พระพิมานดุสิตา เป็นพระวิมานที่ตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางสระภายในพระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเพื่อใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูป อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานถึงลักษณะของพระวิมานแห่งนี้ เนื่องจากพระวิมานได้ถูกรื้อลงไปตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์
ประวัติ
ในการก่อสร้างพระราชวังบวรฯ เมื่อครั้งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทนั้น พระองค์มีพระประสงค์ให้สร้างปราสาทซึ่งถ่ายแบบมาจากพระที่นั่งบรรยงค์รัตนาสน์ในพระราชวังหลวง สมัยกรุงศรีอยุธยา บริเวณเกาะกลางสระภายในพระราชวังบวรฯ ในระหว่างการก่อสร้างนั้น มีคนร้ายลอบเข้ามาในพระราชวังบวรฯ หมายจะทำร้ายสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ โดยได้ซ่อนตัวอยู่บริเวณพระทวารด้านหลังของพระราชมณเฑียร แต่ในวันนี้สมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ได้เสด็จไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกที่พระบรมมหาราชวังจึงเสด็จออกไปทางพระทวารด้านหน้า หลังจากนั้น พนักงานในพระราชวังบวรฯ ได้พบคนร้ายเข้า เจ้าพนักงานผู้รักษาหน้าที่จึงได้เข้าไปจับได้คนร้ายและไล่ไปฟันจนคนร้ายไปตายลงบริเวณที่สร้างปราสาท 1 คน เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ทรงทราบจึงมีรับสั่งว่า ที่วังจันทรเกษมซึ่งเป็นวังหน้าครั้งกรุงเก่าไม่มีปราสาท พระองค์มาสร้างปราสาทขึ้นในวังหน้าเห็นจะเกินวาสนาไปจึงมีเหตุ ดังนั้น พระองค์จึงมีรับสั่งให้งดการสร้างปราสาทนั้นและนำไม้ไปสร้างพระมณฑป (เก่า) ที่วัดนิพพานาราม หรือ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในปัจจุบันแทน
ส่วนบริเวณเกาะกลางสระที่เดิมตั้งพระทัยให้สร้างปราสาทนั้น โปรดให้สร้างพระวิมานประดิษฐานพระพุทธรูปขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ขนามนามว่า พระพิมานดุสิตา พระวิมานนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพรรณนาไว้ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง สถานที่ซึ่งกรมพระราชวังบวรฯ ทรงสร้างว่า
"ตัววิมานกลางที่เป็นหอพระ หลังคาดีบุก ฝากระดาน ข้างนอกประกอบเป็นลายทรงข้าวบิณฑ์ปิดทองประดับกระจก ข้างในเขียนลายรดน้ำมีราชวัตรฉัตรรูปอย่างฉัตรเบญจรงค์ (ปักรายรอบ) เป็นเครื่องปิดทองประดับกระจกทั้งสิ้น นอกพระวิมานออกมามีพระระเบียง ฝาข้างในเรื่องพระปฐมสมโพธิและเรื่องรามเกียรติ์ "งามนักหนา" ข้างนอกมีลายประกอบปิดทองประดับกระจก เสาและหูช้างพนักข้างในก็ล้วนลายสลักปิดทองประดับกระจก มีตะพานพนกสลักปิดทองเป็นทางข้ามสระเข้าไปทั้งสี่ทิศ"
เมื่อสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์เสด็จเข้ามาประทับที่พระราชวังบวรฯ พระพิมานดุสิตาเกิดความชำรุด จึงโปรดฯ ให้รื้อพระวิมานและพระระเบียงออก แล้วนำเอาไม้ที่ยังคงใช้ได้นั้นไปสร้างวัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร แล้วโปรดฯ ให้ใช้สถานที่บริเวณนั้นทำสวนเลี้ยงนก เลี้ยงปลา เป็นที่ประพาสสำราญพระอิริยาบถ
อ้างอิง
- ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13, พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลโท พระยาศรีสรราชภักดี ป.ช., ป.ม., ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 17 มีนาคม 2509, พระนคร : โรงพิมพ์ตีรณสาร
- แน่งน้อย ศักดิ์ศรี, หม่อมราชวงศ์, พระราชวังและวังในกรุงเทพฯ (พ.ศ. 2325-2525) , โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2525
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phraphimandusita epnphrawimanthitngxyubriewnekaaklangsraphayinphrarachwngbwrsthanmngkhl srangkhuninsmysmedcphrabwrrachecamhasursinghnathephuxichepnsthanthipradisthanphraphuththrup xyangirktam imprakthlkthanthunglksnakhxngphrawimanaehngni enuxngcakphrawimanidthukruxlngiptngaetsmysmedcphrabwrrachecamhaesnanurksprawtiinkarkxsrangphrarachwngbwr emuxkhrngsmedcphrabwrrachecamhasursinghnathnn phraxngkhmiphraprasngkhihsrangprasathsungthayaebbmacakphrathinngbrryngkhrtnasninphrarachwnghlwng smykrungsrixyuthya briewnekaaklangsraphayinphrarachwngbwr inrahwangkarkxsrangnn mikhnraylxbekhamainphrarachwngbwr hmaycatharaysmedcphrabwrracheca odyidsxntwxyubriewnphrathwardanhlngkhxngphrarachmnethiyr aetinwnnismedcphrabwrracheca idesdcipefaphrabathsmedcphraphuththyxdfaculaolkthiphrabrmmharachwngcungesdcxxkipthangphrathwardanhna hlngcaknn phnknganinphrarachwngbwr idphbkhnrayekha ecaphnknganphurksahnathicungidekhaipcbidkhnrayaelailipfncnkhnrayiptaylngbriewnthisrangprasath 1 khn emuxsmedcphrabwrracheca thrngthrabcungmirbsngwa thiwngcnthreksmsungepnwnghnakhrngkrungekaimmiprasath phraxngkhmasrangprasathkhuninwnghnaehncaekinwasnaipcungmiehtu dngnn phraxngkhcungmirbsngihngdkarsrangprasathnnaelanaimipsrangphramnthp eka thiwdniphphanaram hrux wdmhathatuyuwrachrngsvsdirachwrmhawihar inpccubnaethn swnbriewnekaaklangsrathiedimtngphrathyihsrangprasathnn oprdihsrangphrawimanpradisthanphraphuththrupkhunephuxthwayepnphuththbucha khnamnamwa phraphimandusita phrawimanniphrabathsmedcphracxmeklaecaxyuhwthrngphrrnnaiwinphrarachniphnth eruxng sthanthisungkrmphrarachwngbwr thrngsrangwa twwimanklangthiepnhxphra hlngkhadibuk fakradan khangnxkprakxbepnlaythrngkhawbinthpidthxngpradbkrack khanginekhiynlayrdnamirachwtrchtrrupxyangchtrebycrngkh pkrayrxb epnekhruxngpidthxngpradbkrackthngsin nxkphrawimanxxkmamiphraraebiyng fakhangineruxngphrapthmsmophthiaelaeruxngramekiyrti ngamnkhna khangnxkmilayprakxbpidthxngpradbkrack esaaelahuchangphnkkhanginklwnlayslkpidthxngpradbkrack mitaphanphnkslkpidthxngepnthangkhamsraekhaipthngsithis emuxsmedcphrabwrrachecamhaesnanurksesdcekhamaprathbthiphrarachwngbwr phraphimandusitaekidkhwamcharud cungoprd ihruxphrawimanaelaphraraebiyngxxk aelwnaexaimthiyngkhngichidnnipsrangwdchnasngkhramrachwrmhawihar aelwoprd ihichsthanthibriewnnnthaswneliyngnk eliyngpla epnthipraphassarayphraxiriyabthxangxingprachumphngsawdar phakhthi 13 phimphepnxnusrninnganphrarachthanephlingsph phloth phrayasrisrrachphkdi p ch p m th c w n emruhnaphlbphlaxisriyaphrn wdethphsirinthrawas 17 minakhm 2509 phrankhr orngphimphtirnsar aenngnxy skdisri hmxmrachwngs phrarachwngaelawnginkrungethph ph s 2325 2525 orngphimphculalngkrnmhawithyaly 2525