พระราชวังซ็องซูซี (เยอรมัน: Schloss Sanssouci) หรือ พระราชวังไกลกังวล เป็นอดีตพระราชวังฤดูร้อนของพระเจ้าฟรีดริชมหาราช ตั้งอยู่ที่เมืองพ็อทซ์ดัมในประเทศเยอรมนี สร้างโดยพระราชประสงค์ของพระเจ้าฟรีดริชระหว่าง ค.ศ. 1745–1747 ใช้สถาปัตยกรรมเป็นแบบโรโกโก
พระราชวังซ็องซูซี | |
---|---|
Schloss Sanssouci | |
พระราชวังซ็องซูซี | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | พระราชวัง |
สถาปัตยกรรม | โรโกโก |
เมือง | พ็อทซ์ดัม |
ประเทศ | ประเทศเยอรมนี |
พิกัด | 52°24′12″N 13°2′19″E / 52.40333°N 13.03861°E |
เริ่มสร้าง | ค.ศ. 1745–1747 |
ปรับปรุง | คริสต์ศตวรรษที่ 19 |
ผู้สร้าง | พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 แห่งปรัสเซีย |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | ; ; (บูรณะ) |
ผู้ออกแบบผู้อื่น | |
เว็บไซต์ | |
วังซ็องซูซี |
ซ็องซูซีมักได้รับการเปรียบให้เป็นคู่แข่งของพระราชวังแวร์ซายในประเทศฝรั่งเศส แต่ซ็องซูซีมีลักษณะที่เป็นส่วนตัวแบบโรโกโกและเล็กกว่าพระราชวังแวร์ซายที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรกมาก นอกจากนั้นยังประกอบด้วยวัดและสิ่งก่อสร้างตกแต่ง (follies) มากมายในสวนแบบภูมิทัศน์ เกออร์ค เว็นท์เซิสเลาส์ ฟ็อน คโนเบิลส์ดอร์ฟออกแบบวังเพื่อให้เป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์ของพระเจ้าฟรีดริช เป็นที่หลบจากราชสำนักเบอร์ลิน ที่เต็มไปด้วยพิธีรีตองต่าง ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากชื่อของวังที่แปลว่า "ไกลกังวล" ชื่อที่เป็นการเน้นว่าเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนมิใช่สถานที่สำหรับการใช้อำนาจ ตัวพระราชวังไม่ใหญ่ไปกว่าคฤหาสน์ชั้นเดียว—คล้าย (Château de Marly) ใกล้ปารีสมากกว่าจะคล้ายพระราชวังแวร์ซาย ห้องหลักของซ็องซูซีมีเพียงสิบห้อง ตัววังสร้างบนเนินกลางอุทยาน เพราะความที่ทรงมีอิทธิพลต่อการตกแต่งมากจนเป็นเอกลักษณ์ที่เรียกกันว่า "โรโกโกแบบฟรีดริช" พระเจ้าฟรีดริชทรงมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทรงสร้างซ็องซูซีเพื่อเป็น "ที่ที่จะตายกับพระองค์" คโนเบิลส์ดอร์ฟถูกปลดเมื่อ ค.ศ. 1746 เมื่อมีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องที่ตั้งของวังเมื่อมองจากอุทยาน ยัน เบามัน (Jan Bouman) สถาปนิกชาวดัตช์สร้างต่อจนเสร็จ
ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 พระราชวังซ็องซูซีเป็นที่ประทับของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 4 พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มทรงจ้างสถาปนิก (Ludwig Persius) ให้บูรณะและขยายพระราชวัง ขณะที่ (Ferdinand von Arnim) เป็นผู้รับผิดชอบในการปรับปรุงพื้นที่และทิวทัศน์จากพระราชวัง เมืองพ็อทซ์ดัมและพระราชวังซ็องซูซีเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายเยอรมันจนเมื่อราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นมาสิ้นสุดลงเมื่อ ค.ศ. 1918
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังนี้กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนีตะวันออก หลังจากการรวมตัวระหว่างเยอรมนีตะวันออกกับเยอรมนีตะวันตกใน ค.ศ. 1990 ร่างของพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ก็ถูกนำกลับมาฝังบนเนินที่ซ็องซูซีตามพระราชประสงค์เดิมของพระองค์ก่อนที่จะเสด็จสวรรคต พระราชวังซ็องซูซีและอุทยานได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกใน ค.ศ. 1990 ภายใต้ชื่อว่า พระราชวังและอุทยานแห่งพ็อทซ์ดัมและเบอร์ลิน ใน ค.ศ. 1995 ก็ได้มีการก่อตั้งสถาบันเพื่อวังปรัสเซียและอุทยานในเบอร์ลิน-บรันเดินบวร์คขึ้นเพื่อดูแลรักษาพระราชวังซ็องซูซีและพระราชวังต่างในบริเวณเบอร์ลิน พระราชวังเหล่านี้ในปัจจุบันมีผู้เข้าชมมากกว่าปีละสองล้านคนจากทั่วโลก
สมุดภาพ
-
-
-
- เรือนชา
- อุทยาน
- เรือนจีน
- วัดเฟรนด์ชิป
- ที่ฝังร่างพระเจ้าฟรีดิชมหาราช
อ้างอิง
- Berliner Zeitung: Spröde Fassadengeschichten, 19 February 2003
- UNESCO World Heritage Sites
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ วังซ็องซูซี
- ภาพจากวังซ็องซูซี[]
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phrarachwngsxngsusi eyxrmn Schloss Sanssouci hrux phrarachwngiklkngwl epnxditphrarachwngvdurxnkhxngphraecafridrichmharach tngxyuthiemuxngphxthsdminpraethseyxrmni srangodyphrarachprasngkhkhxngphraecafridrichrahwang kh s 1745 1747 ichsthaptykrrmepnaebborokokphrarachwngsxngsusiSchloss Sanssouciphrarachwngsxngsusikhxmulthwippraephthphrarachwngsthaptykrrmorokokemuxngphxthsdmpraethspraethseyxrmniphikd52 24 12 N 13 2 19 E 52 40333 N 13 03861 E 52 40333 13 03861erimsrangkh s 1745 1747prbprungkhriststwrrsthi 19phusrangphraecafridrichthi 2 aehngprsesiykarxxkaebbaelakarkxsrangsthapnik burna phuxxkaebbphuxunewbistwngsxngsusi sxngsusimkidrbkarepriybihepnkhuaekhngkhxngphrarachwngaewrsayinpraethsfrngess aetsxngsusimilksnathiepnswntwaebborokokaelaelkkwaphrarachwngaewrsaythiepnsthaptykrrmaebbbaorkmak nxkcaknnyngprakxbdwywdaelasingkxsrangtkaetng follies makmayinswnaebbphumithsn ekxxrkh ewnthesiselas fxn khonebilsdxrfxxkaebbwngephuxihepnthiprathbphkphxnswnphraxngkhkhxngphraecafridrich epnthihlbcakrachsankebxrlin thietmipdwyphithiritxngtang sungcaehnidcakchuxkhxngwngthiaeplwa iklkngwl chuxthiepnkarennwaepnsthanthisahrbphkphxnmiichsthanthisahrbkarichxanac twphrarachwngimihyipkwakhvhasnchnediyw khlay Chateau de Marly iklparismakkwacakhlayphrarachwngaewrsay hxnghlkkhxngsxngsusimiephiyngsibhxng twwngsrangbneninklangxuthyan ephraakhwamthithrngmixiththiphltxkartkaetngmakcnepnexklksnthieriykknwa orokokaebbfridrich phraecafridrichthrngmiswnekiywkhxngthithrngsrangsxngsusiephuxepn thithicataykbphraxngkh khonebilsdxrfthukpldemux kh s 1746 emuxmikhwamehnimtrngkneruxngthitngkhxngwngemuxmxngcakxuthyan yn ebamn Jan Bouman sthapnikchawdtchsrangtxcnesrc rahwangkhriststwrrsthi 19 phrarachwngsxngsusiepnthiprathbkhxngphraecafridrich wilehlmthi 4 phraecafridrich wilehlmthrngcangsthapnik Ludwig Persius ihburnaaelakhyayphrarachwng khnathi Ferdinand von Arnim epnphurbphidchxbinkarprbprungphunthiaelathiwthsncakphrarachwng emuxngphxthsdmaelaphrarachwngsxngsusiepnthioprdprankhxngecanayeyxrmncnemuxrachwngsohexinthsxlelirnmasinsudlngemux kh s 1918 hlngsngkhramolkkhrngthisxng phrarachwngniklayepnsingdungdudnkthxngethiywthisakhyaehnghnungkhxngpraethseyxrmnitawnxxk hlngcakkarrwmtwrahwangeyxrmnitawnxxkkbeyxrmnitawntkin kh s 1990 rangkhxngphraecafridrichthi 2 kthuknaklbmafngbneninthisxngsusitamphrarachprasngkhedimkhxngphraxngkhkxnthicaesdcswrrkht phrarachwngsxngsusiaelaxuthyanidrbeluxkodyxngkhkaryuensokihkhunthaebiynepnmrdkolkin kh s 1990 phayitchuxwa phrarachwngaelaxuthyanaehngphxthsdmaelaebxrlin in kh s 1995 kidmikarkxtngsthabnephuxwngprsesiyaelaxuthyaninebxrlin brnedinbwrkhkhunephuxduaelrksaphrarachwngsxngsusiaelaphrarachwngtanginbriewnebxrlin phrarachwngehlaniinpccubnmiphuekhachmmakkwapilasxnglankhncakthwolksmudphapheruxncha xuthyan eruxncin wdefrndchip thifngrangphraecafridichmharachxangxingBerliner Zeitung Sprode Fassadengeschichten 19 February 2003 UNESCO World Heritage Sitesduephimphrarachwngaelaxuthyanaehngphxthsdmaelaebxrlin silpaorokok singkxsrangtkaetngaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb wngsxngsusi phaphcakwngsxngsusi lingkesiy bthkhwamsilpkrrmniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk