บ้านเชียงแก้วตั้งตามชื่อของบุคคลที่มาอยู่ก่อนคือ นายแก้ว ซึ่งเคยบวชเป็นสามเณรสึกออกมาจึงมีคำนำหน้าว่า “เชียง” ชาวบ้านจึงเรียกนายแก้วว่า “เชียงแก้ว” แล้วจึงนำชื่อมาตั้งเป็นชื่อหมู่บ้าน เป็นบ้านเชียงแก้วจนถึงปัจจุบัน
ประวัติการตั้งหมู่บ้าน
เดิมชาวบ้านเชียงแก้วบางส่วนอพยพมาพร้อมกับชาวลาวเวียงจันทร์ที่มาตั้งเมืองอยู่ปากมูลน้อย ส่วนหนึ่งย้ายถิ่นที่อยู่มาจากบ้านคำไฮ – หนองแล้ง และอีกส่วนหนึ่งจากหนองหาน หนองคาย มาตั้งบ้านอยู่ดอนหาด เรียกว่า บ้านดอนหาด ริมห้วยบะฮัง ห่างจากหมู่บ้านเชียงแก้วไปทางทิศตะวันตกประมาณ 2 ก.ม และยังมี บ้านหนองขอน ตั้งอยู่ริมหนองขอนทางทิศตะวันตก แต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ต่อมาเกิดน้ำท่วมเกือบทุกปีจึงหาทำเลที่ตั้งใหม่ได้ที่ทางทิศตะวันตก โดยแยกเป็นสองหมู่บ้าน คือ บ้านเหนือกับ บ้านใต้ เป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทางบ้านใต้ตั้งวัดขึ้น บริเวณที่ตั้งมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่จนถึงปัจจุบันนี้ และบริเวณที่ก่อสร้างอุโบสถ (สิม) ยังมีหลักฐานหลงเหลืออยู่บ้าง ระหว่างบ้านเหนือกับบ้านใต้ระยะห่างกันประมาณ 500 เมตร ชาวบ้านจะมาเยี่ยมเยือนกันเสมอหรือจะมาทำบุญที่วัดต้องมาตอนกลางวัน เพราะตอนกลางคืนต้องระวังอันตรายจากเสือในช่วงนั้น นายแก้วหรือเชียงแก้วและภรรยาซึ่งเป็นคนตาบอด ได้อพยพจากบ้านขี้เหล็ก ตำบลหัวเรือ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มาทำไร่ข้าวและเป็นช่างตีเหล็ก มาอยู่ที่ดินบ้านเชียงแก้ว พอชาวบ้านเหนือ – บ้านใต้ มาเห็นข้าวงอกงามดีจึงคิดมาอยู่กับนายแก้ว ซึ่งนายแก้วก็เห็นดีด้วยเพราะต้องการเพื่อนบ้านอยู่แล้ว จึงพร้อมกันถากถางป่าเพื่อจับจองพื้นที่เป็นของตนเอง จากการบอกเล่าต่อมาได้ย้ายวัดมาตั้งใหม่ ปัจจุบันเป็นบริเวณบ้าน นายพัน ภาเรือง นายโทน ภาเรือง นายเสถียร ภาเรือง ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของหมู่บ้าน แต่ตั้งได้ชั่วคราว ต่อมาได้พิจารณาเห็นว่าไม่เหมาะสมต้องการวัดอยู่ทางทิศเหนือเพื่อเป็นสิริมงคล จึงย้ายวัดไปตั้งอยู่โนนโพธิ์ (โพธิ์ตาก – ปัจจุบันคือ บ้านสร้างคำ) แล้วไปสร้างสิมน้ำที่หนองสิมอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน ปัจจุบันไม่ปรากฏหลักฐานอะไรที่หนองสิม ปี พ.