บทความนี้ยังต้องการเพิ่มเพื่อ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า หรือ ให้ คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้เพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ปราสาทเมืองจันทร์นี้ตั้งอยู่ที่วัดบ้านเมืองจันทร์ อำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ
อยู่ห่างจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ 15 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 42 กิโลเมตร(ถนนหลวงหมายเลย 226 แยกอุทุมพรพิสัย – เมืองจันทร์)
เป็นชุมชนโบราณที่มีคูน้ำล้อมรอบเป็นรูปทรงกลม โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางเมือง ประมาณ 400 เมตร 2 ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบ มีความสูงประมาณ 131 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ด้านทิศตะวันออกและด้านทิศใต้ของชุมชนมีหนองน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ตลอดทั้งปี สันนิษฐานว่าน่าจะขุดขึ้นภายหลังเพราะบางส่วนของหนองน้ำทั้งสองแห่งซ้อนทับอยู่กับแนวคูเมืองโบราณ และห่างจากแนวคูเมืองด้านทิศใต้ออกไปประมาณ 1.3 กิโลเมตร มีลำน้ำธรรมชาติที่ไหลลงสู่ห้วยทับทันทางทิศตะวันตก
- ด้านทิศตะวันออก
- ด้านทิศใต้
- การแกะสลักดอดบัว
ประวัติชุมชน
ชาวบ้านเมืองจันทร์ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไทยกูย ซึ่งเป็นกลุ่มฅนพื้นถิ่นดั้งเดิมในแถบอีสานล่าง โดยอพยพแยกบ้านมาจากทางเหนือแถวจังหวัดสุรินทร์และร้อยเอ็ด เพื่อมาตั้งถิ่นฐานบ้านใหม่พร้อมๆกับ ชาวบ้านตาโกน ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปทางเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร ทำให้ฅนทั้งสองหมู่บ้านมีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกันจนมีคำเรียกติดปากชาวบ้านทั่วไปว่า “เมืองจันทร์ตาโกน” ชื่อ “เมืองจันทร์” สันนิษฐานว่าเป็นการเอาชื่อตำแหน่งของผู้นำชุมชนในอดีตซึ่งเป็นตำแหน่งหนึ่งใน เสนาบดีชั้นพญาที่สำคัญในระบบการปกครองแบบอาญาสี่ สมัยอาณาจักรล้านช้างมีอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่ ภาคอีสานของไทยในอดีตมาตั้งเป็นชื่อบ้าน และมักเป็นบ้านเก่าที่ตั้งมานานก่อนที่จะมีการปฏิรูปการปกครอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โบราณสถานธาตุเมืองจันทร์และสิม ตั้งอยู่ภายในวัดเมืองจันทร์ ตำบลเมืองจันทร์ อำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ โบราณสถานประกอบด้วย (๑) ธาตุเมืองจันทร์ รูปแบบเป็นเจดีย์เพิ่มมุมไม้ ๑๒ เรือนธาตุมีซุ้มจระนำทั้ง ๔ ด้าน ส่วนบนเป็นการจำลองเรือนธาตุซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป ๓ ชั้น ปลียอดสอบแหลม กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ศิลปะล้านช้างผสมขอมแบบท้องถิ่น เปรียบเทียบได้กับปราสาทบ้านปราสาท อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ (๒) เป็นอุโบสถขนาดเล็กมีเสมาอยู่ภายในตัวโบสถ์ เป็นศิลปอีสานพื้นถิ่นกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๕ กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๘๓ง. วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑ กำหนดเขตพื้นที่ประมาณ ๘๖ ไร่ ๒ งาน ๓๘ ตารางวา และกรมศิลปากรดำเนินการบูรณะเมื่อปี ๒๕๕๓
บันทึกการเดินทางของชาวฝรั่งเศส
บ้านเมืองจันทร์ในอดีต มีการกล่าวถึงไว้ในบันทึกการเดินทางของชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาบ้านเมืองจันทร์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2426 โดยได้บรรยายไว้บางตอนว่า เป็นหมู่บ้านใหญ่ที่เรียกว่า “เมือง” ตั้งอยู่บนเนินดินมีกระท่อมอยู่ 80 หลัง มียุ่งข้าวติดอยู่ด้วย ตั้งกันอยู่อย่างแออัดภายในรัศมี 200 เมตร มีถนน เล็กๆตัดผ่าน ในหมู่บ้านมีวัดอยู่วัดเดียว เนินดินภายในหมู่บ้านสูงกว่าที่นาโดยรอบหลายเมตรและมีน้ำ ล้อมรอบบ้านเมืองจันทร์
