พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะ พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล (พ.ศ. 2266 - 11 มกราคม พ.ศ. 2318;เนปาลี:पृथ्वीनारायण शाह) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์ชาห์หรือศาห์ที่ปกครองเนปาล พระองค์ทรงเป็นที่นับถือจากการที่ทรงเริ่มต้น ที่ซึ่งถูกแบ่งแยกและอ่อนแอภายใต้การปกครองของสหพันธ์มัลละ พระองค์ทรงเป็นเชื้อสายรุ่นที่ 9 ของดราวะยะ ศาห์ (พ.ศ. 2102 - พ.ศ. 2113) ผู้ก่อตั้งราชวงศ์แห่ง มเด็จพระราชาธิบดีปฤฐวีนารายณศาหะทรงครองราชบัลลังก์สืบต่อจากเป็นกษัตริย์แห่งในปีพ.ศ. 2286
พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะ | |
---|---|
พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล | |
ครองราชย์ | 25 กันยายน พ.ศ. 2311 — 11 มกราคม พ.ศ. 2318 |
รัชสมัย | 6 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | |
รัชกาลถัดไป | พระเจ้าประตาปสิงห์ ศาหะ |
ประสูติ | พ.ศ. 2266 ราชอาณาจักรเนปาล |
สวรรคต | 11 มกราคม พ.ศ. 2318 กรุงกาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล (พระชนมายุ 52 พรรษา) |
พระบรมราชินี | |
พระราชบุตร | พระเจ้าประตาปสิงห์ ศาหะ |
พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะ | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์ศาห์ |
พระราชบิดา | |
พระราชมารดา |
ช่วงต้นพระชนม์ชีพ
พระองค์เป็นพระราชโอรสในกับพระมเหสีพระองค์ที่สองแต่พระองค์ทรงได้รับการเลี้ยงดูจากพระมเหสีพระองค์แรกคือ ซึ่งเป็นพระมารดาเลี้ยง เจ้าชายทรงเริ่มต้นสนพระทัยด้านการเมืองของรัฐอันเนื่องมาจากพระราชบิดามักทรงใช้เวลากับการศาสนาในห้องสวดมนต์ เจ้าชายมีพระประสงค์ที่จะพิชิตเหนือ พระราชินีองค์แรกหรือมหารานีพระมารดาเลี้ยงทรงปลูกฝังให้เจ้าชายทรงมีปณิธานในการรวมชาติเนปาล การเสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทไปรอบโกรข่าและตรัสกับราษฎรอันเป็นสิ่งที่โปรดและการกระทำครั้งนี้ข่วยให้พระองค์ทรงเข้าพระทัยในพสกนิกรกุรข่า พระองค์ทรงมีเชื้อสายจากพวกราชปุตตระกูลจากเมืองจิตตอร์การห์ ในรัฐราชสถานแต่บรรพบุรุษของพระองค์ทรงตั้งถิ่นฐานที่เขตโกรข่าจากนั้นจึงกลายเป็นชื่อเผ่านักรบกุรข่าผู้ซึ่งมีเชื้อสายจากชาติพันธุ์ราชปุต-มองโกล
การรวมชาติเนปาล
สมเด็จพระราชาธิบดีปฤฐวีนารายณศาหะทรงประสบความสำเร็จจากการเริ่มต้นรุกรานสหภาพแห่งนุวคตที่ซึ่งทอดยาวตั้งแต่กรุงกาฐมาณฑุจนถึงแคว้นโกรข่า ในปีพ.ศ. 2287 หลังจากสหภาพนุวคต พระองค์ทรงเข้าพิชิตจุดยุทธศาสตร์ในบริเวณเนินเข้ารอบๆภูเขากาฐมาณฑุ การสื่อสารในราชรัฐหุบเขากาฐมาณฑุต่อโลกภายนอกจึงถูกตัดขาด การเข้ายึดครองเส้นทางคุติในปีพ.ศ. 2299 ได้หยุดการค้าขายระหว่างหุบเขากับธิเบต เพื่อหยุดการค้าขายระหว่างชาวเนวาร์ที่อาศัยอยู่ในหุบเขากาฐมาณฑุกับชาวมุสลิมแห่งจักรวรรดิโมกุลในอินเดีย
หลังจากทรงปราชัยอย่างเสียพระเกียรติถึงสองครั้ง พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะทรงเอาชนะและเข้ายึดครองกีรติปุระในการโจมตีครั้งที่สาม แต่พระองค์ต้องสูญเสีย นายพลคนสนิทของพระองค์และพระอนุชา ด้วยความแค้นพระทัยที่ต้องสูญเสียนายทหารคนสนิท หลังจากทรงยึดครองกีรติปุระพระองค์ทรงสั่งให้ตัดจมูกและปากของชายทุกคน เพื่อเป็นกาลงโทษถึงความไร้สัจจะของชาวกีรติปุระเนื่องจากชาวเมืองได้ยอมแพ้แต่กลับส่งกองทัพมาโจมตีพระองค์ในภายหลัง ทำให้ส่งผลถึงกิตติศัพท์ด้านความโหดเหี้ยมของพระองค์ ในที่สุดสมเด็จพระราชาธิบดีปฤฐวีนารายณศาหะเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่เมืองหลังจากยึดครองกีรติปุระ ดังนั้นได้เสด็จพร้อมพระมเหสีลี้ภัยไปยังเมืองปาตานที่ลลิตปุระ ปาตาน เมื่อพระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะได้ขยายอาณาเขตสู่ปาตานในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ พระเจ้าจายะประกาชแห่งกาฐมาณฑุและได้เสด็จลี้ภัยไปยังภักตาปุระ ที่ซึ่งต่อมาก็ถูกยึดครองเช่นกัน สมเด็จพระราชาธิบดีปฤฐวีนารายณศาหะทรงสามารถยึดครองหุบเขากาฐมาณฑุและทรงสถาปนากาฐมาณฑุขึ้นเป็นราชธานีพ.ศ. 2312 พระองค์ทรงประกาศขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นปฐมกษัตริย์แห่งเนปาลที่ การสถาปนาราชอาณาจักรเนปาลทำให้พระองค์มีพระราชปณิธานในการพิชิตด้านตะวันออก ได้ถูกยึดครองในปีพ.ศ. 2316 และก็ถูกผนวกเข้าอาณาจักรเนปาลในเวลาต่อมา การปราบปรามและรวมชาติเนปาลพระองค์ต้องใช้เวลานานเกือบ 25 ปี
เสด็จสวรรคต
พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะทรงขยายอาณาเขตและรักษาความสงบสุขแต่พระองค์ทรงปฏิเสธการเจริญสัมพันธไมตรีกับอังกฤษ ทรงปฏิเสธที่ทำการค้ากับชาวอังกฤษ พระองค์เสด็จสวรรคตก่อนที่จะทรงวางรากฐานประเทศให้มีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะเสด็จสวรรคต จึงโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงเข้าเฝ้า โดยทรงขอให้เจ้านายทุกพระองค์ยึดถือเป็นกฎต่อไปว่าการสืบราชสมบัติจะต้องเป็นของพระโอรสองค์โตในกษัตริย์ที่อยู่ในสิริราชสมบัติเท่านั้น การทีทรงตั้งกฎนี้เพื่อป้องกันการแย่งชิงราชบัลลังก์เหมือนราชรัฐอื่น ๆ และกฎมณเฑียรบาลนี้ได้รับการยึดถือต่อมา พระองค์เสด็จสวรรคตในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2318 สิริพระชนมายุ 52 พรรษา พระอัครมเหสีทรงกระทำตามประเพณีฮินดูคือพิธีสตี เมื่อสามีตายภรรยาต้องโดดเข้ากองไฟเพื่อตายตาม พระนางและนางพระกำนัลทรงกระโดดเข้ากองไฟสิ้นพระชนม์ตามพระราชสวามี เจ้าชายประตาปสิงห์ พระราชโอรสองค์โตทรงครองราชย์สืบต่อเป็น พระเจ้าประตาปสิงห์ ศาหะ และพระราชปณิธานการรวมชาติของพระองค์ได้รับการสานต่อโดยพระโอรสอีกพระองค์หนึ่งคือ
คำสาปราชวงศ์เนปาล
คำสาปแห่งราชวงศ์เนปาลได้รับการกล่าวขานสืบต่อกันมา มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะกำลังทรงเตรียมทำศึกครั้งสุดท้ายกับราชรัฐในหุบเขากาฐมาณฑุและเสด็จผ่านป่า ได้ทรงพบกับฤๅษีตนหนึ่งเข้าโดยบังเอิญซึ่งเป็นองค์เทพเจ้าจำแลงมา ตามกฎของศาสนาฮินดูที่ทรงนับถือระบุไว้ว่า ถ้าเจอผู้ทรงศีลให้ถวายน้ำนม พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะก็ทรงปฏิบัติตามนั้น
ฤๅษีตนนั้นรับน้ำนมที่ถวายดื่ม และบ้วนกลับลงไปในภาชนะที่ใส่ พร้อมกับทูลถวายกลับไปเพื่อให้ทรงดื่ม แต่พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะทรงปฏิเสธ แทนที่จะทรงดื่มกลับทรงราดนมไปที่มือของฤๅษีตนนั้นและน้ำนมหกลงโดนนิ้วพระบาทของพระองค์ทั้งสิบนิ้ว
การกระทำของพระองค์สร้างความโกรธแค้นให้กับฤๅษียิ่งนัก ฤๅษีซึ่งเป็นเทพจำแลงบรรลุโทสะตะโกนต่อหน้าพระพักตร์ด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า ถ้าพระองค์ดื่มนมที่เขาบ้วนออกมา ก็จะทรงได้ทุกอย่างตามที่ทรงปรารถนา
ฤๅษีสาปแช่งพระองค์และผู้สืบทอดสายพระโลหิต โดยสาปแช่งให้ทรงมีผู้สืบทอดราชบัลลังก์ไปอีก 10 ชั่วคนตามน้ำนมที่รดลงนิ้วพระบาททั้งสิบหลังจากนั้นขอให้ราชวงศ์ศาหะล่มสลาย ซึ่งต่อมาราชวงศ์เนปาลสิ้นสุดลงตามคำสาปจริง
อ้างอิง
- วราวุธ.หลังบัลลังก์เลือด,พิมพ์ครั้งที่ 1.(กรุงเทพฯ:กรุงเทพ, 2546) หน้า 22
- วราวุธ. หน้า 15
- วราวุธ. หน้า 21
- วราวุธ. หน้า 22
- วราวุธ. หน้า 15
- History of Nepal 2011-12-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | พระเจ้าปฤถวีนารายัณ ศาหะ | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สถาปนาราชอาณาจักรเนปาล | พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเนปาล (25 กันยายน พ.ศ. 2311 — 11 มกราคม พ.ศ. 2318) | พระเจ้าประตาปสิงห์ ศาหะ |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecapvthwinarayn saha phramhakstriyaehngrachxanackrenpal ph s 2266 11 mkrakhm ph s 2318 enpali प थ व न र यण श ह epnphramhakstriyphraxngkhaerkaehngrachwngschahhruxsahthipkkhrxngenpal phraxngkhthrngepnthinbthuxcakkarthithrngerimtn thisungthukaebngaeykaelaxxnaexphayitkarpkkhrxngkhxngshphnthmlla phraxngkhthrngepnechuxsayrunthi 9 khxngdrawaya sah ph s 2102 ph s 2113 phukxtngrachwngsaehng medcphrarachathibdipvthwinaraynsahathrngkhrxngrachbllngksubtxcakepnkstriyaehnginpiph s 2286phraecapvthwinarayn sahaphramhakstriyaehngrachxanackrenpalkhrxngrachy25 knyayn ph s 2311 11 mkrakhm ph s 2318rchsmy6 pirchkalkxnhnarchkalthdipphraecapratapsingh sahaprasutiph s 2266 rachxanackrenpalswrrkht11 mkrakhm ph s 2318 krungkathmanthu rachxanackrenpal phrachnmayu 52 phrrsa phrabrmrachiniphrarachbutrphraecapratapsingh sahaphraecapvthwinarayn saharachwngsrachwngssahphrarachbidaphrarachmardachwngtnphrachnmchiphphraxngkhepnphrarachoxrsinkbphramehsiphraxngkhthisxngaetphraxngkhthrngidrbkareliyngducakphramehsiphraxngkhaerkkhux sungepnphramardaeliyng ecachaythrngerimtnsnphrathydankaremuxngkhxngrthxnenuxngmacakphrarachbidamkthrngichewlakbkarsasnainhxngswdmnt ecachaymiphraprasngkhthicaphichitehnux phrarachinixngkhaerkhruxmharaniphramardaeliyngthrngplukfngihecachaythrngmipnithaninkarrwmchatienpal karesdcphrarachdaenindwyphrabathiprxbokrkhaaelatrskbrasdrxnepnsingthioprdaelakarkrathakhrngnikhwyihphraxngkhthrngekhaphrathyinphsknikrkurkha phraxngkhthrngmiechuxsaycakphwkrachputtrakulcakemuxngcittxrkarh inrthrachsthanaetbrrphburuskhxngphraxngkhthrngtngthinthanthiekhtokrkhacaknncungklayepnchuxephankrbkurkhaphusungmiechuxsaycakchatiphnthurachput mxngoklkarrwmchatienpalsmedcphrarachathibdipvthwinaraynsahathrngprasbkhwamsaerccakkarerimtnrukranshphaphaehngnuwkhtthisungthxdyawtngaetkrungkathmanthucnthungaekhwnokrkha inpiph s 2287 hlngcakshphaphnuwkht phraxngkhthrngekhaphichitcudyuththsastrinbriewneninekharxbphuekhakathmanthu karsuxsarinrachrthhubekhakathmanthutxolkphaynxkcungthuktdkhad karekhayudkhrxngesnthangkhutiinpiph s 2299 idhyudkarkhakhayrahwanghubekhakbthiebt ephuxhyudkarkhakhayrahwangchawenwarthixasyxyuinhubekhakathmanthukbchawmuslimaehngckrwrrdiomkulinxinediy hlngcakthrngprachyxyangesiyphraekiyrtithungsxngkhrng phraecapvthwinarayn sahathrngexachnaaelaekhayudkhrxngkirtipurainkarocmtikhrngthisam aetphraxngkhtxngsuyesiy nayphlkhnsnithkhxngphraxngkhaelaphraxnucha dwykhwamaekhnphrathythitxngsuyesiynaythharkhnsnith hlngcakthrngyudkhrxngkirtipuraphraxngkhthrngsngihtdcmukaelapakkhxngchaythukkhn ephuxepnkalngothsthungkhwamirsccakhxngchawkirtipuraenuxngcakchawemuxngidyxmaephaetklbsngkxngthphmaocmtiphraxngkhinphayhlng thaihsngphlthungkittisphthdankhwamohdehiymkhxngphraxngkh inthisudsmedcphrarachathibdipvthwinaraynsahaesdcphrarachdaeninekhasuemuxnghlngcakyudkhrxngkirtipura dngnnidesdcphrxmphramehsiliphyipyngemuxngpatanthillitpura patan emuxphraecapvthwinarayn sahaidkhyayxanaekhtsupataninewlaephiyngimkispdah phraecacayaprakachaehngkathmanthuaelaidesdcliphyipyngphktapura thisungtxmakthukyudkhrxngechnkn smedcphrarachathibdipvthwinaraynsahathrngsamarthyudkhrxnghubekhakathmanthuaelathrngsthapnakathmanthukhunepnrachthaniph s 2312 phraxngkhthrngprakaskhunkhrxngrachbllngkepnpthmkstriyaehngenpalthi karsthapnarachxanackrenpalthaihphraxngkhmiphrarachpnithaninkarphichitdantawnxxk idthukyudkhrxnginpiph s 2316 aelakthukphnwkekhaxanackrenpalinewlatxma karprabpramaelarwmchatienpalphraxngkhtxngichewlananekuxb 25 piesdcswrrkhtphrabrmrachanusawriyphraecapvthwinarayn saha phraecapvthwinarayn sahathrngkhyayxanaekhtaelarksakhwamsngbsukhaetphraxngkhthrngptiesthkarecriysmphnthimtrikbxngkvs thrngptiesththithakarkhakbchawxngkvs phraxngkhesdcswrrkhtkxnthicathrngwangrakthanpraethsihmiprasiththiphaph kxnthicaesdcswrrkht cungoprdeklaihphrabrmwngsanuwngschnsungekhaefa odythrngkhxihecanaythukphraxngkhyudthuxepnkdtxipwakarsubrachsmbticatxngepnkhxngphraoxrsxngkhotinkstriythixyuinsirirachsmbtiethann karthithrngtngkdniephuxpxngknkaraeyngchingrachbllngkehmuxnrachrthxun aelakdmnethiyrbalniidrbkaryudthuxtxma phraxngkhesdcswrrkhtinwnthi 11 mkrakhm ph s 2318 siriphrachnmayu 52 phrrsa phraxkhrmehsithrngkrathatampraephnihindukhuxphithisti emuxsamitayphrryatxngoddekhakxngifephuxtaytam phranangaelanangphrakanlthrngkraoddekhakxngifsinphrachnmtamphrarachswami ecachaypratapsingh phrarachoxrsxngkhotthrngkhrxngrachysubtxepn phraecapratapsingh saha aelaphrarachpnithankarrwmchatikhxngphraxngkhidrbkarsantxodyphraoxrsxikphraxngkhhnungkhuxkhasaprachwngsenpalkhasapaehngrachwngsenpalidrbkarklawkhansubtxknma mieruxngelawa khnathiphraecapvthwinarayn sahakalngthrngetriymthasukkhrngsudthaykbrachrthinhubekhakathmanthuaelaesdcphanpa idthrngphbkbvisitnhnungekhaodybngexiysungepnxngkhethphecacaaelngma tamkdkhxngsasnahinduthithrngnbthuxrabuiwwa thaecxphuthrngsilihthwaynanm phraecapvthwinarayn sahakthrngptibtitamnn visitnnnrbnanmthithwaydum aelabwnklblngipinphachnathiis phrxmkbthulthwayklbipephuxihthrngdum aetphraecapvthwinarayn sahathrngptiesth aethnthicathrngdumklbthrngradnmipthimuxkhxngvisitnnnaelananmhklngodnniwphrabathkhxngphraxngkhthngsibniw karkrathakhxngphraxngkhsrangkhwamokrthaekhnihkbvisiyingnk visisungepnethphcaaelngbrrluothsataokntxhnaphraphktrdwyesiyngekriywkradwa thaphraxngkhdumnmthiekhabwnxxkma kcathrngidthukxyangtamthithrngprarthna visisapaechngphraxngkhaelaphusubthxdsayphraolhit odysapaechngihthrngmiphusubthxdrachbllngkipxik 10 chwkhntamnanmthirdlngniwphrabaththngsibhlngcaknnkhxihrachwngssahalmslay sungtxmarachwngsenpalsinsudlngtamkhasapcringxangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phraecapvthwinarayn saha wrawuth hlngbllngkeluxd phimphkhrngthi 1 krungethph krungethph 2546 hna 22 wrawuth hna 15 wrawuth hna 21 wrawuth hna 22 wrawuth hna 15 History of Nepal 2011 12 10 thi ewyaebkaemchchin kxnhna phraecapvthwinarayn saha thdipsthapnarachxanackrenpal phramhakstriyaehngrachxanackrenpal 25 knyayn ph s 2311 11 mkrakhm ph s 2318 phraecapratapsingh saha