ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ หรือ เมานต์เซนต์เฮเลนส์ (อังกฤษ: Mount St. Helens) เป็นภูเขาไฟมีพลังประเภทกรวยสลับชั้น ตั้งอยู่ใน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแปซิฟิก ห่างจากเมืองซีแอตเทิลไปทางใต้ 154 กิโลเมตร และห่างจากเมืองพอร์ตแลนด์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 80 กิโลเมตร ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ได้ชื่อจากนักการทูตชาวอังกฤษ คู่หูของนักสำรวจ ที่สำรวจพื้นที่ในบริเวณนั้นตั้งแต่ปลายคริสต์วรรษที่ 18 ภูเขาไฟลูกนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาคาสเคด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวภูเขาไฟคาสเคด ส่วนหนึ่งของวงแหวนแห่งไฟ ซึ่งมีภูเขาไฟมีพลังตั้งอยู่กว่า 160 ลูก ภูเขาไฟลูกนี้เป็นที่รู้จักกันดีจากการระเบิดและการพ่นเถ้าถ่านออกมา
ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ | |
---|---|
| |
ไอน้ำที่พ่นสูงถึง 3,000 ฟุต (1 กม.) ในวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ.1982 สองปีหลังจากการประทุครั้งใหญ่ | |
จุดสูงสุด | |
ความสูง เหนือระดับน้ำทะเล | 8,363 ฟุต (2,549 เมตร) |
ความสูง ส่วนยื่นจากฐาน | 4,605 ฟุต (1,404 เมตร) |
พิกัด | 46°11′28″N 122°11′40″W / 46.1912000°N 122.1944000°W |
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ | |
ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ , รัฐวอชิงตัน, ประเทศสหรัฐ | |
เทือกเขา | |
จัดทำโดย | |
ข้อมูลทางธรณีวิทยา | |
อายุหิน | < 40,000 ปี |
ประเภทภูเขา | กรวยภูเขาไฟสลับชั้นที่มีพลัง () |
ค.ศ.2004–2008 | |
การพิชิต | |
พิชิตครั้งแรก | ค.ศ.1853 โดย |
เส้นทางง่ายสุด | ส่วนลาดเอียงทางทิศใต้ของภูเขาไฟ (บริเวณใกล้จุดปะทุมากที่สุด) |
ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์โด่งดังมากที่สุดจาก ในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 (พ.ศ. 2523) เมื่อเวลา 08:32 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เขตเวลาแปซิฟิก) ซึ่งเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติทางภูเขาไฟที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด และก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้น 57 ราย บ้านเรือน 250 หลัง สะพาน 47 แห่ง ทางรถไฟยาว 24 กิโลเมตร และทางหลวงยาว 298 กิโลเมตรถูกทำลาย การระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินถล่มขนาดใหญ่ ลดความสูงของยอดเขาจาก 2,950 เมตร เหลือ 2,550 เมตร และปล่องภูเขาไฟเปลี่ยนรูปกลายเป็นรูปคล้ายเกือกม้า แผ่นดินที่ถล่มลงมามีปริมาตรมากกว่า 2.9 ลูกบาศก์กิโลเมตร หลังจากนั้นได้มีการก่อตั้ง ขึ้นมา เพื่อปกป้อง อนุรักษ์ภูเขาไฟ และให้เป็นที่ศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภูเขาไฟ
เช่นเดียวกันภูเขาไฟส่วนใหญ่ในเทือกเขาคาสเคด ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์มีลักษณะเป็นกรวยปะทุ ประกอบด้วยหินลาวา แบ่งชั้นด้วยเถ้า และหินตะกอนอื่น ๆ ภูเขาประกอบด้วยชั้นของหินบะซอลต์ และ ผ่านที่เป็นโป่งออกมา โดยโดมหินเดไซท์ที่ใหญ่ที่สุดก่อตัวใกล้กับยอดเขา และโดมขนาดเล็กกว่าคือ โดมโกทร็อกส์ ตั้งอยู่ข้างภูเขาไฟทางตอนเหนือ ซึ่งโดมทั้งสองแห่งนี้ถูกทำลายไปจากการระเบิดเมื่อ ค.ศ. 1980
อ้างอิง
- "Mount Saint Helens". , .
- "Mount St. Helens National Volcanic Monument". USDA Forest Service. (สืบค้นวันที่ 26 พฤศจิกายน 2006)
- "May 18, 1980 Eruption of Mount St. Helens". USDA Forest Service. สืบค้นเมื่อ 2007-08-11.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Harris, Stephen L. (1988). "Mount St. Helens: A Living Fire Mountain". Fire Mountains of the West: The Cascade and Mono Lake Volcanoes (1st ed.). Missoula, Montana: Mountain Press Publishing Company. pp. 201–228. ISBN .
- Mullineaux, D.R.; Crandell, D.R. (1981). The Eruptive History of Mount St. Helens, USGS Professional Paper 1250. Retrieved on October 28, 2006.
- Mullineaux, D.R. (1996). Pre-1980 Tephra-Fall Deposits Erupted From Mount St. Helens, USGS Professional Paper 1563. Retrieved on October 28, 2006.
- Pringle (1993). Roadside Geology of Mount St. Helens National Volcanic Monument and Vicinity, Washington State Department of Natural Resources, Division of Geology and Earth Resources Information; Circular 88.
- USGS/Cascades Volcano Observatory, Vancouver, Washington. Description: Mount St. Helens Volcano, Washington. 2012-05-10 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved on October 28, 2006.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phuekhaifesntehelns hrux emantesntehelns xngkvs Mount St Helens epnphuekhaifmiphlngpraephthkrwyslbchn tngxyuin rthwxchingtn shrthxemrikainfngtawntkechiyngehnuxkhxngaepsifik hangcakemuxngsiaextethilipthangit 154 kiolemtr aelahangcakemuxngphxrtaelndipthangtawnxxkechiyngehnux 80 kiolemtr phuekhaifesntehelnsidchuxcaknkkarthutchawxngkvs khuhukhxngnksarwc thisarwcphunthiinbriewnnntngaetplaykhristwrrsthi 18 phuekhaifluknitngxyuinethuxkekhakhasekhd sungepnswnhnungkhxngaenwphuekhaifkhasekhd swnhnungkhxngwngaehwnaehngif sungmiphuekhaifmiphlngtngxyukwa 160 luk phuekhaiflukniepnthiruckkndicakkarraebidaelakarphnethathanxxkmaphuekhaifesntehelnsLawetlat la Loowit Louwala Clough ixnathiphnsungthung 3 000 fut 1 km inwnthi 19 phvsphakhm kh s 1982 sxngpihlngcakkarprathukhrngihycudsungsudkhwamsung ehnuxradbnathael8 363 fut 2 549 emtr khwamsung swnyuncakthan4 605 fut 1 404 emtr phikd46 11 28 N 122 11 40 W 46 1912000 N 122 1944000 W 46 1912000 122 1944000 khxmulthangphumisastrphuekhaifesntehelns rthwxchingtn praethsshrthethuxkekhacdthaodykhxmulthangthrniwithyaxayuhin lt 40 000 pipraephthphuekhakrwyphuekhaifslbchnthimiphlng kh s 2004 2008karphichitphichitkhrngaerkkh s 1853 odyesnthangngaysudswnladexiyngthangthisitkhxngphuekhaif briewniklcudpathumakthisud phuekhaifesntehelnsodngdngmakthisudcak inwnthi 18 phvsphakhm kh s 1980 ph s 2523 emuxewla 08 32 n tamewlathxngthin ekhtewlaaepsifik sungepnehtukarnphyphibtithangphuekhaifthithaihmiphuesiychiwitmakthisud aelakxihekidkhwamesiyhaythangesrsthkicmakthisudinprawtisastrshrthxemrika miphuesiychiwitinkhrngnn 57 ray baneruxn 250 hlng saphan 47 aehng thangrthifyaw 24 kiolemtr aelathanghlwngyaw 298 kiolemtrthukthalay karraebidthaihekidaephndinthlmkhnadihy ldkhwamsungkhxngyxdekhacak 2 950 emtr ehlux 2 550 emtr aelaplxngphuekhaifepliynrupklayepnrupkhlayekuxkma aephndinthithlmlngmamiprimatrmakkwa 2 9 lukbaskkiolemtr hlngcaknnidmikarkxtng khunma ephuxpkpxng xnurksphuekhaif aelaihepnthisuksathangwithyasastrekiywkbphuekhaif emantesntehelnskxnkarraebidemuxpi kh s 1980 thaycakthaelsabspirit echnediywknphuekhaifswnihyinethuxkekhakhasekhd phuekhaifesntehelnsmilksnaepnkrwypathu prakxbdwyhinlawa aebngchndwyetha aelahintakxnxun phuekhaprakxbdwychnkhxnghinbasxlt aela phanthiepnopngxxkma odyodmhinedisththiihythisudkxtwiklkbyxdekha aelaodmkhnadelkkwakhux odmokthrxks tngxyukhangphuekhaifthangtxnehnux sungodmthngsxngaehngnithukthalayipcakkarraebidemux kh s 1980xangxing Mount Saint Helens Mount St Helens National Volcanic Monument USDA Forest Service subkhnwnthi 26 phvscikayn 2006 May 18 1980 Eruption of Mount St Helens USDA Forest Service subkhnemux 2007 08 11 aehlngkhxmulxunHarris Stephen L 1988 Mount St Helens A Living Fire Mountain Fire Mountains of the West The Cascade and Mono Lake Volcanoes 1st ed Missoula Montana Mountain Press Publishing Company pp 201 228 ISBN 0 87842 220 X Mullineaux D R Crandell D R 1981 The Eruptive History of Mount St Helens USGS Professional Paper 1250 Retrieved on October 28 2006 Mullineaux D R 1996 Pre 1980 Tephra Fall Deposits Erupted From Mount St Helens USGS Professional Paper 1563 Retrieved on October 28 2006 Pringle 1993 Roadside Geology of Mount St Helens National Volcanic Monument and Vicinity Washington State Department of Natural Resources Division of Geology and Earth Resources Information Circular 88 USGS Cascades Volcano Observatory Vancouver Washington Description Mount St Helens Volcano Washington 2012 05 10 thi ewyaebkaemchchin Retrieved on October 28 2006 wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb phuekhaifesntehelns