บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
ระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์ (อังกฤษ: scientific method) หรือ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (scientific process) เป็นหลักการพื้นฐานของการตรวจสอบและเสาะหาความรู้ใหม่แบบวิทยาศาสตร์ ที่ใช้หลักฐานทางกายภาพ นักวิทยาศาสตร์เสนอความเชื่อใหม่เกี่ยวกับโลกในรูปของทฤษฎีที่ผ่านขั้นตอนของ การสังเกต, การตั้งสมมติฐาน, และการอนุมาน ของทฤษฎีเหล่านี้จะถูกทดสอบด้วยการทดลอง ถ้าผลการทำนายนั้นถูกต้องหรือสอดคล้องกับการทดลอง ทฤษฎีดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ ทฤษฎีที่ความน่าเชื่อถือจะถูกนำไปเพื่อยืนยันความถูกต้องเพิ่มเติม ระเบียบวิธีนี้ถูกจัดให้เป็นตรรกะสำคัญของธรรมเนียมปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ โดยสาระสำคัญนั้นระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์คือวิธีการที่รอบคอบมาก สำหรับสร้างความเข้าใจ ที่มีและยืนยันได้เกี่ยวกับโลก
องค์ประกอบ
องค์ประกอบสำคัญของระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์คือของขั้นตอนด้านล่าง และการใช้วิธีดังกล่าว:
- การระบุลักษณะเฉพาะ (Characterization)
- การตั้งสมมติฐาน (การสร้างเชิงทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้)
- การทำนายผล (การอนุมานเชิงตรรกศาสตร์จากสมมติฐาน)
- การทดลอง (ขั้นตอนทั้งหมด)
ขั้นตอนด้านบนคือ และใช้การสังเกตในขั้นตอนแรกและขั้นตอนที่สี่ แต่ละขั้นตอนจะต้องผ่านกระบวนการ peer review เพื่อป้องกันความผิดพลาด กิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้ระบุสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทำทั้งหมด (ดูด้านล่าง) แต่อธิบายถึงวิทยาศาสตร์เชิงทดลอง (เช่น ฟิสิกส์ และเคมี) ขั้นตอนด้านต้นมักใช้ในการเรียนการสอนและการศึกษา1
การระบุลักษณะเฉพาะ
การระบุลักษณะเฉพาะ ประกอบด้วยการสังเกต (Observation) และการตั้งปัญหา (Problem) การสังเกต (Observation)
วิธีการทางวิทยาศาสตร์มักจะเริ่มจากการสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เมื่อได้ข้อสังเกตบางอย่างที่เราสนใจจะทำให้ได้สิ่งที่ตามมาคือ ปัญหา (Problem) เช่น
การสังเกต:
"ต้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ หรือต้นหญ้าที่อยู่ใต้หลังคามักจะไม่งอกงาม ส่วนต้นหญ้าในบริเวณใกล้เคียงกันที่ได้รับแสงเจริญงอกงามดี"
การตั้งปัญหา:
- "แสงแดดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจริญงอกงามของต้นหญ้าหรือไม่"
- "แบคทีเรียในจานเพาะเชื่อเจริญช้าไม่งอกงามถ้ามีราสีเขียวอยู่ในจานเพาะเชื้อนั้น"
การตั้งปัญหานั้นสำคัญกว่าการแก้ปัญหา" เพราะ การตั้งปัญหาที่ดีและชัดเจนจะทำให้ผู้ตั้งปัญหาเกิดความเข้าใจและมองเห็นลู่ทางของการค้นหาคำตอบเพื่อแก้ปัญหาที่ตั้งขึ้น ดังนั้นจึงต้องหมั่นฝึกการสังเกตสิ่งที่สังเกตนั้น:
- เป็นอะไร? (What?)
