มีข้อสงสัยว่าบทความนี้อาจละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ระบุไม่ได้ชัดเจนเพราะขาด หรืออ้างถึงสิ่งพิมพ์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หากแสดงได้ว่าบทความนี้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แทนป้ายนี้ด้วย {{}} หากคุณมั่นใจว่าบทความนี้ไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ ให้แสดงหลักฐาน โปรดอย่านำป้ายนี้ออกก่อนมีข้อสรุป |
บทความนี้ไม่มีจาก |
ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ เป็นธงประจำพระองค์ของพระมหากษัตริย์ไทยโบราณ ใช้เป็นธงชัยสำหรับแห่นำในการเสด็จพระราชดำเนินในกองทัพ เรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "ธงกระบี่ธุช ธงพระครุฑพ่าห์"
ลักษณะของธง
ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ถือเป็นธง 2 อย่างแต่จัดอยู่ในสำรับเดียวกัน ธงนี้มีอยู่ 2 สำรับ คือ "ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่" และ "ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย"
ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ สำรับใหญ่
ผืนธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ใหญ่มีลักษณะเป็นแผงมี 3 ชายอย่างธงชัยโบราณ หุ้มด้วยผ้าสักหลาดสีแดง ปักดิ้นทองลายกนก ยอดเป็นปลายหอก ตัวคันธงนั้นทำเป็นอาวุธอย่างตรีศูลหรือสามง่าม ที่คอคันธงชัยราชกระบี่ยุทธ์มีรูปหนุมานหล่อด้วยโลหะสำริด ในท่ายืนก้าวเท้าออกไปข้างหน้า เท้าอีกข้างหนึ่งติดอยู่ที่คอคันธง ส่วนธงชัยพระครุฑพ่าห์จะมีรูปพระนารายณ์ทรงครุฑหล่อด้วยโลหะสำริดเช่นกันติดอยู่ที่คอคันธง
ธงชัยราชกระบี่ยุทธ ธงชัยพระครุฑพ่าห์ สำรับน้อย
- ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย
- ธงชัยพระครุฑพ่าห์น้อย พร้อมคันธง
- ธงชัยราชกระบี่ยุทธน้อย
- ธงชัยราชกระบี่ยุทธน้อย พร้อมคันธง
ประวัติธง
ความเป็นมา การพิธีและเครื่องหมายในพิธีที่เป็นสิริสวัสดิมงคลย่อมเป็นที่นิยมอยู่ด้วยกันทั่วโลก ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ตลอดจนกาลประจุบัน อันในทวีปตะวันออกเช่นประเทศสยาม ซึ่งเคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาแต่เดิม ย่อมนิยมว่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นพระนารายณ์อวตารมาโปรดสัตวโลก มีเรื่องรามาวตารเป็นต้น พระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่า พระรามาธิบดี ตั้งแต่โบราณกษัตริย์เนื่องมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์นี้ คงมีพระนามาภิไธยเป็นพระรามาธิบดีสืบมา การถวายพระนามเป็นพิเศษย่อมเกิดจากพระคุณสมบัติส่วนพระองค์ พระเจ้าแผ่นดินฤๅเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา และพระพุทธศาสนาไม่ได้ห้ามการถือลัทธิที่ประชาชนนับถือเป็นสวัสดิมงคลโดยสุจริตแห่งไตรทวารธรรมเนียมโบราณที่นับถือพระมหากษัตริย์เป็นพระนารายณ์อวตารซึ่งดำรงอยู่ในความนิยมแห่งประชาชน
ส่วนพระนารายณ์นั้น พราหมณ์นิยมว่า มีพระยาครุฑเป็นพาหนะ กระบี่เป็นบริวาร จึงเป็นพระราชประเพณีมาแต่โบราณ กษัตริย์ใช้ธงกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์เป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศเชิญนำเสด็จพระราชดำเนินในงานพระราชสงคราม ฤๅในกระบวนพยุหยาตราและใช้เป็นเครื่องประดับในงานพระราชพิธีต่างๆสืบมาจนถึงทุกวันนี้
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จำเดิมแต่ได้พระบรมราชาภิเษกแล้ว ในวันที่ ๑๓ มกราคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ (พ.ศ.๒๔๕๓) เสด็จไปทรงสมโภชพระปฐมเจดีย์ และ พระราชมณเทียร ณ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัด นครปฐม มีพระภิกษุสงฆ์น้อมนำของโบราณ ทำด้วยฝีมืออันดีวิจิตรยิ่งนักมาถวายเพิ่มพูนพระบารมีในปีต้นแห่งรัชสมัย คือ แผ่นสัมฤทธิ์รูปพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ซึ่งพระกลั่นเจ้าอธิการวัดพระประโทนขุดได้ที่พระประโทน เป็นของโบราณครั้งพระปฐมเจดีย์ เป็นนครราชธานี พระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงคราม (ชม) ข้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลนครไชยศรี เป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัตติวงศ์ทรงคิดเครื่องประกอบเป็นธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์น้อยขึ้น พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม) เป็นผู้จัดทำแล้วทันงานพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ในวันที่ ๒๕ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๙ ซึ่งเป็นวันตั้งน้ำวงด้ายเริ่มการพระราชพิธีโปรดเกล้าฯให้ตั้งราวไว้ข้างพระแท่นมณฑลสำหรับจะได้เชิญขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑลเข้าพระราชพิธีต่อไป พร้อมกับพระฤกษ์จุดเทียนไชย
วันที่ ๑๑ มีนาคม รัตนโกสิทรศก ๑๒๙ เวลาเช้า ๔ โมง ๕๒ นาที ๕๖ วินาที ได้พระฤกษ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเทียนนมัสการพระพุทธชินสีห์ในพระอุโบสถแล้ว ทรงจุดเทียนทองเงินที่โต๊ะทองทรงจารึกคาถาที่ด้านหลังพระกระบี่ธุช และพระครุฑพ่าห์ พระสงฆ์ ๕ รูป มีพระอริยกระวี (เซ่ง) เป็นประธาน สวดชัยมงคล พราหมณ์เป่าสังข์ กรมพระแสงในขับไม้บัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี โหรบูชาเทวดา ที่ศาลเทวดาบูชาฤกษ์ กันตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถ หลวงญาณปรีชา (ร้อง) กรมราชบัณฑิต เจริญรอยพระหัตถ์จารึกด้วยเหล็กจารต่อไป เสร็จแล้วพระมหาราชครูพิธีพราหมณ์ เจิมจุณธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ เจ้าพนักงานเชิญธงกลับสู่พระบรมมหาราชวัง
ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๒๖ มีนาคม เวลาเข้าพระฤกษ์จุดเทียนไชย พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงนำศรเครื่องสัมฤทธิ์ศีรษะเป็นนาคราช ๓ เศียร มีสายและลูกพร้อมขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เป็นของพระรุ่งเจ้าอธิการวัดหนองตานวล ท้องที่กิ่งตาคลี อำเภอพยุหคีรีได้จากเขาชอนเดื่อพรมแดนเมืองลพบุรี พระนครละโว้ เป็นฝีมือโบราณอันประณีตและไม่มีรอยมือจับหรือส่งใดที่จะส่อให้เห็นว่า จะได้ทำขึ้นสำหรับเทวรูปถือ จึงเห็นว่าศรนี้น่าจะได้สร้างขึ้นไว้สำหรับการพิธีตามลัทธิพราหมณ์เช่นใช้ชุบน้ำทำน้ำมนต์ฤๅแช่งน้ำสาบานอย่างทำน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเป็นต้น ทั้งปลายลูกศรมีรูปวชิระ ประหนึ่งว่าราวกับจะทำขึ้นไว้สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ เป็นสิ่งที่สูงสมควรจะเข้าพิธีได้ต่อไป ประจวบกับเวลาที่จะได้โปรดเกล้าฯให้เชิญธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์น้อยขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑล จึงทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิมธงและศรโบราณแล้ว เจ้าพนักงานเชิญธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์น้อยขึ้นผูกเสาพระแท่นมณฑลด้านหน้า พระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ใหญ่ของเดิมผูกเสาพระแท่นมณฑลด้านหลัง เชิญศรขึ้นวางในพระแท่นมณฑล พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ตั้งแต่เช้าวันนั้น และใช้ในพระราชพิธีอื่นต่อไป พระราชทานนามศรโบราณว่า “พระแสงศรกำลังราม” ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพัดครุฑงานรัชมงคลแก่พระรุ่งเจ้าอธิการ และพระราชทานเงินตราแก่ศิษย์เป็นบำเหน็จตามสมควร
การที่พระรุ่งได้ศรโบราณนี้ สอบสวนได้ความว่า เดิมเจ้าอธิการรุ่ง วัดหนองตานวล ท้องที่กิ่งตากคลี อำเภอพยุหคีรี คุมคนกับช้างไปตั้งตัดไม้อยู่ในดงหนองคันไถ ครั้นเมื่อ ณ วันอังคาร เดือนยี่ แรม ๓ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑๗ มกราคม ร.ศ. ๑๒๙ อธิการรุ่งให้นายตี๋กับเด็กแบนซึ่งเป็นลูกศิษย์ไปเที่ยวหาใบตองกล้วยป่ามามวนบุหรี่ นายตี๋กับเด็กแบนซึ่งเป็นลูกศิษย์ไปเที่ยวหาใบตองบนเขาชอนเดื่อ ถึงไหล่เขามีศิลา ๒ ก้อนอยู่เคียงกัน นายตี๋แลเห็นศีรษะนาคโผล่จากใบไม้ที่ร่วงสะสมอยู่ในซอกศิลา สำคัญว่าพระพุทธรูปจึงหยิบยกขึ้นมา เห็นเป็นศรทั้งคัน เด็กแบนค้นที่ซอกศิลาต่อไปได้ลูกศรอีกลูก ๑ จึงนำมาถวายอธิการรุ่งอาจารย์ในเวลานั้นขุนวิจารณ์พยุหพล ปลัดว่าการกิ่งอำเภอตากคลีกำลังเดินทางตรวจราชการได้ข่าวเรื่องศรนี้จึงไปขอดูแล้วรายงานขึ้นไปยังมณฑลนครสวรรค์ พระยาศิริชัยบุรินทร์ (ศุข) ข้าหลวงเทศาภิบาล สำเร็จราชการมณฑลนครสวรรค์จึงได้พาอธิการรุ่งกับนายตี่เด็กแบนพร้อมด้วยศรเข้ายังกรุงเทพฯ เพื่อจะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย
ส่วนกระบี่ธุชพระคุรฑพ่าห์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัตติวงศ์ ทรงติดเครื่องประกอบและทำเป็นธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์น้อยขึ้นนั้น ธงพระกระบี่ธุชพื้นแดงเขียนรูปกระบี่ขาว ธงพระครุฑพ่าห์สีเหลืองเขียนรูปครุฑสีแดง ภายในธงแนบผ้าขาวลงยันต์และอักษรตามแบบธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ของเดิม ซึ่งพระครูสุทธธรรมสมาจารวัดประดู่ ได้ทำพิธีลงยันต์และอักษรที่วัดตูม ณ กรุงเทพทวาราดีศรีอยุธยา คันธงไม้ไชยพฤกษ์ ยอดหอกคร่ำทอง กาบธงผูกหางนกยูงเป็นรูปแพนสอดลงในแผ่นธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์ของโบราณนั้น เหมือนกันทั้งคู่
ครั้นเสร็จจากพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญธงพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์นั้นไปถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อจะได้จารึกคาถาบนแผ่นสัมฤทธิ์ด้านหลังรูปพระกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ ราชองครักษ์ เชิญธงพระกระบี่ธุช และ พระครุฑพ่าห์น้อย นำเสด็จพระราชดำเนินในกระบวนราบ ทหารบกเชิญธงธงพระกระบี่ธุชไปทางขวา ทหารเรือเชิญธงพระครุฑพ่าห์น้อยไปทางซ้าย แต่ถ้าเสด็จเป็นกระบวนรถม้าให้ราชองครักษ์ทหารบกเชิญทั้ง ๒ นาย
