สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย (Zewditu I, Zawditu หรือ Zauditu; อักษรกีเอส:ዘውዲቱ ; 29 เมษายน พ.ศ. 2419 - 2 เมษายน พ.ศ. 2473) ทรงเป็นแห่งเอธิโอเปียตั้งแต่พ.ศ. 2459 ถึงพ.ศ. 2473 ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐที่เป็นสตรีพระองค์แรกแห่งรัฐที่เป็นที่รู้จักอย่างสากลในทวีปแอฟริกาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 พระนางเป็นที่จดจำในฐานะทรงเป็นผู้ทำการต่อต้านการปฏิรูปของเจ้าชายตาฟารี มาคอนเนน (ต่อมาคือ สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย) และพระนางทรงอุทิศเพื่อพระศาสนาอย่างแรงกล้า
สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูที่ 1 | |||||
---|---|---|---|---|---|
จักรพรรดินีนาถแห่งเอธิโอเปีย | |||||
ครองราชย์ | 27 กันยายน พ.ศ. 2459 – 2 เมษายน พ.ศ. 2473 | ||||
ก่อนหน้า | |||||
ถัดไป | สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย | ||||
พระราชสมภพ | 29 เมษายน พ.ศ. 2419 ณ ,ฮาราร์, ประเทศเอธิโอเปีย | ||||
สวรรคต | 2 เมษายน พ.ศ. 2473 ประเทศเอธิโอเปีย (พระชนมายุ 53 พรรษา) | ||||
พระราชสวามี | (พ.ศ. 2429 - พ.ศ. 2431) (พ.ศ. 2443 - พ.ศ. 2473) | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | |||||
พระราชบิดา | |||||
พระราชมารดา | เวย์ซิโร |
ช่วงต้นพระชนม์ชีพ
เจ้าหญิงประสูติในวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2419 เจ้าหญิงได้รับการแบ็ฟติสท์ในพระนาม อัสคารา มาเรียม (แปลว่า "Askal of Mary" เป็นชื่อดอกไม้ชนิดหนึ่ง) แต่ทรงใช้พระนามจริงว่า เซาดีตู (ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่ามีพระนามว่า จูดิธ [Judith] ในภาษาอังกฤษ) พระนางเป็นพระราชธิดาใน (กษัตริย์) เมเนลิกแห่ง ซึ่งทรงเป็นในอนาคต พระราชมารดาของพระนางคือ เวย์ซิโร (ท่านผู้หญิง) เป็นท่านผู้หญิงแห่งวอลโล และเป็นพระชายาของเนกัสเมเนลิกเพียงชั่วครู่ พระราชมารดาของพระนางทรงแยกทางกับเนกัสเมเนลิกเมื่อเจ้าหญิงเซาดีตูยังทรงพระเยาว์ และเจ้าหญิงทรงได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากพระราชบิดาและพระชายาอีกองค์หนึ่งของพระบิดาคือ หลังจากนั้นเนกัสเมเนลิกทรงอภิเษกสมรสกับ แต่พระองค์ไม่มีพระโอรสธิดากับพระนางเตย์ตู เบย์ตุล เนกัสเมเนลิกมีพระโอรสธิดาซึ่งเป็นที่รู้จัก 3 พระองค์ได้แก่ เจ้าหญิงเซาดีตู, พระโอรส เจ้าชายอัสเฟา วอซเซน ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ และพระราชธิดาอีกพระองค์คือ เจ้าหญิงชีวา เร็กกา ซึ่งเป็นพระราชมารดาใน ซึ่งในที่สุดเจ้าชายจะเป็นรัชทายาทของจักรพรรดิเมเนลิก อย่างไรก็ตามสมเด็จพระจักรพรรดิยังทรงสนิทสนมกับเจ้าหญิงเซาดีตู ซึ่งพระนางทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับพระมารดาเลี้ยงคือ สมเด็จพระจักรพรรดินีเตย์ตู และทรงเป็นส่วนหนึ่งของราชสำนักของพระราชบิดาในชั่วพระชนม์ชีพส่วนใหญ่ของพระนาง
ในปีพ.ศ. 2429 เจ้าหญิงเซาดีตูในพระชนมายุ 10 ชันษา ทรงอภิเษกสมรสกับ พระราชโอรสและทรงเป็นองค์รัชทายาทใน เป็นการอภิเษกสมรสทางการเมืองซึ่งถูกจัดการเมื่อเนกัสเมเนลิกทรงยอมรับในพระราชอำนาจของสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนส ในที่สุดสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนสและเนกัสเมเนลิกทรงขัดแย้งกันอีกครั้ง ซึ่งเนกัสเมเนลิกทรงก่อการกบฏต่อต้านพระราชอำนาจของสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนส พระชนม์ชีพการอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเซาดีตูไม่มีพระโอรสและพระธิดาร่วมกัน เนื่องจากยังทรงพระเยาว์เกินกว่าที่จะอภิเษกสมรส ถึงแม้ว่าพระสวามีของพระนางจะมีพระโอรสกับสตรีอื่น เมื่ออารายา เซลาสซีสิ้นพระชนม์ในปีพ.ศ. 2431
พระนางทรงออกจากเมืองเมเคเลและทรงกลับไปยังราชสำนักของพระราชบิดาในชีวา แม้ว่าเนกัสเมเนลิกกับสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนสจะทรงเป็นอริต่อกัน เจ้าหญิงเซาดีตูทรงจัดการกับความขัดแย้งให้ทั้งสองพระองค์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เจ้าหญิงเซาดีตูทรงอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 กับ ราส กักซา เวลเลเป็นพระราชนัดดาในพระนางเตย์ตู พระมารดาเลี้ยงของเจ้าหญิงเซาดีตู เจ้าหญิงเซาดีตูทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระนางเตย์ตู แต่การสร้างความสัมพันธ์ทางตรงกับทั้งสองสามารถทำให้ความสัมพันธ์แนบแน่นขึ้นได้ ไม่มีพระชนม์ชีพในการสมรสของพระนางเมื่อครั้งก่อน การอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเซาดีตูกับกักซา เวลเลคาดว่าเป็นไปอย่างมีความสุข
ก้าวขึ้นสู่พระราชอำนาจ
จากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนสที่ 4 ใน (หรือ "สมรภูมิเมเต็มบา") จากการที่ทรงสู้รบกับมุสลิมแห่งซูดาน เนกัสเมเนลิกแห่งชีวาทรงรับพระราชอำนาจและทรงดำรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 แห่งเอธิโอเปียในปีพ.ศ. 2432 เหตุการณ์ครั้งนี้ถ่อเป็นการฟื้นฟูสายสืบราชสันตติวงศ์บุรุษ ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิโยฮันเนสทรงอ้างสิทธิในราชบัลลังก์ผ่านสายสันตติวงศ์สตรี ในฐานะที่เป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 พระนางเซาดีตูจึงทรงสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถพระองค์สุดท้ายซึ่งเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์จากบุรุษแห่ง เนื่องจากรัชทายาทของพระนางคือ สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย ทรงสืบราชสันตติวงศ์ผ่านทางสตรี
สมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิก พระราชบิดาของพระนางทรงสถาปนาพระราชอำนาจสูงสุดภายในและพระเกียรติยศสู่ภายนอก โดยพระองค์ทรงทำการขยายอาณาเขตของจักรวรรดิและสถาปนาจักรวรรดิสมัยใหม่ได้สำเร็จในปีพ.ศ. 2441 นอกจากนี้สมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกทรงมีชัยชนะเหนือกองทัพจักรวรรดินิยมอิตาลีภายใต้สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลีที่ทรงต้องการยึดเอธิโอเปียเป็นอาณานิคมซึ่งทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิมีพระเกียรติยศขจรขจายไกลจาก ชัยชนะใน ณ ถือเป็นการรับรองอิสรภาพของเอธิโอเปียจากมหาอำนาจภายนอกและเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตด้วยตัวแทนในราชสำนักสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกและสามารถอธิบายเขตแดนกันชนกับอาณานิคมอื่น ๆ ได้
สมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 เสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2456 พระราชโอรสในเจ้าหญิงชีวา เร็กกา พระขนิษฐาต่างมารดาของเจ้าหญิงเซาดีตู ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2452 ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูที่ 5 แห่งเอธิโอเปียแต่ยังไม่ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทรงเกรงว่า เจ้าหญิงเซาดีตูผู้เป็นพระมาตุจฉาทรงทำการคุกคามพระราชอำนาจโดยชอบธรรมของพระองค์ พระองค์จึงมีพระราชโองการให้เนรเทศเจ้าหญิงเซาดีตูและพระสวามีออกไปอยู่ชนบท อีกทั้งสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูยังทรงเนรเทศสมเด็จพระจักรพรรดินีเตย์ตู เบตุล ผู้เป็นพระอัยยิกาเลี้ยงออกจากพระราชวังหลวงและให้ไปประทับที่พระราชวังเก่าบนภูเขาเอ็นโตโต
จากความกลัวในความวุ่นวายที่อาจจะเกิด คณะรัฐมนตรีได้ตัดสินใจไม่ประกาศข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 ต่อสาธารณะ เป็นผลให้สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูที่ 5 ทรงไม่ได้รับการประกาศเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิอย่างเป็นทางการ หรือ ยังไม่ได้ประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ในเหตุการณ์ที่สมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกสวรรคตและการที่สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทรงปกครองโดยพฤตินัยได้กลายเป็นที่รับรู้และยอมรับไปในวงกว้าง
ผู้มีอำนาจในศาสนจักร ลอร์ดผู้สำเร็จราชการ ราส เทสเซมา และคณะรัฐมนตรีเห็นด้วยกับแผนการพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูว่าควรเลื่อนออกไปจนกว่าที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเจริญพระชันษามากกว่านี้ อย่างไรก็ตามสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทรงต้องประสบกับปัญหาอย่างทันทีด้วยการที่ทรงปกครองแต่มิได้ทำการราชาภิเษก พระองค์ทรงถูกชิงชังโดยชนชั้นสูงจากการที่ทรงมีพฤติกรรมที่แปรปรวน และทางคริสตจักรสงสัยและกล่าวหาพระองค์ว่าทรงนิยมศาสนาอิสลาม หลังจากที่ทรงพบกับปัญหาในช่วงไม่กี่ปี สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทรงถูกรัฐประหารและทรงถูกถอดออกจากราชบัลลังก์ เจ้าหญิงเซาดีตูทรงถูกเรียกพระองค์กลับมายังเมืองหลวง และในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2459 ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาและได้ประกาศการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 อย่างเป็นทางการและประกาศถอดถอนสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูที่ 5 ออกจากราชบัลลังก์ตามพระราชประสงค์ของพระนางเซาดีตู พระนางเซาดีตูทรงเฉลิมพระนามอย่างเป็นทางการว่า "ราชินีแห่งปวงราชันย์" ("Queen of Kings"; Negiste Negest) เป็นการเปลี่ยนแปลงจากตำแหน่งเดิมคือ "" ("King of Kings"; Nəgusä Nägäst)
ในขั้นต้น สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูไม่มีพระราชอำนาจในการปกครองด้วยพระนางเอง พระราชอำนาจทรงถูกแทนที่ด้วยพระญาติของพระนาง เจ้าชาย (ราส) ตาฟารี มาคอนเนน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และนายพลอาวุโสในสมัยพระราชบิดาของพระนาง (ผู้บัญชาการทัพหน้า) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เจ้าชายราสตาฟารีได้กลายเป็นองค์รัชทายาทในสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู เนื่องจากพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระนางเซาดีตูสิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์ทั้งสิ้น ในปีพ.ศ. 2471 หลังจากที่พระนางทรงพยายามถอดถอนเจ้าชายราสตาฟารีออกจากอำนาจแต่แผนการของพระนางล้มเหลว สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงถูกบังคับให้สถาปนาพระญาติองค์นี้ขึ้นเป็น เนกัส (กษัตริย์)
รัชสมัย
กลอุบายทางการเมือง
ในขณะที่ชนชั้นสูงเอธิโอเปียซึ่งเป็นพวกอนุรักษนิยมโดยทั่วไปได้รับการสนับสนุนจากสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้แสดงความกระตือรือร้นน้อยเกี่ยวกับพระญาติของพระนางซึ่งมีมากมาย
พระมารดาเลี้ยงของพระนางเซาดีตูและเป็นพระปิตุจฉาในพระสวามีของพระนาง ได้เสด็จออกจากเมืองหลวงหลังการสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 แต่ยังทรงมีความคลางแคลงพระทัยจากการที่ทรงทำการเล่นพรรคเล่นพวกอย่างเห็นได้ชัดซึ่งพระนางทรงกระทำการเป็นประจำในรัชสมัยของอดีตพระราชสวามี จากความพยายามที่จะขจัดอิทธิพลของสมเด็จพระจักรพรรดินี พระพันปีหลวง กลุ่มชนชั้นสูงได้กระทำการแต่งตั้งพระนัดดาของพระนาง (เจ้าชาย[ราส] พระสวามีของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู) ให้ไปเป็นข้าหลวงปกครองในที่ห่างไกลเพื่อขจัดเจ้าชายออกจากอิทธิพลในราชสำนัก การกระทำการครั้งนี้ถือเป็นการต่อต้านสมเด็จพระจักรพรรดินี พระพันปีหลวงเตย์ตู เบตุลแทนที่จะต่อต้านสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูซึ่งเชื่อว่าสร้างความขุ่นเคืองพระทัยสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูอย่างมาก สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูยังต้องทรงทนรับความรู้สึกผิดต่อการที่ทรงยึดพระราชบัลลังก์มาจากสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซู ซึ่งขณะนี้คือ เจ้าชายลิจ อิยาซู ผู้ซึ่งพระราชบิดาของพระนางมีพระราชประสงค์ให้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระองค์ ในขณะที่พระนางทรงเชื่อว่าการยึดอำนาจสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูเป็นสิ่งที่จำเป็น พระนางทรงมีความเคารพในพระราชบิดาของพระนางอย่างมาก และไม่ทรงมีความสุขจากการที่ขัดพระราชประสงค์ของพระราชบิดา การที่ทรงต้องแยกจากพระราชสวามีและทรงรู้สึกผิดต่อการยึดราชบัลลังก์สมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทำให้พระนางเซาดีตูไม่ทรงมีความสุขในขณะที่ดำรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถ เป็นที่น่าสนใจแม้ว่า อดีตสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซูทรงปฏิบัติต่อพระนางอย่างน่ารังเกียจ แต่พระนางทรงให้ความรักและเอ็นดูอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซู พระราชนัดดาองค์นี้ยิ่ง และมีการกล่าวกันว่าทรงร่ำไห้อย่างข่มขื่นพระราชหฤทัยเมื่อมีการกล่าวว่าพระนางได้กลายเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถในขณะที่พระราชนัดดาของพระนางทรงถูกบัพพาชนียกรรมจากการที่ทรงเลิกศรัทธาในศานาคริสต์ สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงพยายามละออกจากความรับผิดชอบหลัก ๆ เหล่านี้อย่างมากขึ้นโดยทรงเข้าสู่โลกทางธรรมโดยการถือศีลอดและการสวดมนต์ จากการที่ทรงเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ทรงได้รับการสืบทอดมา เจ้าชายราสตาฟารี มาคอนเนนจึงสามารถเข้ามามีอำนาจและอิทธิพลในราชสำนักได้
สงครามต่อต้านอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิอิยาซู
ช่วงต้นรัชกาลของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูได้มีการทำสงครามต่อต้านเจ้าชายลิจ อิยาซู อดีตจักรพรรดิ ซึ่งทรงหลบหนีออกจากสถานที่คุมขัง ทรงกลับไปพบพระราชบิดาของพระองค์ เนกัส อดีตจักรพรรดิอิยาซูทรงเข้าร่วมเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์คืน แต่ทั้งสองพระองค์ไม่สามารถประสานกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่ประสงค์ อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับชัยชนะในขั้นต้น พระราชบิดาของอดีตจักรพรรดิอิยาซูได้พ่ายแพ้และทรงถูกจับกุมใน องค์เนกัสทรงถูกล่ามโซ่ตรวนแห่ประจานรอบกรุงแอดดิส อบาบา ทรงต้องแบกหินสำนักผิดไว้บนพระอังสาก่อนที่จะทรงเข้าท้องพระโรงและทรงต้องจุมพิตพระบาทของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูเพื่อวิงวอนขอพระเมตตา องค์รัชทายาทแห่ราชบัลลังก์ เจ้าชายราสตาฟารี มาคอนเนนไม่ทรงอยู่ทอดพระเนตรเหตุการณ์นี้เพราะทรงเห็นพระทัยพระชายา ผู้ซึ่งเป็นพระราชนัดดาในองค์เนกัสมิคาเอล หลังจากที่ทรงทราบเรื่องการพ่ายแพ้ของพระราชบิดา อดีตจักรพรรดิอิยาซูทรงหลบหนีไปยัง หลังจากหลายปีของการหลบหนี อดีตจักรพรรดิอิยาซูทรงถูกจับกุมโดย (ผู้บัญชาการแห่งประตู) พระราชโอรสในพระสวามีพระองค์แรกของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูที่ประสูติแต่พระชายาพระองค์อื่น กักซา อารายาได้รับการแต่งตั้งเป็น ราส (เจ้าชาย) จากอดีตพระมารดาเลี้ยง และทรงมอบ พระราชนัดดาในเจ้าชายตาฟารี มาคอนเนนให้เป็นพระชายา เมื่ออดีตจักรพรรดิอิยาซูทรงถูกจับกุม สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงหลั่งพระเนตรร้องขอให้คุมขังอดีตจักรพรรดิไว้ในตำหนักพิเศษในบริเวณพระราชวังที่ซึ่งพระนางสามารถเห็นสภาพความเป็นอยู่และอดีตจักรพรรดิควรได้รับข้อเสนอแนะทางศาสนา พระนางต้องพบว่าเจ้าชายราสตาฟารีและ (ผู้บัญชาการทัพหน้า) ยืนยันที่จะไม่รับข้อเสนอของพระนาง พระนางทรงกระทำได้เพียงให้อดีตจักรพรรดิได้รับพระกระยาหารที่พิเศษและทรงโปรดปรานและทรงจัดหาฉลองพระองค์และให้ความหรูหราเล็ก ๆ แก่เจ้าชายลิจ อิยาซู ในสถานที่คุมขังที่เซลลาเล ในวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพของพระนาง ทรงกล่าวถึงพระราชนัดดาที่ถูกถอดถอนพระองค์นี้ว่า "เกตาเย (องค์พระผู้เป็นเจ้า) อิยาซู"
การก้าวขึ้นสู่อำนาจของราสตาฟารี
รัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูซึ่งมีความก้าวหน้าที่แตกต่างในภาพรวมที่ค่อย ๆ กว้างขึ้นระหว่างพระนางและรัชทายาทที่ทรงแต่งตั้ง เจ้าชาย (ราส) ตาฟารี มาคอนเนน เจ้าชายตาฟารีทรงเป็นนักปฏิรูป ทรงเชื่อว่าเอธิโอเปียจำต้องเปิดประเทศสู่โลกเพื่อให้อยู่รอดได้ ในเรื่องนี้พระองค์ได้รับการสนับสนุนจากขุนนางหนุ่มมากมาย อย่างไรก็ตามสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงเป็นนักอนุรักษนิยมทรเชื่อในการปกปักรักษาวัฒนธรรมประเพณีเอธิโอเปีย พระนางทรงได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากคริสตจักรในความเชื่อนี้ แต่สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงเริ่มถอนพระองค์จากบทบาททางการเมืองอย่างช้า ๆ และทรงปล่อยให้อำนาจของเจ้าชายตาฟารีมีมากขึ้นและมากขึ้น ภายใต้การบริหารราชการของเจ้าชายตาฟารี ทรงนำเอธิโอเปียเข้าร่วมสันนิบาตชาติและทรงประกาศยกเลิกระบบทาส สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงเอาพระทัยใส่ในกิจกรรมทางศาสนา ดังเช่น ทรงสร้างโบสถ์มากมาย
ในปีพ.ศ. 2471 เกิดการลุกฮือเล็กน้อยเพื่อต่อต้านการปฏิรูปของเจ้าชายตาฟารี ในโดยฝ่ายสนับสนุนสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู แต่ไม่สำเร็จ สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูทรงถูกบังคับให้ยอมรับเจ้าชายตาฟารี ผู้ซึ่งตอนนี้สามารถควบคุมรัฐบาลส่วนใหญ่ได้แล้ว ด้วยตำแหน่ง เนกัส (กษัตริย์) ในขณะที่เนกัสตาฟารีทรงอยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู (ซึ่งตอนนี้ยังทรงเป็น Negiste Negest, "ราชินีแห่งปวงราชันย์" หรือ สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถ) ตอนนี้เนกัสตาฟารีสามารถปกครองเอธิโอเปียอย่างมีประสิทธิภาพ มีการพยายามหลายครั้งเพื่อมีอำนาจแทนที่พระองค์ แต่ทั้งหมดไม่ประสบความสำเร็จ ในปีพ.ศ. 2473 พระสวามีของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู เจ้าชาย (ราส) กักซา เวลเลทรงก่อกบฏในเพื่อต่อต้านเนกัสตาฟารีที่เพื่อยุติการสำเร็จราชการของเนกัสตาฟารีทั้ง ๆ ที่พระมเหสีทรงทั้งอ้อนวอนและมีพระราชโองการให้พระองค์หยุดต่อต้าน แต่เจ้าชายกักซา เวลเลทรงพ่ายแพ้และสิ้นพระชนม์ในสนามรบโดยกองทัพปฏิรูปเอธิโอเปียในในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2473
เสด็จสวรรคต กรณีเหตุสวรรคต และการสืบราชบัลลังก์
ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2473 หลังจากเจ้าชายกักซา เวลเลสิ้นพระชนม์ในสนามรบ สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน เป็นที่รู้กันในทุกวันนี้ว่าทรงพระประชวรด้วยโรคเบาหวานและทรงพระประชวนหนักด้วยไข้รากสาดน้อยแต่ในระดับสากลไม่เห็นด้วยกับสาเหตุการเสด็จสวรรคตของพระนาง ตามประวัติศาสตร์ที่เป็นที่นิยมบันทึกว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูเสด็จสวรรคตจากพระอาการช็อกและความเสียพระทัยที่ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระราชสวามี แต่ตามบันทึกอื่น ๆ โต้แย้งบันทึกนี้ ซึ่งบันทึกว่า สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูไม่ทรงได้รับทราบผลการสู้รบก่อนที่จะเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน จากหลักฐานของคณะทูตในกรุงแอดดิส อบาบารายงานว่าในช่วงนั้นสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูซึ่งทรงพระประชวรทรงแช่พระองค์ในภาชนะขนาดใหญ่ที่ใส่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เย็นในการรักษาพระอาการประชวรของพระนางแต่พระวรกายของพระนางช็อกและและพระนางเสด็จสวรรคตหลังจากนั้นไม่นาน ช่วงเวลาการเสด็จสวรรคตของพระนางเกิดในทันทีหลังจากข่าวผลการสู้รบได้มาถึงในกรุงแอดดิส อบาบาได้ก่อให้เกิดการพิจารณาว่าเป็นสาเหตุที่พระนางเสด็จสวรรคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการวิพากษ์วิจารณ์องค์รัชทายาทของพระนางโดยฝ่ายอนุรักษนิยม สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีทรงถูกกล่าวหาว่าเมื่อการจลาจลถูกปราบปรามอย่างเด็ดขาด พระองค์หรือผู้สนับสนุนพระองค์จะรู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้นในการวางยาพิษปลงพระชนม์สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู การพิจารณาทฤษฎีการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน
เนกัสตาฟารีได้สืบราชบัลลังก์ต่อจากการสวรรคตของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตู ในพระนาม สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย
เชิงอรรถ
- Zewde, Bahru. A history of Ethiopia: 1855-1991. 2nd ed. Eastern African studies. 2001
- Marcus, Menelik II, pp. 278–281
อ้างอิง
- Biography
- Ethiopian Treasures – Empress Zawditu, Addis Ababa – Ethiopia 2016-05-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ก่อนหน้า | สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถเซาดีตูที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งเอธิโอเปีย () (27 กันยายน พ.ศ. 2459 – 2 เมษายน พ.ศ. 2473) | สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
smedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiy Zewditu I Zawditu hrux Zauditu xksrkiexs ዘውዲቱ 29 emsayn ph s 2419 2 emsayn ph s 2473 thrngepnaehngexthioxepiytngaetph s 2459 thungph s 2473 thrngepnpramukhaehngrththiepnstriphraxngkhaerkaehngrththiepnthiruckxyangsaklinthwipaexfrikainchwngkhriststwrrsthi 19 aela 20 phranangepnthicdcainthanathrngepnphuthakartxtankarptirupkhxngecachaytafari makhxnenn txmakhux smedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiy aelaphranangthrngxuthisephuxphrasasnaxyangaerngklasmedcphrackrphrrdininathesadituthi 1ckrphrrdininathaehngexthioxepiykhrxngrachy27 knyayn ph s 2459 2 emsayn ph s 2473kxnhnathdipsmedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiyphrarachsmphph29 emsayn ph s 2419 n harar praethsexthioxepiyswrrkht2 emsayn ph s 2473 praethsexthioxepiy phrachnmayu 53 phrrsa phrarachswami ph s 2429 ph s 2431 ph s 2443 ph s 2473 phranametmxskhara maeriym esaditurachwngsphrarachbidaphrarachmardaewysiorchwngtnphrachnmchiphphrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdioyhnensthi 4 aehngexthioxepiy say phuthrngepnstrusakhykhxngenksemenlik phrabidakhxngecahyingesaditu aelaxaraya eslassi oyhnens khwa phraswamiphraxngkhaerkkhxngecahyingesaditu ecahyingprasutiinwnthi 29 emsayn ph s 2419 ecahyingidrbkaraebftisthinphranam xskhara maeriym aeplwa Askal of Mary epnchuxdxkimchnidhnung aetthrngichphranamcringwa esaditu sungmkthukekhaicphidwamiphranamwa cudith Judith inphasaxngkvs phranangepnphrarachthidain kstriy emenlikaehng sungthrngepninxnakht phrarachmardakhxngphranangkhux ewysior thanphuhying epnthanphuhyingaehngwxlol aelaepnphrachayakhxngenksemenlikephiyngchwkhru phrarachmardakhxngphranangthrngaeykthangkbenksemenlikemuxecahyingesadituyngthrngphraeyaw aelaecahyingthrngidrbkarxbrmeliyngducakphrarachbidaaelaphrachayaxikxngkhhnungkhxngphrabidakhux hlngcaknnenksemenlikthrngxphiesksmrskb aetphraxngkhimmiphraoxrsthidakbphranangetytu ebytul enksemenlikmiphraoxrsthidasungepnthiruck 3 phraxngkhidaek ecahyingesaditu phraoxrs ecachayxsefa wxsesn sungsinphrachnmemuxthrngphraeyaw aelaphrarachthidaxikphraxngkhkhux ecahyingchiwa erkka sungepnphrarachmardain sunginthisudecachaycaepnrchthayathkhxngckrphrrdiemenlik xyangirktamsmedcphrackrphrrdiyngthrngsnithsnmkbecahyingesaditu sungphranangthrngmikhwamsmphnthxndikbphramardaeliyngkhux smedcphrackrphrrdinietytu aelathrngepnswnhnungkhxngrachsankkhxngphrarachbidainchwphrachnmchiphswnihykhxngphranang inpiph s 2429 ecahyingesadituinphrachnmayu 10 chnsa thrngxphiesksmrskb phrarachoxrsaelathrngepnxngkhrchthayathin epnkarxphiesksmrsthangkaremuxngsungthukcdkaremuxenksemenlikthrngyxmrbinphrarachxanackhxngsmedcphrackrphrrdioyhnens inthisudsmedcphrackrphrrdioyhnensaelaenksemenlikthrngkhdaeyngknxikkhrng sungenksemenlikthrngkxkarkbttxtanphrarachxanackhxngsmedcphrackrphrrdioyhnens phrachnmchiphkarxphiesksmrskhxngecahyingesadituimmiphraoxrsaelaphrathidarwmkn enuxngcakyngthrngphraeyawekinkwathicaxphiesksmrs thungaemwaphraswamikhxngphranangcamiphraoxrskbstrixun emuxxaraya eslassisinphrachnminpiph s 2431phaphthay kksa ewlel phraswamixngkhthisxngkhxngphranangesaditu phranangthrngxxkcakemuxngemekhelaelathrngklbipyngrachsankkhxngphrarachbidainchiwa aemwaenksemenlikkbsmedcphrackrphrrdioyhnenscathrngepnxritxkn ecahyingesadituthrngcdkarkbkhwamkhdaeyngihthngsxngphraxngkhmikhwamsmphnththiditxkn ecahyingesadituthrngxphiesksmrskhrngthi 2 kb ras kksa ewlelepnphrarachnddainphranangetytu phramardaeliyngkhxngecahyingesaditu ecahyingesadituthrngmikhwamsmphnththidikbphranangetytu aetkarsrangkhwamsmphnththangtrngkbthngsxngsamarththaihkhwamsmphnthaenbaennkhunid immiphrachnmchiphinkarsmrskhxngphranangemuxkhrngkxn karxphiesksmrskhxngecahyingesaditukbkksa ewlelkhadwaepnipxyangmikhwamsukhkawkhunsuphrarachxanacphrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 aehngexthioxepiy phrarachbidakhxngphranangesaditu thrngchlxngphraxngkhrachaphieskprathbbnrachbllngk cakkaresdcswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdioyhnensthi 4 in hrux smrphumiemetmba cakkarthithrngsurbkbmuslimaehngsudan enksemenlikaehngchiwathrngrbphrarachxanacaelathrngdarngepnsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 aehngexthioxepiyinpiph s 2432 ehtukarnkhrngnithxepnkarfunfusaysubrachsnttiwngsburus sungsmedcphrackrphrrdioyhnensthrngxangsiththiinrachbllngkphansaysnttiwngsstri inthanathiepnphrarachthidakhxngsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 phranangesaditucungthrngsmedcphrackrphrrdininathphraxngkhsudthaysungepnphusubrachsnttiwngscakburusaehng enuxngcakrchthayathkhxngphranangkhux smedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiy thrngsubrachsnttiwngsphanthangstri smedcphrackrphrrdiemenlik phrarachbidakhxngphranangthrngsthapnaphrarachxanacsungsudphayinaelaphraekiyrtiyssuphaynxk odyphraxngkhthrngthakarkhyayxanaekhtkhxngckrwrrdiaelasthapnackrwrrdismyihmidsaercinpiph s 2441 nxkcaknismedcphrackrphrrdiemenlikthrngmichychnaehnuxkxngthphckrwrrdiniymxitaliphayitsmedcphraecaxumaebrotthi 1 aehngxitalithithrngtxngkaryudexthioxepiyepnxananikhmsungthaihsmedcphrackrphrrdimiphraekiyrtiyskhcrkhcayiklcak chychnain n thuxepnkarrbrxngxisrphaphkhxngexthioxepiycakmhaxanacphaynxkaelaepnkarsrangkhwamsmphnththangkarthutdwytwaethninrachsanksmedcphrackrphrrdiemenlikaelasamarthxthibayekhtaednknchnkbxananikhmxun id phrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdixiyasuthi 5 aehngexthioxepiy hrux ecachaylic xiyasu phrarachnddainphranangesaditu phuthrngthakarenrethsphranangesaditu sungthrngehnwaphranangthakarkhukkhamphrarachxanacxnchxbthrrmkhxngphraxngkh smedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 esdcswrrkhtinpiph s 2456 phrarachoxrsinecahyingchiwa erkka phrakhnisthatangmardakhxngecahyingesaditu sungidrbkarsthapnaepnxngkhrchthayathxyangepnthangkarinpiph s 2452 idesdckhunkhrxngrachyepn smedcphrackrphrrdixiyasuthi 5 aehngexthioxepiyaetyngimthrngprakxbphrarachphithirachaphiesk smedcphrackrphrrdixiyasuthrngekrngwa ecahyingesadituphuepnphramatucchathrngthakarkhukkhamphrarachxanacodychxbthrrmkhxngphraxngkh phraxngkhcungmiphrarachoxngkarihenrethsecahyingesadituaelaphraswamixxkipxyuchnbth xikthngsmedcphrackrphrrdixiyasuyngthrngenrethssmedcphrackrphrrdinietytu ebtul phuepnphraxyyikaeliyngxxkcakphrarachwnghlwngaelaihipprathbthiphrarachwngekabnphuekhaexnotot cakkhwamklwinkhwamwunwaythixaccaekid khnarthmntriidtdsinicimprakaskhawkarswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 txsatharna epnphlihsmedcphrackrphrrdixiyasuthi 5 thrngimidrbkarprakasepnsmedcphrackrphrrdixyangepnthangkar hrux yngimidprakxbphrarachphithirachaphieskxyangepnthangkar xyangirktam inehtukarnthismedcphrackrphrrdiemenlikswrrkhtaelakarthismedcphrackrphrrdixiyasuthrngpkkhrxngodyphvtinyidklayepnthirbruaelayxmrbipinwngkwangwnphrarachphithirachaphiesksmedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiy phumixanacinsasnckr lxrdphusaercrachkar ras ethsesma aelakhnarthmntriehndwykbaephnkarphrarachphithirachaphieskkhxngsmedcphrackrphrrdixiyasuwakhwreluxnxxkipcnkwathismedcphrackrphrrdithrngecriyphrachnsamakkwani xyangirktamsmedcphrackrphrrdixiyasuthrngtxngprasbkbpyhaxyangthnthidwykarthithrngpkkhrxngaetmiidthakarrachaphiesk phraxngkhthrngthukchingchngodychnchnsungcakkarthithrngmiphvtikrrmthiaeprprwn aelathangkhristckrsngsyaelaklawhaphraxngkhwathrngniymsasnaxislam hlngcakthithrngphbkbpyhainchwngimkipi smedcphrackrphrrdixiyasuthrngthukrthpraharaelathrngthukthxdxxkcakrachbllngk ecahyingesadituthrngthukeriykphraxngkhklbmayngemuxnghlwng aelainwnthi 27 knyayn ph s 2459 thangkhnakrrmkarkvsdikaaelaidprakaskaresdcswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 xyangepnthangkaraelaprakasthxdthxnsmedcphrackrphrrdixiyasuthi 5 xxkcakrachbllngktamphrarachprasngkhkhxngphranangesaditu phranangesadituthrngechlimphranamxyangepnthangkarwa rachiniaehngpwngrachny Queen of Kings Negiste Negest epnkarepliynaeplngcaktaaehnngedimkhux King of Kings Negusa Nagast inkhntn smedcphrackrphrrdininathesadituimmiphrarachxanacinkarpkkhrxngdwyphranangexng phrarachxanacthrngthukaethnthidwyphrayatikhxngphranang ecachay ras tafari makhxnenn sungidrbkaraetngtngepnphusaercrachkaraethnphraxngkh aelanayphlxawuosinsmyphrarachbidakhxngphranang phubychakarthphhna idrbkaraetngtngepnphubychakarthharsungsud ecachayrastafariidklayepnxngkhrchthayathinsmedcphrackrphrrdininathesaditu enuxngcakphrarachoxrsaelaphrarachthidakhxngphranangesaditusinphrachnmemuxthrngphraeyawthngsin inpiph s 2471 hlngcakthiphranangthrngphyayamthxdthxnecachayrastafarixxkcakxanacaetaephnkarkhxngphrananglmehlw smedcphrackrphrrdininathesadituthrngthukbngkhbihsthapnaphrayatixngkhnikhunepn enks kstriy rchsmyklxubaythangkaremuxng phrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiykbnkbwchkhnsnith inkhnathichnchnsungexthioxepiysungepnphwkxnurksniymodythwipidrbkarsnbsnuncaksmedcphrackrphrrdininathesaditu sungklumkhnehlaniaesdngkhwamkratuxruxrnnxyekiywkbphrayatikhxngphranangsungmimakmayphrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdini phraphnpihlwngetytu ebtul klang kbphrarachnddakhxngphranangthngsxngphraxngkh aelaphranangetytuepnphramardaeliynginsmedcphrackrphrrdininathesaditu phramardaeliyngkhxngphranangesadituaelaepnphrapitucchainphraswamikhxngphranang idesdcxxkcakemuxnghlwnghlngkarswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdiemenlikthi 2 aetyngthrngmikhwamkhlangaekhlngphrathycakkarthithrngthakarelnphrrkhelnphwkxyangehnidchdsungphranangthrngkrathakarepnpracainrchsmykhxngxditphrarachswami cakkhwamphyayamthicakhcdxiththiphlkhxngsmedcphrackrphrrdini phraphnpihlwng klumchnchnsungidkrathakaraetngtngphranddakhxngphranang ecachay ras phraswamikhxngsmedcphrackrphrrdininathesaditu ihipepnkhahlwngpkkhrxnginthihangiklephuxkhcdecachayxxkcakxiththiphlinrachsank karkrathakarkhrngnithuxepnkartxtansmedcphrackrphrrdini phraphnpihlwngetytu ebtulaethnthicatxtansmedcphrackrphrrdininathesaditusungechuxwasrangkhwamkhunekhuxngphrathysmedcphrackrphrrdininathesadituxyangmak smedcphrackrphrrdininathesadituyngtxngthrngthnrbkhwamrusukphidtxkarthithrngyudphrarachbllngkmacaksmedcphrackrphrrdixiyasu sungkhnanikhux ecachaylic xiyasu phusungphrarachbidakhxngphranangmiphrarachprasngkhihsubrachbllngktxcakphraxngkh inkhnathiphranangthrngechuxwakaryudxanacsmedcphrackrphrrdixiyasuepnsingthicaepn phranangthrngmikhwamekharphinphrarachbidakhxngphranangxyangmak aelaimthrngmikhwamsukhcakkarthikhdphrarachprasngkhkhxngphrarachbida karthithrngtxngaeykcakphrarachswamiaelathrngrusukphidtxkaryudrachbllngksmedcphrackrphrrdixiyasuthaihphranangesadituimthrngmikhwamsukhinkhnathidarngepnsmedcphrackrphrrdininath epnthinasnicaemwa xditsmedcphrackrphrrdixiyasuthrngptibtitxphranangxyangnarngekiyc aetphranangthrngihkhwamrkaelaexnduxditsmedcphrackrphrrdixiyasu phrarachnddaxngkhniying aelamikarklawknwathrngraihxyangkhmkhunphrarachhvthyemuxmikarklawwaphranangidklayepnsmedcphrackrphrrdininathinkhnathiphrarachnddakhxngphranangthrngthukbphphachniykrrmcakkarthithrngeliksrththainsanakhrist smedcphrackrphrrdininathesadituthrngphyayamlaxxkcakkhwamrbphidchxbhlk ehlanixyangmakkhunodythrngekhasuolkthangthrrmodykarthuxsilxdaelakarswdmnt cakkarthithrngepnphunathangcitwiyyanthithrngidrbkarsubthxdma ecachayrastafari makhxnenncungsamarthekhamamixanacaelaxiththiphlinrachsankidsngkhramtxtanxditsmedcphrackrphrrdixiyasu phrabrmchayalksnsmedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiy chaykxnph s 2473 chwngtnrchkalkhxngsmedcphrackrphrrdininathesadituidmikarthasngkhramtxtanecachaylic xiyasu xditckrphrrdi sungthrnghlbhnixxkcaksthanthikhumkhng thrngklbipphbphrarachbidakhxngphraxngkh enks xditckrphrrdixiyasuthrngekharwmephuxaeyngchingrachbllngkkhun aetthngsxngphraxngkhimsamarthprasankalngidxyangmiprasiththiphaphtamthiprasngkh xyangirktamhlngcakidrbchychnainkhntn phrarachbidakhxngxditckrphrrdixiyasuidphayaephaelathrngthukcbkumin xngkhenksthrngthuklamostrwnaehpracanrxbkrungaexddis xbaba thrngtxngaebkhinsankphidiwbnphraxngsakxnthicathrngekhathxngphraorngaelathrngtxngcumphitphrabathkhxngsmedcphrackrphrrdininathesadituephuxwingwxnkhxphraemtta xngkhrchthayathaehrachbllngk ecachayrastafari makhxnennimthrngxyuthxdphraentrehtukarnniephraathrngehnphrathyphrachaya phusungepnphrarachnddainxngkhenksmikhaexl hlngcakthithrngthraberuxngkarphayaephkhxngphrarachbida xditckrphrrdixiyasuthrnghlbhniipyng hlngcakhlaypikhxngkarhlbhni xditckrphrrdixiyasuthrngthukcbkumody phubychakaraehngpratu phrarachoxrsinphraswamiphraxngkhaerkkhxngsmedcphrackrphrrdininathesadituthiprasutiaetphrachayaphraxngkhxun kksa xarayaidrbkaraetngtngepn ras ecachay cakxditphramardaeliyng aelathrngmxb phrarachnddainecachaytafari makhxnennihepnphrachaya emuxxditckrphrrdixiyasuthrngthukcbkum smedcphrackrphrrdininathesadituthrnghlngphraentrrxngkhxihkhumkhngxditckrphrrdiiwintahnkphiessinbriewnphrarachwngthisungphranangsamarthehnsphaphkhwamepnxyuaelaxditckrphrrdikhwridrbkhxesnxaenathangsasna phranangtxngphbwaecachayrastafariaela phubychakarthphhna yunynthicaimrbkhxesnxkhxngphranang phranangthrngkrathaidephiyngihxditckrphrrdiidrbphrakrayaharthiphiessaelathrngoprdpranaelathrngcdhachlxngphraxngkhaelaihkhwamhruhraelk aekecachaylic xiyasu insthanthikhumkhngthiesllael inwarasudthaykhxngphrachnmchiphkhxngphranang thrngklawthungphrarachnddathithukthxdthxnphraxngkhniwa ektaey xngkhphraphuepneca xiyasu karkawkhunsuxanackhxngrastafari phrabrmchayalksnecachaytafari makhxnenninchlxngphraxngkhnkrb thaykxnpiph s 2473 thrngthakarptirupexthioxepiyepnsmyihm sungtxmathrngkhrxngrachyepn smedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiy rchsmykhxngsmedcphrackrphrrdininathesaditusungmikhwamkawhnathiaetktanginphaphrwmthikhxy kwangkhunrahwangphranangaelarchthayaththithrngaetngtng ecachay ras tafari makhxnenn ecachaytafarithrngepnnkptirup thrngechuxwaexthioxepiycatxngepidpraethssuolkephuxihxyurxdid ineruxngniphraxngkhidrbkarsnbsnuncakkhunnanghnummakmay xyangirktamsmedcphrackrphrrdininathesadituthrngepnnkxnurksniymthrechuxinkarpkpkrksawthnthrrmpraephniexthioxepiy phranangthrngidrbkarsnbsnunxyangmakcakkhristckrinkhwamechuxni aetsmedcphrackrphrrdininathesadituthrngerimthxnphraxngkhcakbthbaththangkaremuxngxyangcha aelathrngplxyihxanackhxngecachaytafarimimakkhunaelamakkhun phayitkarbriharrachkarkhxngecachaytafari thrngnaexthioxepiyekharwmsnnibatchatiaelathrngprakasykelikrabbthas smedcphrackrphrrdininathesadituthrngexaphrathyisinkickrrmthangsasna dngechn thrngsrangobsthmakmay inpiph s 2471 ekidkarlukhuxelknxyephuxtxtankarptirupkhxngecachaytafari inodyfaysnbsnunsmedcphrackrphrrdininathesaditu aetimsaerc smedcphrackrphrrdininathesadituthrngthukbngkhbihyxmrbecachaytafari phusungtxnnisamarthkhwbkhumrthbalswnihyidaelw dwytaaehnng enks kstriy inkhnathienkstafarithrngxyuphayitkarpkkhrxngkhxngsmedcphrackrphrrdininathesaditu sungtxnniyngthrngepn Negiste Negest rachiniaehngpwngrachny hrux smedcphrackrphrrdininath txnnienkstafarisamarthpkkhrxngexthioxepiyxyangmiprasiththiphaph mikarphyayamhlaykhrngephuxmixanacaethnthiphraxngkh aetthnghmdimprasbkhwamsaerc inpiph s 2473 phraswamikhxngsmedcphrackrphrrdininathesaditu ecachay ras kksa ewlelthrngkxkbtinephuxtxtanenkstafarithiephuxyutikarsaercrachkarkhxngenkstafarithng thiphramehsithrngthngxxnwxnaelamiphrarachoxngkarihphraxngkhhyudtxtan aetecachaykksa ewlelthrngphayaephaelasinphrachnminsnamrbodykxngthphptirupexthioxepiyininwnthi 31 minakhm ph s 2473 esdcswrrkht krniehtuswrrkht aelakarsubrachbllngk inwnthi 2 emsayn ph s 2473 hlngcakecachaykksa ewlelsinphrachnminsnamrb smedcphrackrphrrdininathesadituesdcswrrkhtxyangkathnhn epnthirukninthukwnniwathrngphraprachwrdwyorkhebahwanaelathrngphraprachwnhnkdwyikhraksadnxyaetinradbsaklimehndwykbsaehtukaresdcswrrkhtkhxngphranang tamprawtisastrthiepnthiniymbnthukwa smedcphrackrphrrdininathesadituesdcswrrkhtcakphraxakarchxkaelakhwamesiyphrathythithrabkhawkarsinphrachnmkhxngphrarachswami aettambnthukxun otaeyngbnthukni sungbnthukwa smedcphrackrphrrdininathesadituimthrngidrbthrabphlkarsurbkxnthicaesdcswrrkhtxyangkathnhn cakhlkthankhxngkhnathutinkrungaexddis xbabaraynganwainchwngnnsmedcphrackrphrrdininathesaditusungthrngphraprachwrthrngaechphraxngkhinphachnakhnadihythiisnaskdisiththithieyninkarrksaphraxakarprachwrkhxngphranangaetphrawrkaykhxngphranangchxkaelaaelaphranangesdcswrrkhthlngcaknnimnan chwngewlakaresdcswrrkhtkhxngphranangekidinthnthihlngcakkhawphlkarsurbidmathunginkrungaexddis xbabaidkxihekidkarphicarnawaepnsaehtuthiphranangesdcswrrkht odyechphaaxyangyingidmikarwiphakswicarnxngkhrchthayathkhxngphranangodyfayxnurksniym smedcphrackrphrrdiehli eslassithrngthukklawhawaemuxkarclaclthukprabpramxyangeddkhad phraxngkhhruxphusnbsnunphraxngkhcarusukplxdphyyingkhuninkarwangyaphisplngphrachnmsmedcphrackrphrrdininathesaditu karphicarnathvsdikaresdcswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdininathesadituyngkhngdaeninxyuinpccubn enkstafariidsubrachbllngktxcakkarswrrkhtkhxngsmedcphrackrphrrdininathesaditu inphranam smedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiyechingxrrthZewde Bahru A history of Ethiopia 1855 1991 2nd ed Eastern African studies 2001 Marcus Menelik II pp 278 281xangxingwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb smedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiy Biography Ethiopian Treasures Empress Zawditu Addis Ababa Ethiopia 2016 05 21 thi ewyaebkaemchchinkxnhna smedcphrackrphrrdininathesadituthi 1 aehngexthioxepiy thdipsmedcphrackrphrrdiniaehngexthioxepiy 27 knyayn ph s 2459 2 emsayn ph s 2473 smedcphrackrphrrdiehli eslassithi 1 aehngexthioxepiy