วัดนาโคก เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 2 บ้านนาโคก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
วัดนาโคก | |
---|---|
ที่ตั้ง | เลขที่ 1 หมู่ที่ 2 ถนนพระรามที่ 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000 |
ประเภท | วัดราษฎร์ |
นิกาย | มหานิกาย |
พระพุทธรูปสำคัญ | หลวงพ่อสัมฤทธิ์ |
เจ้าอาวาส | พระครูสาครพิพัฒนโสภณ |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดนาโคกไม่มีประวัติการก่อสร้างที่แน่ชัด สันนิษฐานว่าตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2420 แต่เดิมกุฏิสงฆ์มุงด้วยใบจาก ในสมัยพระครูสาครธรรมคุณเป็นเจ้าอาวาสในช่วง พ.ศ. 2492–2539 ได้มีการก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ เช่น ศาลาการเปรียญ ศาลาอเนกประสงค์ วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2549 ด้านการศึกษา วัดเปิดสอนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมเมื่อ พ.ศ. 2528
อาคารเสนาสนะ
พระอุโบสถสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2460 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระประธานอุโบสถ และพระพุทธรูปยืนสัมฤทธิ์ปางห้ามสมุทร ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ทางวัดจะมีงานประจำปีปิดทองหลวงพ่อสัมฤทธิ์
ศาลาการเปรียญกว้าง 12 เมตร ยาว 38 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2530 หอสวดมนต์กว้าง 3.50 เมตร ยาว 8.50 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2541 เป็นอาคารไม้ทรงไทย กุฏิสงฆ์จำนวน 7 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 7 หลัง วิหารกว้าง 3.50 เมตร ยาว 8.50 เมตร เป็นอาคารไม้ทรงไทย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2465 ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง 7.09 เมตร ยาว 21.14 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2513 เป็นอาคารไม้ หลังคามุงกระเบื้อง ศาลาบำเพ็ญกุศลจำนวน 3 หลัง
วัดยังมีเรือขุดโบราณซึ่งชาวบ้านนาโคกได้ทำนาเกลือแล้วขุดพบ กรมศิลปากรได้มาดูแลขึ้นไว้เป็นของราชการ และมอบให้ทางวัดนาโคกดูแล
หลวงพ่อสัมฤทธิ์
ประวัติของหลวงพ่อสัมฤทธิ์ กล่าวกันว่าในสมัยกรุงธนบุรี มีชายสองคนได้นำเกลือจากนาโคกขึ้นขายที่ทางเหนือและซื้อข้าวกลับมาขายที่นาโคก ระหว่างทางล่องเรือกลับได้จอดเรือแวะพักที่พระนครศรีอยุธยา ได้เดินลึกเข้าไปก็พบวัดร้างแห่งหนึ่งซึ่งมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์อยู่สององค์ ขนาดไม่ใหญ่นัก องค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย อีกองค์เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทร ทรงเทริดสมัยอยุธยา พอจะเดินกลับปรากฏไม่สามารถหาทางกลับได้ ยังวนเวียนอยู่ในวัดร้างแห่งนั้น ทั้งสองคนจึงปรึกษากันว่าอาจจะเป็นเพราะพระพุทธรูปทั้งสององค์ก็เป็นได้ จึงเดินไปกราบที่พระพุทธรูปแล้วก็คิดว่าถ้าหากนำพระพุทธรูปทั้งสององค์กลับมาด้วยอาจจะกลับเรือได้ ทั้งสองจึงอุ้มพระพุทธรูปทั้งสองกลับมายังเรือได้ และได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์มาประดิษฐานที่วัดนาโคก โดยท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้นได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์ไปประดิษฐานที่หอไตร จนเวลาผ่านไปหลายปี ก็ลืมไปว่ามีพระพุทธรูปสององค์อยู่ที่หอไตร
จนวันหนึ่ง หมู่บ้านนาโคกได้มีการแก้บนศาลเจ้าแห่งหนึ่ง มีการจัดมหรสพทั้งลิเกและละครครั้งใหญ่กว่าทุกครั้ง ทำให้สถานที่ไม่เพียงพอ เจ้าภาพจึงได้ไปขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่จัดในวัดนาโคก ได้เกิดปาฏิหาริย์คือ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรซึ่งประดิษฐานบนหอไตรได้เสด็จลงมาอยู่ข้างล่างโดยมิได้มีใครนำลงมา อีกทั้งคณะลิเกและคณะละครต่างก็เกิดอาการจุกเสียดจนไม่สามารถแสดงได้ ชาวบ้านจึงได้บอกให้นำธูปเทียนมาบูชากล่าวขอขมาลาโทษเสีย จากนั้นคณะลิเกและละครต่างก็หายจุกเสียดเป็นอัศจรรย์ จากนั้นมาชาวบ้านก็ต่างกราบไหว้บูชาพระพุทธรูปองค์นี้ เป็นที่โจษขานกันต่อมาในความศักดิ์สิทธิ์
รายนามเจ้าอาวาส
- พระผ่อง
- พระเจียก
- พระกิ๊ด
- พระเสงี่ยม
- พระครูสาครธรรมคุณ
- พระครูสาครพิพัฒนโสภณ
อ้างอิง
- "วัดนาโคก". ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย.
- "วัดนาโคก". ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม.
- "ซากเรือโบราณ / วัดนาโคก". ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม.
- "หลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทรของวัดนาโคก". ข่าวสด. 13 พฤษภาคม 2559.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdnaokhk epnwdrasdrsngkdkhnasngkhfaymhanikay tngxyuinhmuthi 2 bannaokhk xaephxemuxngsmuthrsakhr cnghwdsmuthrsakhrwdnaokhkthitngelkhthi 1 hmuthi 2 thnnphraramthi 2 xaephxemuxngsmuthrsakhr cnghwdsmuthrsakhr 74000praephthwdrasdrnikaymhanikayphraphuththrupsakhyhlwngphxsmvththiecaxawasphrakhrusakhrphiphthnosphnswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtiwdnaokhkimmiprawtikarkxsrangthiaenchd snnisthanwatngkhunemux ph s 2420 aetedimkutisngkhmungdwyibcak insmyphrakhrusakhrthrrmkhunepnecaxawasinchwng ph s 2492 2539 idmikarkxsrangxakharesnasnatang echn salakarepriyy salaxenkprasngkh wdidrbphrarachthanwisungkhamsimaemuxwnthi 16 tulakhm ph s 2549 dankarsuksa wdepidsxnorngeriynphrapriytithrrmaephnkthrrmemux ph s 2528xakharesnasnaphraxuobsthsrangkhunemux ph s 2460 phayinpradisthanphraphuththruppangmarwichy phraprathanxuobsth aelaphraphuththrupyunsmvththipanghamsmuthr inwnkhun 8 kha eduxn 3 khxngthukpi thangwdcaminganpracapipidthxnghlwngphxsmvththi salakarepriyykwang 12 emtr yaw 38 emtr srangemux ph s 2530 hxswdmntkwang 3 50 emtr yaw 8 50 emtr srangemux ph s 2541 epnxakharimthrngithy kutisngkhcanwn 7 hlng epnxakharkhrungtukkhrungim 7 hlng wiharkwang 3 50 emtr yaw 8 50 emtr epnxakharimthrngithy srangemux ph s 2465 salaxenkprasngkh kwang 7 09 emtr yaw 21 14 emtr srangemux ph s 2513 epnxakharim hlngkhamungkraebuxng salabaephykuslcanwn 3 hlng wdyngmieruxkhudobransungchawbannaokhkidthanaekluxaelwkhudphb krmsilpakridmaduaelkhuniwepnkhxngrachkar aelamxbihthangwdnaokhkduaelhlwngphxsmvththiprawtikhxnghlwngphxsmvththi klawknwainsmykrungthnburi michaysxngkhnidnaekluxcaknaokhkkhunkhaythithangehnuxaelasuxkhawklbmakhaythinaokhk rahwangthanglxngeruxklbidcxderuxaewaphkthiphrankhrsrixyuthya idedinlukekhaipkphbwdrangaehnghnungsungmiphraphuththrupsmvththixyusxngxngkh khnadimihynk xngkhhnungepnphraphuththrupprathbnngpangmarwichy xikxngkhepnphraphuththrupprathbyunpanghamsmuthr thrngethridsmyxyuthya phxcaedinklbpraktimsamarthhathangklbid yngwnewiynxyuinwdrangaehngnn thngsxngkhncungpruksaknwaxaccaepnephraaphraphuththrupthngsxngxngkhkepnid cungedinipkrabthiphraphuththrupaelwkkhidwathahaknaphraphuththrupthngsxngxngkhklbmadwyxaccaklberuxid thngsxngcungxumphraphuththrupthngsxngklbmayngeruxid aelaidnaphraphuththrupthngsxngxngkhmapradisthanthiwdnaokhk odythanecaxawasinsmynnidnaphraphuththrupthngsxngxngkhippradisthanthihxitr cnewlaphaniphlaypi klumipwamiphraphuththrupsxngxngkhxyuthihxitr cnwnhnung hmubannaokhkidmikaraekbnsalecaaehnghnung mikarcdmhrsphthngliekaelalakhrkhrngihykwathukkhrng thaihsthanthiimephiyngphx ecaphaphcungidipkhxxnuyatekhaipichphunthicdinwdnaokhk idekidpatihariykhux phraphuththruppanghamsmuthrsungpradisthanbnhxitridesdclngmaxyukhanglangodymiidmiikhrnalngma xikthngkhnaliekaelakhnalakhrtangkekidxakarcukesiydcnimsamarthaesdngid chawbancungidbxkihnathupethiynmabuchaklawkhxkhmalaothsesiy caknnkhnaliekaelalakhrtangkhaycukesiydepnxscrry caknnmachawbanktangkrabihwbuchaphraphuththrupxngkhni epnthiocskhankntxmainkhwamskdisiththiraynamecaxawasphraphxng phraeciyk phrakid phraesngiym phrakhrusakhrthrrmkhun phrakhrusakhrphiphthnosphnxangxing wdnaokhk thankhxmulaehlngobrankhdithisakhyinpraethsithy wdnaokhk sunykhxmulklangthangwthnthrrm sakeruxobran wdnaokhk sunykhxmulklangthangwthnthrrm hlwngphxsmvththi phraphuththruppanghamsmuthrkhxngwdnaokhk khawsd 13 phvsphakhm 2559