จนถึง พ.ศ.๒๔๗๒ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กระทรวงวังได้กราบบังคมทูลเรียนพระราชปฏิบัติระเบียบการเชิญธง โดยอ้างว่าสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ประทานพระกระแสว่า ธงพระกระบี่ธุชควรอยู่ซ้าย ธงพระครุฑพ่าห์น้อยควรอยู่ทางขวาโดยถือหลักประเพณีเดิม ซึ่งปรากฏอยู่ในตอนหนึ่งของโคลงพระราชพิธีทวาทศมาศ เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ว่า เมื่อได้ความแน่ชัดถึงประเพณีเดิมแล้วก็ให้เปลี่ยนเสียให้ถูก กระทรวงวังจึงถือเป็นหลักปฏิบัติสืบมา และเรียกว่า ธงชัยราชกระบี่ยุทธ และธงชัยพระครุฑพ่าห์
การใช้ธง
แต่เดิมในสมัยโบราณ ธงชัยราชกระบี่ยุทธและธงชัยพระครุฑพ่าห์นี้จะเชิญไปใช้นำเสด็จพระราชดำเนินในกองทัพ เมื่อมีการสร้างธงชัยราชกระบี่ยุทธและธงชัยพระครุฑพ่าห์สำรับน้อยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ราชองครักษ์เชิญธงสำรับน้อยเหล่านี้นำเสด็จฯ หากเป็นการเสด็จฯ โดยกระบวนราบ ให้ทหารบกเชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ ทหารเรือเชิญธงชัยพระครุฑพ่าห์ ถ้าเสด็จกระบวนรถม้า จึงให้ทหารบกเชิญธงทั้งสองนาย โดยธงชัยราชกระบี่ยุทธอยู่ข้างขวา ธงชัยพระครุฑพ่าห์อยู่ข้างซ้าย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2472 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จกรมพระ ได้ประทานพระกระแสว่า ธงชัยราชกระบี่ยุทธควรอยู่ข้างซ้าย ส่วนธงชัยพระครุฑพ่าห์ควรอยู่ข้างขวา โดยถือหลักประเพณีเดิมจากพระราชพิธีทวาทศมาศ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้มีพระบรมราชโองการฯ ให้เปลี่ยนเสียให้ถูกต้อง เป็นราชประเพณีสืบมาจนทุกวันนี้
อ้างอิง
- ธงในองค์พระมหากษัตริย์ 2007-10-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน จาก หอมรดกไทย กระทรวงกลาโหม 2021-01-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
mikhxsngsywabthkhwamnixaclaemidlikhsiththi aetrabuimidchdecnephraakhadaehlngthima hruxxangthungsingphimphthiyngtrwcsxbimid hakaesdngidwabthkhwamnilaemidlikhsiththi ihaethnpaynidwy laemidlikhsiththi hakkhunmnicwabthkhwamniimidlaemidlikhsiththi ihaesdnghlkthan oprdxyanapaynixxkkxnmikhxsrupbthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir thngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphah epnthngpracaphraxngkhkhxngphramhakstriyithyobran ichepnthngchysahrbaehnainkaresdcphrarachdaenininkxngthph eriykchuxxikxyanghnungwa thngkrabithuch thngphrakhruthphah thngchyrachkrabiyuthth sarbihythngchyphrakhruthphah sarbihylksnakhxngthngthngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphahthuxepnthng 2 xyangaetcdxyuinsarbediywkn thngnimixyu 2 sarb khux thngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphahihy aela thngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphahnxy thngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphah sarbihy phunthngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphahihymilksnaepnaephngmi 3 chayxyangthngchyobran humdwyphaskhladsiaedng pkdinthxnglayknk yxdepnplayhxk twkhnthngnnthaepnxawuthxyangtrisulhruxsamngam thikhxkhnthngchyrachkrabiyuththmiruphnumanhlxdwyolhasarid inthayunkawethaxxkipkhanghna ethaxikkhanghnungtidxyuthikhxkhnthng swnthngchyphrakhruthphahcamirupphranaraynthrngkhruthhlxdwyolhasaridechnkntidxyuthikhxkhnthng thngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphah sarbnxy thngchyphrakhruthphahnxy thngchyphrakhruthphahnxy phrxmkhnthng thngchyrachkrabiyuththnxy thngchyrachkrabiyuththnxy phrxmkhnthngprawtithngkhwamepnma karphithiaelaekhruxnghmayinphithithiepnsiriswsdimngkhlyxmepnthiniymxyudwyknthwolk tngaetsmydukdabrrphtlxdcnkalpracubn xninthwiptawnxxkechnpraethssyam sungekhynbthuxsasnaphrahmnmaaetedim yxmniymwaphraecaaephndinepnphranaraynxwtarmaoprdstwolk mieruxngramawtarepntn phraecaaephndinthrngphranamwa phraramathibdi tngaetobrankstriyenuxngmathungkrungrtnoksinthrni khngmiphranamaphiithyepnphraramathibdisubma karthwayphranamepnphiessyxmekidcakphrakhunsmbtiswnphraxngkh phraecaaephndinvienuxngmacakphraphuththsasna aelaphraphuththsasnaimidhamkarthuxlththithiprachachnnbthuxepnswsdimngkhlodysucritaehngitrthwarthrrmeniymobranthinbthuxphramhakstriyepnphranaraynxwtarsungdarngxyuinkhwamniymaehngprachachn swnphranaraynnn phrahmnniymwa miphrayakhruthepnphahna krabiepnbriwar cungepnphrarachpraephnimaaetobran kstriyichthngkrabithuchphrakhruthphahepnekhruxngpradbphraekiyrtiysechiynaesdcphrarachdaenininnganphrarachsngkhram viinkrabwnphyuhyatraaelaichepnekhruxngpradbinnganphrarachphithitangsubmacnthungthukwnni phrabathsmedcphrapremnthrmhawchirawuth phramngkudeklaecaxyuhw caedimaetidphrabrmrachaphieskaelw inwnthi 13 mkrakhm rtnoksinthrsk 129 ph s 2453 esdcipthrngsmophchphrapthmecdiy aela phrarachmnethiyr n phrarachwngsnamcnthr cnghwd nkhrpthm miphraphiksusngkhnxmnakhxngobran thadwyfimuxxndiwicitryingnkmathwayephimphunphrabarmiinpitnaehngrchsmy khux aephnsmvththirupphrakrabithuchphrakhruthphahsungphraklnecaxthikarwdphrapraothnkhudidthiphrapraothn epnkhxngobrankhrngphrapthmecdiy epnnkhrrachthani phrayasunthrburisriphiichysngkhram chm khahlwngethsaphibal saercrachkarmnthlnkhrichysri epnphunakhunthuleklathway thrngphrakrunaoprdekla ihsmedcphraecabrmwngsethxecafakrmhlwngnrisranuwttiwngsthrngkhidekhruxngprakxbepnthngphrakrabithuchphrakhruthphahnxykhun phrayaxnurksrachmnethiyr hmxmrachwngspum epnphucdthaaelwthnnganphrarachphithismphcchrchinthinwnthi 25 minakhm rtnoksinthrsk 129 sungepnwntngnawngdayerimkarphrarachphithioprdeklaihtngrawiwkhangphraaethnmnthlsahrbcaidechiykhunphukesaphraaethnmnthlekhaphrarachphithitxip phrxmkbphravkscudethiynichy wnthi 11 minakhm rtnoksithrsk 129 ewlaecha 4 omng 52 nathi 56 winathi idphravks smedcphraecabrmwngsethx krmphrayawchiryanworrs thrngethiynnmskarphraphuththchinsihinphraxuobsthaelw thrngcudethiynthxngenginthiotathxngthrngcarukkhathathidanhlngphrakrabithuch aelaphrakhruthphah phrasngkh 5 rup miphraxriykrawi esng epnprathan swdchymngkhl phrahmnepasngkh krmphraaesnginkhbimbnethaaw ecaphnknganpraokhmaetrsngkhduriydntri ohrbuchaethwda thisalethwdabuchavks kntngxyuhnaphraxuobsth hlwngyanpricha rxng krmrachbnthit ecriyrxyphrahtthcarukdwyehlkcartxip esrcaelwphramharachkhruphithiphrahmn ecimcunthngphrakrabithuchphrakhruthphah ecaphnknganechiythngklbsuphrabrmmharachwng khrnrungkhunwnthi 26 minakhm ewlaekhaphravkscudethiynichy phraecabrmwngsethxkrmhlwngdarngrachanuphaph esnabdikrathrwngmhadithy thrngnasrekhruxngsmvththisirsaepnnakhrach 3 esiyr misayaelalukphrxmkhunthuleklathway epnkhxngphrarungecaxthikarwdhnxngtanwl thxngthikingtakhli xaephxphyuhkhiriidcakekhachxneduxphrmaednemuxnglphburi phrankhrlaow epnfimuxobranxnpranitaelaimmirxymuxcbhruxsngidthicasxihehnwa caidthakhunsahrbethwrupthux cungehnwasrninacaidsrangkhuniwsahrbkarphithitamlththiphrahmnechnichchubnathanamntviaechngnasabanxyangthanaphraphiphthnstyaepntn thngplayluksrmirupwchira prahnungwarawkbcathakhuniwsahrbphrabathsmedcphraecaxyuhwphraxngkhni epnsingthisungsmkhwrcaekhaphithiidtxip pracwbkbewlathicaidoprdeklaihechiythngphrakrabithuchphrakhruthphahnxykhunphukesaphraaethnmnthl cungthrnghlngnaphramhasngkhaelathrngecimthngaelasrobranaelw ecaphnknganechiythngphrakrabithuchphrakhruthphahnxykhunphukesaphraaethnmnthldanhna phrakrabithuchphrakhruthphahihykhxngedimphukesaphraaethnmnthldanhlng echiysrkhunwanginphraaethnmnthl phrarachphithismphcchrchinthtngaetechawnnn aelaichinphrarachphithixuntxip phrarachthannamsrobranwa phraaesngsrkalngram thrngphrakrunaoprdphrarachthanphdkhruthnganrchmngkhlaekphrarungecaxthikar aelaphrarachthanengintraaeksisyepnbaehnctamsmkhwr karthiphrarungidsrobranni sxbswnidkhwamwa edimecaxthikarrung wdhnxngtanwl thxngthikingtakkhli xaephxphyuhkhiri khumkhnkbchangiptngtdimxyuindnghnxngkhnith khrnemux n wnxngkhar eduxnyi aerm 3 kha trngkbwnthi 17 mkrakhm r s 129 xthikarrungihnaytikbedkaebnsungepnluksisyipethiywhaibtxngklwypamamwnbuhri naytikbedkaebnsungepnluksisyipethiywhaibtxngbnekhachxnedux thungihlekhamisila 2 kxnxyuekhiyngkn naytiaelehnsirsanakhophlcakibimthirwngsasmxyuinsxksila sakhywaphraphuththrupcunghyibykkhunma ehnepnsrthngkhn edkaebnkhnthisxksilatxipidluksrxikluk 1 cungnamathwayxthikarrungxacaryinewlannkhunwicarnphyuhphl pldwakarkingxaephxtakkhlikalngedinthangtrwcrachkaridkhaweruxngsrnicungipkhxduaelwrayngankhunipyngmnthlnkhrswrrkh phrayasirichyburinthr sukh khahlwngethsaphibal saercrachkarmnthlnkhrswrrkhcungidphaxthikarrungkbnaytiedkaebnphrxmdwysrekhayngkrungethph ephuxcathuleklathulkrahmxmthway swnkrabithuchphrakhurthphahthithrngphrakrunaoprdekla ihsmedcphraecabrmwngsethxecafakrmhlwngnrisranuwttiwngs thrngtidekhruxngprakxbaelathaepnthngphrakrabithuchphrakhruthphahnxykhunnn thngphrakrabithuchphunaedngekhiynrupkrabikhaw thngphrakhruthphahsiehluxngekhiynrupkhruthsiaedng phayinthngaenbphakhawlngyntaelaxksrtamaebbthngphrakrabithuchphrakhruthphahkhxngedim sungphrakhrusuthththrrmsmacarwdpradu idthaphithilngyntaelaxksrthiwdtum n krungethphthwaradisrixyuthya khnthngimichyphvks yxdhxkkhrathxng kabthngphukhangnkyungepnrupaephnsxdlnginaephnthngphrakrabithuchphrakhruthphahkhxngobrannn ehmuxnknthngkhu khrnesrccakphrarachphithismphcchrchinthaelw thrngphrakrunaoprdekla ihechiythngphrakrabithuchphrakhruthphahnnipthwayphraecabrmwngsethx krmphrayawchiryanworrs n wdbwrniewswihar ephuxcaidcarukkhathabnaephnsmvththidanhlngrupphrakrabithuchphrakhruthphah inrchkalphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw thrngphrakrunaoprdekla ih rachxngkhrks echiythngphrakrabithuch aela phrakhruthphahnxy naesdcphrarachdaenininkrabwnrab thharbkechiythngthngphrakrabithuchipthangkhwa thhareruxechiythngphrakhruthphahnxyipthangsay aetthaesdcepnkrabwnrthmaihrachxngkhrksthharbkechiythng 2 nay cnthung ph s 2472 inrchkalphrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhw krathrwngwngidkrabbngkhmthuleriynphrarachptibtiraebiybkarechiythng odyxangwasmedcecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs prathanphrakraaeswa thngphrakrabithuchkhwrxyusay thngphrakhruthphahnxykhwrxyuthangkhwaodythuxhlkpraephniedim sungpraktxyuintxnhnungkhxngokhlngphrarachphithithwathsmas emuxkhwamthrabfalaxxngthuliphrabathaelw phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwcungmiphrabrmrachoxngkaroprdekla wa emuxidkhwamaenchdthungpraephniedimaelwkihepliynesiyihthuk krathrwngwngcungthuxepnhlkptibtisubma aelaeriykwa thngchyrachkrabiyuthth aelathngchyphrakhruthphahkarichthngkarechiythngchyrachkrabiyuthth thngchyphrakhruthphah inphithithwaystyptiyantnaelaswnsnamkhxngthharrksaphraxngkh pracapi ph s 2547 aetediminsmyobran thngchyrachkrabiyuththaelathngchyphrakhruthphahnicaechiyipichnaesdcphrarachdaenininkxngthph emuxmikarsrangthngchyrachkrabiyuththaelathngchyphrakhruthphahsarbnxyinrchsmyphrabathsmedcphramngkudeklaecaxyuhw idthrngphrakrunaoprdekla ihrachxngkhrksechiythngsarbnxyehlaninaesdc hakepnkaresdc odykrabwnrab ihthharbkechiythngchyrachkrabiyuthth thhareruxechiythngchyphrakhruthphah thaesdckrabwnrthma cungihthharbkechiythngthngsxngnay odythngchyrachkrabiyuththxyukhangkhwa thngchyphrakhruthphahxyukhangsay txmainpi ph s 2472 smedcphraecabrmwngsethx ecafakrmphrayanrisranuwdtiwngs emuxyngdarngphraxisriyysepn smedckrmphra idprathanphrakraaeswa thngchyrachkrabiyuththkhwrxyukhangsay swnthngchyphrakhruthphahkhwrxyukhangkhwa odythuxhlkpraephniedimcakphrarachphithithwathsmas phrabathsmedcphrapkeklaecaxyuhwcungidmiphrabrmrachoxngkar ihepliynesiyihthuktxng epnrachpraephnisubmacnthukwnnixangxingthnginxngkhphramhakstriy 2007 10 12 thi ewyaebkaemchchin cak hxmrdkithy krathrwngklaohm 2021 01 01 thi ewyaebkaemchchin bthkhwamthngkhxngxngkhkrhruxrthniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldk