บทความนี้ไม่มีจาก |
ปราสาทภูมิโปน เป็นปราสาทศิลปะแบบขอมโบราณ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 12-13 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 ตั้งแยู่ที่บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ จ.สุรินทร์ ประกอบด้วยปราสาทอิฐ 3 หลัง และฐานปราสาทศิลาแลงอีก 1 หลัง ตั้งเรียงกันจากเหนือไปใต้ ปราสาทอิฐองค์ที่ 3 ซึ่งเป็นปรางค์ประธาน เป็นปราสาทหลังใหญ่ ก่อด้วยอิฐไม่สอปูน มีเสาประดับกรอบประตูและทับหลังทำด้วยหินทราย ใต้หน้าบันเหนือทับหลังขึ้นไปมีลายรูปใบไม้ม้วน รูปแบบและเทคนิคการก่อสร้างปราสาทประธานเทียบได้กับปราสาทขอมสมัยก่อนพระนคร ร่วมสมัยกับปราสาทหลังที่ 1 โดยความหมายของชื่อประสาทแยกเป็นสองคำคือ "ภูมิ" แปลว่า ดินแดน และ "โปน" แปลว่า ซ่อนตัว
ปราสาทภูมิโปน | |
---|---|
ปราสาทภูมิโปน ปราสาทในวัฒนธรรมขอมโบราณที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ประเภท | ปราสาทหิน |
สถาปัตยกรรม | |
เมือง | อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ |
ประเทศ | ประเทศไทย |
เริ่มสร้าง | ราว |
การเดินทาง
จากจังหวัดสุรินทร์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 2077 (สุรินทร์ - สังขะ) ระยะทาง 49 กิโลเมตร จากแยกอำเภอสังขะ เข้าทางหลวง หมายเลข 2124 (สังขะ - บัวเชด) ตรงต่อไป จนถึง ชุมชนบ้านภูมิโปน ระยะทางอีก 10 กิโลเมตร จะเห็นปราสาท ตั้งอยู่ริมถนน ด้านซ้ายมือ
ลักษณะปราสาท
ปราสาทภูมิโปน ประกอบด้วย โบราณสถาน 4 หลัง คือ ปราสาทก่ออิฐ 3 หลัง และศิลาแลง 1 หลัง มีอายุการก่อสร้าง อย่างน้อย 2 สมัย ปราสาทก่ออิฐหลังใหญ่ และหลังทางทิศเหนือสุด นับเป็นปราสาท แบบศิลปะขอม ที่มีอายุเก่าที่สุด ในประเทศไทย คือราวพุทธศตวรรษที่ 13
ส่วนปราสาทอิฐหลังเล็ก ที่ตั้งตรงกลาง และปราสาทที่มีฐานศิลาแลง ด้านทิศใต้นั้น สร้างขึ้นในสมัย หลังปราสาทภูมิโปน คงจะสร้างขึ้น เป็นศาสนสถาน ในศาสนาฮินดู ไศวนิกาย เช่นเดียวกับศาสนสถานอื่นๆ ในรุ่นเดียวกัน แม้จะไม่พบ รูปเคารพ ซึ่งควรจะเป็นศิวลึงค์ อยู่ภายในองค์ปรางค์
แต่ที่ปรางค์องค์ใหญ่ยังมี ท่อโสมสูตร คือ ท่อน้ำมนต์ ที่ต่อออกมา จากแท่นฐานรูปเคารพ ในห้องกลาง ติดอยู่ที่ผนังในระดับพื้นห้อง
ตำนานปราสาทภูมิโปน
ตำนาน นางศรีจันทร์ ราชธิดาขอมผู้ปกครองเมืองภูมิโปนองค์สุดท้าย เป็นตำนานของปราสาทภูมิโปน อ.สังขะ จ.สุรินทร์ มีเรื่องเล่าว่า ที่สระลำเจียก ห่างจากตัวปราสาทไปทางทิศตะวันออกประมาณ 200 เมตร มีกลุ่มต้นลำเจียกขึ้นเป็นพุ่มๆ ต้นลำเจียกที่สระน้ำแห่งนี้ไม่เคยมีดอกเลย ในขณะที่ต้นอื่นๆนอกสระต่างก็มีดอกปกติ ความผิดปกติของต้นลำเจียกที่สระลำเจียกหน้าปราสาทจึงเป็นที่มาของตำนานปราสาทภูมิโปน การสร้างเมืองและการลี้ภัยของราชธิดาขอม
กษัตริย์ขอมองค์หนึ่งได้สร้างเมืองลับไว้กลางป่าใหญ่ชื่อว่าปราสาทภูมิโปน ต่อมาเมื่อเมืองหลวงเกิดความไม่สงบ มีข้าศึกมาประชิดเมือง กษัตริย์ขอมจึงส่งพระราชธิดาพร้อมไพร่พลจำนวนหนึ่งมาหลบซ่อนลี้ภัยที่ภูมิโปน พระราชธิดานั้นมีพระนามว่า พระนางศรีจันทร์หรือ แต่คนทั่วไปมักเรียกนางว่า พระนางนมใหญ่
กล่าวถึงเจ้าเมืองอีกเมืองหนึ่งได้ส่งพรานป่าเจ็ดคน พร้อมเสบียงกรังและช้าง 1 เชือก ออกล่าจับสัตว์ป่าเพื่อจะนำมาเลี้ยงในอุทยานของพระองค์ พรานป่ารอนแรมจนมาหยุดพักตั้งห้างล่าสัตว์อยู่ที่ ตระพังพราน แปลว่าหนองน้ำของนายพราน ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของบ้านตาพรม ในปัจจุบันในที่สุดกลุ่มพรานสามในเจ็ดคน ก็ดั้นด้นจนไปพบปราสาทภูมิโปน และไปได้ยินกิตติศัพท์ความงามของพระนางศรีจันทร์เข้า พรานทั้งเจ็ดจึงได้ปลักลอบแอบดูพระนางศรีจันทร์สรงน้ำ และเห็นว่านางมีความงามสมคำร่ำลือจริง จึงรีบเดินทางกลับเพื่อไปรายงานพระราชา พระราชายินดีปรีดามาก รีบจัดเตรียมกองทัพเพื่อไปรับนางมาเป็นพระชายาคู่บารมี
ฝ่ายพระนางศรีจันทร์หลังจากวันที่ไปสรงน้ำก็เกิดลางสังหรณ์ กระสับกระส่ายว่ามีคนมาพบที่ซ่อนของนางแล้ว เมื่อบรรทมก็ฝันว่าได้ทำกระทงเสี่ยงทาย ใส่เส้นผมเจ็ดเส้น อันมีกลิ่นหอมและเขียนสาส์นใจความว่าใครเก็บกระทงของนางได้ นางจะยอมเป็นคู่ครอง ในกระทงยังให้ช่างเขียนรูปของนางใส่ลงไปด้วย เมื่อตื่นขึ้นมานางจึงได้จัดการทำตามความฝัน(ด้วยการที่นางเอาผมใส่ในผอบเครื่องหอม ผมนางจึงหอม นางจึงได้ชื่อว่า เนียง ช็อก กระโอบ หรือนางผมหอมอีกชื่อหนึ่ง) และนำกระทงไปลอย ณ สระลำเจียกหน้าปราสาท กระทงของนางได้ลอยไปยังอีกเมืองหนึ่งชื่อว่าเมืองโฮลมาน และราชโอรสของเมืองนี้ได้เก็บกระทงของนางได้ ทันทีที่เจ้าชายเปิดผอบก็หลงรักนางทันที เจ้าชายโอลมานนั้นมีรูปร่างไม่หล่อเหลา แต่มีฤทธานุภาพมากในเรื่องเวทมนตร์คาถาและได้ชื่อว่ารักษาคำสัตย์เป็นที่ตั้ง พระองค์จึงไปสู่ขอนางตามประเพณีเพราะเป็นผู้เก็บผอบได้ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เมื่อพระนางศรีจันทร์ได้เห็นรูปร่างของเจ้าชายโฮลมานนางจึงได้แต่นิ่งอึ้งและร้องไห้ เจ้าชายโฮลมานทรงเข้าพระทัยดีเพราะรู้ตัวว่าตัวเองมีรูปร่างอัปลักษณ์ แต่ด้วยความรักที่พระองค์มีต่อพระนางศรีจันทร์ พระองค์จึงไม่บังคับที่จะเอาตัวนางมาเป็นชายา กลับช่วยพระนางขุดสระสร้างกำแพงเมือง และสร้างกลองชัยเอาไว้ เพื่อให้พระนางตียามมีเหตุเดือดร้อนต้องการให้พระองค์ช่วยเหลือ พระองค์จะมาช่วยเหลือนางโดยทันที โดยห้ามตีด้วยเหตุไม่จำเป็นเป็นอันขาด
กล่าวถึงชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มาหลงรักพระนางศรีจันทร์ นั่นคือบุญจันทร์นายทหารคนสนิท ที่พระราชบิดาของพระนางศรีจันทร์ไว้วางพระราชหฤทัย ให้รับใช้ใกล้ชิดพระนางศรีจันทร์ ด้วยความใกล้ชิดทำให้บุญจันทร์หลงรักพระนางศรีจันทร์ แต่พระนางศรีจันทร์ก็ไม่ได้มีใจตอบกับบุญจันทร์ ยังคงคิดกับบุญจันทร์แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น วันหนึ่งบุญจันทร์ได้เห็นกลองชัยที่เจ้าชายโฮลมานให้พระนางไว้ ก็นึกอยากตี จึงไปร่ำร้องกับพระนางทุกเช้าเย็น อยากจะขอลองตีกลอง พระนางทนไม่ไหวพูดประชดทำนองว่า ถ้าอยากตีก็ตีไป เพราะคงจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว บุญจันทร์หน้ามืดตามัวด้วยคิดว่านางมีใจให้เจ้าชายโฮลมาน ก็ไปตีกลอง เจ้าชายโฮลมานและไพร่พลก็ปรากฏตัวขึ้นทันที เพราะนึกว่าพระนางศรีจันทร์มีเหตุร้าย พระนางศรีจันทร์เสียใจมาก เมื่อต้องบอกถึงเหตุผลที่ตีกลองให้เจ้าชายทราบ เจ้าชายโฮลมานตำหนิพระนาง และเป็นอันสิ้นสุดสัญญาที่ให้ไว้กับพระนางทันที พระองค์จะไม่มาช่วยเหลือพระนางอีกแล้วแม้จะตีกลองเท่าไหร่ก็ตาม
กล่าวฝ่ายพระราชาที่ส่งพรานป่าเจ็ดคน มาล่าสัตว์แล้วมาพบพระนางในตอนแรกนั้น ก็ส่งทัพมาล้อมเมืองภูมิโปนไว้ พระนางจึงหนีเข้าไปหลบภัยในปราสาทและคิดที่จะยอมตายเสียดีกว่า เพราะคนที่มาหลงรักพระนางแต่ละคนนั้น คนหนึ่งแม้จะเพียบพร้อมก็มีความอัปลักษณ์ คนหนึ่งก็มีความต่างศักดิ์ ด้านชนชั้นจนไม่อาจจะรักกันได้ และยังมีข้าศึกมาประชิดเมืองหมายจะเอาพระนางไปเป็นชายาอีก พระนางจึงพยายามหลบไปด้านที่มีการยิงปืนใหญ่ ตั้งใจจะโดนกระสุนให้ตาย แต่พระนางก็กลับไม่ตายแต่ได้รับบาดเจ็บ แขนซ้ายหักและมีแผลเหนือราวนมด้านซ้ายเล็กน้อย(ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านดม-ภูมิโปนจะสังเกตเด็กผู้หญิงคนใดมีลักษณะแขนด้านซ้ายเหมือนเคยหัก และมีแผลเป็นเหนือราวนมด้านซ้าย จะสันนิษฐานว่าพระนางศรีจันทร์ กลับชาติมาเกิด) เมื่อพระราชาตีเข้าเมืองได้จึงรีบรักษานาง ไม่ช้าพระนางก็หาย พระราชาจึงเตรียมยกทัพกลับและจะนำพระนางกลับเมืองด้วย พระนางจึงขออนุญาตพระราชาเป็นครั้งสุดท้ายขอไปอาบน้ำที่สระลำเจียก และปลูกต้นลำเจียกไว้กอหนึ่ง พร้อมกับอธิษฐานว่าถ้าพระนางยังไม่กลับมาที่นี่ขอให้ต้นลำเจียก อย่าได้ออกดอกอีกเลย หลังจากนั้นพระนางก็ถูกนำสู่นครทางทิศตะวันตก ไปทางบ้านศรีจรูก พักทัพและฆ่าหมูกินที่นั่น (ซี จรูกแปลว่ากินหมู) ทัพหลังตามไปทันที่บ้านทัพทัน (ซึ่งกลายเป็นชื่อบ้านในปัจจุบัน) และเดินทางต่อมายังบ้านลำดวน พักนอนที่นั่น มีการเลี้ยงฉลองรำไปล้มไป รำล้มในภาษาเขมรคือ เรือ็ม ดูล ซึ่งเป็นชื่อของ อ.ลำดวนในปัจจุบัน
ดังนั้นคำว่าภูมิโปน จึงมีความหมายโดยรวมว่า หมู่บ้านแห่งการหลบซ่อน (ภูมิ แปลว่า หมู่บ้าน โปน แปลว่า หลบซ่อน อีกความหมายหนึ่งแปลว่า มะกอก)
คลังภาพ
-
ปราสาทภูมิโปน -
ปราสาทประธาน -
ฐานและกรอบประตูของปราสาทบริวาร -
ฐานสิ่งก่อสร้างบางอย่าง -
ลวดลายสลักที่ระบุอายุปราสาทได้ -
ฐานปราสาทอีกหลังหนึ่ง
อ้างอิง
- "ตำนาน "ปราสาทภูมิโปน" ปราสาทขอมโบราณเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย". เอ็มไทย. สืบค้นเมื่อ 6 January 2023.
- "ปราสาทภูมิโปน". การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). สืบค้นเมื่อ 6 January 2023.
- กรมศิลปากร. (2550). ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์. กรุงเทพฯ: อัมรินทร์พริ้นติ้งและพับลิชชิ่ง.
แหล่งข้อมูลอื่น
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ ปราสาทภูมิโปน
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir prasathphumiopn epnprasathsilpaaebbkhxmobran srangkhuninrawphuththstwrrsthi 12 13 trngkbrchsmyphraecachywrmnthi 1 tngaeyuthibanphumiopn tabldm xaephxsngkha c surinthr prakxbdwyprasathxith 3 hlng aelathanprasathsilaaelngxik 1 hlng tngeriyngkncakehnuxipit prasathxithxngkhthi 3 sungepnprangkhprathan epnprasathhlngihy kxdwyxithimsxpun miesapradbkrxbpratuaelathbhlngthadwyhinthray ithnabnehnuxthbhlngkhunipmilayrupibimmwn rupaebbaelaethkhnikhkarkxsrangprasathprathanethiybidkbprasathkhxmsmykxnphrankhr rwmsmykbprasathhlngthi 1 odykhwamhmaykhxngchuxprasathaeykepnsxngkhakhux phumi aeplwa dinaedn aela opn aeplwa sxntwprasathphumiopnprasathphumiopn prasathinwthnthrrmkhxmobranthiekaaekthisudinpraethsithykhxmulthwippraephthprasathhinsthaptykrrmemuxngxaephxsngkha cnghwdsurinthrpraethspraethsithyerimsrangrawkaredinthangcakcnghwdsurinthr ichthanghlwnghmayelkh 2077 surinthr sngkha rayathang 49 kiolemtr cakaeykxaephxsngkha ekhathanghlwng hmayelkh 2124 sngkha bwechd trngtxip cnthung chumchnbanphumiopn rayathangxik 10 kiolemtr caehnprasath tngxyurimthnn dansaymuxlksnaprasathprasathphumiopn prakxbdwy obransthan 4 hlng khux prasathkxxith 3 hlng aelasilaaelng 1 hlng mixayukarkxsrang xyangnxy 2 smy prasathkxxithhlngihy aelahlngthangthisehnuxsud nbepnprasath aebbsilpakhxm thimixayuekathisud inpraethsithy khuxrawphuththstwrrsthi 13 swnprasathxithhlngelk thitngtrngklang aelaprasaththimithansilaaelng danthisitnn srangkhuninsmy hlngprasathphumiopn khngcasrangkhun epnsasnsthan insasnahindu iswnikay echnediywkbsasnsthanxun inrunediywkn aemcaimphb rupekharph sungkhwrcaepnsiwlungkh xyuphayinxngkhprangkh aetthiprangkhxngkhihyyngmi thxosmsutr khux thxnamnt thitxxxkma cakaethnthanrupekharph inhxngklang tidxyuthiphnnginradbphunhxngtananprasathphumiopntanan nangsricnthr rachthidakhxmphupkkhrxngemuxngphumiopnxngkhsudthay epntanankhxngprasathphumiopn x sngkha c surinthr mieruxngelawa thisralaeciyk hangcaktwprasathipthangthistawnxxkpraman 200 emtr miklumtnlaeciykkhunepnphum tnlaeciykthisranaaehngniimekhymidxkely inkhnathitnxunnxksratangkmidxkpkti khwamphidpktikhxngtnlaeciykthisralaeciykhnaprasathcungepnthimakhxngtananprasathphumiopn karsrangemuxngaelakarliphykhxngrachthidakhxm kstriykhxmxngkhhnungidsrangemuxnglbiwklangpaihychuxwaprasathphumiopn txmaemuxemuxnghlwngekidkhwamimsngb mikhasukmaprachidemuxng kstriykhxmcungsngphrarachthidaphrxmiphrphlcanwnhnungmahlbsxnliphythiphumiopn phrarachthidannmiphranamwa phranangsricnthrhrux aetkhnthwipmkeriyknangwa phranangnmihy klawthungecaemuxngxikemuxnghnungidsngphranpaecdkhn phrxmesbiyngkrngaelachang 1 echuxk xxklacbstwpaephuxcanamaeliynginxuthyankhxngphraxngkh phranparxnaermcnmahyudphktnghanglastwxyuthi traphngphran aeplwahnxngnakhxngnayphran sungxyuthangthisitkhxngbantaphrm inpccubninthisudklumphransaminecdkhn kdndncnipphbprasathphumiopn aelaipidyinkittisphthkhwamngamkhxngphranangsricnthrekha phranthngecdcungidplklxbaexbduphranangsricnthrsrngna aelaehnwanangmikhwamngamsmkharaluxcring cungribedinthangklbephuxipraynganphraracha phrarachayindipridamak ribcdetriymkxngthphephuxiprbnangmaepnphrachayakhubarmi fayphranangsricnthrhlngcakwnthiipsrngnakekidlangsnghrn krasbkrasaywamikhnmaphbthisxnkhxngnangaelw emuxbrrthmkfnwaidthakrathngesiyngthay isesnphmecdesn xnmiklinhxmaelaekhiynsasnickhwamwaikhrekbkrathngkhxngnangid nangcayxmepnkhukhrxng inkrathngyngihchangekhiynrupkhxngnangislngipdwy emuxtunkhunmanangcungidcdkarthatamkhwamfn dwykarthinangexaphmisinphxbekhruxnghxm phmnangcunghxm nangcungidchuxwa eniyng chxk kraoxb hruxnangphmhxmxikchuxhnung aelanakrathngiplxy n sralaeciykhnaprasath krathngkhxngnangidlxyipyngxikemuxnghnungchuxwaemuxngohlman aelarachoxrskhxngemuxngniidekbkrathngkhxngnangid thnthithiecachayepidphxbkhlngrknangthnthi ecachayoxlmannnmiruprangimhlxehla aetmivththanuphaphmakineruxngewthmntrkhathaaelaidchuxwarksakhastyepnthitng phraxngkhcungipsukhxnangtampraephniephraaepnphuekbphxbid aetehtukarnklbtalptr emuxphranangsricnthridehnruprangkhxngecachayohlmannangcungidaetningxungaelarxngih ecachayohlmanthrngekhaphrathydiephraarutwwatwexngmiruprangxplksn aetdwykhwamrkthiphraxngkhmitxphranangsricnthr phraxngkhcungimbngkhbthicaexatwnangmaepnchaya klbchwyphranangkhudsrasrangkaaephngemuxng aelasrangklxngchyexaiw ephuxihphranangtiyammiehtueduxdrxntxngkarihphraxngkhchwyehlux phraxngkhcamachwyehluxnangodythnthi odyhamtidwyehtuimcaepnepnxnkhad klawthungchayhnumxikkhnhnungthimahlngrkphranangsricnthr nnkhuxbuycnthrnaythharkhnsnith thiphrarachbidakhxngphranangsricnthriwwangphrarachhvthy ihrbichiklchidphranangsricnthr dwykhwamiklchidthaihbuycnthrhlngrkphranangsricnthr aetphranangsricnthrkimidmiictxbkbbuycnthr yngkhngkhidkbbuycnthraekhephuxnsnithethann wnhnungbuycnthridehnklxngchythiecachayohlmanihphranangiw knukxyakti cungiprarxngkbphranangthukechaeyn xyakcakhxlxngtiklxng phranangthnimihwphudprachdthanxngwa thaxyaktiktiip ephraakhngcaimidphbknxikaelw buycnthrhnamudtamwdwykhidwanangmiicihecachayohlman kiptiklxng ecachayohlmanaelaiphrphlkprakttwkhunthnthi ephraanukwaphranangsricnthrmiehturay phranangsricnthresiyicmak emuxtxngbxkthungehtuphlthitiklxngihecachaythrab ecachayohlmantahniphranang aelaepnxnsinsudsyyathiihiwkbphranangthnthi phraxngkhcaimmachwyehluxphranangxikaelwaemcatiklxngethaihrktam klawfayphrarachathisngphranpaecdkhn malastwaelwmaphbphranangintxnaerknn ksngthphmalxmemuxngphumiopniw phranangcunghniekhaiphlbphyinprasathaelakhidthicayxmtayesiydikwa ephraakhnthimahlngrkphranangaetlakhnnn khnhnungaemcaephiybphrxmkmikhwamxplksn khnhnungkmikhwamtangskdi danchnchncnimxaccarkknid aelayngmikhasukmaprachidemuxnghmaycaexaphranangipepnchayaxik phranangcungphyayamhlbipdanthimikaryingpunihy tngiccaodnkrasunihtay aetphranangkklbimtayaetidrbbadecb aekhnsayhkaelamiaephlehnuxrawnmdansayelknxy dwyehtunichawbandm phumiopncasngektedkphuhyingkhnidmilksnaaekhndansayehmuxnekhyhk aelamiaephlepnehnuxrawnmdansay casnnisthanwaphranangsricnthr klbchatimaekid emuxphrarachatiekhaemuxngidcungribrksanang imchaphranangkhay phrarachacungetriymykthphklbaelacanaphranangklbemuxngdwy phranangcungkhxxnuyatphrarachaepnkhrngsudthaykhxipxabnathisralaeciyk aelapluktnlaeciykiwkxhnung phrxmkbxthisthanwathaphranangyngimklbmathinikhxihtnlaeciyk xyaidxxkdxkxikely hlngcaknnphranangkthuknasunkhrthangthistawntk ipthangbansricruk phkthphaelakhahmukinthinn si crukaeplwakinhmu thphhlngtamipthnthibanthphthn sungklayepnchuxbaninpccubn aelaedinthangtxmayngbanladwn phknxnthinn mikareliyngchlxngraiplmip ralminphasaekhmrkhux eruxm dul sungepnchuxkhxng x ladwninpccubn dngnnkhawaphumiopn cungmikhwamhmayodyrwmwa hmubanaehngkarhlbsxn phumi aeplwa hmuban opn aeplwa hlbsxn xikkhwamhmayhnungaeplwa makxk khlngphaphprasathphumiopn prasathprathan thanaelakrxbpratukhxngprasathbriwar thansingkxsrangbangxyang lwdlayslkthirabuxayuprasathid thanprasathxikhlnghnungxangxing tanan prasathphumiopn prasathkhxmobranekaaekthisudinpraethsithy exmithy subkhnemux 6 January 2023 prasathphumiopn karthxngethiywaehngpraethsithy ththth subkhnemux 6 January 2023 krmsilpakr 2550 prawtisastremuxngsurinthr krungethph xmrinthrphrintingaelaphblichching ISBN 978 974 425 057 5aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb prasathphumiopn aephnthiaelaphaphthaythangxakaskhxng prasathphumiopn phaphthaydawethiymcakwikiaemepiy hruxkuekilaemps aephnthicaklxngduaemp hruxehiywiok phaphthaythangxakascakethxrraesirfewxr 14 32 53 N 103 52 37 E 14 548 N 103 876806 E 14 548 103 876806