ศ. ทางราชการขุดลอกหนองสิมขุดพบไม้แคนใหญ่ฝังอยู่ในหนองลึกกว่า 2 เมตร แต่ไม่สามารถเอาขึ้นได้ ปัจจุบันชาวบ้านเชียงแก้วเรียกบ้านใต้ – บ้านเหนือว่า “บ้านเก่า” ต่อมาทางวัดร่วมกันกับชาวบ้านเห็นว่า ที่วัดโนนโพธิ์ลาดเอียงยากต่อการพัฒนาสร้างอารามวิหารต่างๆ ขณะนั้นมีผู้มีจิตศรัทธาคือ มีลูกเมืองแสนสังข์ 4 คน (ชาย 2 คน หญิง 2 คน คือ นางตุ้มแก้ว นางกองแพง ชาย 2 คน จำชื่อไม่ได้) ตกลงกันบริจาคที่ดินส่วนตัวให้เป็นธรณีสงฆ์ สร้างเป็นวัดบ้านเชียงแก้วจนถึงปัจจุบันนี้ ปล. บ้านจิกเทิง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่กว่า...บ้านเชียงแก้วเป็น 100 ปี
รายชื่อผู้นำชุมชน จากอดีด – ปัจจุบัน
1. นายชา ปากดี 2. นายแสง 3. นายคูณ 4. นายใบ 5. นายโท ระดาบุตร 6. นายเงิน สมเสนาะ ลำดับต่อมาบ้านเชียงแก้วแยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 6 และหมู่ 16 ดังนี้ 7. นายคำ สุจริต หมู่ 16 8. นายพรม พันธ์คำ หมู่ 6 18 กันยายน 2521 ตั้งกิ่งอำเภอตาลสุม โดยแยกมาจาก อำเภอ และปี แยก ตำบลจิกเทิง ออกเป็น ตำบลนาคาย พร้องกับแยกหมู่บ้านเชียงแก้วออกอีก 1 หมู่ คือ หมู่ 9 บ้านสร้างคำ 9. นายวัน จันภิรักษ์ หมู่ 3 10. นายชิน นาริกุล หมู่ 9 11. นายคำดี สมสุข หมู่ 4 ปัจจุบัน 12. หมู่ 3 ปัจจุบัน 13.นายสุนีย์ แก้วใจ
วัฒนธรรม / ประเพณีของหมู่บ้าน / ภาษา
- ชนกลุ่มดั้งเดิมของหมู่บ้านคือ ชาวลาว
- ภาษาถิ่นดั้งเดิม ภาษาลาว ภาษาที่ใช้ปัจจุบันคือ ภาษาอีสาน
- ลัทธิความเชื่อและพิธีกรรมดั้งเดิมของหมู่บ้าน
- ผีไถ้ ผีตาแฮก
- ผีเจ้าปู่ เจ้าตา แม่ธรณี
- หมอสูตรขวัญ หมอดู การหาฤกษ์งามยามดี ฯลฯ
สถานที่สำคัญ
- โรงเรียนเชียงแก้วพิทยาคม [1] 2010-01-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
banechiyngaekwtngtamchuxkhxngbukhkhlthimaxyukxnkhux nayaekw sungekhybwchepnsamenrsukxxkmacungmikhanahnawa echiyng chawbancungeriyknayaekwwa echiyngaekw aelwcungnachuxmatngepnchuxhmuban epnbanechiyngaekwcnthungpccubnprawtikartnghmubanedimchawbanechiyngaekwbangswnxphyphmaphrxmkbchawlawewiyngcnthrthimatngemuxngxyupakmulnxy swnhnungyaythinthixyumacakbankhaih hnxngaelng aelaxikswnhnungcakhnxnghan hnxngkhay matngbanxyudxnhad eriykwa bandxnhad rimhwybahng hangcakhmubanechiyngaekwipthangthistawntkpraman 2 k m aelayngmi banhnxngkhxn tngxyurimhnxngkhxnthangthistawntk aetepnhmubanelk txmaekidnathwmekuxbthukpicunghathaelthitngihmidthithangthistawntk odyaeykepnsxnghmuban khux banehnuxkb banit epnchumchnthiihykhunkwaedim thangbanittngwdkhun briewnthitngmitnophthiihyxyucnthungpccubnni aelabriewnthikxsrangxuobsth sim yngmihlkthanhlngehluxxyubang rahwangbanehnuxkbbanitrayahangknpraman 500 emtr chawbancamaeyiymeyuxnknesmxhruxcamathabuythiwdtxngmatxnklangwn ephraatxnklangkhuntxngrawngxntraycakesuxinchwngnn nayaekwhruxechiyngaekwaelaphrryasungepnkhntabxd idxphyphcakbankhiehlk tablhwerux xaephxemuxng cnghwdxublrachthani mathairkhawaelaepnchangtiehlk maxyuthidinbanechiyngaekw phxchawbanehnux banit maehnkhawngxkngamdicungkhidmaxyukbnayaekw sungnayaekwkehndidwyephraatxngkarephuxnbanxyuaelw cungphrxmknthakthangpaephuxcbcxngphunthiepnkhxngtnexng cakkarbxkelatxmaidyaywdmatngihm pccubnepnbriewnban nayphn phaeruxng nayothn phaeruxng nayesthiyr phaeruxng sungtngxyuthangitkhxnghmuban aettngidchwkhraw txmaidphicarnaehnwaimehmaasmtxngkarwdxyuthangthisehnuxephuxepnsirimngkhl cungyaywdiptngxyuonnophthi ophthitak pccubnkhux bansrangkha aelwipsrangsimnathihnxngsimxyuthangthistawntkkhxnghmuban pccubnimprakthlkthanxairthihnxngsim pi ph s thangrachkarkhudlxkhnxngsimkhudphbimaekhnihyfngxyuinhnxnglukkwa 2 emtr aetimsamarthexakhunid pccubnchawbanechiyngaekweriykbanit banehnuxwa baneka txmathangwdrwmknkbchawbanehnwa thiwdonnophthiladexiyngyaktxkarphthnasrangxaramwihartang khnannmiphumicitsrththakhux milukemuxngaesnsngkh 4 khn chay 2 khn hying 2 khn khux nangtumaekw nangkxngaephng chay 2 khn cachuximid tklngknbricakhthidinswntwihepnthrnisngkh srangepnwdbanechiyngaekwcnthungpccubnni pl bancikething epnhmubanekaaekkwa banechiyngaekwepn 100 piraychuxphunachumchn cakxdid pccubn1 naycha pakdi 2 nayaesng 3 naykhun 4 nayib 5 nayoth radabutr 6 nayengin smesnaa ladbtxmabanechiyngaekwaeykxxkepn 2 hmuban khux hmu 6 aelahmu 16 dngni 7 naykha sucrit hmu 16 8 nayphrm phnthkha hmu 6 18 knyayn 2521 tngkingxaephxtalsum odyaeykmacak xaephx aelapi aeyk tablcikething xxkepn tablnakhay phrxngkbaeykhmubanechiyngaekwxxkxik 1 hmu khux hmu 9 bansrangkha 9 naywn cnphirks hmu 3 10 naychin narikul hmu 9 11 naykhadi smsukh hmu 4 pccubn 12 hmu 3 pccubn 13 naysuniy aekwicwthnthrrm praephnikhxnghmuban phasachnklumdngedimkhxnghmubankhux chawlaw phasathindngedim phasalaw phasathiichpccubnkhux phasaxisan lththikhwamechuxaelaphithikrrmdngedimkhxnghmuban phiith phitaaehk phiecapu ecata aemthrni hmxsutrkhwy hmxdu karhavksngamyamdi lsthanthisakhyorngeriynechiyngaekwphithyakhm 1 2010 01 25 thi ewyaebkaemchchin