วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง เป็นสถานที่ตั้งพระธาตุนารายณ์เจงเวง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร ตามถนนสายสกลนคร-อุดรธานี ตำบลธาตุนาเวง อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เป็นสถาปัตยกรรมยุคขอมโบราณ
วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง | |
---|---|
ศาสนา | |
ศาสนา | ศาสนาฮินดู |
จังหวัด | จังหวัดสกลนคร |
ที่ตั้ง | |
ประเทศ | ประเทศไทย |
ที่ตั้งในจังหวัดสกลนคร วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง (ประเทศไทย) | |
พิกัดภูมิศาสตร์ | 17°11′13″N 104°05′45″E / 17.187074°N 104.095792°E |
สถาปัตยกรรม | |
ประเภท | |
เสร็จสมบูรณ์ | พุทธศตวรรษที่ 16 |
ประวัติ
วัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง สร้างขึ้นพร้อมกันกับ "พระธาตุนารายณ์เจงเวง" หรือ "อรดีมายานารายณ์เจงเวง" โดยชื่อนี้ตั้งชื่อตามผู้สร้างโดยกลุ่มสตรีของพระนางนาเวงแห่งเมืองหนองหานหลวงมีการแข่งขันกลุ่มบุรุษชาวเมืองหนองหานน้อย เพื่อรอรับพระพระมหากัสสปะเถระ ซึ่งนำพระอุรังคธาตุไปบรรจุยังดอยภูกำพร้า โดยตกลงกันว่าหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถสร้างพระธาตุเจดีย์ใหญ่เสร็จก่อนดาวเพ็กขึ้นฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
ตามตำนานอุรังคธาตุกล่าวถึงโบราณสถานแห่งนี้ว่า ยังกล่าวว่า เมื่อพระมหากัสสปเถระและบริวารเดินทางมาถึงเมืองหนองหานหลวง กลุ่มสตรีชาวเมืองหนองหานได้ทูลขอแบ่งอุรังคธาตุ(กระดูกหน้าอก)ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระมหาเถระผู้ใหญ่มิได้ทรงอนุญาตด้วยผิดวัตถุประสงค์ที่พระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ให้นำอุรังคธาตุไปประดิษฐานบรรจุเจดีย์ที่ภูกำพร้า กลางลำน้ำโขง(พระธาตุพนม) แต่มิให้เสียศรัทธา พระมหากัสสัปะเถระผู้ใหญ่จึงมอบให้พระอรหันต์รูปหนึ่งไปนำพระอังคารธาตุจากที่ถวายเพลิงพระศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์แห่งนี้ จึงนับว่าพระธาตุนารายณ์เจงเวงเป็นโบราณสถานที่สำคัญของเมืองสกลนคร
เมื่อครั้ง พ.ศ. 2449 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย พระองค์ได้เสด็จตรวจราชการมณฑลนครราชสีมา และมณฑลอุดรอีสาน รวม 56 วัน โดยได้นิพนธ์ไว้ในหนังสือเรื่องเที่ยวที่ต่าง ๆ ภาคที่ 4 เกี่ยวกับเมืองสกลนครไว้ว่า “วันที่ 15 มกราคม ขี่ม้าไปบ้านนาเวง ระยะทาง 15 เส้น ไปตามถนนขอมสร้างไว้แต่ดึกดำบรรพ์ มีสะพานหินเปนสพานศิลาแลง ฝีมือขอมทำดีน่าดูอยู่แห่ง 1 เปนของสมัยเดียวกันกับเทวสถาน ที่ตำบลนาเวงมีเทวสถานเรียกว่า “อรดีมายานารายณ์เจงเวง” ตั้งอยู่บนเนินซึ่งมีซุ้มไม้ร่มรื่นดี..”
สิ่งก่อสร้างภายในวัด
พระธาตุนารายณ์เจงเวง
เป็นพระธาตุสร้างด้วยหินทราย มีลักษณะปรางค์แบบขอมที่ส่วนใหญ่สร้วบรางกันในสมัยนั้น ส่วนฐานก่อด้วยศิลาแลงขนาดใหญ่ องค์เจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมมีซุ้มประตูแต่ละด้าน ภายใต้ซุ้มข้างบนสลักรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ประดับด้วยกนกด้านขด มุมทั้งสี่ด้านขององค์พระธาตุ เป็นรูปนาคห้าเศียร ปัจจุบัน มีพระครูศรีปริยัติวุฒิคุณ (สุวัฒน์ โกญทัญโญ ป.ธ ๕ M.A.) เป็นเจ้าอาวาส
อ้างอิง
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-12-25. สืบค้นเมื่อ 2009-01-04.
- พระธาตุนารายณ์เจงเวง[]
- สะพานขอม[]
- พระธาตุในสกลนคร
- ประวัติวัดพระธาตุนารายณ์เจงเวง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdphrathatunaraynecngewng epnsthanthitngphrathatunaraynecngewng hangcaktwemuxngpraman 6 kiolemtr tamthnnsaysklnkhr xudrthani tablthatunaewng xaephxemuxngsklnkhr cnghwdsklnkhr epnsthaptykrrmyukhkhxmobranwdphrathatunaraynecngewngsasnasasnasasnahinducnghwdcnghwdsklnkhrthitngpraethspraethsithythitngincnghwdsklnkhraesdngaephnthicnghwdsklnkhrwdphrathatunaraynecngewng praethsithy aesdngaephnthipraethsithyphikdphumisastr17 11 13 N 104 05 45 E 17 187074 N 104 095792 E 17 187074 104 095792sthaptykrrmpraephthesrcsmburnphuththstwrrsthi 16prawtiwdphrathatunaraynecngewng srangkhunphrxmknkb phrathatunaraynecngewng hrux xrdimayanaraynecngewng odychuxnitngchuxtamphusrangodyklumstrikhxngphranangnaewngaehngemuxnghnxnghanhlwngmikaraekhngkhnklumburuschawemuxnghnxnghannxy ephuxrxrbphraphramhaksspaethra sungnaphraxurngkhthatuipbrrcuyngdxyphukaphra odytklngknwahakfayhnungfayidsamarthsrangphrathatuecdiyihyesrckxndawephkkhunfaynncaepnphuchna phrathatunaraynecngewng sklnkhr tamtananxurngkhthatuklawthungobransthanaehngniwa yngklawwa emuxphramhaksspethraaelabriwaredinthangmathungemuxnghnxnghanhlwng klumstrichawemuxnghnxnghanidthulkhxaebngxurngkhthatu kradukhnaxk khxngsmedcphrasmmasmphuththeca aetphramhaethraphuihymiidthrngxnuyatdwyphidwtthuprasngkhthiphraphuththxngkhthitrsiwihnaxurngkhthatuippradisthanbrrcuecdiythiphukaphra klanglanaokhng phrathatuphnm aetmiihesiysrththa phramhaksspaethraphuihycungmxbihphraxrhntruphnungipnaphraxngkharthatucakthithwayephlingphrasphsmedcphrasmmasmphuththecamapradisthaniwinphraecdiyaehngni cungnbwaphrathatunaraynecngewngepnobransthanthisakhykhxngemuxngsklnkhr emuxkhrng ph s 2449 smedckrmphrayadarngrachanuphaphemuxkhrngthrngdarngtaaehnngesnabdikrathrwngmhadithy phraxngkhidesdctrwcrachkarmnthlnkhrrachsima aelamnthlxudrxisan rwm 56 wn odyidniphnthiwinhnngsuxeruxngethiywthitang phakhthi 4 ekiywkbemuxngsklnkhriwwa wnthi 15 mkrakhm khimaipbannaewng rayathang 15 esn iptamthnnkhxmsrangiwaetdukdabrrph misaphanhinepnsphansilaaelng fimuxkhxmthadinaduxyuaehng 1 epnkhxngsmyediywknkbethwsthan thitablnaewngmiethwsthaneriykwa xrdimayanaraynecngewng tngxyubneninsungmisumimrmrundi singkxsrangphayinwdphrathatunaraynecngewng epnphrathatusrangdwyhinthray milksnaprangkhaebbkhxmthiswnihysrwbrangkninsmynn swnthankxdwysilaaelngkhnadihy xngkhecdiyrupthrngsiehliymmisumpratuaetladan phayitsumkhangbnslkrupnaraynbrrthmsinthu pradbdwyknkdankhd mumthngsidankhxngxngkhphrathatu epnrupnakhhaesiyr pccubn miphrakhrusripriytiwuthikhun suwthn okythyoy p th 5 M A epnecaxawasxangxing khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2008 12 25 subkhnemux 2009 01 04 phrathatunaraynecngewng lingkesiy saphankhxm lingkesiy phrathatuinsklnkhr prawtiwdphrathatunaraynecngewng