุดสีฟ้าเป็นวงแหวน สำหรับเพศผู้มีแขนคู่ที่สาม ข้างขวาเป็นแขนสำหรับผสมพันธุ์ และที่สำคัญคือวงแหวนสีฟ้าจะเป็นเพียงวงแหวนจาง ๆ ที่กระจายอยู่บนลำตัว โดยขนาดวงแหวนนั้นจะมีขนาดเล็กและพบน้อยมากเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวงแหวนน้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 mm พบกระจายเพียง 5 % จากบริเวณลำตัวทั้งหมด การผสมพันธุ์มีเพียงครั้งเดียวตลอดวงจรชีวิตโดยเพศเมียจะวางไข่ติดกับวัสดุใต้น้ำ ไข่จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 สัปดาห์ ลูกหมึกจะดำรงชีวิตแบบหน้าดิน
การแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ พบในเขตอินโด-แปซิฟิกตะวันตก จากทางใต้ของเกาะฮอนชู ไปจนถึงเกาะทาสมาเนีย และไปทางตะวันตกจนถึงอ่าวเอเดน ส่วนในน่านน้ำไทย พบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันโดยในฝั่งอ่าวไทย กรมประมงทำการศึกษาโดยใช้เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเฆ่ ขนาดตาอวนก้นถุง 2.5 เซนติเมตร ได้พบหมึกสายวงน้ำเงินใต้อยู่เสมอ แหล่งที่พบส่วนใหญ่ได้แก่บริเวณหน้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในเขตน้ำลึก 20 – 40 เมตร แต่ไม่ได้พบในปริมาณมาก
ความสำคัญ
หมึกชนิดนี้จัดเป็นผู้ล่าที่สำคัญเพราะมันมีพิษที่ร้ายแรงดังนั้น จึงเป็นหนึ่งในสัตว์ที่จะควบคุมประชากรสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลได้ อีกทั้งยังเป็นหมึกหายากใกล้สูญพันธุ์ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งในการศึกษาทางวิชาการ เพื่อใช้ในการวางแผน ติดตาม และสงวนรักษาพันธุ์หมึกชนิดนี้ได้ต่อไป
ความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการของหมึกสายวงฟ้าใต้
หมึกสายในสกุล Hapalochlaena มีรายงานแล้ว 3 ชนิด ได้แก่ H. maculosa ( Hoyle,1883 ) , H. lanulata (Quoy & Gaimard, 1832), H. fasciata ( Hoyle,1883 ) จากการศึกษาความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการของหมึกสายในกลุ่มต่างๆโดย Michelle T. และคณะ ในปี 2005 พบว่าหมึกสายในสกุลนี้เป็น monophyletic group ทั้งสามชนิด และ H. maculosa, H. fasciata เป็น sister group กัน อีกทั้งหมึกสกุลนี้จะมีวิวัฒนาการใกล้ชิดกับกลุ่ม O. aegina
การปรับตัวเชิงวิวัฒนาการของหมึกสายวงฟ้าใต้ (Evolutionary adaptation of the Southern blue-ringed octopus)
สารพิษในน้ำลาย
เมื่อเหยื่อผ่านมาหมึกจะใช้แขนจับ ใช้จะงอยปากกัด แล้วปล่อยสารพิษในน้ำลายออกมาทำให้เหยื่อนั้นตายในที่สุด หรือเมื่อรู้สึกว่าถูกคุกคามมันจะเปล่งแสงสีฟ้าเรืองออกมาตามลำตัว จากนั้นจะรี่เข้ากัดผู้คุกคามทันที น้ำลายของมันประกอบด้วยสารพิษ 2 ชนิด คือ Maculotoxin (คล้ายคลึงกับสาร Tetrodotoxin ที่พบในปลาปักเป้า มีพิษต่อระบบประสาท) และ Hepalotoxin เป็นสารพิษที่ร้ายแรงเท่ากับงูเห่า 20 ตัวมารุมกัด ถ้าคนถูกกัดโดยหมึกตัวเมียที่มีขนาดโตเต็มวัย สมบูรณ์เพศ อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ พิษชนิดนี้ออกต่อฤทธิ์ระบบประสาท โดยจะเข้าไปขัดขวางการสั่งงานของสมองที่จะไปยังกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจจิต คนที่ถูกพิษจะมีอาการคล้ายเป็นอัมพาต หายใจไม่ออกเนื่องจากกล้ามเนื้อกะบังลมและหน้าอกไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถนำอากาศเข้าสู่ปอดได้ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิต ต้นกำเนิดของพิษในน้ำลายเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในต่อมน้ำลายของมัน แบคทีเรียดังกล่าวประกอบด้วย Bacillus และ Pseudomonas อีกทั้งพิษ TTX และแบคทีเรียยังพบได้ในไข่ของหมึกอีกด้วย สันนิษฐานว่าเป็นกระบวนการส่งถ่ายความสามารถในการสร้างพิษจากแม่ไปยังลูก พบตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว
การอำพรางตัว
หมึกชนิดนี้จะมีการสร้างเม็ดสี (chromatophore) เมื่อมันโดนกระทบกระทั่ง มันก็จะพรางตัวโดยการทำตัวให้แบนและเปลี่ยนสีให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม ขณะที่หมึกนอนหลับตัวของหมึกจะมีสีอ่อน เมื่อมันรู้สึกว่าถูกคุกคามก็จะเปล่งแสงสีฟ้าเรื่อย ๆ ออกมาตามลำตัว จากนั้นก็จะเข้ากัดผู้คุกคาม
การเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและการเฝ้าดูแลลูก
เพศเมียจะออกไข่ประมาณ 50 ใบ ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ในการฟักไข่แต่ละครั้งจะใช้ระยะเวลา 3-6 เดือน แม่หมึกจะคอยเฝ้าไข่จนกระทั่งฟักโดยแม่จะไม่ออกหาอาหารเลย เนื่องจากกลัวว่าถ้าไปหาอาหารอันตรายจะเกิดขึ้นแก่ลูก อีกทั้งถึงแม้จะมีอาหารมายังบริเวณที่มันอยู่มันก็จะไม่ยอมกินเพราะกลัวว่าเศษอาหารที่ตกค้างจะส่งผลต่อไข่ หลังจากนั้นแม่หมึกก็จะตาย ลูกหมึกก็จะเจริญเติบโตต่อไปจนเข้าวัยผสมพันธุ์ รูปแบบการดูแลลูกนี้นับว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ลูกหมึกที่ฟักออกจากไข่อยู่รอดเกือบ 100 %
References
- จาก itis.gov
- Carpenter, E.K. and Niem, H.V. 1998. THE LIVING MARINE RESOURCES OF THE WESTERN CENTRAL PACIFIC Volume 2. Cephalopods, crustaceans, holothurians and sharks. FOOD AND AGRICULTURE ORGANIZATION OF THE UNITED NATIONS ( FAO ), Rome, Italy, pp. 1396
- Nesis, K.N. 1987. Cephalopods of the world. T.F.H. Publications, Inc., Ltd., 351 p.
- เจิดจินดา โชติยะปุตตะ ทาคาชิ โอคุตานิ และ สมนึก ใช้เทียมวงศ์ 2535. การศึกษาชนิดของหมึกในประเทศไทย. รายงานเสนอคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตามโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศ JSPS-NRCT. 100 หน้า
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-12-19. สืบค้นเมื่อ 2013-09-25.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2013-09-25.
- Michelle T. G.,Mark D.N.,Ross H. C.(2005) Molecular phylogeny of the benthic shallow-water octopuses (Cephalopoda: Octopodinae). Molecular Phylogenetics and Evolution 37 (17) 235–248 . doi: http://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1055790305001831
- http://www.fisheries.go.th/dof_thai/news/blue-ring.html[]
- http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURONWIzVXdNakUwTURRMU13PT0=§ionid=Y25Wd1lXbHRiMlJs&day=TWpBeE1DMHdOQzB4TkE9PQ==[]
- http://chm-thai.onep.go.th/chm/alien/document/News/bluering.pdf[]
- http://www.youtube.com/watch?v=dJg58MNICHk
- http://chm-thai.onep.go.th/chm/alien/document/News/bluering.pdf[]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Hapalochlaena maculosa ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
hmuksaywngnaenginitkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Molluscachn Cephalopodaxndb Octopodawngs wngsyxy skul Hapalochlaenaspichis H maculosachuxthwinamHapalochlaena maculosa 1883 chuxphxngOctopus maculosus Hoyle 1883 Octopus pictus Brock 1882 hmuksaywngnaenginit hrux hmuksaylayfait xngkvs Southern blue ringed octopus chuxwithyasastr Hapalochlaena maculosa epnstwimmikraduksnhlngmxllskhapraephthhmuksaychnidhnung caphwkhmuksaywngnaengin bthna chiwwithyakhxnghmuk hmuksaychnidniepnhmuksaythimikhnadelkaelamiwngaehwnchnideruxngaesngsifaxyubnlatwaelaswnhnwd khwamaetktangkhxnghmukchnidnicakchnidxunthixyuinskulediywknkhuxkhwamyawlatwmakthisudthiphb 40 mm aelakhwamyawkhxnghnwdcamakkwakhwamyawlatw 1 5 2 5 etha latwepnthungklm danthayaehlm latwmisinatalmicudsifaepnwngaehwn sahrbephsphumiaekhnkhuthisam khangkhwaepnaekhnsahrbphsmphnthu aelathisakhykhuxwngaehwnsifacaepnephiyngwngaehwncang thikracayxyubnlatw odykhnadwngaehwnnncamikhnadelkaelaphbnxymakemuxethiybkbchnidxun khnadesnphansunyklangkhxngwngaehwnnxykwahruxethakb 2 mm phbkracayephiyng 5 cakbriewnlatwthnghmd karphsmphnthumiephiyngkhrngediywtlxdwngcrchiwitodyephsemiycawangikhtidkbwsduitna ikhcaichewlafktwpraman 2 spdah lukhmukcadarngchiwitaebbhnadin karaephrkracaythangphumisastr phbinekhtxinod aepsifiktawntk cakthangitkhxngekaahxnchu ipcnthungekaathasmaeniy aelaipthangtawntkcnthungxawexedn swninnannaithy phbidthngfngxawithyaelathaelxndamnodyinfngxawithy krmpramngthakarsuksaodyichekhruxngmuxxwnlakaephntaekh khnadtaxwnknthung 2 5 esntiemtr idphbhmuksaywngnaenginitxyuesmx aehlngthiphbswnihyidaekbriewnhnacnghwdpracwbkhirikhnth inekhtnaluk 20 40 emtr aetimidphbinprimanmak khwamsakhy hmukchnidnicdepnphulathisakhyephraamnmiphisthirayaerngdngnn cungepnhnunginstwthicakhwbkhumprachakrsingmichiwitinthxngthaelid xikthngyngepnhmukhayakiklsuyphnthudngnncungehmaaxyangyinginkarsuksathangwichakar ephuxichinkarwangaephn tidtam aelasngwnrksaphnthuhmukchnidniidtxip khwamsmphnthechingwiwthnakarkhxnghmuksaywngfait hmuksayinskul Hapalochlaena miraynganaelw 3 chnid idaek H maculosa Hoyle 1883 H lanulata Quoy amp Gaimard 1832 H fasciata Hoyle 1883 cakkarsuksakhwamsmphnthechingwiwthnakarkhxnghmuksayinklumtangody Michelle T aelakhna inpi 2005 phbwahmuksayinskulniepn monophyletic group thngsamchnid aela H maculosa H fasciata epn sister group kn xikthnghmukskulnicamiwiwthnakariklchidkbklum O aegina karprbtwechingwiwthnakarkhxnghmuksaywngfait Evolutionary adaptation of the Southern blue ringed octopus sarphisinnalay emuxehyuxphanmahmukcaichaekhncb ichcangxypakkd aelwplxysarphisinnalayxxkmathaihehyuxnntayinthisud hruxemuxrusukwathukkhukkhammncaeplngaesngsifaeruxngxxkmatamlatw caknncariekhakdphukhukkhamthnthi nalaykhxngmnprakxbdwysarphis 2 chnid khux Maculotoxin khlaykhlungkbsar Tetrodotoxin thiphbinplapkepa miphistxrabbprasath aela Hepalotoxin epnsarphisthirayaerngethakbngueha 20 twmarumkd thakhnthukkdodyhmuktwemiythimikhnadotetmwy smburnephs xacthaihthungaekkhwamtayid phischnidnixxktxvththirabbprasath odycaekhaipkhdkhwangkarsngngankhxngsmxngthicaipyngklamenuxthixyuitxanaccit khnthithukphiscamixakarkhlayepnxmphat hayicimxxkenuxngcakklamenuxkabnglmaelahnaxkimthangan thaihimsamarthnaxakasekhasupxdid epnsaehtuihesiychiwit tnkaenidkhxngphisinnalayekidcakaebkhthieriythixasyxyuintxmnalaykhxngmn aebkhthieriydngklawprakxbdwy Bacillus aela Pseudomonas xikthngphis TTX aelaaebkhthieriyyngphbidinikhkhxnghmukxikdwy snnisthanwaepnkrabwnkarsngthaykhwamsamarthinkarsrangphiscakaemipyngluk phbtngaetaerkekidelythiediyw karxaphrangtw hmukchnidnicamikarsrangemdsi chromatophore emuxmnodnkrathbkrathng mnkcaphrangtwodykarthatwihaebnaelaepliynsiihekhakbsingaewdlxm khnathihmuknxnhlbtwkhxnghmukcamisixxn emuxmnrusukwathukkhukkhamkcaeplngaesngsifaeruxy xxkmatamlatw caknnkcaekhakdphukhukkham karephimcanwnxyangrwderwaelakarefaduaelluk ephsemiycaxxkikhpraman 50 ib inchwngplayvduibimrwng inkarfkikhaetlakhrngcaichrayaewla 3 6 eduxn aemhmukcakhxyefaikhcnkrathngfkodyaemcaimxxkhaxaharely enuxngcakklwwathaiphaxaharxntraycaekidkhunaekluk xikthngthungaemcamixaharmayngbriewnthimnxyumnkcaimyxmkinephraaklwwaessxaharthitkkhangcasngphltxikh hlngcaknnaemhmukkcatay lukhmukkcaecriyetibottxipcnekhawyphsmphnthu rupaebbkarduaellukninbwaepnwithikarhnungthithaihlukhmukthifkxxkcakikhxyurxdekuxb 100 Referencescak itis gov Carpenter E K and Niem H V 1998 THE LIVING MARINE RESOURCES OF THE WESTERN CENTRAL PACIFIC Volume 2 Cephalopods crustaceans holothurians and sharks FOOD AND AGRICULTURE ORGANIZATION OF THE UNITED NATIONS FAO Rome Italy pp 1396 Nesis K N 1987 Cephalopods of the world T F H Publications Inc Ltd 351 p ecidcinda ochtiyaputta thakhachi oxkhutani aela smnuk ichethiymwngs 2535 karsuksachnidkhxnghmukinpraethsithy raynganesnxkhnakrrmkarwicyaehngchati tamokhrngkarkhwamrwmmuxrahwangpraeths JSPS NRCT 100 hna khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2007 12 19 subkhnemux 2013 09 25 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 03 04 subkhnemux 2013 09 25 Michelle T G Mark D N Ross H C 2005 Molecular phylogeny of the benthic shallow water octopuses Cephalopoda Octopodinae Molecular Phylogenetics and Evolution 37 17 235 248 doi http www sciencedirect com science article pii S1055790305001831 http www fisheries go th dof thai news blue ring html lingkesiy http www khaosod co th view news php newsid TURONWIzVXdNakUwTURRMU13PT0 amp sectionid Y25Wd1lXbHRiMlJs amp day TWpBeE1DMHdOQzB4TkE9PQ lingkesiy http chm thai onep go th chm alien document News bluering pdf lingkesiy http www youtube com watch v dJg58MNICHk http chm thai onep go th chm alien document News bluering pdf lingkesiy xangxingaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Hapalochlaena maculosa khxmulthiekiywkhxngkb Hapalochlaena maculosa thiwikispichis