ปางปฐมบัญญัติ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ ยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองข้างตะแคงยื่นออกไปข้างหน้า เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปประจำปีวอก
ประวัติ
ในสมัยที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ที่นครเวสาลี สุทินกลันทบุตรได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า บังเกิดความเลื่อมใสจึงทูลขอบรรพชาอุปสมบท แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงประทานให้เพราะจะต้องขออนุญาตจากมารดาบิดาเสียก่อน สุทินจึงกลับไปที่บ้านไปขออนุญาตจากมารดาบิดาให้บรรพชาอุปสมบทแต่มารดาบิดามิยินยอมให้เพราะสุทินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่จะต้องมาดูแลสมบัติของตระกูล แม้จะอ้อนวอน 3 ครั้งก็ไม่ยินยอมเช่นกัน สุทินจึงนอนลงกับพื้นอดอาหารเป็นเวลา 7 วัน มารดาบิดาได้อ้อนวอนให้ล้มความตั้งใจแต่กลับไม่ยอม พวกเพื่อน ๆ มาอ้อนวอนแล้วก็ไม่ยอมอีก พวกเพื่อน ๆจึงอ้อนวอนมารดาบิดาของสุทินยินยอมให้สุทินอุปสมบทโดบให้เหตุผลว่า ถ้าสุทินไม่ได้บวชก็จะต้องตายเป็นแน่แท้ แต่ถ้ายินยอมให้สุทินอุปสมบทแล้วเกิดไม่ยินดีในพรหมจรรย์ก็จะลาสิกขาบทออกมาเอง มารดาบิดาจึงยินยอมในที่สุด สุทินก็ดีใจจึงลุกขึ้นจากพื้น อาบน้ำและทานอาหาร จากนั้นก็ไปเข้าเฝ้าทูลขอบรรพชาอุปสมบทจากพระพุทธองค์ เมื่อบวชแล้วจึงประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่ที่วัชชีคาม
ต่อมาบิดามารดาต้องการให้พระสุทินลาสิกขาออกมาเพื่อดูแลสมบัติของตระกูล พระสุทินยังยินดีในพรหมจรรย์ บิดามารดาจึงออกอุบายต่าง ๆเ พื่อให้พระสุทินลาสิกขาออกมา เช่น เอาทรัพย์สมบัติมาล่อ นำภรรยาเก่ามาแต่งตัวสวย ๆ ให้พระสุทินเกิดหลงใหลแต่ไม่สำเร็จ ต่อมามารดาพระสุทินได้รอให้ภรรยาเก่าของพระสุทินมีระดู (ประจำเดือน) ซึ่งกำหนดจะมีบุตร จึงพางนางไปหาพระสุทินที่ป่ามหาวัน นิมนต์ให้ลาสิกขาแต่พระสุทินก็ไม่ยินยอมอีก มารดาจึงขอพืชพันธุ์ไว้สืบสกุลเพราะหากไม่มีผู้สืบสกุล ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกยึดตามธรรมเนียมของแคว้นวัชชี พระสุทินจึงคิดว่าพอทำได้เพราะไม่มีการบทบัญญัติสิกขาห้ามเสพเมถุน จึงได้ร่วมประเวณีกับภรรยาเก่าตามคำขอร้องและได้บุตรชายคนหนึ่งเรียกว่า เจ้าพืช ภรรยาของพระสุทินจึงถูกเรียกว่า มารดาของเจ้าพืช ต่อมาในภายหลังทั้งสองมารดาลูกก็ได้ออกบวชจนบรรลุเป็นพระอรหันต์
ต่อมาพระสุทินเกิดรู้สึกไม่สบายใจจึงเล่าความจริงให้ภิกษุทั้งหลายทราบ ภิกษุทั้งหลายก็ติเตียนพระสุทินและนำความกราบทูลแก่พระพุทธองค์ เมื่อความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงไต่สวนกับพระสุทิน พระสุทินก็ยอมรับ พระพุทธองค์ก็ทรงติเตียนพระสุทินเป็นอย่างมาก(ทรงเรียกพระสุทินอย่างแรงด้วยคำว่า โมฆะบุรุษ) ที่ทำกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่สมณะ จึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า "ภิกษุเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกคือขาดจากความเป็นภิกษุทันที" นับเป็นปฐมบัญญัติ คือ ข้อแรกในพระวินัยของพระภิกษุ การประพฤติของพระสุทินสมัยนั้นถือว่ายังไม่ขาดจากความเป็นภิกษุ พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาผิด เพราะยังมิได้มีสิกขาบทห้ามไว้ แต่ทรงเอาไว้เป็นอาทิกัมมิกะซึ่งหมายถึง ผู้ก่อเป็นเหตุทำให้บัญญัติสิกขาบท เป็นตัวอย่างไว้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าภิกษุใดทำเช่นนี้อีก ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที
อ้างอิง
- สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ตำนานพุทธเจดีย์. ธนบุรี : โรงพิมพ์รุ่งวัฒนา, 2513.
- เรื่องพระพุทธรูปปางต่างๆ หลวงบริบาลบุรีรัตน์ และนายเกษมบุญศรี (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ขึ้นเพื่อพระราชทานในงานพระราชกุศลราชคฤหมงคลขึ้นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2500)
- สกุลศิลปพระพุทธรูปในประเทศไทย อาจารย์จิตร บัวบุศย์
- ศิลปในประเทศไทย ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิสกุล
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
pangpthmbyyti epnphraphuththrupxyuinxiriyabthprathbnngkhdsmathi ykfaphrahtththngsxngkhangtaaekhngyunxxkipkhanghna echuxwaepnphraphuththruppracapiwxkphraphuththruppangpthmbyyti n wdphrapthmecdiyrachwrmhawiharprawtiinsmythiphraphuththecathrngprathbxyuthinkhrewsali suthinklnthbutridfngphrathrrmethsnacakphraphuththeca bngekidkhwameluxmiscungthulkhxbrrphchaxupsmbth aetphraphuththxngkhimthrngprathanihephraacatxngkhxxnuyatcakmardabidaesiykxn suthincungklbipthibanipkhxxnuyatcakmardabidaihbrrphchaxupsmbthaetmardabidamiyinyxmihephraasuthinepnbutrchayephiyngkhnediywthicatxngmaduaelsmbtikhxngtrakul aemcaxxnwxn 3 khrngkimyinyxmechnkn suthincungnxnlngkbphunxdxaharepnewla 7 wn mardabidaidxxnwxnihlmkhwamtngicaetklbimyxm phwkephuxn maxxnwxnaelwkimyxmxik phwkephuxn cungxxnwxnmardabidakhxngsuthinyinyxmihsuthinxupsmbthodbihehtuphlwa thasuthinimidbwchkcatxngtayepnaenaeth aetthayinyxmihsuthinxupsmbthaelwekidimyindiinphrhmcrrykcalasikkhabthxxkmaexng mardabidacungyinyxminthisud suthinkdiiccunglukkhuncakphun xabnaaelathanxahar caknnkipekhaefathulkhxbrrphchaxupsmbthcakphraphuththxngkh emuxbwchaelwcungpraphvtiptibtixyangekhrngkhrdxyuthiwchchikham txmabidamardatxngkarihphrasuthinlasikkhaxxkmaephuxduaelsmbtikhxngtrakul phrasuthinyngyindiinphrhmcrry bidamardacungxxkxubaytang e phuxihphrasuthinlasikkhaxxkma echn exathrphysmbtimalx naphrryaekamaaetngtwswy ihphrasuthinekidhlngihlaetimsaerc txmamardaphrasuthinidrxihphrryaekakhxngphrasuthinmiradu pracaeduxn sungkahndcamibutr cungphangnangiphaphrasuthinthipamhawn nimntihlasikkhaaetphrasuthinkimyinyxmxik mardacungkhxphuchphnthuiwsubskulephraahakimmiphusubskul thrphysinthnghmdcathukyudtamthrrmeniymkhxngaekhwnwchchi phrasuthincungkhidwaphxthaidephraaimmikarbthbyytisikkhahamesphemthun cungidrwmpraewnikbphrryaekatamkhakhxrxngaelaidbutrchaykhnhnungeriykwa ecaphuch phrryakhxngphrasuthincungthukeriykwa mardakhxngecaphuch txmainphayhlngthngsxngmardalukkidxxkbwchcnbrrluepnphraxrhnt txmaphrasuthinekidrusukimsbayiccungelakhwamcringihphiksuthnghlaythrab phiksuthnghlayktietiynphrasuthinaelanakhwamkrabthulaekphraphuththxngkh emuxkhwamthrabthungphraphuththxngkh cungthrngeriykprachumsngkh thrngitswnkbphrasuthin phrasuthinkyxmrb phraphuththxngkhkthrngtietiynphrasuthinepnxyangmak thrngeriykphrasuthinxyangaerngdwykhawa omkhaburus thithakrrmthiimsmkhwrxyangyingaeksmna cungthrngbyytisikkhabthwa phiksuesphemthuntxngxabtiparachikkhuxkhadcakkhwamepnphiksuthnthi nbepnpthmbyyti khux khxaerkinphrawinykhxngphraphiksu karpraphvtikhxngphrasuthinsmynnthuxwayngimkhadcakkhwamepnphiksu phraphuththxngkhimthrngexaphid ephraayngmiidmisikkhabthhamiw aetthrngexaiwepnxathikmmikasunghmaythung phukxepnehtuthaihbyytisikkhabth epntwxyangiwephuximihepneyiyngxyang aetthaphiksuidthaechnnixik thuxwaparachik khadcakkhwamepnphiksuthnthixangxingsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph tananphuththecdiy thnburi orngphimphrungwthna 2513 eruxngphraphuththruppangtang hlwngbribalburirtn aelanayeksmbuysri phrabathsmedcphraecaxyuhwphrakrunaoprdekla ihphimphkhunephuxphrarachthaninnganphrarachkuslrachkhvhmngkhlkhunphratahnkcitrldarohthan emuxwnthi 31 tulakhm ph s 2500 skulsilpphraphuththrupinpraethsithy xacarycitr bwbusy silpinpraethsithy sastracary hmxmecasuphthrdis diskul bthkhwamsasnaphuththniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk