บทความนี้ไม่มีจาก |
หนองหานหลวง เป็นหัวเมืองหลักทางเหนือของอาณาจักรขอมในสมัยนั้น สันนิษฐานน่าจะเป็นเมืองประเทศราชเช่นเดียวกับ หรือละโว้ ของอาณาจักรขอม ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองที่เมืองพระนคร(นครธม) เมืองหนองหานหลวงมีเขียนบันทึกไว้ใน ตำนานอุรังคธาตุ ในตอนที่สร้างองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนมตอนหนึ่งว่า
"...เมื่อพระพุทธองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว มัลลกษัตริย์ทั้งหลายได้ถวายพระเพลิงพระสรีระ แต่ไม่สำเร็จ จนเมื่อพระมหากัสสปะมาถึงได้อธิษฐานว่า พระธาตุองค์ใดที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานที่ภูกำพร้า ขอพระธาตุองค์นั้นเสด็จมาอยู่บนฝ่ามือ ดังนี้แล้ว พระอุรังคธาตุ ก็เสด็จมาอยู่บนฝ่ามือขวาของพระมหากัสสปะ ขณะนั้นไฟธาตุก็ลุกขึ้นโชติช่วง เผาพระสรีระได้เองเป็นอัศจรรย์ เมื่อถวายพระเพลิงและแจกพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ ก็ได้อัญเชิญ มาทางอากาศ แล้วมาลงที่ดอยแท่น (ภูเพ็กในปัจจุบัน) จากนั้นได้ไปบิณฑบาตที่ เมืองหนองหานหลวง เพื่อบอกกล่าวแก่พญาสุวรรณพิงคาระ ตำนานตอนนี้ตรงกับตำนานพระธาตุเชิงชุม และพระธาตุนารายณ์เจงเวง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่แล้ว
เมื่อพญาทั้ง 5 ซึ่งอยู่ ณ เมืองต่าง ๆ อันได้แก่ พญานันทเสน แห่งเมืองศรีโคตบูร พญาจุลณีพรหมทัต พญาอินทปัตถนคร พญาคำแดง แห่งเมือง และพญาสุวรรณพิงคาระ แห่งเมืองหนองหานหลวง ได้พากันปั้นดินดิบก่อแล้วเผาไฟ ตามคำแนะนำของพระมหากัสสปะ แบบพิมพ์ดินกว้างยาวเท่ากับฝ่ามือพระมหากัสสปะ
ครั้นปั้นดินเสร็จแล้วก็พากันขุดหลุมกว้าง 2 วา ลึก 2 ศอก เท่ากันทั้ง 4 ด้าน เมื่อก่อดินขึ้นเป็นรูปเตา 4 เหลี่ยม สูง 1 วา โดยพญาทั้ง 4 แล้ว พญาสุวรรณภิงคาระก็ได้ก่อส่วนบน โดยรวมยอดเข้าเป็นรูปฝาปารมีสูง 1 วา รวมความสูงทั้งสิ้น 2 วา แล้วทำประตูเตาไฟทั้ง 4 ด้าน เอาไม้จวง จันทน์ กฤษณา กระลำพัก คันธรส ชมพู นิโครธ และไม้รัง มาเป็นพื้น ทำการเผาอยู่ 3 วัน 3 คืน เมื่อสุกแล้วจึงเอาหินหมากคอยกลางโคก มาถมหลุม เมื่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าวเสร็จแล้ว พญาทั้ง 5 ก็ได้บริจาคของมีค่าบรรจุไว้ในอุโมงค์เป็นพุทธบูชา
จากนั้น พระมหากัสสปะ ก็ได้อัญเชิญพระอุรังคธาตุ เข้าบรรจุภายในที่อันสมควร แล้วให้ปิดประตูอุโมงค์ไว้ทั้ง 4 ด้าน โดยสร้างประตูด้วยไม้ประดู่ ใส่ดาลปิดไว้ทั้ง 4 ด้าน แล้วให้คนไปนำเอาเสาศิลาจากเมืองกุสินารา1 ต้น มาฝังไว้ที่มุมเหนือตะวันออก แปลงรูปอัศมุขี (ยักษิณีหน้าเป็นม้า) ไว้โคนต้นเพื่อเป็นหลักชัยมงคลแก่บ้านเมืองในชมพูทวีป นำเอาเสาศิลาจากเมืองพาราณสี 1 ต้น ฝังไว้มุมใต้ตะวันออก แปลงรูปอัศมุขีไว้โคนต้น เพื่อหมายมงคลแก่โลก นำเอาเสาศิลาจากเมืองตักศิลา 1 ต้น ฝังไว้มุมเหนือตะวันตก พญาสุวรรณพิงคาระให้สร้างรูปม้าอาชาไนยไว้ตัวหนึ่ง หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อแสดงว่าพระบรมธาตุเสด็จออกมาทางทิศทางนั้น และพระพุทธศาสนาจักเจริญรุ่งเรืองจากเหนือเจือมาใต้ พระมหากัสสปะให้สร้างม้าพลาหกไว้ตัวหนึ่ง คู่กัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อเป็นปริศนาว่า พญาศรีโคตบูรจักได้สถาปนาพระอุรังคธาตุไว้ตราบเท่า 5,000 พระวัสสา เกิดทางใต้และขึ้นไปทางเหนือ เสาอินทขีล ศิลาทั้ง 4 ต้น ยังปรากฏอยู่ 2 ต้น ทางทิศตะวันออก ส่วนอีก 2 ต้น ได้ก่อหอระฆังหุ้มไว้ ส่วนม้าศิลาทั้ง 2 ตัว ก็ยังปรากฏอยู่ถึงปัจจุบัน..."
จากตำนานอุรังคธาตุ พอหมดสมัยของพระยาสุวรรณภิงคาระ กษัตริย์องค์ต่อมาคงปกครองเรื่อยมา แต่ไม่มีบทบาทเท่าพระยาสุวรรณภิงคาระ ไม่ก็เกิดสงคราม หรือก็อาจเกิดภัยธรรมชาติจนทำให้ต้องอพยพไปที่อื่น อาจจะเป็นเพราะสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งก็เป็นได้ จึงทำให้เมืองหนองหานหลวงร้าง และขาดหายไปจากประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง เหลือเพียงชุมชนเล็กๆที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เท่านั้น
อ้างอิง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir hnxnghanhlwng epnhwemuxnghlkthangehnuxkhxngxanackrkhxminsmynn snnisthannacaepnemuxngpraethsrachechnediywkb hruxlaow khxngxanackrkhxm sungmisunyklangkarpkkhrxngthiemuxngphrankhr nkhrthm emuxnghnxnghanhlwngmiekhiynbnthukiwin tananxurngkhthatu intxnthisrangxngkhphrathatuphnm cnghwdnkhrphnmtxnhnungwa emuxphraphuththxngkhesdcpriniphphanaelw mllkstriythnghlayidthwayphraephlingphrasrira aetimsaerc cnemuxphramhaksspamathungidxthisthanwa phrathatuxngkhidthicaxyechiyippradisthanthiphukaphra khxphrathatuxngkhnnesdcmaxyubnfamux dngniaelw phraxurngkhthatu kesdcmaxyubnfamuxkhwakhxngphramhaksspa khnannifthatuklukkhunochtichwng ephaphrasriraidexngepnxscrry emuxthwayphraephlingaelaaeckphrabrmsaririkthatuesrceriybrxyaelw phramhaksspaphrxmdwyphraxrhnt 500 xngkh kidxyechiy mathangxakas aelwmalngthidxyaethn phuephkinpccubn caknnidipbinthbatthiemuxnghnxnghanhlwngephuxbxkklawaekphyasuwrrnphingkhara tanantxnnitrngkbtananphrathatuechingchum aelaphrathatunaraynecngewng sungmiraylaexiydxyuaelw emuxphyathng 5 sungxyu n emuxngtang xnidaek phyannthesn aehngemuxngsriokhtbur phyaculniphrhmtht phyaxinthptthnkhr phyakhaaedng aehngemuxng aelaphyasuwrrnphingkhara aehngemuxnghnxnghanhlwng idphaknpndindibkxaelwephaif tamkhaaenanakhxngphramhaksspa aebbphimphdinkwangyawethakbfamuxphramhaksspa khrnpndinesrcaelwkphaknkhudhlumkwang 2 wa luk 2 sxk ethaknthng 4 dan emuxkxdinkhunepnrupeta 4 ehliym sung 1 wa odyphyathng 4 aelw phyasuwrrnphingkharakidkxswnbn odyrwmyxdekhaepnrupfaparmisung 1 wa rwmkhwamsungthngsin 2 wa aelwthapratuetaifthng 4 dan exaimcwng cnthn kvsna kralaphk khnthrs chmphu niokhrth aelaimrng maepnphun thakarephaxyu 3 wn 3 khun emuxsukaelwcungexahinhmakkhxyklangokhk mathmhlum emuxsrangxuomngkhdngklawesrcaelw phyathng 5 kidbricakhkhxngmikhabrrcuiwinxuomngkhepnphuththbucha caknn phramhaksspa kidxyechiyphraxurngkhthatu ekhabrrcuphayinthixnsmkhwr aelwihpidpratuxuomngkhiwthng 4 dan odysrangpratudwyimpradu isdalpidiwthng 4 dan aelwihkhnipnaexaesasilacakemuxngkusinara1 tn mafngiwthimumehnuxtawnxxk aeplngrupxsmukhi yksinihnaepnma iwokhntnephuxepnhlkchymngkhlaekbanemuxnginchmphuthwip naexaesasilacakemuxngpharansi 1 tn fngiwmumittawnxxk aeplngrupxsmukhiiwokhntn ephuxhmaymngkhlaekolk naexaesasilacakemuxngtksila 1 tn fngiwmumehnuxtawntk phyasuwrrnphingkharaihsrangrupmaxachainyiwtwhnung hnhnaipthangthisehnux ephuxaesdngwaphrabrmthatuesdcxxkmathangthisthangnn aelaphraphuththsasnackecriyrungeruxngcakehnuxecuxmait phramhaksspaihsrangmaphlahkiwtwhnung khukn hnhnaipthangthisehnux ephuxepnprisnawa phyasriokhtburckidsthapnaphraxurngkhthatuiwtrabetha 5 000 phrawssa ekidthangitaelakhunipthangehnux esaxinthkhil silathng 4 tn yngpraktxyu 2 tn thangthistawnxxk swnxik 2 tn idkxhxrakhnghumiw swnmasilathng 2 tw kyngpraktxyuthungpccubn caktananxurngkhthatu phxhmdsmykhxngphrayasuwrrnphingkhara kstriyxngkhtxmakhngpkkhrxngeruxyma aetimmibthbathethaphrayasuwrrnphingkhara imkekidsngkhram hruxkxacekidphythrrmchaticnthaihtxngxphyphipthixun xaccaepnephraasaehtuidsaehtuhnungkepnid cungthaihemuxnghnxnghanhlwngrang aelakhadhayipcakprawtisastrchwnghnung ehluxephiyngchumchnelkthiimmibnthukiwinprawtisastrethannxangxing