- เกิดขึ้นเมื่อไร?(When)
- เกิดขึ้นที่ไหน?(Where)
- เกิดขึ้นได้อย่างไร?(How)
- ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?(Why)
การตั้งสมมติฐาน
ก่อนที่นักวิจัยจะทำการวิจัยเรื่องใด ๆ ก็ตาม มักจะตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นก่อนว่าสิ่งนั้นควรจะเป็นอย่างไร ตัวอย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นว่าทำไมแม่เหล็กจึงดูดเหล็กหรือแม่เหล็กด้วยกันได้ ก่อนที่จะทำการค้นหาสาเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์ต้องตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นว่า อณูทุก ๆ อณูของเหล็กธรรมดาเป็นแม่เหล็กอยู่แล้ว แต่มันไม่เรียงได้อนุกรมกันจึงไม่มีอำนาจแม่เหล็ก ข้อสันนิษฐานที่กล่าวนี้เรียกว่า สมมุติฐาน หรือ Hypothesis
การตั้งสมมติฐานที่ดีควรมีลักษณะดังนี้
- เป็นสมมติฐานที่เข้าใจง่าย มักนิยมใช้วลี "ถ้า…ดังนั้น"
- เป็นสมมติฐานที่แนะลู่ทางที่จะตรวจสอบได้
- เป็นสมมติฐานที่ตรวจได้โดยการทดลอง
- เป็นสมมติฐานที่สอดคล้องและอยู่ในขอบเขตข้อเท็จจริงที่ได้จากการสังเกตและสัมพันธ์กับปัญหาที่ตั้งไว้
สมมติฐานที่เคยยอมรับอาจล้มเลิกได้ถ้ามีข้อมูลจากการทดลองใหม่ๆ มาลบล้าง แต่ก็มีบางสมมติฐานที่ไม่มีข้อมูลจากการทดลองมาคัดค้านทำให้สมมติฐานเหล่านั้นเป็นที่ยอมรับว่าถูกต้อง เช่น สมมติฐานของเมนเดลเกี่ยวกับหน่วยกรรมพันธุ์ ซึ่งเปลี่ยนกฎการแยกตัวของยีน หรือสมมติฐานของอโวกาโดรซึ่งเปลี่ยนเป็นกฎของอโวกาโดร
การทดลอง
การทดลอง เป็นกระบวนการปฏิบัติ หรือหาคำตอบหรือตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้โดยการทดลองเพื่อทำการค้นคว้าหาข้อมูลและตรวจสอบดูว่าสมมติฐานข้อใดเป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ประกอบด้วยกิจกรรม 3 กระบวนการ คือ
1. การออกแบบการทดลอง คือการวางแผนการทดลองก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริง โดยให้สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้เสมอ และควบคุมปัจจัยหรือตัวแปรต่างๆ ที่มีผลต่อการทดลอง แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ
- ตัวแปรอิสระหรือตัวแปรต้น (Independent Variable or Manipulated Variable) คือปัจจัยที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดผลการทดลองหรือตัวแปรที่ต้องศึกษาทำการตรวจสอบดูว่าเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดผลเช่นกัน
- ตัวแปรตาม (Dependent Variable) คือ ผลที่เกิดจากการทดลอง ซึ่งต้องใช้วิธีการสังเกตหรือวัดผลด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลไว้ และจะเปลี่ยนแปลงไปตามตัวแปรอิสระ
- ตัวแปรที่ต้องควบคุม (Control Variable) คือปัจจัยอื่นๆ ที่นอกเหนือจากตัวแปรต้นที่มีผลต่อการทดลอง และต้องควบคุมให้เหมือนกันทุกชุดการทดลอง เพื่อป้องกันไม่ให้ผลการทดลองเกิดความคลาดเคลื่อน
ในการตรวจสอบสมมติฐาน นอกจากจะควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อการทดลองจะต้องแบ่งชุดการทดลองออกเป็น 3 ชุด ดังนี้
- ชุดทดลอง หมายถึง ชุดที่เราใช้ศึกษาผลของตัวแปรอิสระ
- ชุดควบคุม หมายถึง ชุดของการทดลองที่ใช้เป็นมาตาฐานอ้างอิง เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากการทดลอง ซึ่งชุดควบคุมนี้จะมีตัวแปรต่างๆ เหมือนชุดทดลองแต่จะแตกต่างจากชุดทดลองเพียง 1 ตัวแปรเท่านั้น คือตัวแปรที่เราจะตรวจสอบหรือตัวแปรอิสระ
