สงครามกลางเมืองเนปาล (Nepalese Civil War) หรือเป็นที่รู้จักในนามความขัดแย้งลัทธิเหมา (Maoist Conflict (เนปาล: माओवादी जनयुद्ध; ไอเอเอสที:māovādī janayuddha) การก่อการร้ายลัทธิเหมา (Maoist Insurgency) หรือ การปฏิวัติลัทธิเหมา (Maoist Revolution) เป็นความขัดแย้งทางทหารที่กินเวลานาน 10 ปี ระหว่าง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) (CPN-M) และรัฐบาลเนปาล ต่อสู้ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 - 2549 การต่อสู้นี้มักเรียกว่าเมาวาที ทวันทกาล (Maovadi Dwandakaal; เนปาล: द्वन्दकाल) ในเนปาล การกบฏโดยพรรคคอมมิวนิสต์เนปาลเริ่มขึ้นเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อล้มล้าง รัฐบาลของราชอาณาจักรเนปาล และจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชน เหตุการณ์นี้สิ้นสุดลงโดย ลงนามเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ความขัดแย้งนี้ประกอบไปด้วยการใช้ การลงประชาทัณฑ์ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม การจับกุมและปกครองตนเอง การสอนลัทธิคอมมิวนิสต์ ความขัดแย้งต่อผู้ปกครองและ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การปฏิวัติทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 17,000 คน รวมทั้งพลเรือน กลุ่มก่อการร้าย เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ และมีชาวเนปาลพลัดถิ่นร่วมแสนคน ส่วนใหญ่ในเขตชนบท ตามรายงานของ INSEC เหยื่อของความตายในสงครามกลางเมืองเป็นผู้หญิง 1,665 ราย กองกำลังรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าผู้หญิงร้อยละ 85 การปฏิวัตินี้ประสบความสำเร็จในการล้มล้างราชวงศ์ศาห์ ซึ่งเป็นราชวงศ์ฮินดูของที่ปกครองเนปาลมานาน 240 ปี และสถาปนาระบอบสาธารณรัฐที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรมในประชาชนเนปาลซึ่งเรียกว่ากรัมภังกา (Krambhanga) หรือการทำลายความต่อเนื่อง (Breach of Continuity).
สงครามกลางเมืองเนปาล | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ภาพเขียนบนผนังของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในเมือง กาฐมาณฑุ. อ่านว่า: "ลัทธิมาร์กซ์ เลนิน เหมา และแนวคิดประจันทาจงเจริญ" | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ราชอาณาจักรเนปาล สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน อินเดีย ปากีสถาน เบลเยี่ยม | พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) สนับสนุนโดย: | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
: สมเด็จพระราชาธิบดีพีเรนทระแห่งเนปาล (พ.ศ. 2515 - 2544) ชญาเนนทระแห่งเนปาล (พ.ศ. 2544 - 2551) : (1995-1997; 2001-02; 2004-05) (1997-1997; 2002-03) (1997-1998; 2003-04) (1998-1999; 2000-01; 2006-08) (1999-2000) ผู้บัญชาการกองทัพเนปาล: (1995-1999) Prajwalla Shumsher JBR (1999-2003) (2003-2006) (2006-2009) : (1992-1996) (1996–1996; 1996-1999) (1996–1996) (1999–2002) (2002-2006) (2006-2008) | (Pasang) | ||||||
ความสูญเสีย | |||||||
เสียชีวิต 4,500 คน | เสียชีวิต 8,200 คน(ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน) | ||||||
เสียชีวิตทั้งหมด 17,800 สูญหาย 1,300 คน |
ภาพรวม
ประชาชนมากกว่า 17,000 คน (ทั้งทหารและพลเรือน) เสียชีวิตระหว่างความขัดแย้งนี้ รวมทั้งชาวเนปาลมากกว่า 4,000 คนที่ถูกฆ่าโดยกลุ่มกบฏลัทธิเหมาระหว่าง พ.ศ. 2539 – 2548 และชาวเนปาลมากกว่า 8,200 คนถูกฆ่าโดยกองกำลังของรัฐบาลระหว่าง พ.ศ. 2539 – 2548 นอกจากนั้น มีชาวเนปาล 100,000 - 150,000 คนเป็นผู้พลัดถิ่นภายในประเทศซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้ง และยังเป็นการขัดขวางการพัฒนาชนบท
ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2533 ได้ก่อตั้ง ขึ้น : 331 และมี เป็นแกนของการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มคอมมิวนิสต์ไม่สบายใจในการเป็นพันธมิตรกับสหแนวร่วมฝ่ายซ้ายและพรรคคองเกรสเนปาล และได้จัดตั้งแนวร่วมคู่ขนานคือขบวนการประชาชนสหชาติ (UNPM) ขบวนการนี้เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งสภาตามรัฐธรรมนูญ และปฏิเสธกระบวนการของสหแนวร่วมฝ่ายซ้ายและพรรคคองเกรสเนปาลที่เป็นฝ่ายนิยมกษัตริย์ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2533 ได้จัดตั้ง หรือ CPN(UC) ซึ่งมีสมาชิกที่สำคัญของขบวนการประชาชนสหชาติด้วย ต่อมา เมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2534 พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (สหภาพกลาง) จัดตั้ง โดยมี เป็นหัวหน้า และจัดตั้งองค์กรแนวร่วมเพื่อเข้าร่วมการเลือกตั้ง : 332 พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (สหภาพกลาง) จัดการประชุมครั้งแรกเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534 : 332 จัดตั้งแนวทางของ "การต่อสู้ด้วยอาวุธเพื่อการปฏิวัติประชาธิปไตยใหม่", และตัดสินใจที่จะเป็นพรรคการเมืองใต้ดินต่อไป ใน แนวร่วมสหประชาชนแห่งเนปาลกลายเป็นพรรคใหญ่อันดับสามในรัฐสภาเนปาล อย่างไรก็ตาม ปัญหาภายในแนวร่วมสหประชาชนแห่งเนปาลเกิดขึ้นเกี่ยวกับกลยุทธของพรรค กลุ่มหนึ่ง นำโดย ปุศปา กามาล ทาหัล ต้องการให้มีการปฏิวัติโดยทันทีด้วยอาวุธ อีกกลุ่มหนึ่งนำโดยนีร์มัล ลามา เห็นว่าสถานการณ์ในเนปาลยังไม่สุกงอมสำหรับการต่อสู้ด้วยอาวุธ : 332
ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 แนวร่วมสหประชาชนแห่งเนปาลแตกออกเป็น 2 องค์กร ส่วนที่เป็นองค์กรฝ่ายทหารเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) หรือ CPN(M) องค์กรนี้เรียกกองกำลังของรัฐบาล พรรคการเมืองกระแสหลักและราชวงศ์ ว่าเป็นกองกำลังระบบฟิวดัล การสู้รบด้วยอาวุธเริ่มขึ้นเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) เปิดการโจมตี 7 แห่งในพื้นที่ 6 ตำบล : 333 ในช่วงแรก รัฐบาลเนปาลให้ เข้าระงับเหตุฉุกเฉิน กองทัพเนปาลไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้โดยตรง เพราะความขัดแย้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ตำรวจสามารถระงับเหตุได้ กองทัพเนปาลจึงไม่ได้ช่วยตำรวจระหว่างการโจมตีในพื้นที่ห่างไกล ในวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 นายกรัฐมนตรี ลาออกเพราะไม่สามารถควบคุมการก่อการร้ายของกบฏลัทธิเหมาได้ และทหารปฏิเสธเข้าร่วมในการปราบปรามความขัดแย้ง : 335 เมื่อ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 รัฐบาลของ และกลุ่มก่อการร้ายลัทธิเหมาประกาศหยุดยิง และเกิดการเจรจาสันติภาพระหว่างสิงหาคม-พฤศจิกายนของปีนั้น : 335 ความล้มเหลวของการเจรจาสันติภาพทำให้ความขัดแย้งทางทหารเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยกบฏลัทธิเหมาโจมตีค่ายทหารที่ตำบลทัง เทวคูรี ทางเนปาลตะวันตกเมื่อ 22 พฤศจิกายน : 335 ซึ่งเกิดการสู้รบที่รุนแรงตลอดคืน สถานการณ์การก่อการร้ายค่อยๆเปลี่ยนแปลงใน พ.ศ. 2545 จำนวนการโจมตีของทั้งสองฝ่ายเพิ่มขึ้น และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น : 309
รัฐบาลตอบสนองต่อการก่อการร้ายโดยการคว่ำบาตรกลุ่มต่อต้านราชวงศ์ จำคุกสื่อมวลชนและปิดหนังสือพิมพ์ที่ถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างกลุ่มก่อการร้าย มีการเจรจาและการหยุดยิงชั่วคราวหลายครั้งระหว่างกลุ่มก่อการร้ายกับรัฐบาล รัฐบาลปฏิเสธความต้องการของกลุ่มก่อการร้ายที่ต้องการให้เลือกตั้งสภารัฐธรรมนูญเพราะกลัวจะเป็นการล้มเลิกราชวงศ์โดยการออกเสียงของประชาชน ในเวลาเดียวกัน กลุมกบฏลัทธิเหมาปฏิเสธการจัดตั้งราชวงศ์ไว้ในรัฐธรรมนูญ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 รัฐบาลปฏิเสธข้อเรียกร้องของกบฏลัทธิเหมาที่ต้องการเจรจาโดยตรงกับกษัตริย์ชญาเนนทระ มากกว่าการเจรจากับนายกรัฐมนตรีเชอร์ พาหาทูร์ เทวพา และการเรียกร้องให้มีผู้ไกล่เกลี่ยที่เป็นบุคคลที่สามเช่น สหประชาชาติ
ตลอดสงคราม รัฐบาลควบคุมได้เฉพาะเมืองหลัก กลุ่มลัทธิเหมาควบคุมพื้นที่ในชนบท ซึ่งเป็นผลมาจากข้อเท็จริงที่ว่าหน่วยงานและสถาบันของรัฐบาลตั้งอยู่ที่เมืองหลวง กาฐมาณฑุ หรือบริเวณตัวเมืองของแต่ละตำบล ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547 กาฐมาณฑุ อยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ โดยกลุ่มลัทธิเหมาสามารถปิดล้อมเมืองได้เป็นสัปดาห์
ภายใต้โล่ของสงครามต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลกและเป้าหมายของการทำให้เป็นรัฐล้มเหลว ซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายภายในประเทศ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และ อินเดีย ให้ความช่วยเหลือทางทหารและเศรษฐกิจแก่รัฐบาลเนปาล เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เพื่อตอบต่อการที่รัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กษัตริย์ชญาเนนทระเข้าควบคุมประเทศเนปาลเพื่อยุติการก่อการร้าย ผลจากการเข้าควบคุม สหราชอาณาจักรและอินเดียระงับการสนับสนุนเนปาล : 337 ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 เพื่อตอบโต้การยึดอำนาจของกษัตริย์ชญาเนนทระ พรรคการเมือง 7 พรรคได้จัดตั้งกลุ่ม (SPA) ขึ้น: 338 ต่อมา 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 กลุ่มกบฏลัทธิเหมาและพันธมิตร 7 พรรคที่ได้รับการสนับสนุนจากอินเดีย ร่วมมือกันเสนอข้อเรียกร้อง 12 ข้อ ซึ่งอธิบายว่าระบอบราชาธิปไตยเป็นอุปสรรคที่สำคัญของประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง การยกระดับของสังคม เอกราช และอธิปไตยของเนปาล รวมทั้งเรียกร้องให้เลือกตั้งสภารัฐธรรมนูญและละทิ้งการใช้ความรุนแรงของกลุ่มกบฏลัทธิเหมา : 339
ใน พ.ศ. 2549 ความขัดแย้งที่รุนแรงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเกิดกระแสประชาธิปไตยขึ้น : 339 ตลอดเดือนเมษายน พ.ศ. 2549 มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยทั่วเนปาล ผู้ชุมนุมในกาฏมาณฑุราว 400 คนถูกจับกุม มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 คน ในวันที่ 21 เมษายน กษัตริย์ชญาเนนทระประกาศคืนอำนาจให้แก่นายกรัฐมนตรีที่มาจากพันธมิตร 7 พรรค แต่ทั้งกบฏลัทธิเหมาและพันธมิตร 7 พรรคปฏิเสธ : 339 ในวันที่ 24 เมษายน กษัตริย์ชญาเนนทระประกาศคืนสิทธิกาสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นที่พอใจของพันธมิตร 7 พรรค ที่ได้จัดตั้งสภาผู้แทนราษฎรขึ้นอีก : 339 กลุ่มกบฏลัทธิเหมายังคงต่อต้าน และในวันที่ 2 มิถุนายน ในกาฏมาณฑุ กลุ่มกบฏลัทธิเหมาจัดชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย มีประชาชนเข้าร่วมมากกว่า 200,000 คน: 339–340 ในวันที่ 9 สิงหาคม รัฐบาลและกลุ่มกบฏลัทธิเหมาตกลงที่จะยอมให้สหประชาชาติเข้ามาตรวจสอบกระบวนการสันติภาพและปลดอาวุธทั้งสองฝ่าย : 340 ในวันที่ 21 พฤศจิกายน รัฐบาลกลุ่มพันธมิตร 7 พรรค และกลุ่มกบฏลัทธิเหมาลงนามในความตกลงสันติภาพสมบูรณ์แบบ ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดสงครามกลางเมือง : 340
สงครามกลางเมืองบีบให้คนหนุ่มสาวต้องไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะในอ่าวเปอร์เซียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเคลื่อนย้ายแรงงานทำให้เนปาลพบกับปัญหาเศรษฐกิจที่ยุ่งยาก เศรษฐกิจของเนปาลต้องพึ่งพารายได้จากแรงงานที่ไปทำงานต่างชาติ (คล้ายกับเศรษฐกิจเลบานอนในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองเลบานอน) ผลจากสงครามกลางเมือง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเนปาลได้รับความเดือดร้อน เนปาลลดอับดับจากดินแดนที่น่าไปเที่นวอันดับ 10 เหลือเพียงอันดับที่ 27
ตามข้อมูลของ INSEC, ผู้เสียชีวิต 1,665 คนจากทั้งหมด 15,026 คนที่เกิดขึ้นระหว่างสงครามกลางเมือง (ประมาณร้อยละ 11) เป็นผู้หญิง โดยกองกำลังฝ่ายรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องประมาณร้อยละ 85 ของการฆ่าผู้หญิง
การควบรวมกองทัพ
(NA) สามารถควบคุม (PLA), ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของ ได้เมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 นายกรัฐมนตรี , ผู้เป็นหัวหน้าของคณะกรรมการพิเศษเพื่อการควบควมกองทัพ (AISC) ได้บอกแก่คณะกรรมการเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555 ว่า กองทัพเนปาลจะเคลื่อนกำลังเข้าไปในพื้นที่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนเนปาลเพื่อยึดครองขั้นสุดท้าย และยึดอาวุธจำนวนมากที่นั่น โดยกระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในวันที่ 12 เมษายน อย่างไรก็ตาม มีรายงานการปะทะกันที่ฐานทัพ นายกรัฐมนตรีเข้าพบผู้บัญชาการกองทัพเนปาล ฉัตระ มัน สิงห์ ฆูรุงในตอนเย็นวันที่ 10 เมษายน และสั่งให้ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการ กองทัพเนปาลเข้าโจมตีฐานทัพและคลังอาวุธในวันเดียวกันนั้น การสู้รบเป็นไปด้วยความรุนแรง ต่อมา กระบวนการนี้ได้หยุดชะงักในวันที่ 10 เมษายนตามคำขอของกลุ่มผู้นำกลุ่มลัทธิเหมา และเริ่มต้นอีกครั้งในวันที่ 13 เมษายน และเสร็จสิ้นในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 มีทหารของฝ่ายกองทัพปลดปล่อยประชาชน 3,129 คน เลือกที่จะลงทะเบียนรวมกับกองทัพเนปาล ทหารทั้งหมด 6,576 คน เลือกเกษียณอายุโดยสมัครใจ โดยจะได้รับเงิน 500,000 - 800,000 รูปีเนปาลขึ้นกับชั้นยศ
ในระยะแรกของการจัดกลุ่มใหม่ (18 พฤศจิกายน - 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554) ทหารราว 9,705 คนเลือกรวมเข้ากับกองทัพเนปาล คณะกรรมการได้เริ่มกระบวนการควบรวมตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ตามข้อตกลงที่ลงนามโดยพรรคการเมืองหลัก 3 พรรค– UCPN-M, (CPN-UML) และ (NC) – และองค์กรตัวแทนขแงกลุ่มมาเธสีหลายกลุ่ม, (UDMF). โดยมีทางเลือก 3 ทางให้กับทหารของกองทัพประชาชน – ควบรวม เกษียณอายุโดยสมัครใจ และฟื้นฟูขึ้นใหม่ ทหาร 9,705 คนเลือกควบรวม 7,286 คนเลือกเกษียณอายุ และ 6 คน ต้องการการฟื้นฟู (UNMIN) ได้รับลงทะเบียนทหาร 19,602 คนเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2550
เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555 คณะกรรมการตัดสินใจที่จะกำหนดยศของการควบรวมตามระบบของกองทัพเนปาล ไม่ใช่ระบบของกองทัพปลดปล่อยประชาชน การคัดเลือกคณะกรรมการนำโดยประธานของคณะกรรมการบริการสาธารณะเนปาลในการกำหนดตำแหน่งรองรับทหารที่ควบรวมเข้ามา ทหารต้องเข้ารับการฝึก 3-9 เดือน ขึ้นกับชั้นยศ ในวันที่ 17 เมษายน กองทัพเนปาลกล่าวว่าไม่สามารถเริ่มกระบวนการรับสมัครสำหรับทหารของอดีตกลุ่มลัทธิเหมาได้ จนกว่าการจัดโครงสร้างระดับนายพลจะเสร็จสิ้น ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 พรรคการเมืองหลักทั้งสามพรรค ตกลงที่จะรวมกันโดยสันติวิธีให้เป็นหนึ่งเดียว
ช่วงเวลา
พ.ศ. 2539
- 13 กุมภาพันธ์: เริ่มต้นสงครามกลางเมืองโดย พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา)
- : โรงงานผลิตน้ำอัดลมโคคา-โคลา ถูกโจมตี และตึกถูกเผา [2]
-
- โรงงานสุราของต่างชาติถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
- สำนักงานของโปรแกรมพัฒนาเกษตรกรรมขนาดเล็กของ ในชยังลี ถูกรื้อค้น
- : บ้านของนายทุนถูกจู่โจมตอนกลางคืน ของมีค่าและเงิน 1.3 ล้านรูปีถูกยึด เอกสารการยืมเงินมูลค่าหลายล้านรูปีถูกทำลาย สมาชิกในครอบครัวของนายทุน 7 ถูกฆ่า
- , และ : ตำรวจตั้งด่านตรวจค้นในแต่ละเขต ด่านตรวจค้นในรอลปาถูกยึด รวมทั้งในรูกุม สำนักงานไปรษณีย์ในสินธุลีถูกยึด ตำรวจถูกฆ่า 17 คน และผู้ก่อการร้ายลัทธิเหมาถูกฆ่าเพียงคนเดียว
พ.ศ. 2544
- มกราคม พ.ศ. 2544: รัฐบาลจัดตั้งสารวัตรทหารเนปาล ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย
- 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2544: ให้สัมภาษณ์กับวารสารคอมมิวนิสต์ A World to Win
- 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544: กษัตริย์พิเรนทรา และสมาชิกราชวงศ์ส่วนใหญ่ถูกสังหารในเหตุการณ์การสังหารหมู่ราชวงศ์เนปาล มกุฏราชกุมารทิเพนทราเป็นผู้ถูกกล่าวหาในการสังหารหมู่ครั้งนี้โดยคณะกรรมการสอบสวนที่ประกอบไปด้วย ประธานศาลฎีกาเกชาพ ประสาท อุปัธยา และโฆษกรัฐบาล ตรนาถ รนภัต มกุฏราชกุมารไม่รู้สึกตัวจากความพยายามฆ่าตัวตายหรือถูกลอบสังหารโดยฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพระราชวัง ได้สืบราชสมบัติตามประเพณี พระองค์สวรรคตเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2544 กษัตริย์ชญาเนนทระ ได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา
- 3 สิงหาคม พ.ศ. 2544: การเจรจาสันติภาพรอบแรก
- 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544: การเจรจาสันติภาพล่มเมื่อกลุ่มกบฏลัทธิเหมาถอนตัว และโจมตีสารวัตรทหารอย่างรุนแรงใน 42 เขต โดยมีทหารและตำรวจ 186 นาย และกลุ่มกบฏลัทธิเหมา 21 คนเสียชีวิต
- 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544: รัฐบาลของ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และรับสมัครทหารเนปาลเพื่อโจมตีกลุ่มลัทธเหมา
- สหรัฐอเมริกาประกาศให้พรรคลัทธิเหมาเป็นกลุ่มก่อการร้าย
พ.ศ. 2545
- รัฐสภาสหรัฐอเมริกาให้เงินช่วยเหลือ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อฝึกทหารเนปาล และสนับสนุนปืนไรเฟิล 5,000 กระบอก
- พฤษภาคม พ.ศ. 2545: การเจรจาสันติภาพล่ม
- พฤษภาคม พ.ศ. 2545: เกิดการสู้รบอย่างรุนแรงระหว่างทหารและกลุ่มลัทธิเหมาที่ลิสเน เลข ตามแนวชายแดนระหว่างเขตปยูทันและรอลปา และที่หมู่บ้านฆัม เขตรอลปา
- 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2545: ทหารเนปาลพบภาพถ่ายในเนปาลตะวันตก เป็นภาพของผู้นำกลุ่มกบฏลัทธิเหมา ราม พาหาทุร ทาพา (ฉายาพาทัล) และปุสปา หามัล ทาหัล (ฉายาประจันทา)
- 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545: ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ยุบสภาและสั่งเลือกตั้งใหม่ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการต่อต้านการก่อการร้าย
- 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2545: มีข้อมูลรั่วออกมาว่า โรงงานอาวุธในเบลเยี่ยม FN Herstal ได้ส่งปืนอัตโนมัติ M249 5,500 กระบอก ให้กับราชวงศ์เนปาล การตัดสินใจดำเนินการโดยพรรคร่วมรัฐบาล
- 4 ตุลาคม พ.ศ. 2545: กษัตริย์ชญาเนนทระประกาศปลดนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ยึดอำนาจการปกครองประเทศ และยกเลิกการเลือกตั้งที่กำหนดไว้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545
- 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545: กษัตริย์ชญาเนนทระ แต่งตั้ง เป็นนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2546
- มกราคม พ.ศ. 2546: สหรัฐอเมริกาซ้อมรบกับทหารเนปาล กลุ่มก่อการร้ายลัทธิเหมาฆ่าผู้ตรวจการสารวัตรทหาร พร้อมกับภรรยาและบอดีการ์ดขณะออกเดินตอนเช้าที่เคยทำเป็นปกติทุกเช้าวันอาทิตย์ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ถึงความปลอดภัยของพลเมือง ผู้ตรวจการสารวัตรทหารและภรรยาซึ่งเป็นครูในโรงเรียนนานาชาติในเมืองหลวงต่างไม่มีอาวุธ ด้วยกระสุนปืนไรเฟิลที่กลุ่มกบฏลัทธิเหมาชอบใช้
- 29 มกราคม พ.ศ. 2546: มีการหยุดยิงครั้งที่ 2 และเริ่มเจรจาสันติภาพ
- 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2546: มีการประกาศร่วมกันระหว่างรัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) ยอมรับให้มีการหยุดยิง
- 17 สิงหาคม พ.ศ. 2546: ทหารและตำรวจเนปาลฆ่ากลุ่มกบฏลัทธิเหมา 39 คน ในเขตราเมชับ ในเนปาลตอนกลาง ระหว่างการสนธิกำลังกันของทหารและตำรวจเนปาลเพื่อยึดพื้นที่ ทหารเนปาลเสียชีวิต 7 คน สารวัตรทหารเสียชีวิต 5 คน
- 24 สิงหาคม พ.ศ. 2546: กลุ่มลัทธิเหมายื่นคำขาด จะยุติการหยุดยิงภายใน 48 ชั่วโมง หากรัฐบาลไม่รวมข้อเสนอของกลุ่มลัทธิเหมาในสภาร่างรัฐธรรมนูญ
- 26 สิงหาคม พ.ศ. 2546: คำขาดของกลุ่มลัทธิเหมาหมดเวลา
- 27 สิงหาคม พ.ศ. 2546:
- นัดหยุดงาน: กลุ่มลัทธิเหมาเรียกร้องให้มีการนัดหยุดงาน 3 วัน
- กลุ่มลัทธิเหมายื่นคำขาดถอนการหยุดยิงเมื่อ 29 มกราคม ประจันทาประกาศว่ากลุ่มกบฏต้องการให้สิ้นสุดการปกครองด้วยราชวงศ์ เปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
- 28 สิงหาคม พ.ศ. 2546: กลุ่มลัทธิเหมาลอบสังหารนายพลของกองทัพเนปาล 2 คนในบ้านพักที่กาฏมาณฑุ เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 คน
- 29 สิงหาคม พ.ศ. 2546: กลุ่มลัทธิเหมาพยายามลอบสังหารรัฐมนตรี ทเวนทรา ราช กันเทล แต่ไม่สำเร็จ
- 31 สิงหาคม พ.ศ. 2546: กลุ่มลัทธิเหมาซุ่มโจมตีตำรวจในรูปันเดฮี เสียชีวิต 4 คน
อ้างอิง
- Miglani, Sanjeev (18 August 2003). . Reuters. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 May 2018.
- [1]
- Ed Douglas. "Inside Nepal's Revolution". , p. 54, November 2005.
- 17,800 people died during conflict period, says Ministry of Peace
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-04-18. สืบค้นเมื่อ 2019-05-28.
{{}}
:|title=
ไม่มีหรือว่างเปล่า ((help)) - . INSEC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 พฤษภาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2017.
- Mahendra Lawoti and Anup K. Pahadi, editors (2010). The Maoist Insurgency in Nepal: Revolution in the twenty-first century. Routledge. ISBN .
{{}}
:|author=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - Mahendra Lawoti and Anup K. Pahari, editors (2010). The Maoist Insurgency in Nepal: Revolution in the twenty-first century. Routledge. ISBN .
{{}}
:|author=
มีชื่อเรียกทั่วไป ((help)) - Manesh Sreshtha and Bishnu Adhikari (2005). Internal Displacement in South Asia: The Relevance of the UN's Guiding Principles. Sage. ISBN .
- . NepalNews: The Kathmandu Post. 20 December 2003. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 November 2004. สืบค้นเมื่อ 22 November 2006.
- "Maoist rebels call off Kathmandu blockade". The Guardian. 24 August 2004. สืบค้นเมื่อ 6 January 2018.
- . Nepal Monarchy. 4 พฤษภาคม 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 ตุลาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม 2018.
- "12-point Maoist MoU". Nepali Times. 25 November 2005. สืบค้นเมื่อ 6 January 2018.
- . INSEC. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 พฤษภาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2017.
- "Nepal: Consolidating The Peace – Analysis". Eurasia Review. สืบค้นเมื่อ 24 April 2012.
- . Human Rights Server. 28 พฤษภาคม 2001. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 มกราคม 2016.
- Greenwald, Jeff (13 June 2001). . World Tibet Network News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 August 2006. สืบค้นเมื่อ 22 November 2006.
- Pokharel, Tilak P (27 August 2003). "Nepali Rebels Walk Away from Peace Talks". World Press. สืบค้นเมื่อ 22 November 2006.
- Adhikari, Bipin (19 มีนาคม 2003). "Code of conduct as a point of departure". The Kathmandu Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 มีนาคม 2013.
- NEPAL: MAOIST HIT TEAMS SHOOT TWO ARMY COLONELS IN KATHMANDU https://wikileaks.org/plusd/cables/03KATHMANDU1648_a.html
- UPDATE ON NEPAL'S MAOIST INSURGENCY, AUGUST 30- SEPTEMBER 5 https://wikileaks.org/plusd/cables/03KATHMANDU1721_a.html
ดูเพิ่ม
- Hutt, Michael, Himalayan People's War: Nepal's Maoist Rebellion, (London: Hurst and Co., 2004) ISBN .
- Jackson, Paul. 2019. "Intelligence in a modern insurgency: the case of the Maoist insurgency in Nepal." Intelligence and National Security.
- Karki, Arjun and David Seddon (eds.), The People's War in Nepal: Left Perspectives, (New Delhi: Adroit, 2003).
- Thapa, Deepak, with Bandita Sijapati, A Kingdom Under Siege: Nepal's Maoist Insurgency, 1996–2003, (Kathmandu: The Printhouse, 2003) ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- Nepal's civil war and its subsequent democratic transition by Al Jazeera
- International Center for Transitional Justice, Nepal
- Documents and statements of the Communist Party of Nepal (Maoist)
- Text of all peace accords for Nepal
- Crisis briefing on Nepal 2010-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Reuters Alertnet 2009-03-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- , a book by
- , archive of reports on the Nepalese war and peace processes from the ICG.
- Between Two Stones – Nepal's decade of conflict
- , a commercial news website
- Returned: Child Soldiers of Nepal's Maoist Army 2010-11-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, a documentary
- Insight on Conflict: Peacebuilding database 2017-07-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Q&A: Nepal's future, BBC
- Nepal: The Improbable Maoists,
- http://www.nhrcnepal.org/nhrc_new/doc/newsletter/Nepal_NHRC_CPA_10Yrs_Report_Eng_2016.pdf 2020-07-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
sngkhramklangemuxngenpal Nepalese Civil War hruxepnthiruckinnamkhwamkhdaeynglththiehma Maoist Conflict enpal म ओव द जनय द ध ixexexsthi maovadi janayuddha karkxkarraylththiehma Maoist Insurgency hrux karptiwtilththiehma Maoist Revolution epnkhwamkhdaeyngthangthharthikinewlanan 10 pi rahwang phrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma CPN M aelarthbalenpal txsutngaet ph s 2539 2549 kartxsunimkeriykwaemawathi thwnthkal Maovadi Dwandakaal enpal द वन दक ल inenpal karkbtodyphrrkhkhxmmiwnistenpalerimkhunemux 13 kumphaphnth ph s 2539 odymiwtthuprasngkhhlkephuxlmlang rthbalkhxngrachxanackrenpal aelacdtngsatharnrthprachachn ehtukarnnisinsudlngody lngnamemux 21 phvscikayn ph s 2549 khwamkhdaeyngniprakxbipdwykarich karlngprachathnth karkhalangephaphnthu karkwadlangfaytrngkham karcbkumaelapkkhrxngtnexng karsxnlththikhxmmiwnist khwamkhdaeyngtxphupkkhrxngaela xachyakrrmtxmnusychati karptiwtithaihmiphuesiychiwitmakkwa 17 000 khn rwmthngphleruxn klumkxkarray ecahnathithharaelatarwc aelamichawenpalphldthinrwmaesnkhn swnihyinekhtchnbth tamrayngankhxng INSEC ehyuxkhxngkhwamtayinsngkhramklangemuxngepnphuhying 1 665 ray kxngkalngrthbalmiswnekiywkhxngkbkarkhaphuhyingrxyla 85 karptiwtiniprasbkhwamsaercinkarlmlangrachwngssah sungepnrachwngshindukhxngthipkkhrxngenpalmanan 240 pi aelasthapnarabxbsatharnrththiimekiywkhxngkbsasna thaihmikarepliynaeplngthangkaremuxng sngkhm aelawthnthrrminprachachnenpalsungeriykwakrmphngka Krambhanga hruxkarthalaykhwamtxenuxng Breach of Continuity sngkhramklangemuxngenpalphaphekhiynbnphnngkhxngfaykhxmmiwnistinemuxng kathmanthu xanwa lththimarks elnin ehma aelaaenwkhidpracnthacngecriy wnthi13 kumphaphnth ph s 2539 21 phvscikayn ph s 2549 10 pi 9 eduxn 1 spdah 1 wn sthanthienpalphleluxktng phrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma ekhasu sinsudkhusngkhramrachxanackrenpal rthbalenpal snbsnunody shrthxemrika shrachxanackr cin xinediy pakisthan ebleyiymphrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma snbsnunody phubngkhbbychaaelaphuna smedcphrarachathibdiphiernthraaehngenpal ph s 2515 2544 chyaennthraaehngenpal ph s 2544 2551 1995 1997 2001 02 2004 05 1997 1997 2002 03 1997 1998 2003 04 1998 1999 2000 01 2006 08 1999 2000 phubychakarkxngthphenpal 1995 1999 Prajwalla Shumsher JBR 1999 2003 2003 2006 2006 2009 1992 1996 1996 1996 1996 1999 1996 1996 1999 2002 2002 2006 2006 2008 puspa kamal thahl Laldhwaj Kiran Pasang khwamsuyesiyesiychiwit 4 500 khnesiychiwit 8 200 khn swnihyepnphleruxn esiychiwitthnghmd 17 800 suyhay 1 300 khnphaphrwmprachachnmakkwa 17 000 khn thngthharaelaphleruxn esiychiwitrahwangkhwamkhdaeyngni rwmthngchawenpalmakkwa 4 000 khnthithukkhaodyklumkbtlththiehmarahwang ph s 2539 2548 aelachawenpalmakkwa 8 200 khnthukkhaodykxngkalngkhxngrthbalrahwang ph s 2539 2548 nxkcaknn michawenpal 100 000 150 000 khnepnphuphldthinphayinpraethssungepnphlmacakkhwamkhdaeyng aelayngepnkarkhdkhwangkarphthnachnbth inwnthi 10 mkrakhm ph s 2533 idkxtng khun 331 aelami epnaeknkhxngkarekhluxnihwephuxepliynaeplngkarpkkhrxng xyangirktam klumkhxmmiwnistimsbayicinkarepnphnthmitrkbshaenwrwmfaysayaelaphrrkhkhxngekrsenpal aelaidcdtngaenwrwmkhukhnankhuxkhbwnkarprachachnshchati UNPM khbwnkarnieriykrxngihmikareluxktngsphatamrththrrmnuy aelaptiesthkrabwnkarkhxngshaenwrwmfaysayaelaphrrkhkhxngekrsenpalthiepnfayniymkstriy ineduxnphvscikayn ph s 2533 idcdtng hrux CPN UC sungmismachikthisakhykhxngkhbwnkarprachachnshchatidwy txma emux 21 mkrakhm ph s 2534 phrrkhkhxmmiwnistenpal shphaphklang cdtng odymi epnhwhna aelacdtngxngkhkraenwrwmephuxekharwmkareluxktng 332 phrrkhkhxmmiwnistenpal shphaphklang cdkarprachumkhrngaerkemux 25 phvscikayn ph s 2534 332 cdtngaenwthangkhxng kartxsudwyxawuthephuxkarptiwtiprachathipityihm aelatdsinicthicaepnphrrkhkaremuxngitdintxip in aenwrwmshprachachnaehngenpalklayepnphrrkhihyxndbsaminrthsphaenpal xyangirktam pyhaphayinaenwrwmshprachachnaehngenpalekidkhunekiywkbklyuththkhxngphrrkh klumhnung naody puspa kamal thahl txngkarihmikarptiwtiodythnthidwyxawuth xikklumhnungnaodynirml lama ehnwasthankarninenpalyngimsukngxmsahrbkartxsudwyxawuth 332 inwnthi 22 phvsphakhm ph s 2537 aenwrwmshprachachnaehngenpalaetkxxkepn 2 xngkhkr swnthiepnxngkhkrfaythharepliynchuxepn phrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma hrux CPN M xngkhkrnieriykkxngkalngkhxngrthbal phrrkhkaremuxngkraaeshlkaelarachwngs waepnkxngkalngrabbfiwdl karsurbdwyxawutherimkhunemux 13 kumphaphnth ph s 2539 emuxphrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma epidkarocmti 7 aehnginphunthi 6 tabl 333 inchwngaerk rthbalenpalih ekharangbehtuchukechin kxngthphenpalimidekiywkhxngkbkartxsuodytrng ephraakhwamkhdaeyngnithuxwaepnehtukarnthitarwcsamarthrangbehtuid kxngthphenpalcungimidchwytarwcrahwangkarocmtiinphunthihangikl inwnthi 19 krkdakhm ph s 2544 naykrthmntri laxxkephraaimsamarthkhwbkhumkarkxkarraykhxngkbtlththiehmaid aelathharptiesthekharwminkarprabpramkhwamkhdaeyng 335 emux 25 krkdakhm ph s 2544 rthbalkhxng aelaklumkxkarraylththiehmaprakashyudying aelaekidkarecrcasntiphaphrahwangsinghakhm phvscikaynkhxngpinn 335 khwamlmehlwkhxngkarecrcasntiphaphthaihkhwamkhdaeyngthangthharekidkhunxikkhrng odykbtlththiehmaocmtikhaythharthitablthng ethwkhuri thangenpaltawntkemux 22 phvscikayn 335 sungekidkarsurbthirunaerngtlxdkhun sthankarnkarkxkarraykhxyepliynaeplngin ph s 2545 canwnkarocmtikhxngthngsxngfayephimkhun aelamiphuesiychiwitephimkhun 309 rthbaltxbsnxngtxkarkxkarrayodykarkhwabatrklumtxtanrachwngs cakhuksuxmwlchnaelapidhnngsuxphimphthithukklawhawaekhakhangklumkxkarray mikarecrcaaelakarhyudyingchwkhrawhlaykhrngrahwangklumkxkarraykbrthbal rthbalptiesthkhwamtxngkarkhxngklumkxkarraythitxngkariheluxktngspharththrrmnuyephraaklwcaepnkarlmelikrachwngsodykarxxkesiyngkhxngprachachn inewlaediywkn klumkbtlththiehmaptiesthkarcdtngrachwngsiwinrththrrmnuy ineduxnphvscikayn ph s 2547 rthbalptiesthkhxeriykrxngkhxngkbtlththiehmathitxngkarecrcaodytrngkbkstriychyaennthra makkwakarecrcakbnaykrthmntriechxr phahathur ethwpha aelakareriykrxngihmiphuiklekliythiepnbukhkhlthisamechn shprachachati tlxdsngkhram rthbalkhwbkhumidechphaaemuxnghlk klumlththiehmakhwbkhumphunthiinchnbth sungepnphlmacakkhxethcringthiwahnwynganaelasthabnkhxngrthbaltngxyuthiemuxnghlwng kathmanthu hruxbriewntwemuxngkhxngaetlatabl ineduxnsinghakhm ph s 2547 kathmanthu xyuphayitkarkhwbkhumkhxngkbt odyklumlththiehmasamarthpidlxmemuxngidepnspdah phayitolkhxngsngkhramtxtankarkxkarrayradbolkaelaepahmaykhxngkarthaihepnrthlmehlw sungthaihekidkhwamwunwayphayinpraeths shrthxemrika shrachxanackr aela xinediy ihkhwamchwyehluxthangthharaelaesrsthkicaekrthbalenpal emuxwnthi 1 kumphaphnth ph s 2548 ephuxtxbtxkarthirthbalthiepnprachathipityimsamarthaekpyhaid kstriychyaennthraekhakhwbkhumpraethsenpalephuxyutikarkxkarray phlcakkarekhakhwbkhum shrachxanackraelaxinediyrangbkarsnbsnunenpal 337 inwnthi 5 phvsphakhm ph s 2548 ephuxtxbotkaryudxanackhxngkstriychyaennthra phrrkhkaremuxng 7 phrrkhidcdtngklum SPA khun 338 txma 22 phvscikayn ph s 2548 klumkbtlththiehmaaelaphnthmitr 7 phrrkhthiidrbkarsnbsnuncakxinediy rwmmuxknesnxkhxeriykrxng 12 khx sungxthibaywarabxbrachathipityepnxupsrrkhthisakhykhxngprachathipity sntiphaph khwamecriyrungeruxng karykradbkhxngsngkhm exkrach aelaxthipitykhxngenpal rwmthngeriykrxngiheluxktngspharththrrmnuyaelalathingkarichkhwamrunaerngkhxngklumkbtlththiehma 339 in ph s 2549 khwamkhdaeyngthirunaerngldlngxyangminysakhy aelaekidkraaesprachathipitykhun 339 tlxdeduxnemsayn ph s 2549 mikarchumnumeriykrxngprachathipitythwenpal phuchumnuminkatmanthuraw 400 khnthukcbkum miphuidrbbadecb 10 khn inwnthi 21 emsayn kstriychyaennthraprakaskhunxanacihaeknaykrthmntrithimacakphnthmitr 7 phrrkh aetthngkbtlththiehmaaelaphnthmitr 7 phrrkhptiesth 339 inwnthi 24 emsayn kstriychyaennthraprakaskhunsiththikasphaphuaethnrasdr sungepnthiphxickhxngphnthmitr 7 phrrkh thiidcdtngsphaphuaethnrasdrkhunxik 339 klumkbtlththiehmayngkhngtxtan aelainwnthi 2 mithunayn inkatmanthu klumkbtlththiehmacdchumnumeriykrxngprachathipity miprachachnekharwmmakkwa 200 000 khn 339 340 inwnthi 9 singhakhm rthbalaelaklumkbtlththiehmatklngthicayxmihshprachachatiekhamatrwcsxbkrabwnkarsntiphaphaelapldxawuththngsxngfay 340 inwnthi 21 phvscikayn rthbalklumphnthmitr 7 phrrkh aelaklumkbtlththiehmalngnaminkhwamtklngsntiphaphsmburnaebb sungthuxepnkarsinsudsngkhramklangemuxng 340 sngkhramklangemuxngbibihkhnhnumsawtxngipthangantangpraeths odyechphaainxawepxresiyaelaexechiytawnxxkechiyngit karekhluxnyayaerngnganthaihenpalphbkbpyhaesrsthkicthiyungyak esrsthkickhxngenpaltxngphungpharayidcakaerngnganthiipthangantangchati khlaykbesrsthkicelbanxninchwngthiekidsngkhramklangemuxngelbanxn phlcaksngkhramklangemuxng xutsahkrrmkarthxngethiywkhxngenpalidrbkhwameduxdrxn enpalldxbdbcakdinaednthinaipethinwxndb 10 ehluxephiyngxndbthi 27 tamkhxmulkhxng INSEC phuesiychiwit 1 665 khncakthnghmd 15 026 khnthiekidkhunrahwangsngkhramklangemuxng pramanrxyla 11 epnphuhying odykxngkalngfayrthbalmiswnekiywkhxngpramanrxyla 85 khxngkarkhaphuhying thharfay lththiehma 3 khnrxbnyxdekhaintablorlparahwangrxkhasngihekhluxnyaykarkhwbrwmkxngthph NA samarthkhwbkhum PLA sungepnkxngkalngtidxawuthkhxng idemux 10 emsayn ph s 2555 naykrthmntri phuepnhwhnakhxngkhnakrrmkarphiessephuxkarkhwbkhwmkxngthph AISC idbxkaekkhnakrrmkaremuxwnthi 10 emsayn ph s 2555 wa kxngthphenpalcaekhluxnkalngekhaipinphunthikhxngkxngthphpldplxyprachachnenpalephuxyudkhrxngkhnsudthay aelayudxawuthcanwnmakthinn odykrabwnkardngklawcaesrcsmburnphayinwnthi 12 emsayn xyangirktam mirayngankarpathaknthithanthph naykrthmntriekhaphbphubychakarkxngthphenpal chtra mn singh khurungintxneynwnthi 10 emsayn aelasngihptibtitamkhasngkhxngkhnakrrmkar kxngthphenpalekhaocmtithanthphaelakhlngxawuthinwnediywknnn karsurbepnipdwykhwamrunaerng txma krabwnkarniidhyudchangkinwnthi 10 emsayntamkhakhxkhxngklumphunaklumlththiehma aelaerimtnxikkhrnginwnthi 13 emsayn aelaesrcsininwnthi 19 emsayn ph s 2555 mithharkhxngfaykxngthphpldplxyprachachn 3 129 khn eluxkthicalngthaebiynrwmkbkxngthphenpal thharthnghmd 6 576 khn eluxkeksiynxayuodysmkhric odycaidrbengin 500 000 800 000 rupienpalkhunkbchnys inrayaaerkkhxngkarcdklumihm 18 phvscikayn 1 thnwakhm ph s 2554 thharraw 9 705 khneluxkrwmekhakbkxngthphenpal khnakrrmkariderimkrabwnkarkhwbrwmtngaet 1 phvscikayn ph s 2554 tamkhxtklngthilngnamodyphrrkhkaremuxnghlk 3 phrrkh UCPN M CPN UML aela NC aelaxngkhkrtwaethnkhaengklummaethsihlayklum UDMF odymithangeluxk 3 thangihkbthharkhxngkxngthphprachachn khwbrwm eksiynxayuodysmkhric aelafunfukhunihm thhar 9 705 khneluxkkhwbrwm 7 286 khneluxkeksiynxayu aela 6 khn txngkarkarfunfu UNMIN idrblngthaebiynthhar 19 602 khnemux 26 phvsphakhm ph s 2550 emuxwnthi 14 emsayn ph s 2555 khnakrrmkartdsinicthicakahndyskhxngkarkhwbrwmtamrabbkhxngkxngthphenpal imichrabbkhxngkxngthphpldplxyprachachn karkhdeluxkkhnakrrmkarnaodyprathankhxngkhnakrrmkarbrikarsatharnaenpalinkarkahndtaaehnngrxngrbthharthikhwbrwmekhama thhartxngekharbkarfuk 3 9 eduxn khunkbchnys inwnthi 17 emsayn kxngthphenpalklawwaimsamartherimkrabwnkarrbsmkhrsahrbthharkhxngxditklumlththiehmaid cnkwakarcdokhrngsrangradbnayphlcaesrcsin inwnthi 19 emsayn ph s 2555 phrrkhkaremuxnghlkthngsamphrrkh tklngthicarwmknodysntiwithiihepnhnungediywchwngewlaph s 2539 13 kumphaphnth erimtnsngkhramklangemuxngody phrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma orngnganphlitnaxdlmokhkha okhla thukocmti aelatukthukepha 2 orngngansurakhxngtangchatithukthalaylngxyangsineching sankngankhxngopraekrmphthnaekstrkrrmkhnadelkkhxng inchyngli thukruxkhn bankhxngnaythunthukcuocmtxnklangkhun khxngmikhaaelaengin 1 3 lanrupithukyud exksarkaryumenginmulkhahlaylanrupithukthalay smachikinkhrxbkhrwkhxngnaythun 7 thukkha aela tarwctngdantrwckhninaetlaekht dantrwckhninrxlpathukyud rwmthnginrukum sanknganiprsniyinsinthulithukyud tarwcthukkha 17 khn aelaphukxkarraylththiehmathukkhaephiyngkhnediywph s 2544 mkrakhm ph s 2544 rthbalcdtngsarwtrthharenpal sungepnkxngkalngkungthharephuxtxtankarkxkarray 28 phvsphakhm ph s 2544 ihsmphasnkbwarsarkhxmmiwnist A World to Win 1 mithunayn ph s 2544 kstriyphiernthra aelasmachikrachwngsswnihythuksngharinehtukarnkarsngharhmurachwngsenpal mkutrachkumarthiephnthraepnphuthukklawhainkarsngharhmukhrngniodykhnakrrmkarsxbswnthiprakxbipdwy prathansaldikaekchaph prasath xupthya aelaokhskrthbal trnath rnpht mkutrachkumarimrusuktwcakkhwamphyayamkhatwtayhruxthuklxbsngharodyfayrksakhwamplxdphykhxngphrarachwng idsubrachsmbtitampraephni phraxngkhswrrkhtemux 4 mithunayn ph s 2544 kstriychyaennthra idepnkstriyxngkhtxma 3 singhakhm ph s 2544 karecrcasntiphaphrxbaerk 23 phvscikayn ph s 2544 karecrcasntiphaphlmemuxklumkbtlththiehmathxntw aelaocmtisarwtrthharxyangrunaerngin 42 ekht odymithharaelatarwc 186 nay aelaklumkbtlththiehma 21 khnesiychiwit 26 phvscikayn ph s 2544 rthbalkhxng prakassthankarnchukechin aelarbsmkhrthharenpalephuxocmtiklumlththehma shrthxemrikaprakasihphrrkhlththiehmaepnklumkxkarrayph s 2545 rthsphashrthxemrikaihenginchwyehlux 12 lanehriyyshrth ephuxfukthharenpal aelasnbsnunpunirefil 5 000 krabxk phvsphakhm ph s 2545 karecrcasntiphaphlm phvsphakhm ph s 2545 ekidkarsurbxyangrunaerngrahwangthharaelaklumlththiehmathilisen elkh tamaenwchayaednrahwangekhtpyuthnaelarxlpa aelathihmubankhm ekhtrxlpa 11 phvsphakhm ph s 2545 thharenpalphbphaphthayinenpaltawntk epnphaphkhxngphunaklumkbtlththiehma ram phahathur thapha chayaphathl aelapuspa haml thahl chayapracntha 22 phvsphakhm ph s 2545 thahnathiepnthipruksakhxngnaykrthmntri yubsphaaelasngeluxktngihm odyihehtuphlwaepnkartxtankarkxkarray 11 krkdakhm ph s 2545 mikhxmulrwxxkmawa orngnganxawuthinebleyiym FN Herstal idsngpunxtonmti M249 5 500 krabxk ihkbrachwngsenpal kartdsinicdaeninkarodyphrrkhrwmrthbal 4 tulakhm ph s 2545 kstriychyaennthraprakaspldnaykrthmntriaelakhnarthmntrithngkhna yudxanackarpkkhrxngpraeths aelaykelikkareluxktngthikahndiwinwnthi 11 phvscikayn ph s 2545 11 tulakhm ph s 2545 kstriychyaennthra aetngtng epnnaykrthmntriph s 2546 mkrakhm ph s 2546 shrthxemrikasxmrbkbthharenpal klumkxkarraylththiehmakhaphutrwckarsarwtrthhar phrxmkbphrryaaelabxdikardkhnaxxkedintxnechathiekhythaepnpktithukechawnxathity ephuxepnsylksnthungkhwamplxdphykhxngphlemuxng phutrwckarsarwtrthharaelaphrryasungepnkhruinorngeriynnanachatiinemuxnghlwngtangimmixawuth dwykrasunpunirefilthiklumkbtlththiehmachxbich 29 mkrakhm ph s 2546 mikarhyudyingkhrngthi 2 aelaerimecrcasntiphaph 13 phvsphakhm ph s 2546 mikarprakasrwmknrahwangrthbalaelaphrrkhkhxmmiwnistaehngenpal lththiehma yxmrbihmikarhyudying 17 singhakhm ph s 2546 thharaelatarwcenpalkhaklumkbtlththiehma 39 khn inekhtraemchb inenpaltxnklang rahwangkarsnthikalngknkhxngthharaelatarwcenpalephuxyudphunthi thharenpalesiychiwit 7 khn sarwtrthharesiychiwit 5 khn 24 singhakhm ph s 2546 klumlththiehmayunkhakhad cayutikarhyudyingphayin 48 chwomng hakrthbalimrwmkhxesnxkhxngklumlththiehmainspharangrththrrmnuy 26 singhakhm ph s 2546 khakhadkhxngklumlththiehmahmdewla 27 singhakhm ph s 2546 ndhyudngan klumlththiehmaeriykrxngihmikarndhyudngan 3 wn klumlththiehmayunkhakhadthxnkarhyudyingemux 29 mkrakhm pracnthaprakaswaklumkbttxngkarihsinsudkarpkkhrxngdwyrachwngs epliynepnsatharnrthprachathipity 28 singhakhm ph s 2546 klumlththiehmalxbsngharnayphlkhxngkxngthphenpal 2 khninbanphkthikatmanthu esiychiwit 1 khn badecb 1 khn 29 singhakhm ph s 2546 klumlththiehmaphyayamlxbsngharrthmntri thewnthra rach knethl aetimsaerc 31 singhakhm ph s 2546 klumlththiehmasumocmtitarwcinrupnedhi esiychiwit 4 khnxangxingMiglani Sanjeev 18 August 2003 Reuters khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 29 May 2018 1 Ed Douglas Inside Nepal s Revolution p 54 November 2005 17 800 people died during conflict period says Ministry of Peace khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 04 18 subkhnemux 2019 05 28 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a title immihruxwangepla help INSEC khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 6 phvsphakhm 2017 subkhnemux 3 phvsphakhm 2017 Mahendra Lawoti and Anup K Pahadi editors 2010 The Maoist Insurgency in Nepal Revolution in the twenty first century Routledge ISBN 978 0 415 77717 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a author michuxeriykthwip help Mahendra Lawoti and Anup K Pahari editors 2010 The Maoist Insurgency in Nepal Revolution in the twenty first century Routledge ISBN 978 0 415 77717 9 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a author michuxeriykthwip help Manesh Sreshtha and Bishnu Adhikari 2005 Internal Displacement in South Asia The Relevance of the UN s Guiding Principles Sage ISBN 0 7619 3313 1 NepalNews The Kathmandu Post 20 December 2003 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 14 November 2004 subkhnemux 22 November 2006 Maoist rebels call off Kathmandu blockade The Guardian 24 August 2004 subkhnemux 6 January 2018 Nepal Monarchy 4 phvsphakhm 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 16 tulakhm 2017 subkhnemux 6 mkrakhm 2018 12 point Maoist MoU Nepali Times 25 November 2005 subkhnemux 6 January 2018 INSEC khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 6 phvsphakhm 2017 subkhnemux 3 phvsphakhm 2017 Nepal Consolidating The Peace Analysis Eurasia Review subkhnemux 24 April 2012 Human Rights Server 28 phvsphakhm 2001 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 21 mkrakhm 2016 Greenwald Jeff 13 June 2001 World Tibet Network News khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 August 2006 subkhnemux 22 November 2006 Pokharel Tilak P 27 August 2003 Nepali Rebels Walk Away from Peace Talks World Press subkhnemux 22 November 2006 Adhikari Bipin 19 minakhm 2003 Code of conduct as a point of departure The Kathmandu Post khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 27 minakhm 2013 NEPAL MAOIST HIT TEAMS SHOOT TWO ARMY COLONELS IN KATHMANDU https wikileaks org plusd cables 03KATHMANDU1648 a html UPDATE ON NEPAL S MAOIST INSURGENCY AUGUST 30 SEPTEMBER 5 https wikileaks org plusd cables 03KATHMANDU1721 a htmlduephimHutt Michael Himalayan People s War Nepal s Maoist Rebellion London Hurst and Co 2004 ISBN 978 0 253 21742 4 Jackson Paul 2019 Intelligence in a modern insurgency the case of the Maoist insurgency in Nepal Intelligence and National Security Karki Arjun and David Seddon eds The People s War in Nepal Left Perspectives New Delhi Adroit 2003 Thapa Deepak with Bandita Sijapati A Kingdom Under Siege Nepal s Maoist Insurgency 1996 2003 Kathmandu The Printhouse 2003 ISBN 978 1 842 77571 4 aehlngkhxmulxunNepal s civil war and its subsequent democratic transition by Al Jazeera International Center for Transitional Justice Nepal Documents and statements of the Communist Party of Nepal Maoist Text of all peace accords for Nepal Crisis briefing on Nepal 2010 06 19 thi ewyaebkaemchchin Reuters Alertnet 2009 03 11 thi ewyaebkaemchchin a book by archive of reports on the Nepalese war and peace processes from the ICG Between Two Stones Nepal s decade of conflict a commercial news website Returned Child Soldiers of Nepal s Maoist Army 2010 11 21 thi ewyaebkaemchchin a documentary Insight on Conflict Peacebuilding database 2017 07 01 thi ewyaebkaemchchin Q amp A Nepal s future BBC Nepal The Improbable Maoists http www nhrcnepal org nhrc new doc newsletter Nepal NHRC CPA 10Yrs Report Eng 2016 pdf 2020 07 29 thi ewyaebkaemchchin