ปลาฉลามหัวค้อนยาว | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Chondrichthyes |
ชั้นย่อย: | Elasmobranchii |
อันดับใหญ่: | Selachimorpha |
อันดับ: | Carcharhiniformes |
วงศ์: | Sphyrnidae |
สกุล: | Eusphyra T. N. Gill, 1862 |
สปีชีส์: | E. blochii |
ชื่อทวินาม | |
Eusphyra blochii (, 1816) | |
Range of the winghead shark | |
ชื่อพ้อง | |
|
ปลาฉลามหัวค้อนยาว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Eusphyra blochii) คือสปีชีส์ในกลุ่มปลาฉลามหัวค้อนและเป็นส่วนหนึ่งในวงศ์ปลาฉลามหัวค้อน มีความยาวของลำตัวได้ถึง 1.9 เมตร มีสีน้ำตาลหรือสีดำ มีรูปร่างเพรียวบางและมีครีบหลังในรูปเคียวด้ามยาว ชื่อของฉลามชนิดนี้มาจากลักษณะส่วนหัวรูปค้อนที่มีขนาดใหญ่มากเรียกว่า cephalofoil ซึ่งมีความกว้างได้มากถึงครึ่งหนึ่งของความยาวลำตัว การใช้งานจากโครงสร้างลำตัวเช่นนี้ไม่ปรากฏชัดเจนแต่อาจเกี่ยวกับระบบประสาทสัมผัสของฉลาม ช่องว่างระหว่างตาทั้งสองข้างช่วยให้ฉลามมองด้วยได้ดีเยี่ยม ส่วนรูจมูกที่ยาวมากนั้นอาจช่วยให้ฉลามตรวจจับและติดตามกลิ่นในน้ำได้ดียิ่งขึ้น ส่วนหัว cephalofoil ยังมีพื้นสัมผัสที่มีขนาดใหญ่สำหรับรูเปิดที่มีชื่อว่าและเส้นข้างลำตัวซึ่งส่งผลดีต่อความสามารถในและ
ปลาฉลามหัวค้อนยาวอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งน้ำตื้นของ โดยออกหาอาหารกลุ่มปลากระดูกแข็ง สัตว์พวกกุ้งกั้งปูและสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ฉลามหัวค้อนยาวโดยตัวอ่อนจะได้รับอาหารผ่านทางสายที่เชื่อมรก ตัวเมียจะตกลูกคราวละ 6-25 ตัว ขึ้นอยู่กับพื้นที่อาศัย ช่วงเวลาตกลูกมักเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมิถุนายนหลังจากนาน 8-11 เดือน ฉลามที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์นี้ มักจะถูกล่าเพื่อเป็นอาหาร สำหรับเนื้อปลา น้ำมันตับปลาและ สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติได้ประเมินสถานะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากจำนวนของฉลามที่ลดลงเนื่องมาจากการถูกล่าหาประโยชน์ที่มากเกินไป
อนุกรมวิธาน
ในปี พ.ศ. 2328 มาร์คัส เอลีเยเซอร์ บลอค นักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมัน อธิบายถึงฉลามชื่อว่า Squalus zygaena (ชื่อเหมือนของ Sphyrna zygaena ) จอร์จส์ คูวิเยร์ นักสัตววิทยาชาวฝรั่งเศส ได้เขียนข้ออ้างอิงถึงเรื่องราวของ S. zygaena ในข้อเขียนปี พ.ศ. 2360 Le Règne animal distribué d'après son organisation, pour servir de base à l'histoire naturelle des animaux et d'introduction à l'anatomie comparée ว่าตัวอย่างสิ่งมีชีวิตที่บลอค อธิบายถึง (ให้ชื่อว่า "z. nob. Blochii") ไม่ใช่ปลาฉลามหัวค้อนดำ หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตในกลุ่มที่แตกต่างออกไป ถึงแม้ว่า คูวิเยร์ ไม่ได้ระบุการตั้งชื่อแบบทวินาม อะคิล วาล็องเซียน เพื่อนร่วมงานของเขาอธิบายในปี พ.ศ. 2365 ถึงสิ่งมีชีวิตในกลุ่มสปีชิส์เดียวกัน เรียกว่า Zygaena Blochii nobis โดยอ้างชื่อให้แก่คูวิเยร์
ในปี พ.ศ. 2405 ธีโอดอร์ กิลล์ จัดให้ปลาฉลามหัวค้อนยาวอยู่ในกลุ่มสกุล Eusphyra ซึ่งมาจากภาษากรีกคำว่า eu (ดี) และ sphyra (ค้อน) อย่างไรก็ดี ภายหลังผู้เขียนไม่ยอมรับชื่อ Eusphyra และเห็นควรจัดกลุ่มไว้กับฉลามหัวค้อนยาวในกลุ่มสกุล Sphyrna ในปี พ.ศ. 2491 ชื่อสกุล Eusphyra ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งโดย เฮนรี บิเกโลว์ และ วิลเลียม ชเรอเดอร์ จนกลายมาสู่ชื่อที่ใช้กันแพร่หลายจากงานวิจัยหลักอนุกรมวิธานเพิ่มเติมโดย ลีโอนาร์ด คอมพาโน ในปี 1979 (พ.ศ. 2522) และ ปี พ.ศ. 2531 อย่างไรก็ตาม แหล่งอ้างอิงส่วนหนึ่งยังเรียกสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้ในสกุล Sphyrna blochiiชื่อสามัญอื่นๆ ที่ใช้สำหรับปลาฉลามหัวค้อนยาว ได้แก่ ปลาฉลามหัวลูกศร ปลาฉลามหัวค้อนลูกศร และปลาฉลามหัวค้อนเล็ก
ความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ
แนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับวิวัฒนาการของปลาฉลามหัวค้อนนั้นเริ่มจากสปีชิส์ปลาฉลามรูปหัว cephalofoil ขนาดเล็กซึ่งวิวัฒน์มาจากต้นสกุลปลาฉลามกลุ่มเรควีเอ็ม และต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็นสปีชิส์ที่ฉลามรูปหัว cephalofoil ขนาดใหญ่ขึ้น การตีความหมายเช่นนี้จึงทำให้ปลาฉลามหัวค้อนยาวเป็นปลาฉลามหัวค้อนที่มีวิวัฒนาการสูงสุดจากปลาฉลามหัวค้อนด้วยโครงสร้างรูปหัว cephalofoil ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม บนพื้นฐานของ และ ได้ค้นพบรูปแบบที่ตรงกันข้ามว่าปลาฉลามหัวค้อนยาวนับเป็นกลุ่มตั้งต้นของวงศ์ฉลามหัวค้อน การค้นพบนี้สนับสนุนแนวคิดที่ขัดแย้งกับความคิดทั่วไปที่ว่าปลาฉลามหัวค้อนตัวแรกที่วิวัฒน์ขึ้นเป็นปลาฉลามรูปหัว cephalofoil ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการแบ่งสกุล Eusphyra จาก Sphyrna ซึ่งเป็น (กลุ่มสกุลลูกหลานจากต้นตระกูลเดียวกัน) วงศ์สกุลของปลาฉลามหัวค้อนคาดว่ามีวิวัฒนาการมาจากกลุ่มปลาฉลามหัวค้อนเมื่อประมาณ 15-20 ล้านปีที่แล้วในช่วงสมัยไมโอซีน
รูปร่างลักษณะ
ฉลามหัวค้อนยาวมีลักษณะตรงกับชื่อ คือมีรูปหัว cephalofoil ที่ประกอบด้วยกระดูกคู่ยาวแคบที่ลู่ไปทางท้าย ความกว้างของส่วนหัว cephalofoil ประมาณร้อยละ 40-50 ของความยาวลำตัว ส่วนหน้าของ cephalofoil มีรอยเว้าเล็กน้อยช่วงกลาง และมีส่วนนูนขึ้นแต่ละข้างในตอนหน้าของจมูก ส่วนจมูกแต่ละข้างมีความกว้างมากกว่าสองเท่าของส่วนปาก และยาวไปเกือบครอบคลุมส่วนกระดูกหัวทั้งหมด ดวงตาที่กลมยื่นออกไปข้างหน้าในตำแหน่งมุมนอกของส่วนหัว cephalofoil ซึงประกอบด้วยเพื่อการปกป้อง ส่วนปากที่ค่อนข้างเล็ก และโค้งประกอบด้วยแถวฟันด้านบน 15-16 แถว และฟันล่าง 14 แถวในแต่ละข้าง และอาจมีแถวเดี่ยวของฟันซี่เล็กๆ ทั้งด้านบน และด้านล่างของแนวประสานคาง (กึ่งกลางขากรรไกร) ฟันเป็นซี่เล็กและมีขอบเรียบ ด้วยปลายแหลมทรงสามเหลี่ยม มีห้าคู่ โดยคู่ที่ห้าอยู่เหนือจุดครีบอก
ส่วนลำตัวเพรียว และเรียวบาง ด้วยครีบหลังแรกที่สูง แคบ และโค้งงอ (รูปทรงเคียว) อยู่บนฐานของที่ค่อนข้างเล็ก ครีบหลังที่สองมีขนาดเล็กกว่ามาก และอยู่บนส่วนท้ายของฐานครีบทวาร ส่วนครีบทวารมีขนาดครึ่งหนึ่งของครีบหลังที่สอง โดยมีร่องตามยาวบนส่วนบนส่วนหลังจุดเริ่มต้นของครีบหาง ส่วนครีบหางบนจะยาวกว่าครีบหางล่าง และมีร่องบริเวณขอบใกล้ปลายหาง ผิวหนังปกคลุมด้วยที่ทับซ้อนกัน แต่ละชั้นประกอบด้วยสันตามแนวนอนสามแนวไปถึงฟันริม ลำตัวมีสีน้ำตาลเทาไปจนถึงเทา และขาวนวล และไม่มีรอยครีบ สามารถเติบโตได้ยาวถึง 1.9 เมตร (6.2 ฟุต)
การกระจายตัวและถิ่นที่อยู่
ปลาฉลามหัวค้อนยาวถูกพบบริเวณเขตร้อนของ จากอ่าวเปอร์เซียตะวันออกไปทางเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงนิวกีนี และตอนเหนือขอรัฐควีนส์แลนด์ ขอบเขตอาจขยายไปไกลทางเหนือถึงไต้หวัน และทางใต้ไกลถึงหมู่เกาะมอนเตเบลโล ทางตะวันตกของออสเตรเลีย ปลาฉลามชนิดนี้มักอาศัยอยู่ในน้ำตื้นใกล้ชายฝั่งและเคยพบเห็นบริเวณปากแม่น้ำ
ชีววิทยา และ นิเวศวิทยา
สมมุติฐานมากมายได้ถูกเสนอขึ้นเพื่ออธิบายถึงขนาดหัว cephalofoil ที่ใหญ่มาก ตำแหน่งของดวงตาที่อยู่ปลายหัวทั้งสองข้างทำให้มองภาพจากสองตาได้ 48 องศา มากที่สุดในกลุ่มฉลามหัวค้อน และมากกว่าสี่เท่าของฉลามกลุ่มเรควีเอ็ม ปลาฉลามชนิดนี้จึงมีที่ดีเยี่ยมซึ่งอาจช่วยในการล่าเหยื่อ นอกจากนี้ยังมีร่องจมูกในสัดส่วนที่ยาวที่สุดในกลุ่มฉลามหัวค้อน ร่องจมูกที่ยาวกว่ามีจำนวนมากกว่า และสามารถทดสอบน้ำได้มากกว่าในแต่ละครั้งจึงช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจพบได้ ปลาฉลามหัวค้อนยาวขนาด 1 เมตร (3.3 ฟุต) ตามหลักการจะสามารถทดสอบน้ำได้มากกว่า 2,300 ซม3 (140 ลูกบาศก์นิ้ว) ต่อวินาที ประโยชน์อีกอย่างของรูปหัว cephalofil ที่เกี่ยวกับคือช่องระหว่างร่องจมูกซ้ายและขวาช่วยเพิ่มความสามารถของปลาฉลามในการแยกแยะร่องรอยของกลิ่น นอกจากนี้ รูปหัว cephalofoil ยังเพิ่มความสามารถของปลาฉลามในการตรวจจับสนามไฟฟ้า และการเคลื่อนไหว ด้วยพื้นที่มากขึ้นสำหรับ และ เส้นข้างลำตัว ส่วนกระดูกด้านข้างมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะใช้ในการเคลื่อนตัวเช่นเดียวกับปลาฉลามหัวค้อนชนิดอื่นๆ
ปลาฉลามหัวค้อนยาวมันออกล่าในระดับใกล้พื้นทะเล เป็นอาหารจำพวกปลากระดูกแข็ง สัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง และสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง ปรสิตของสัตว์กลุ่มนี้ ได้แก่ พยาธิตัวตืด Callitetrarhynchus blochii,Heteronybelinia heteromorphi,Otobothrium carcharidis, O. mugilis,Phoreiobothrium puriensis และ Phyllobothrium blochiiพยาธิตัวกลม Hysterothylacium ganeshi,Pseudanisakis sp.,Raphidascaroides blochii, และ Terranova sp., Caligus furcisetifer, และสัตว์เซลล์เดียว Eimeria zygaenae
วงจรชีวิต
ปลาฉลามหัวค้อนเช่นเดียวกับสัตว์ในวงศ์ ตัวอ่อนจะเติบโตได้จากการเชื่อมต่อทางรกของแม่ ปลาฉลามตัวเมียมีรังไข่ข้างเดียวทางด้านขวา และมดลูกสองห้อง ในช่วงตั้งครรภ์ มดลูกหนึ่งห้องจะสำหรับตัวอ่อนหนึ่งตัว ในท้องทะเลบริเวรณเมืองมุมไบในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ปลาฉลามตัวผู้จะกัดข้างลำตัวของตัวเมียก่อนทำการผสมพันธุ์ โดยปลาฉลามตัวเมียสามารถตกลูกได้ทุกปี คอกหนึ่งราว 6 ถึง 25 ตัว และเพิ่มจำนวนได้ตามขนาดของตัวเมีย อยู่ระหว่าง 8-9 เดือน ในกลุ่มอินเดียตะวันตก และ 10-11 เดือนในกลุ่มออสเตรเลีย ปลาฉลามตัวเมียที่ตั้งครรภ์พบว่ามักจะต่อสู้กัน
ในช่วงแรก ตัวอ่อนจะได้รับอาหารจากไข่แดง และมีพัฒนาการเช่นเดียวกับปลาฉลามอื่นๆ ในช่วงที่มีความยาวลำตัว 4.0 – 4.5 ซ.ม. (1.6-1.8 นิ้ว) ส่วนหัว cephalofoil และครีบจะเริ่มเป็นรูปร่าง เมื่อตัวอ่อนมีขนาดยาว 12-16 ซ.ม. (4.7-6.3 นิ้ว) อาหารจากไข่แดงจะน้อยลง และมีผนังห่อหุ้มเกิดขึ้นกับ และมดลูก ซึ่งจะเชื่อมต่อกันภายหลังกับรกในครรภ์ ในช่วงระยะนี้ ตัวอ่อนจะมีลักษณะเช่นเดียวกับตัวเต็มวัย แม้ว่าจะเป็นขั้นเบื้องต้นและยังไม่มีสี กระดูกส่วนหัว cephalofoil โค้งกลับไปทางลำตัว และมียื่นออกมาจากช่องเหงือก เมื่อตัวยาวขนาด 20-29 ซ.ม. (7.9-11.4 นิ้ว) รกในครรภ์เป็นรูปร่าง ฟันซี่แรก สารเคลือบผิวหนัง และสีผิวเริ่มปรากฏ ส่วนเหงือกภายนอกจะลดขนาดลง เมื่อตัวอ่อนมีขนาดยาว 30 ซ.ม. (12 นิ้ว) ปลาฉลามจะมีรูปร่างเหมือนตัวเต็มวัยที่มีขนาดเล็ก
การตกลูกจะเกิดในช่วงเดือนพฤษภาคม และ มิถุนายน นอกเมืองมุมไบ และ เดือนมีนาคม และเมษายน บริเวณอ่าวมันนาร์ และเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมทางออสเตรเลียตอนเหนือ ลูกปลาฉลามจะโผล่หางออกมาก่อน และส่วนหัว cephalofoils จะยังม้วนอยู่จนกว่าจะคลอดผ่านออกมาทางช่องเปิดของ ลูกปลาฉลามที่เกิดใหม่มีความยาว 32-47 ซ.ม. (13-19 นิ้ว) จะมีขนาดยาว 1.0-1.1 เมตร (3.3-3.6 ฟุต) สำหรับตัวผู้ และยาว 1.1-1.2 เมตร (3.6-3.9 ฟุต) สำหรับตัวเมีย โดยจะมีช่วงชีวิตอย่างน้อย 21 ปี
ปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์
ปลาฉลามหัวค้อนยาวไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์ และโดนจับโดยอวนลอย อวนปัก แห เบ็ดยาว และเบ็ดตะขอ เนื้อปลามักถูกขายสด โดยครีบจะส่งออกไปยังเอเชียสำหรับซุปหูฉลาม ตับปลาเป็นแหล่งของน้ำมันปลา และจะถูกแปรรูปเป็นปลาป่น ปลาฉลามสายพันธุ์นี้ถูกจับเป็นจำนวนมากในบริเวณเช่น อ่าวไทย และนอกประเทศอินเดีย และอินโดนีเซีย ที่พบหลักฐานว่าจำนวนของปลาฉลามได้รับผลกระทบมาก สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ได้ประเมินสถานะเป็นสายพันธ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และในเร็วนี้จะเกือบอยู่ในข่ายสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์เนื่องมาจากการถูกล่าอย่างหนัก ปลาฉลามสายพันธุ์นี้ไม่ถูกล่าในน่านน้ำประเทศออสเตรเลีย โดยทาง IUCN ได้กำหนดสถานะเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์
อ้างอิง
- Simpfendorfer, C.A. (2003). "Eusphyra blochii". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012.2.
- Last, P.R.; Stevens, J.D. (2009). Sharks and Rays of Australia (second ed.). Harvard University Press. p. 288. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Cuvier, G. (1816). Le Règne Animal distribué d'après son organisation pour servir de base à l'histoire naturelle des animaux et d'introduction à l'anatomie comparée. Deterville. p. 127.
- Compagno, L.J.V. (1984). Sharks of the World: An Annotated and Illustrated Catalogue of Shark Species Known to Date. Food and Agricultural Organization of the United Nations. pp. 540–541. ISBN .
- Gill, T.N. (1862). "Analytical synopsis of the order of Squali; and revision of the nomenclature of the genera". Annals of the Lyceum of Natural History of New York. 7: 371–408.
- Froese, R.; Pauly, D., บ.ก. (2011). "Eusphyra blochii, Winghead shark". FishBase. สืบค้นเมื่อ May 18, 2013.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: editors list () - Martin, R.A. (1998). "Recent Changes in Hammerhead Taxonomy". ReefQuest Centre for Shark Research. สืบค้นเมื่อ May 18, 2013.
- Lim, D.D.; Motta, P.; Mara, K.; Martin, A.P. (2010). "Phylogeny of hammerhead sharks (Family Sphyrnidae) inferred from mitochondrial and nuclear genes". Molecular Phylogenetics and Evolution. 55 (2): 572–579. doi:10.1016/j.ympev.2010.01.037. PMID 20138218.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Cavalcanti, M.J. (2007). "A Phylogenetic Supertree of the Hammerhead Sharks (Carcharhiniformes: Sphyrnidae)". Zoological Studies. 46 (1): 6–11.
- Last, P.R.; White, W.T.; Caire, J.N.; Dharmadi; Fahmi; Jensen, K.; Lim, A.P.F.; Manjaji-Matsumoto, B.M.; Naylor, G.J.P.; Pogonoski, J.J.; Stevens, J.D.; Yearsley, G.K. (2010). Sharks and Rays of Borneo. CSIRO Publishing. pp. 134–135. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Randall, J.E. (1995). Coastal Fishes of Oman. University of Hawaii Press. p. 38. ISBN .
- Mello, W.C.; de Carvalho, J.J.; Brito, P.M.M. (2013). "Microstructural morphology in early dermal denticles of hammerhead sharks (Elasmobranchii: Sphyrnidae) and related taxa". Acta Zoologica. 94 (2): 147–153. doi:10.1111/j.1463-6395.2011.00547.x.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Kajiura, S.M.; Forni, J.B.; Summers, A.P. (2005). "Olfactory morphology of carcharhinid and sphyrnid sharks: Does the cephalofoil confer a sensory advantage?". Journal of Morphology. 264 (3): 253–263. doi:10.1002/jmor.10208. PMID 15549717.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Nakaya, K. (1995). "Hydrodynamic function of the head in the hammerhead sharks (Elasmobranchii: Sphyrnidae)". Copeia. 1995 (2): 330–336. doi:10.2307/1446895.
- Pramanik, P.B.; Manna, B. (2006). "Callitetrarhynchus blochii new species (Cestoidea: Lacistorhynchidae) from Sphyrna blochii Cuvier, 1817 from Bay of Bengal at Digha coast, India". Journal of Natural History. 2 (2): 10–15.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Palm, H.W. (1999). "Nybelinia Poche, 1926, Heteronybelinia gen. nov. and Myxonebelinia gen. nov. (Cestoda: Trypanorhyncha) in the collections of The Natural History Museum, London". Bulletin of the Natural History Museum, London (Zoology series). 65 (2): 133–153.
- Schaeffner, B.C.; Beveridge, I. (2013). "Redescriptions and new records of species of Otobothrium Linton, 1890 (Cestoda: Trypanorhyncha)". Systematic Parasitology. 84 (1): 17–55. doi:10.1007/s11230-012-9388-1. PMID 23263940.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Srivastav, A.K.; Capoor, V.N. (1982). "On a new cestode, Phoreiobothrium puriensis n. sp". Indian Journal of Helminthology. 34 (1–2): 82–85.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Srivastav, A.K.; Srivastava, B.K. (1988). "On a new cestode, Phyllobothrium blochii sp. n. (Phyllobothriidae, Cestoda) from the elasmobranch fish, Zygaena blochii (Cuvier) (Carchariidae, Euselachii) from Puri, Orissa (India)". Helminthologia. 25: 89–94.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Lakshmi, I.R.; Sreeramulu, K. (2007). "Hysterothylacium ganeshi n. sp (Nematoda-Anisakidae) from the intestine of Shark, Sphyrna blochii (Cuvier)". Geobios. 34 (1): 29.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Arthur, J.J.R.; Ahmed, A.T.A. (2002). Checklist of the Parasites of Fishes of Bangladesh (FAO Fisheries Technical Paper 369/1). Food and Agriculture Organization of the United Nations. p. 44. ISBN .
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Bruce, N.L.; Cannon, L.R.G.; Adlard, R. (1994). "Synoptic checklist of ascaridoid parasites (Nematoda) from fish hosts". Invertebrate Taxonomy. 8 (3): 583–674. doi:10.1071/IT9940583.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Margolis, L.; Kabata, Z.; Parker, R.R. (1975). "Catalogue and synopsis of Caligus, a genus of Copepoda (Crustacea) parasitic on fishes". Bulletin of the Fisheries Research Board of Canada. 192: 1–117.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Chakravarty, M.; Mandal, A.K. (1961). "A new coccidium, Eimeria zygaenae n. sp. from hammer headed shark, Zygaena blochii". Proceedings of the 48th Indian Science Congress (Roorkee) (Part III): abstract 93.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Stevens, J.D.; Lyle, J.M. (1989). "Biology of three hammerhead sharks (Eusphyra blochii, Sphyrna mokarran and S. lewini) from Northern Australia". Australian Journal of Marine and Freshwater Research. 40 (2): 129–146. doi:10.1071/MF9890129.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list () - Devadoss, P. (1988). "Observations on the breeding and development of some sharks". Journal of the Marine Biological Association of India. 30 (1–2): 121–131.
- Appukuttan, K.K. (1978). "Studies on the developmental stages of hammerhead shark Sphyrna (Eusphyrna) blochii from the Gulf of Mannar". Indian Journal of Fisheries. 25 (1–2): 41–52.
- Smart, J.J.; Harry, A.V.; Tobin, A.J.; Simpfendorfer, C.A. (2012). "Overcoming the constraints of low sample sizes to produce age and growth data for rare or threatened sharks". Aquatic Conservation: Marine and Freshwater Ecosystems. 23 (1): 124–134. doi:10.1002/aqc.2274.
{{}}
: CS1 maint: multiple names: authors list ()
แหล่งอ้างอิงอื่น
- "Eusphyra blochii, Winghead shark" at FishBase
- "Eusphyra blochii (Slender Hammerhead, Winghead Shark)" at IUCN Red List
- "Species description of Eusphyra blochii" at Shark-References.com
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
plachlamhwkhxnyawsthanakarxnurksiklsuyphnthu IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Chondrichthyeschnyxy Elasmobranchiixndbihy Selachimorphaxndb Carcharhiniformeswngs Sphyrnidaeskul Eusphyra T N Gill 1862spichis E blochiichuxthwinamEusphyra blochii 1816 Range of the winghead sharkchuxphxngZygaena blochii G Cuvier 1816 Zygaena laticeps Cantor 1837 Zygaena latycephala van Hasselt 1823 plachlamhwkhxnyaw chuxwithyasastr Eusphyra blochii khuxspichisinklumplachlamhwkhxnaelaepnswnhnunginwngsplachlamhwkhxn mikhwamyawkhxnglatwidthung 1 9 emtr misinatalhruxsida miruprangephriywbangaelamikhribhlnginrupekhiywdamyaw chuxkhxngchlamchnidnimacaklksnaswnhwrupkhxnthimikhnadihymakeriykwa cephalofoil sungmikhwamkwangidmakthungkhrunghnungkhxngkhwamyawlatw karichngancakokhrngsranglatwechnniimpraktchdecnaetxacekiywkbrabbprasathsmphskhxngchlam chxngwangrahwangtathngsxngkhangchwyihchlammxngdwyiddieyiym swnrucmukthiyawmaknnxacchwyihchlamtrwccbaelatidtamklininnaiddiyingkhun swnhw cephalofoil yngmiphunsmphsthimikhnadihysahrbruepidthimichuxwaaelaesnkhanglatwsungsngphlditxkhwamsamarthinaela plachlamhwkhxnyawxasyxyubriewnchayfngnatunkhxng odyxxkhaxaharklumplakradukaekhng stwphwkkungkngpuaelastwnathiimmikraduksnhlng chlamhwkhxnyawodytwxxncaidrbxaharphanthangsaythiechuxmrk twemiycatklukkhrawla 6 25 tw khunxyukbphunthixasy chwngewlatklukmkekidinchwngeduxnkumphaphnththungmithunaynhlngcaknan 8 11 eduxn chlamthimikhwamesiyngtxkarsuyphnthuni mkcathuklaephuxepnxahar sahrbenuxpla namntbplaaela shphaphnanachatiephuxkarxnurksthrrmchatiaelathrphyakrthrrmchatiidpraeminsthanaepnsingmichiwitthiekuxbxyuinkhayesiyngtxkarsuyphnthuenuxngcakcanwnkhxngchlamthildlngenuxngmacakkarthuklahapraoychnthimakekinipxnukrmwithaninpi ph s 2328 markhs exlieyesxr blxkh nkthrrmchatiwithyachaweyxrmn xthibaythungchlamchuxwa Squalus zygaena chuxehmuxnkhxng Sphyrna zygaena cxrcs khuwieyr nkstwwithyachawfrngess idekhiynkhxxangxingthungeruxngrawkhxng S zygaena inkhxekhiynpi ph s 2360 Le Regne animal distribue d apres son organisation pour servir de base a l histoire naturelle des animaux et d introduction a l anatomie comparee watwxyangsingmichiwitthiblxkh xthibaythung ihchuxwa z nob Blochii imichplachlamhwkhxnda hakaetepnsingmichiwitinklumthiaetktangxxkip thungaemwa khuwieyr imidrabukartngchuxaebbthwinam xakhil walxngesiyn ephuxnrwmngankhxngekhaxthibayinpi ph s 2365 thungsingmichiwitinklumspichisediywkn eriykwa Zygaena Blochii nobis odyxangchuxihaekkhuwieyr inpi ph s 2405 thioxdxr kill cdihplachlamhwkhxnyawxyuinklumskul Eusphyra sungmacakphasakrikkhawa eu di aela sphyra khxn xyangirkdi phayhlngphuekhiynimyxmrbchux Eusphyra aelaehnkhwrcdklumiwkbchlamhwkhxnyawinklumskul Sphyrna inpi ph s 2491 chuxskul Eusphyra thuknaklbmaichxikkhrngody ehnri biekolw aela wileliym cherxedxr cnklaymasuchuxthiichknaephrhlaycaknganwicyhlkxnukrmwithanephimetimody lioxnard khxmphaon inpi 1979 ph s 2522 aela pi ph s 2531 xyangirktam aehlngxangxingswnhnungyngeriyksingmichiwitklumniinskul Sphyrna blochiichuxsamyxun thiichsahrbplachlamhwkhxnyaw idaek plachlamhwluksr plachlamhwkhxnluksr aelaplachlamhwkhxnelkkhwamsmphnththangwiwthnakaraenwkhiddngedimekiywkbwiwthnakarkhxngplachlamhwkhxnnnerimcakspichisplachlamruphw cephalofoil khnadelksungwiwthnmacaktnskulplachlamklumerkhwiexm aelatxmaidphthnakhunepnspichisthichlamruphw cephalofoil khnadihykhun kartikhwamhmayechnnicungthaihplachlamhwkhxnyawepnplachlamhwkhxnthimiwiwthnakarsungsudcakplachlamhwkhxndwyokhrngsrangruphw cephalofoil thimikhnadihythisud xyangirktam bnphunthankhxng aela idkhnphbrupaebbthitrngknkhamwaplachlamhwkhxnyawnbepnklumtngtnkhxngwngschlamhwkhxn karkhnphbnisnbsnunaenwkhidthikhdaeyngkbkhwamkhidthwipthiwaplachlamhwkhxntwaerkthiwiwthnkhunepnplachlamruphw cephalofoil khnadihy nxkcakni yngsnbsnunkaraebngskul Eusphyra cak Sphyrna sungepn klumskullukhlancaktntrakulediywkn wngsskulkhxngplachlamhwkhxnkhadwamiwiwthnakarmacakklumplachlamhwkhxnemuxpraman 15 20 lanpithiaelwinchwngsmyimoxsinrupranglksnaphaphexkserykhxngplachlamhwkhxnyaw chlamhwkhxnyawmilksnatrngkbchux khuxmiruphw cephalofoil thiprakxbdwykradukkhuyawaekhbthiluipthangthay khwamkwangkhxngswnhw cephalofoil pramanrxyla 40 50 khxngkhwamyawlatw swnhnakhxng cephalofoil mirxyewaelknxychwngklang aelamiswnnunkhunaetlakhangintxnhnakhxngcmuk swncmukaetlakhangmikhwamkwangmakkwasxngethakhxngswnpak aelayawipekuxbkhrxbkhlumswnkradukhwthnghmd dwngtathiklmyunxxkipkhanghnaintaaehnngmumnxkkhxngswnhw cephalofoil sungprakxbdwyephuxkarpkpxng swnpakthikhxnkhangelk aelaokhngprakxbdwyaethwfndanbn 15 16 aethw aelafnlang 14 aethwinaetlakhang aelaxacmiaethwediywkhxngfnsielk thngdanbn aeladanlangkhxngaenwprasankhang kungklangkhakrrikr fnepnsielkaelamikhxberiyb dwyplayaehlmthrngsamehliym mihakhu odykhuthihaxyuehnuxcudkhribxk swnlatwephriyw aelaeriywbang dwykhribhlngaerkthisung aekhb aelaokhngngx rupthrngekhiyw xyubnthankhxngthikhxnkhangelk khribhlngthisxngmikhnadelkkwamak aelaxyubnswnthaykhxngthankhribthwar swnkhribthwarmikhnadkhrunghnungkhxngkhribhlngthisxng odymirxngtamyawbnswnbnswnhlngcuderimtnkhxngkhribhang swnkhribhangbncayawkwakhribhanglang aelamirxngbriewnkhxbiklplayhang phiwhnngpkkhlumdwythithbsxnkn aetlachnprakxbdwysntamaenwnxnsamaenwipthungfnrim latwmisinatalethaipcnthungetha aelakhawnwl aelaimmirxykhrib samarthetibotidyawthung 1 9 emtr 6 2 fut karkracaytwaelathinthixyuplachlamhwkhxnyawthukphbbriewnekhtrxnkhxng cakxawepxresiytawnxxkipthangexechiyitaelaexechiytawnxxkechiyngitipcnthungniwkini aelatxnehnuxkhxrthkhwinsaelnd khxbekhtxackhyayipiklthangehnuxthungithwn aelathangitiklthunghmuekaamxneteblol thangtawntkkhxngxxsetreliy plachlamchnidnimkxasyxyuinnatuniklchayfngaelaekhyphbehnbriewnpakaemnachiwwithya aela niewswithyaphaphwadkhxngplachlamhwkhxnyawcak Fauna of British India 1889 aesdngthungruphw cephalofoil khnadkwang karichngankhxngokhrngsrangechnniyngimepnthiaenchd smmutithanmakmayidthukesnxkhunephuxxthibaythungkhnadhw cephalofoil thiihymak taaehnngkhxngdwngtathixyuplayhwthngsxngkhangthaihmxngphaphcaksxngtaid 48 xngsa makthisudinklumchlamhwkhxn aelamakkwasiethakhxngchlamklumerkhwiexm plachlamchnidnicungmithidieyiymsungxacchwyinkarlaehyux nxkcakniyngmirxngcmukinsdswnthiyawthisudinklumchlamhwkhxn rxngcmukthiyawkwamicanwnmakkwa aelasamarththdsxbnaidmakkwainaetlakhrngcungchwyephimoxkasinkartrwcphbid plachlamhwkhxnyawkhnad 1 emtr 3 3 fut tamhlkkarcasamarththdsxbnaidmakkwa 2 300 sm3 140 lukbaskniw txwinathi praoychnxikxyangkhxngruphw cephalofil thiekiywkbkhuxchxngrahwangrxngcmuksayaelakhwachwyephimkhwamsamarthkhxngplachlaminkaraeykaeyarxngrxykhxngklin nxkcakni ruphw cephalofoil yngephimkhwamsamarthkhxngplachlaminkartrwccbsnamiffa aelakarekhluxnihw dwyphunthimakkhunsahrb aela esnkhanglatw swnkradukdankhangmikhnadihyekinkwacaichinkarekhluxntwechnediywkbplachlamhwkhxnchnidxun plachlamhwkhxnyawmnxxklainradbiklphunthael epnxaharcaphwkplakradukaekhng stwnathimiepluxkaekhng aelastwnathiimmikraduksnhlng prsitkhxngstwklumni idaek phyathitwtud Callitetrarhynchus blochii Heteronybelinia heteromorphi Otobothrium carcharidis O mugilis Phoreiobothrium puriensis aela Phyllobothrium blochiiphyathitwklm Hysterothylacium ganeshi Pseudanisakis sp Raphidascaroides blochii aela Terranova sp Caligus furcisetifer aelastwesllediyw Eimeria zygaenae wngcrchiwit plachlamhwkhxnechnediywkbstwinwngs twxxncaetibotidcakkarechuxmtxthangrkkhxngaem plachlamtwemiymirngikhkhangediywthangdankhwa aelamdluksxnghxng inchwngtngkhrrph mdlukhnunghxngcasahrbtwxxnhnungtw inthxngthaelbriewrnemuxngmumibinchwngeduxnkrkdakhmaelasinghakhmsungepnchwngvdufn plachlamtwphucakdkhanglatwkhxngtwemiykxnthakarphsmphnthu odyplachlamtwemiysamarthtklukidthukpi khxkhnungraw 6 thung 25 tw aelaephimcanwnidtamkhnadkhxngtwemiy xyurahwang 8 9 eduxn inklumxinediytawntk aela 10 11 eduxninklumxxsetreliy plachlamtwemiythitngkhrrphphbwamkcatxsukn inchwngaerk twxxncaidrbxaharcakikhaedng aelamiphthnakarechnediywkbplachlamxun inchwngthimikhwamyawlatw 4 0 4 5 s m 1 6 1 8 niw swnhw cephalofoil aelakhribcaerimepnruprang emuxtwxxnmikhnadyaw 12 16 s m 4 7 6 3 niw xaharcakikhaedngcanxylng aelamiphnnghxhumekidkhunkb aelamdluk sungcaechuxmtxknphayhlngkbrkinkhrrph inchwngrayani twxxncamilksnaechnediywkbtwetmwy aemwacaepnkhnebuxngtnaelayngimmisi kradukswnhw cephalofoil okhngklbipthanglatw aelamiyunxxkmacakchxngehnguxk emuxtwyawkhnad 20 29 s m 7 9 11 4 niw rkinkhrrphepnruprang fnsiaerk sarekhluxbphiwhnng aelasiphiwerimprakt swnehnguxkphaynxkcaldkhnadlng emuxtwxxnmikhnadyaw 30 s m 12 niw plachlamcamiruprangehmuxntwetmwythimikhnadelk kartklukcaekidinchwngeduxnphvsphakhm aela mithunayn nxkemuxngmumib aela eduxnminakhm aelaemsayn briewnxawmnnar aelaeduxnkumphaphnthaelaminakhmthangxxsetreliytxnehnux lukplachlamcaophlhangxxkmakxn aelaswnhw cephalofoils cayngmwnxyucnkwacakhlxdphanxxkmathangchxngepidkhxng lukplachlamthiekidihmmikhwamyaw 32 47 s m 13 19 niw camikhnadyaw 1 0 1 1 emtr 3 3 3 6 fut sahrbtwphu aelayaw 1 1 1 2 emtr 3 6 3 9 fut sahrbtwemiy odycamichwngchiwitxyangnxy 21 piptismphnthkbmnusyplachlamhwkhxnyawimthaxntraytxmnusy aelaodncbodyxwnlxy xwnpk aeh ebdyaw aelaebdtakhx enuxplamkthukkhaysd odykhribcasngxxkipyngexechiysahrbsuphuchlam tbplaepnaehlngkhxngnamnpla aelacathukaeprrupepnplapn plachlamsayphnthunithukcbepncanwnmakinbriewnechn xawithy aelanxkpraethsxinediy aelaxinodniesiy thiphbhlkthanwacanwnkhxngplachlamidrbphlkrathbmak shphaphnanachatiephuxkarxnurksthrrmchatiaelathrphyakrthrrmchati IUCN idpraeminsthanaepnsayphnththiesiyngtxkarsuyphnthu aelainerwnicaekuxbxyuinkhaysingmichiwitiklsuyphnthuenuxngmacakkarthuklaxyanghnk plachlamsayphnthuniimthuklainnannapraethsxxsetreliy odythang IUCN idkahndsthanaepnklummikhwamesiyngtatxkarsuyphnthuxangxingSimpfendorfer C A 2003 Eusphyra blochii IUCN Red List of Threatened Species Version 2012 2 Last P R Stevens J D 2009 Sharks and Rays of Australia second ed Harvard University Press p 288 ISBN 0674034112 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Cuvier G 1816 Le Regne Animal distribue d apres son organisation pour servir de base a l histoire naturelle des animaux et d introduction a l anatomie comparee Deterville p 127 Compagno L J V 1984 Sharks of the World An Annotated and Illustrated Catalogue of Shark Species Known to Date Food and Agricultural Organization of the United Nations pp 540 541 ISBN 9251013845 Gill T N 1862 Analytical synopsis of the order of Squali and revision of the nomenclature of the genera Annals of the Lyceum of Natural History of New York 7 371 408 Froese R Pauly D b k 2011 Eusphyra blochii Winghead shark FishBase subkhnemux May 18 2013 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint multiple names editors list Martin R A 1998 Recent Changes in Hammerhead Taxonomy ReefQuest Centre for Shark Research subkhnemux May 18 2013 Lim D D Motta P Mara K Martin A P 2010 Phylogeny of hammerhead sharks Family Sphyrnidae inferred from mitochondrial and nuclear genes Molecular Phylogenetics and Evolution 55 2 572 579 doi 10 1016 j ympev 2010 01 037 PMID 20138218 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Cavalcanti M J 2007 A Phylogenetic Supertree of the Hammerhead Sharks Carcharhiniformes Sphyrnidae Zoological Studies 46 1 6 11 Last P R White W T Caire J N Dharmadi Fahmi Jensen K Lim A P F Manjaji Matsumoto B M Naylor G J P Pogonoski J J Stevens J D Yearsley G K 2010 Sharks and Rays of Borneo CSIRO Publishing pp 134 135 ISBN 978 1 921605 59 8 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Randall J E 1995 Coastal Fishes of Oman University of Hawaii Press p 38 ISBN 0824818083 Mello W C de Carvalho J J Brito P M M 2013 Microstructural morphology in early dermal denticles of hammerhead sharks Elasmobranchii Sphyrnidae and related taxa Acta Zoologica 94 2 147 153 doi 10 1111 j 1463 6395 2011 00547 x a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Kajiura S M Forni J B Summers A P 2005 Olfactory morphology of carcharhinid and sphyrnid sharks Does the cephalofoil confer a sensory advantage Journal of Morphology 264 3 253 263 doi 10 1002 jmor 10208 PMID 15549717 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Nakaya K 1995 Hydrodynamic function of the head in the hammerhead sharks Elasmobranchii Sphyrnidae Copeia 1995 2 330 336 doi 10 2307 1446895 Pramanik P B Manna B 2006 Callitetrarhynchus blochii new species Cestoidea Lacistorhynchidae from Sphyrna blochii Cuvier 1817 from Bay of Bengal at Digha coast India Journal of Natural History 2 2 10 15 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Palm H W 1999 Nybelinia Poche 1926 Heteronybelinia gen nov and Myxonebelinia gen nov Cestoda Trypanorhyncha in the collections of The Natural History Museum London Bulletin of the Natural History Museum London Zoology series 65 2 133 153 Schaeffner B C Beveridge I 2013 Redescriptions and new records of species of Otobothrium Linton 1890 Cestoda Trypanorhyncha Systematic Parasitology 84 1 17 55 doi 10 1007 s11230 012 9388 1 PMID 23263940 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Srivastav A K Capoor V N 1982 On a new cestode Phoreiobothrium puriensis n sp Indian Journal of Helminthology 34 1 2 82 85 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Srivastav A K Srivastava B K 1988 On a new cestode Phyllobothrium blochii sp n Phyllobothriidae Cestoda from the elasmobranch fish Zygaena blochii Cuvier Carchariidae Euselachii from Puri Orissa India Helminthologia 25 89 94 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Lakshmi I R Sreeramulu K 2007 Hysterothylacium ganeshi n sp Nematoda Anisakidae from the intestine of Shark Sphyrna blochii Cuvier Geobios 34 1 29 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Arthur J J R Ahmed A T A 2002 Checklist of the Parasites of Fishes of Bangladesh FAO Fisheries Technical Paper 369 1 Food and Agriculture Organization of the United Nations p 44 ISBN 9251048541 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite book title aemaebb Cite book cite book a CS1 maint multiple names authors list lingk Bruce N L Cannon L R G Adlard R 1994 Synoptic checklist of ascaridoid parasites Nematoda from fish hosts Invertebrate Taxonomy 8 3 583 674 doi 10 1071 IT9940583 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Margolis L Kabata Z Parker R R 1975 Catalogue and synopsis of Caligus a genus of Copepoda Crustacea parasitic on fishes Bulletin of the Fisheries Research Board of Canada 192 1 117 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Chakravarty M Mandal A K 1961 A new coccidium Eimeria zygaenae n sp from hammer headed shark Zygaena blochii Proceedings of the 48th Indian Science Congress Roorkee Part III abstract 93 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Stevens J D Lyle J M 1989 Biology of three hammerhead sharks Eusphyra blochii Sphyrna mokarran and S lewini from Northern Australia Australian Journal of Marine and Freshwater Research 40 2 129 146 doi 10 1071 MF9890129 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk Devadoss P 1988 Observations on the breeding and development of some sharks Journal of the Marine Biological Association of India 30 1 2 121 131 Appukuttan K K 1978 Studies on the developmental stages of hammerhead shark Sphyrna Eusphyrna blochii from the Gulf of Mannar Indian Journal of Fisheries 25 1 2 41 52 Smart J J Harry A V Tobin A J Simpfendorfer C A 2012 Overcoming the constraints of low sample sizes to produce age and growth data for rare or threatened sharks Aquatic Conservation Marine and Freshwater Ecosystems 23 1 124 134 doi 10 1002 aqc 2274 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a CS1 maint multiple names authors list lingk aehlngxangxingxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Eusphyra blochii Eusphyra blochii Winghead shark at FishBase Eusphyra blochii Slender Hammerhead Winghead Shark at IUCN Red List Species description of Eusphyra blochii at Shark References com