ประชาชนเป็นชาวกูย อยู่ห่างจากสุรินทร์ 2 วัน ห่างจาก 2 วัน และห่างจาก ศรีสะเกษ 1 วัน ชาวกูยเหล่านี้ปลูกข้าวและยาสูบ พระภิกษุเป็นชาวกูย เรียนอักษรลาว เมืองจันทร์มีวัดและปราสาทแบบขอม (น่าจะหมายถึงปราสาทเมืองจันทร์/ผู้เขียน)
บุคคลที่สร้างปราสาทเมืองจันทร์
ท่านพระอาจารย์ วีระฉันท์ (พระอาจารย์โต้ง)
ได้เล่าว่าคนที่สร้างพระธาตุ คือ เป็นเจ้าเมืองรุ่นที่2 องค์พระธาตุเมืองจันทร์ถูกสร้างโดยชาวโกย(กูย) ออกแบบโดยช่างลาวที่มาจากเมืองลาว เป็นช่างที่สร้างชุดเดียวกันใช้เวลาสร้างสิบกว่าปีถ้าอยากย้อนดูพ.ศ. สร้างให้ดูประวัติสร้างพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ สร้างเสร็จเมื่อไหร่ให้นับขึ้นมาอีกประมาณสิบปี
1. พระธาตุ (พระธาตุหลวง) นี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ถ้านับขึ้นไป 10 ปีก็จะอยู่ในศตวรรษที่ 26
2. ตามตำนานเล่าว่า พระธาตุ (พระธาตุหลวง) องค์นี้ได้สร้างในสมัยพุทธศักราชที่ 236 ถ้านับขึ้นไป 10 ปี ก็จะอยู่ในสมัยพุทธศักราชที่ 246
3. สร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ (พระธาตุหลวง) ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้ ณ บริเวณที่เคยเป็นเทวสถานเก่าของขอมโดยเริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2109 ถ้านับขึ้นไป 10 ปีก็จะอยู่ในปีพ.ศ. 2119
4. จากการขุดศึกษาทางโบราณคดีพบว่า ธาตุเมืองจันทร์ไม่ใช่ปราสาทอิฐที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมร่วม
แบบขอม แต่เป็นธาตุอีสานที่สร้างขึ้นในวัฒนธรรมพื้นถิ่นเนื่องในพุทธศาสนา ประมาณครึ่งหลังของพุทธ
ศตวรรษที่ 21-พุทธศตวรรษที่ 22 ลงมา
แปลได้ว่า ภูเขาทอง
น่าจะอนุมานได้ว่า น่าจะตั้งตามภูมิลักษณ์ของบ้านเมืองจันทร์ที่มีลักษณะเป็นคล้ายๆภูเขา และบริเวณโดยรอบเป็นที่ราบ มีคูน้ำล้อมรอบ
ตำนานเรื่องเล่า
ปราสาทเมืองจันทร์ หรือ ธาตุเมืองจันทร์ มีตำนานเรื่องเล่าท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องว่า ผู้ชายชาวบ้านตาโกนและผู้หญิงชาวบ้านเมือง จันทร์แข่งกันสร้างธาตุ(เจดีย์) โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่า ฝ่ายใดสร้างธาตุครบ 3 องค์เสร็จก่อนเป็นผู้ชนะ โดย ผู้ชายชาวบ้านตาโกนสร้าง ส่วนผู้หญิงชาวบ้านเมืองจันทร์สร้างธาตุปราสาท (ปราสาทห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ตั้งอยู่ห่างธาตุเมืองจันทร์ออกไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร) ในระหว่างการก่อสร้างฝ่ายหญิงที่สร้างธาตุปราสาทได้ใช้เสน่ห์ล่อลวงฝ่ายชายที่สร้าง จนสามารถเป็นฝ่ายชนะได้ โดยเมื่อฝ่ายหญิงสร้างธาตุปราสาทแล้วเสร็จ 3 องค์ฝ่ายชายเพิ่งสร้างธาตุเสร็จเพียงองค์เดียว ดังนั้นจึงมีองค์เดียวและธาตุปราสาทจึงมี 3 องค์ดังปรากฏในปัจจุบัน นอกจากนี้ชาวและยังมีความเชื่อร่วมกันว่า หากชาวบ้านตาโกนยังไม่มาไหว้ธาตุเมืองจันทร์ ชาวบ้านเมืองจันทร์ก็จะยังไม่สามารถไปไหว้ธาตุปราสาทได้ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อในการไหว้ธาตุ ร่วมกันว่า การไหว้ธาตุทั้งสองแห่งจะสร้างความอยู่เย็นเป็นสุขให้กับชาวบ้านทุกฅน หากไม่ปฏิบัติจะเกิดความ เดือดร้อนต่างๆนานา ประเพณีการไหว้ธาตุเมืองจันทร์ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจึงยังคงสืบทอดมาตราบ จนปัจจุบัน
อ้างอิง
วสันต์ เทพสุริยานนท์ นักโบราณคดีชำนาญการ
สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด ศรีสะเกษ
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2018-12-23. สืบค้นเมื่อ 2019-10-31.
{{}}
: ระบุ|accessdate=
และ|access-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ ((help)); ระบุ|archivedate=
และ|archive-date=
มากกว่าหนึ่งรายการ ((help)); ระบุ|archiveurl=
และ|archive-url=
มากกว่าหนึ่งรายการ ((help)) - http://sisaket1544.blogspot.com/2018/08/www_30.html
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniyngtxngkarephimaehlngxangxingephuxphisucnkhwamthuktxngkhunsamarthphthnabthkhwamniidodyephimaehlngxangxingtamsmkhwr enuxhathikhadaehlngxangxingxacthuklbxxk haaehlngkhxmul prasathemuxngcnthr khaw hnngsuxphimph hnngsux skxlar JSTOR eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir bthkhwamnitxngkarkarcdhna cdhmwdhmu islingkphayin hruxekbkwadenuxha ihmikhunphaphdikhun khunsamarthprbprungaekikhbthkhwamniid aelanapayxxk phicarnaichpaykhxkhwamxunephuxchichdkhxbkphrxng prasathemuxngcnthrnitngxyuthiwdbanemuxngcnthr xaephxemuxngcnthr cnghwdsrisaeks xyuhangcakprasathsrakaaephngihy 15 kiolemtr aelaxyuhangcaksalaklangcnghwdsrisaeks praman 42 kiolemtr thnnhlwnghmayely 226 aeykxuthumphrphisy emuxngcnthr epnchumchnobranthimikhunalxmrxbepnrupthrngklm odymiesnphasunyklangemuxng praman 400 emtr 2 lksnaphunthiepnthirab mikhwamsungpraman 131 emtrcakradbnathaelpanklang danthistawnxxkaeladanthisitkhxngchumchnmihnxngnakhnadihy sungsamarthekbkknaiwidtlxdthngpi snnisthanwanacakhudkhunphayhlngephraabangswnkhxnghnxngnathngsxngaehngsxnthbxyukbaenwkhuemuxngobran aelahangcakaenwkhuemuxngdanthisitxxkippraman 1 3 kiolemtr milanathrrmchatithiihllngsuhwythbthnthangthistawntkdanthistawnxxk danthisit karaekaslkdxdbwprawtichumchntngxyuphayinbriewnwdemuxngcnthr t emuxngcnthr x emuxngcnthr c srisaeks chawbanemuxngcnthrpccubnswnihyepnklumithykuy sungepnklumKhnphunthindngediminaethbxisanlang odyxphyphaeykbanmacakthangehnuxaethwcnghwdsurinthraelarxyexd ephuxmatngthinthanbanihmphrxmkb chawbantaokn sungtngxyuhangxxkipthangehnuxpraman 6 kiolemtr thaihKhnthngsxnghmubanmikhwamsmphnth iklchidkncnmikhaeriyktidpakchawbanthwipwa emuxngcnthrtaokn chux emuxngcnthr snnisthanwaepnkarexachuxtaaehnngkhxngphunachumchninxditsungepntaaehnnghnungin esnabdichnphyathisakhyinrabbkarpkkhrxngaebbxayasi smyxanackrlanchangmixiththiphlkhrxbkhlumphunthi phakhxisankhxngithyinxditmatngepnchuxban aelamkepnbanekathitngmanankxnthicamikarptirupkarpkkhrxng insmyrchkalthi 5 aehngkrungrtnoksinthr obransthanthatuemuxngcnthraelasim tngxyuphayinwdemuxngcnthr tablemuxngcnthr xaephxemuxngcnthr cnghwdsrisaeks obransthanprakxbdwy 1 thatuemuxngcnthr rupaebbepnecdiyephimmumim 12 eruxnthatumisumcranathng 4 dan swnbnepnkarcalxngeruxnthatusxnldhlnknkhunip 3 chn pliyxdsxbaehlm kahndxayurawphuththstwrrsthi 23 silpalanchangphsmkhxmaebbthxngthin epriybethiybidkbprasathbanprasath xaephxhwythbthn cnghwdsrisaeks 2 epnxuobsthkhnadelkmiesmaxyuphayintwobsth epnsilpxisanphunthinkahndxayurawphuththstwrrsthi 25 krmsilpakrprakaskhunthaebiynobransthaninrachkiccanuebksaelm 115 txnphiess 83ng wnthi 21 knyayn 2541 kahndekhtphunthipraman 86 ir 2 ngan 38 tarangwa aelakrmsilpakrdaeninkarburnaemuxpi 2553bnthukkaredinthangkhxngchawfrngessbanemuxngcnthrinxdit mikarklawthungiwinbnthukkaredinthangkhxngchawfrngessthiekhamabanemuxngcnthr emuxwnthi 4 mkrakhm 2426 odyidbrryayiwbangtxnwa epnhmubanihythieriykwa emuxng tngxyubnenindinmikrathxmxyu 80 hlng miyungkhawtidxyudwy tngknxyuxyangaexxdphayinrsmi 200 emtr mithnn elktdphan inhmubanmiwdxyuwdediyw enindinphayinhmubansungkwathinaodyrxbhlayemtraelamina lxmrxbbanemuxngcnthr prachachnepnchawkuy xyuhangcaksurinthr 2 wn hangcak 2 wn aelahangcak srisaeks 1 wn chawkuyehlaniplukkhawaelayasub phraphiksuepnchawkuy eriynxksrlaw emuxngcnthrmiwdaelaprasathaebbkhxm nacahmaythungprasathemuxngcnthr phuekhiyn bukhkhlthisrangprasathemuxngcnthrthanphraxacary wirachnth phraxacaryotng idelawakhnthisrangphrathatu khux epnecaemuxngrunthi2 xngkhphrathatuemuxngcnthrthuksrangodychawoky kuy xxkaebbodychanglawthimacakemuxnglaw epnchangthisrangchudediywknichewlasrangsibkwapithaxyakyxnduph s srangihduprawtisrangphrathatuhlwngewiyngcnthr srangesrcemuxihrihnbkhunmaxikpramansibpi 1 phrathatu phrathatuhlwng nisrangkhuninstwrrsthi 16 thanbkhunip 10 pikcaxyuinstwrrsthi 26 2 tamtananelawa phrathatu phrathatuhlwng xngkhniidsranginsmyphuththskrachthi 236 thanbkhunip 10 pi kcaxyuinsmyphuththskrachthi 246 3 srangphraecdiyxngkhihm phrathatuhlwng khrxbphrathatuxngkhedimiw n briewnthiekhyepnethwsthanekakhxngkhxmodyerimkxsranginpi ph s 2109 thanbkhunip 10 pikcaxyuinpiph s 2119 4 cakkarkhudsuksathangobrankhdiphbwa thatuemuxngcnthrimichprasathxiththisrangkhuninwthnthrrmrwm aebbkhxm aetepnthatuxisanthisrangkhuninwthnthrrmphunthinenuxnginphuththsasna pramankhrunghlngkhxngphuthth stwrrsthi 21 phuththstwrrsthi 22 lngma aeplidwa phuekhathxng nacaxnumanidwa nacatngtamphumilksnkhxngbanemuxngcnthrthimilksnaepnkhlayphuekha aelabriewnodyrxbepnthirab mikhunalxmrxbtananeruxngelaprasathemuxngcnthr hrux thatuemuxngcnthr mitananeruxngelathxngthinthiekiywkhxngwa phuchaychawbantaoknaelaphuhyingchawbanemuxng cnthraekhngknsrangthatu ecdiy odymikhxtklngrwmknwa fayidsrangthatukhrb 3 xngkhesrckxnepnphuchna ody phuchaychawbantaoknsrang swnphuhyingchawbanemuxngcnthrsrangthatuprasath prasathhwythbthn x hwythbthn c srisaeks tngxyuhangthatuemuxngcnthrxxkipthangthisitpraman 5 kiolemtr inrahwangkarkxsrangfayhyingthisrangthatuprasathidichesnhlxlwngfaychaythisrang cnsamarthepnfaychnaid odyemuxfayhyingsrangthatuprasathaelwesrc 3 xngkhfaychayephingsrangthatuesrcephiyngxngkhediyw dngnncungmixngkhediywaelathatuprasathcungmi 3 xngkhdngpraktinpccubn nxkcaknichawaelayngmikhwamechuxrwmknwa hakchawbantaoknyngimmaihwthatuemuxngcnthr chawbanemuxngcnthrkcayngimsamarthipihwthatuprasathidsungchawbanmikhwamechuxinkarihwthatu rwmknwa karihwthatuthngsxngaehngcasrangkhwamxyueynepnsukhihkbchawbanthukKhn hakimptibticaekidkhwam eduxdrxntangnana praephnikarihwthatuemuxngcnthrinchwngeduxnemsaynkhxngthukpicungyngkhngsubthxdmatrab cnpccubnxangxingwsnt ethphsuriyannth nkobrankhdichanaykar sthanthithxngethiywincnghwd srisaeks PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2018 12 23 subkhnemux 2019 10 31 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a rabu accessdate aela access date makkwahnungraykar help rabu archivedate aela archive date makkwahnungraykar help rabu archiveurl aela archive url makkwahnungraykar help http sisaket1544 blogspot com 2018 08 www 30 html