พระเจ้านรสีหบดี (อังกฤษ: Narathihapate; พม่า: နရသီဟပတေ့, nəɹa̰ θìha̰pətḛ; c. 1238–1287) เป็นกษัตริย์พม่าองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์พุกาม ครองราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1254-1287 มีเรื่องโดดเด่นสองประการที่สร้างพระเจ้านรสีหบดีพระองค์นี้เป็นที่จดจำ คือ ความตะกละตะกลามชอบเสวยอาหาร โดยร่ำลือกันว่าต้องมีอาหารหลากหลายถึงสามร้อยชนิดต่อมื้อพระกระยาหาร และอีกประการคือ ความขลาดกลัวต่อการรุกรานของทัพมองโกล จนเป็นกษัตริย์ที่ได้ฉายาว่า "กษัตริย์ขี้ตะกละผู้หนีทัพจีน"
พระเจ้านรสีหบดี နရသီဟပတေ့ สี่ตู่ที่ 4 แห่งพุกาม | |||||
---|---|---|---|---|---|
กษัตริย์แห่งพม่า | |||||
ครองราชย์ | 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1256 – 1 กรกฎาคม ค.ศ.1287 | ||||
ราชาภิเษก | พฤศจิกายน ค.ศ. 1256 | ||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าอุซะนา | ||||
ต่อไป | พระเจ้ากะยอชวาแห่งพุกาม | ||||
มุขยมนตรี | ราซะทินจานแห่งพุกาม (ค.ศ. 1256–57, 1258–60) (ป. ค.ศ. 1271–87) | ||||
ประสูติ | 23 เมษายน ค.ศ. 1238 วันศุกร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน Kason 600 ME พุกาม | ||||
สวรรคต | 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1287 (49 พรรษา) วันอังคาร แรม 5 ค่ำ เดือนWaso 649 ME แปร | ||||
ชายา | (1256–62) ชินชเวแห่งพุกาม | ||||
พระราชบุตร | Pwa Saw Shin สีหตูแห่งแปร พระเจ้ากะยอชวาแห่งพุกาม มิสออู สีตูแห่งปีนยะ | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | พุกาม | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าอุซะนา | ||||
พระราชมารดา | Su Le Htone | ||||
ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยถูกปลงพระชนม์โดยการวางยาพิษจากราชโอรสพระองค์รองนาม สีหตู (พม่า: သီဟသူ) ซึ่งขณะนั้นได้ครองเมืองแปร จากนั้นราชวงศ์พุกามก็ได้ล่มสลายลงพร้อมกับชัยชนะของมองโกลที่มีอำนาจเหนือภูมิภาคตอนบนของพม่า
กว่า 250 ปี ที่ราชวงศ์พุกามปกครองมีอำนาจในพื้นที่ลุ่มน้ำอิรวดี ผืนแผ่นดินอาณาจักรได้กลับไปแตกแยกเป็นแคว้นเล็กเมืองน้อยอีกครั้ง สภาพสุญญากาศทางการปกครอง สภาวะไร้ผู้นำได้ดำเนินต่อไปอีกกว่า 250 ปี จนกระทั่งการขึ้นมาของราชวงศ์ตองอูที่ได้รวบรวมอาณาจักรให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16
รัชกาล
พระเจ้านรสีหบดีเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าอุซะนาและพระนางอะซอหลังการเสด็จสวรรคตของพระเจ้าอุซะนาพระราชบิดาจากอุบัติเหตุในการล่าสัตว์เมื่อปี ค.ศ.1254 พระเจ้านรสีหบดีก็ได้ครองราชบัลลังก์พุกามโดยการแย่งชิงจากพระเชษฐาด้วยความช่วยเหลือบงการของมหาเสนาบดีราซะทินจาน ผู้ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถเชิดกษัตริย์องค์ใหม่ที่มาจากเจ้าชายอ่อนพระชันษานี้ได้ แต่กษัตริย์หนุ่มได้แปรเปลี่ยนท่าทีที่หัวอ่อนเป็นกระด้างกระเดื่อง พระองค์สั่งเนรเทศราซะทินจานแทบจะทันทีที่ครองราชย์ แต่ต่อมาไม่นานพระองค์ก็จำพระทัยเรียกกลับมาใช้งานเพื่อปราบกบฏในแคว้นยะไข่และแถบตะนาวศรี ราซะทินจานปราบกบฏสำเร็จแต่ก็มิได้หวนกลับคืนมาราซะทินจานเสียชีวิตระหว่างเดินทัพกลับ
พระเจ้านรสีหบดีเป็นกษัตริย์ผู้ไร้ความสามารถอย่างสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเรื่องการปกครองบริหารภายในราชอาณาจักรหรือกิจการกับต่างชาติเฉกเช่นพระราชบิดาและพระอัยกาบุพกษัตริย์ทั้งสองก่อนหน้าพระองค์ พระองค์ล้มเหลวในการจัดการพระราชทรัพย์และบริหารท้องพระคลังซึ่งร่อยหรอลงทุกปีๆ สืบเนื่องมาจากการยกเว้นภาษีที่ดินให้แก่ธรณีสงฆ์ นอกจากนี้เมื่อเปรียบกับพระอัยกา คือ พระเจ้าจะซวา ที่มักโปรดสร้างพระเจดีย์ขนาดเล็กมากกว่าที่จะบังคับเกณฑ์แรงงานมากมายแล้ว พระเจ้านรสีหบดีกลับมักโปรดที่จะสร้างพระเจดีย์อย่างหรูหราฟุ่มเฟือย เช่น มีนกะลาเซดี ที่บังคับเกณฑ์แรงงานจำนวนมาก จนผู้คนต่างก่นด่าสาปแช่ง โดยมีเสียงร่ำลือว่า "วันที่เจดีย์สร้างสำเร็จสิ้นนั้น จักเป็นวันถึงฆาตของกษัตริย์"
แต่เงาทมิฬที่แท้จริงของราชวงศ์พุกามและพระเจ้านรสีหบดีนั้นมิใช่เงาของเจดีย์ แต่คือเงาของผืนธงกองทัพมองโกลจากทางเหนือ ในช่วงเวลานั้นทัพมองโกลได้เข้ายึดมณฑลยูนนานได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1253 เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 1271 แม่ทัพเขตยูนนานภายใต้การนำของกุบไลข่านจักรพรรดิมองโกลในขณะนั้นได้ส่งทูตมาเจรจาเรียกร้องเครื่องบรรณาการกับพระเจ้านรสีหบดี แต่พระองค์ปฏิเสธ แม้ทางมองโกลจะส่งทูตมาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1273 พระองค์ก็ยังยืนกรานปฏิเสธพร้อมกับสั่งประหารทูตมองโกลผู้นั้นเป็นเครื่องยืนยัน
ปี ค.ศ. 1277 ทัพมองโกลได้เริ่ม ฝ่ายพุกามได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบใน สงครามได้ดำเนินต่อไปอีกหลายปี แม้ในปี ค.ศ. 1284 จะมีการพยายามเจรจาทางการทูตจากฝ่ายพุกามโดยส่งราชทูตทิศาปาโมกขะ ไปยังราชสำนักมองโกลของกุบไลข่านก็ตาม ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด เมื่อล่วงเข้าปี ค.ศ. 1287 กองทัพมองโกลภายใต้การนำโดยพระนัดดาของกุบไลข่าน บุกตะลุยยึดครองทั้งหมดของใจกลางอาณาจักรพุกาม พระเจ้านรสีหบดีเสด็จลี้ภัยไปทางใต้สู่เมืองแปรที่มีราชโอรสพระองค์รอง สีหตู ปกครองอยู่ แต่พระองค์เหลือจะคาดคิดได้ว่า สีหตูได้จับกุมตัวพระองค์ไว้และถวายโอสถพิษให้ เพื่อที่จะมิต้องหลั่งพระโลหิตถึงธรณีด้วยคมดาบ มีคำร่ำลือกันว่า คำอธิษฐานสุดท้ายของพระองค์คือ "เกิดชาติหน้าฉันใด ไม่ขอมีบุตรชายอีก" จากนั้นเสวยโอสถพิษและสวรรคต
อ้างอิง
- Than Tun (1964): 135
- Pe Maung Tin and Luce (1960): 158–179
- Hmannan Vol. 1 2003: 358
ก่อนหน้า | พระเจ้านรสีหบดี | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
พระเจ้าอุซะนา | พระมหากษัตริย์พม่า (อาณาจักรพม่ายุคที่ 1) (พ.ศ. 1799 – 1830) | ราชวงศ์ตองอู |
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraecanrsihbdi xngkvs Narathihapate phma နရသ ဟပတ neɹa 8iha petḛ c 1238 1287 epnkstriyphmaxngkhsudthayaehngrachwngsphukam khrxngrachytngaetpi kh s 1254 1287 mieruxngoddednsxngprakarthisrangphraecanrsihbdiphraxngkhniepnthicdca khux khwamtaklataklamchxbeswyxahar odyraluxknwatxngmixaharhlakhlaythungsamrxychnidtxmuxphrakrayahar aelaxikprakarkhux khwamkhladklwtxkarrukrankhxngthphmxngokl cnepnkstriythiidchayawa kstriykhitaklaphuhnithphcin phraecanrsihbdi နရသ ဟပတ situthi 4 aehngphukamkstriyaehngphmakhrxngrachy6 phvsphakhm kh s 1256 1 krkdakhm kh s 1287rachaphieskphvscikayn kh s 1256kxnhnaphraecaxusanatxipphraecakayxchwaaehngphukammukhymntrirasathincanaehngphukam kh s 1256 57 1258 60 p kh s 1271 87 prasuti23 emsayn kh s 1238 wnsukr khun 9 kha eduxn Kason 600 ME phukamswrrkht1 krkdakhm kh s 1287 49 phrrsa wnxngkhar aerm 5 kha eduxnWaso 649 ME aeprchaya 1256 62 chinchewaehngphukamphrarachbutrPwa Saw Shin sihtuaehngaepr phraecakayxchwaaehngphukam misxxu situaehngpinyaphranamkhrxngrachysritriphuwnathitybwrthmmracharachwngsphukamphrarachbidaphraecaxusanaphrarachmardaSu Le Htonesasnaphuththethrwath phraxngkhesdcswrrkhtdwythukplngphrachnmodykarwangyaphiscakrachoxrsphraxngkhrxngnam sihtu phma သ ဟသ sungkhnannidkhrxngemuxngaepr caknnrachwngsphukamkidlmslaylngphrxmkbchychnakhxngmxngoklthimixanacehnuxphumiphakhtxnbnkhxngphma kwa 250 pi thirachwngsphukampkkhrxngmixanacinphunthilumnaxirwdi phunaephndinxanackridklbipaetkaeykepnaekhwnelkemuxngnxyxikkhrng sphaphsuyyakasthangkarpkkhrxng sphawairphunaiddaenintxipxikkwa 250 pi cnkrathngkarkhunmakhxngrachwngstxngxuthiidrwbrwmxanackrihepnpukaephnxikkhrnginchwngklangkhriststwrrsthi 16rchkalphraecanrsihbdiepnphrarachoxrsinphraecaxusanaaelaphranangxasxhlngkaresdcswrrkhtkhxngphraecaxusanaphrarachbidacakxubtiehtuinkarlastwemuxpi kh s 1254 phraecanrsihbdikidkhrxngrachbllngkphukamodykaraeyngchingcakphraechsthadwykhwamchwyehluxbngkarkhxngmhaesnabdirasathincan phusungechuxwacasamarthechidkstriyxngkhihmthimacakecachayxxnphrachnsaniid aetkstriyhnumidaeprepliynthathithihwxxnepnkradangkraeduxng phraxngkhsngenrethsrasathincanaethbcathnthithikhrxngrachy aettxmaimnanphraxngkhkcaphrathyeriykklbmaichnganephuxprabkbtinaekhwnyaikhaelaaethbtanawsri rasathincanprabkbtsaercaetkmiidhwnklbkhunmarasathincanesiychiwitrahwangedinthphklb phraecanrsihbdiepnkstriyphuirkhwamsamarthxyangsmburnaebbimwacaeruxngkarpkkhrxngbriharphayinrachxanackrhruxkickarkbtangchatiechkechnphrarachbidaaelaphraxykabuphkstriythngsxngkxnhnaphraxngkh phraxngkhlmehlwinkarcdkarphrarachthrphyaelabriharthxngphrakhlngsungrxyhrxlngthukpi subenuxngmacakkarykewnphasithidinihaekthrnisngkh nxkcakniemuxepriybkbphraxyka khux phraecacaswa thimkoprdsrangphraecdiykhnadelkmakkwathicabngkhbeknthaerngnganmakmayaelw phraecanrsihbdiklbmkoprdthicasrangphraecdiyxyanghruhrafumefuxy echn minkalaesdi thibngkhbeknthaerngngancanwnmak cnphukhntangkndasapaechng odymiesiyngraluxwa wnthiecdiysrangsaercsinnn ckepnwnthungkhatkhxngkstriy aetengathmilthiaethcringkhxngrachwngsphukamaelaphraecanrsihbdinnmiichengakhxngecdiy aetkhuxengakhxngphunthngkxngthphmxngoklcakthangehnux inchwngewlannthphmxngoklidekhayudmnthlyunnanidtngaetpi kh s 1253 emuxmathungpi kh s 1271 aemthphekhtyunnanphayitkarnakhxngkubilkhanckrphrrdimxngoklinkhnannidsngthutmaecrcaeriykrxngekhruxngbrrnakarkbphraecanrsihbdi aetphraxngkhptiesth aemthangmxngoklcasngthutmaxikkhrnginpi kh s 1273 phraxngkhkyngyunkranptiesthphrxmkbsngpraharthutmxngoklphunnepnekhruxngyunyn pi kh s 1277 thphmxngokliderim fayphukamidphayaephxyangrabkhabin sngkhramiddaenintxipxikhlaypi aeminpi kh s 1284 camikarphyayamecrcathangkarthutcakfayphukamodysngrachthutthisapaomkkha ipyngrachsankmxngoklkhxngkubilkhanktam kimepnphlaetxyangid emuxlwngekhapi kh s 1287 kxngthphmxngoklphayitkarnaodyphranddakhxngkubilkhan buktaluyyudkhrxngthnghmdkhxngicklangxanackrphukam phraecanrsihbdiesdcliphyipthangitsuemuxngaeprthimirachoxrsphraxngkhrxng sihtu pkkhrxngxyu aetphraxngkhehluxcakhadkhididwa sihtuidcbkumtwphraxngkhiwaelathwayoxsthphisih ephuxthicamitxnghlngphraolhitthungthrnidwykhmdab mikharaluxknwa khaxthisthansudthaykhxngphraxngkhkhux ekidchatihnachnid imkhxmibutrchayxik caknneswyoxsthphisaelaswrrkhtxangxingThan Tun 1964 135 Pe Maung Tin and Luce 1960 158 179 Hmannan Vol 1 2003 358 kxnhna phraecanrsihbdi thdipphraecaxusana phramhakstriyphma xanackrphmayukhthi 1 ph s 1799 1830 rachwngstxngxu