2. การปฏิบัติการทดลอง ในกิจกรรมนี้จะลงมือปฏิบัติการทดลองจริงโดยจะดำเนินการไปตามขั้นตอนที่ได้ออกแบบไว้ และควรจะทดลองซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลเช่นนั้นจริง
3. การบันทึกผลการทดลอง หมายถึง การจดบันทึกที่ได้จากการทดลองซึ่งข้อมูลที่ได้นี้สามารถรวบรวมไว้ใช้สำหรับยืนยันว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้ถูกต้องหรือไม่
ในบางครั้งข้อมูลอาจได้มาจากการสร้างข้อเท็จจริง เอกสาร จากการสังเกตปรากฏการณ์ หรือจากการซักถามผู้รอบรู้ แล้วนำข้อมูลที่ได้มานั้นไปแปรผลและลงข้อสรุปในต่อไป ดั้งนั้น การรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ตัวอย่าง
เมื่อคาดคะเนคำตอบว่า "แสงแดดทำให้ต้นหญ้าเจริญงอกงาม ดังนั้นต้นหญ้าที่ถูกแสงแดดจะเจริญงอกงาม ส่วนต้นหญ้าที่ไม่ถูกแสงแดดจะไม่เจริญงอกงามหรือเฉาตายไป" ดังนั้นในขั้นนี้จะเป็นขั้นที่จะตรวจสอบว่า คำตอบที่เราคาดคะเนไว้นี้จะถูกต้องหรือไม่ โดยอาจออกแบบการทดลองได้ดังนี้
นำต้นหญ้า (หรือพืชชนิดอื่นก็ได้เช่นถั่วเขียวที่ต้องเหมือนกันทั้ง 2 กลุ่มชุดการทดลอง) ปลูกในทีมีแสงแดด ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มปลูกใช้สังกะสีมาครอบไว้ไม่ให้ได้รับแสงแดด (จัดชุการทดลองและชุดควบคุมให้เหมือนกันทุกประการยกเว้นการได้รับแสงแดด กับไม่ได้รับแสงแดด) ทำการควบคุมทั้งปริมาณน้ำที่รดทั้ง 2 กลุ่มนี้เท่าๆ กัน ประมาณ 2 สัปดาห์ ทำการสังเกตและบันทึกผล
- ตัวแปรต้นหรือตัวแปรอิสระ คือ แสงแดด
- ตัวแปรตาม คือ ต้นหญ้าเจริญงอกงาม (หรือการเจริญเติบโตของต้นหญ้า)
- ตัวแปรที่ต้องควบคุม คือ ปริมาณน้ำ, ชนิดของดิน, ปริมาณของดิน, ชนิดของกระถางที่ใช้ปลูก, ชนิดของต้นหญ้า
นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยความสูงของต้นหญ้า หรือการนำจำนวนใบของต้นหญ้า ซึ่งเราพบว่าต้นหญ้าที่ได้รับแสงแดดจะเจริญเติบโตงอกงามดีส่วนต้นหญ้าที่ไม่ได้รับแสงแดดจะมีสีเหลืองหรือสีขาวซีด และไม่งอกงาม จากนั้นก็สรุปผลการทดลอง
เชิงอรรถ
เชิงอรรถ 1: ผู้สอนที่ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการสอน บางครั้งจะใช้ขั้นตอนที่ดัดแปลงจากระเบียบวิธีแบบวิทยาศาสตร์ โดยที่จะเปลี่ยนขั้นตอนแรกจาก "การระบุลักษณะเฉพาะ" เป็นการตั้งปัญหา
อ้างอิง
- ศัพท์รัฐศาสตร์, ราชบัณฑิตยสถาน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul raebiybwithiaebbwithyasastr khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir raebiybwithiaebbwithyasastr xngkvs scientific method hrux krabwnkarthangwithyasastr scientific process epnhlkkarphunthankhxngkartrwcsxbaelaesaahakhwamruihmaebbwithyasastr thiichhlkthanthangkayphaph nkwithyasastresnxkhwamechuxihmekiywkbolkinrupkhxngthvsdithiphankhntxnkhxng karsngekt kartngsmmtithan aelakarxnuman khxngthvsdiehlanicathukthdsxbdwykarthdlxng thaphlkarthanaynnthuktxnghruxsxdkhlxngkbkarthdlxng thvsdidngklawcathukekbiw thvsdithikhwamnaechuxthuxcathuknaipephuxyunynkhwamthuktxngephimetim raebiybwithinithukcdihepntrrkasakhykhxngthrrmeniymptibtithangwithyasastr odysarasakhynnraebiybwithiaebbwithyasastrkhuxwithikarthirxbkhxbmak sahrbsrangkhwamekhaic thimiaelayunynidekiywkbolkxngkhprakxbxngkhprakxbsakhykhxngraebiybwithiaebbwithyasastrkhuxkhxngkhntxndanlang aelakarichwithidngklaw karrabulksnaechphaa Characterization kartngsmmtithan karsrangechingthvsdithimikhwamepnipid karthanayphl karxnumanechingtrrksastrcaksmmtithan karthdlxng khntxnthnghmd khntxndanbnkhux aelaichkarsngektinkhntxnaerkaelakhntxnthisi aetlakhntxncatxngphankrabwnkar peer review ephuxpxngknkhwamphidphlad kickrrmehlaniimidrabusingthinkwithyasastrthathnghmd dudanlang aetxthibaythungwithyasastrechingthdlxng echn fisiks aelaekhmi khntxndantnmkichinkareriynkarsxnaelakarsuksa1 karrabulksnaechphaa karrabulksnaechphaa prakxbdwykarsngekt Observation aelakartngpyha Problem karsngekt Observation withikarthangwithyasastrmkcaerimcakkarsngektpraktkarntang thixyurxb twera emuxidkhxsngektbangxyangthierasniccathaihidsingthitammakhux pyha Problem echn karsngekt tnhyaittnimihy hruxtnhyathixyuithlngkhamkcaimngxkngam swntnhyainbriewniklekhiyngknthiidrbaesngecriyngxkngamdi kartngpyha aesngaeddmiswnekiywkhxngkbkarecriyngxkngamkhxngtnhyahruxim aebkhthieriyincanephaaechuxecriychaimngxkngamthamirasiekhiywxyuincanephaaechuxnn kartngpyhannsakhykwakaraekpyha ephraa kartngpyhathidiaelachdecncathaihphutngpyhaekidkhwamekhaicaelamxngehnluthangkhxngkarkhnhakhatxbephuxaekpyhathitngkhun dngnncungtxnghmnfukkarsngektsingthisngektnn epnxair What ekidkhunemuxir When ekidkhunthiihn Where ekidkhunidxyangir How thaimcungepnechnnn Why kartngsmmtithan kxnthinkwicycathakarwicyeruxngid ktam mkcatngkhxsnnisthankhunkxnwasingnnkhwrcaepnxyangir twxyangechn nkwithyasastr emuxekidpyhakhunwathaimaemehlkcungdudehlkhruxaemehlkdwyknid kxnthicathakarkhnhasaehtuni nkwithyasastrtxngtngkhxsnnisthankhunwa xnuthuk xnukhxngehlkthrrmdaepnaemehlkxyuaelw aetmnimeriyngidxnukrmkncungimmixanacaemehlk khxsnnisthanthiklawnieriykwa smmutithan hrux Hypothesis kartngsmmtithanthidikhwrmilksnadngni epnsmmtithanthiekhaicngay mkniymichwli tha dngnn epnsmmtithanthiaenaluthangthicatrwcsxbid epnsmmtithanthitrwcidodykarthdlxng epnsmmtithanthisxdkhlxngaelaxyuinkhxbekhtkhxethccringthiidcakkarsngektaelasmphnthkbpyhathitngiw smmtithanthiekhyyxmrbxaclmelikidthamikhxmulcakkarthdlxngihm malblang aetkmibangsmmtithanthiimmikhxmulcakkarthdlxngmakhdkhanthaihsmmtithanehlannepnthiyxmrbwathuktxng echn smmtithankhxngemnedlekiywkbhnwykrrmphnthu sungepliynkdkaraeyktwkhxngyin hruxsmmtithankhxngxowkaodrsungepliynepnkdkhxngxowkaodr karthdlxng karthdlxng epnkrabwnkarptibti hruxhakhatxbhruxtrwcsxbsmmtithanthitngiwodykarthdlxngephuxthakarkhnkhwahakhxmulaelatrwcsxbduwasmmtithankhxidepnkhatxbthithuktxngthisud prakxbdwykickrrm 3 krabwnkar khux 1 karxxkaebbkarthdlxng khuxkarwangaephnkarthdlxngkxnthicalngmuxptibticring odyihsxdkhlxngkbsmmtithanthitngiwesmx aelakhwbkhumpccyhruxtwaeprtang thimiphltxkarthdlxng aebngidepn 3 chnid khux twaeprxisrahruxtwaeprtn Independent Variable or Manipulated Variable khuxpccythiepnsaehtuthaihekidphlkarthdlxnghruxtwaeprthitxngsuksathakartrwcsxbduwaepnsaehtuthikxihekidphlechnkn twaeprtam Dependent Variable khux phlthiekidcakkarthdlxng sungtxngichwithikarsngekthruxwdphldwywithikartang ephuxekbkhxmuliw aelacaepliynaeplngiptamtwaeprxisra twaeprthitxngkhwbkhum Control Variable khuxpccyxun thinxkehnuxcaktwaeprtnthimiphltxkarthdlxng aelatxngkhwbkhumihehmuxnknthukchudkarthdlxng ephuxpxngknimihphlkarthdlxngekidkhwamkhladekhluxn inkartrwcsxbsmmtithan nxkcakcakhwbkhumpccythimiphltxkarthdlxngcatxngaebngchudkarthdlxngxxkepn 3 chud dngni chudthdlxng hmaythung chudthieraichsuksaphlkhxngtwaeprxisra chudkhwbkhum hmaythung chudkhxngkarthdlxngthiichepnmatathanxangxing ephuxepriybethiybkhxmulthiidcakkarthdlxng sungchudkhwbkhumnicamitwaeprtang ehmuxnchudthdlxngaetcaaetktangcakchudthdlxngephiyng 1 twaeprethann khuxtwaeprthieracatrwcsxbhruxtwaeprxisra 2 karptibtikarthdlxng inkickrrmnicalngmuxptibtikarthdlxngcringodycadaeninkariptamkhntxnthiidxxkaebbiw aelakhwrcathdlxngsa hlay khrngephuxihaenicwaidphlechnnncring 3 karbnthukphlkarthdlxng hmaythung karcdbnthukthiidcakkarthdlxngsungkhxmulthiidnisamarthrwbrwmiwichsahrbyunynwasmmtithanthitngiwthuktxnghruxim inbangkhrngkhxmulxacidmacakkarsrangkhxethccring exksar cakkarsngektpraktkarn hruxcakkarskthamphurxbru aelwnakhxmulthiidmannipaeprphlaelalngkhxsrupintxip dngnn karrwbrwmkhxmulepnsingcaepninwithikarthangwithyasastr twxyang emuxkhadkhaenkhatxbwa aesngaeddthaihtnhyaecriyngxkngam dngnntnhyathithukaesngaeddcaecriyngxkngam swntnhyathiimthukaesngaeddcaimecriyngxkngamhruxechatayip dngnninkhnnicaepnkhnthicatrwcsxbwa khatxbthierakhadkhaeniwnicathuktxnghruxim odyxacxxkaebbkarthdlxngiddngni natnhya hruxphuchchnidxunkidechnthwekhiywthitxngehmuxnknthng 2 klumchudkarthdlxng plukinthimiaesngaedd swnxikhnungklumplukichsngkasimakhrxbiwimihidrbaesngaedd cdchukarthdlxngaelachudkhwbkhumihehmuxnknthukprakarykewnkaridrbaesngaedd kbimidrbaesngaedd thakarkhwbkhumthngprimannathirdthng 2 klumnietha kn praman 2 spdah thakarsngektaelabnthukphl twaeprtnhruxtwaeprxisra khux aesngaedd twaeprtam khux tnhyaecriyngxkngam hruxkarecriyetibotkhxngtnhya twaeprthitxngkhwbkhum khux primanna chnidkhxngdin primankhxngdin chnidkhxngkrathangthiichpluk chnidkhxngtnhya nakhxmulthiidmawiekhraahhakhaechliykhwamsungkhxngtnhya hruxkarnacanwnibkhxngtnhya sungeraphbwatnhyathiidrbaesngaeddcaecriyetibotngxkngamdiswntnhyathiimidrbaesngaeddcamisiehluxnghruxsikhawsid aelaimngxkngam caknnksrupphlkarthdlxngechingxrrthechingxrrth 1 phusxnthiichephuxepnekhruxngmuxinkarsxn bangkhrngcaichkhntxnthiddaeplngcakraebiybwithiaebbwithyasastr odythicaepliynkhntxnaerkcak karrabulksnaechphaa epnkartngpyhaxangxingsphthrthsastr rachbnthitysthan bthkhwamwithyasastrniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk