ทะยันกาเทะคองติน (พม่า: ထရံကာထိပ်ခေါင်တင်) หรือเอกสารไทยเรียก พระองค์หญิงดารา เป็นพระราชทินนามของพระราชธิดาในพระเจ้ามินดง ประสูติแต่งาซุนมิบะยา หรือพระนางสุสิริกัลยา ซึ่งสืบสันดานมาจากราชวงศ์บ้านพลูหลวงของอาณาจักรอยุธยา ทะยันกาเทะคองตินเสกสมรสกับ พระเชษฐาต่างพระชนนี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นเข้ายึดครองดินแดนพม่า ทั้งสองพระองค์ได้รับการกราบบังคมทูลเชิญให้เป็นกษัตริย์และพระราชินีหุ่นเชิดของญี่ปุ่น แต่ทั้งสองพระองค์ทรงปฏิเสธ
ทะยันกาเทะคองติน | |
---|---|
ทะยันกาเทะคองติน (ซ้าย) และ พระภัสดา (ขวา) เมื่อ ค.ศ. 1923 | |
เจ้าหญิงแห่งทะยันกาและมโหย่ลา | |
ดำรงพระยศ | ราว ค.ศ. 1875–1885 |
ประสูติ | ค.ศ. 1873 มัณฑะเลย์ จักรวรรดิพม่าที่สาม |
สิ้นพระชนม์ | ค.ศ. 1963 (ราว 90 ปี) ร่างกุ้ง พม่าภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร |
ฝังพระศพ | สุสานเจา-มหยิ่นมิบะยา |
พระภัสดา | (ค.ศ. 1902–1963) |
ราชวงศ์ | โก้นบอง |
พระบิดา | มินดง |
พระมารดา |
พระประวัติ
ทะยันกาเทะคองติน ประสูติใน ค.ศ. 1873 ที่กรุงมัณฑะเลย์ เป็นพระราชธิดาในพระเจ้ามินดง ประสูติแต่งาซุนมิบะยา หรือพระนางสุสิริกัลยา พระมเหสีลำดับ 4 ซึ่งสืบสันดานมาจากกษัตริย์อยุธยา พระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในหนังสือ เที่ยวเมืองพม่า ทรงกล่าวถึงบุรพชนของทะยันกาเทะคองตินไว้ความว่า "...พระองค์หญิงดาราตรัสบอกว่าเธอเป็นเชื้อไทย ด้วยสกุลจอมมารดาของเธอเป็นไทย ผู้ใหญ่เล่ากันมาว่าต้นสกุลเป็นเจ้าชาย [ถูกกวาด] ไปจากกรุงศรีอยุธยาแต่ยังเยาว์ ถ้าเช่นนั้นคิดตามเวลา พระองค์เจ้าหญิงดาราก็คงเป็นชั้น ๔ หรือชั้น ๕ ต่อมาจากต้นสกุล..." แม้พระองค์จะมีเชื้อสายโยดะยา แต่พระองค์ตรัสได้แต่ภาษาพม่าเท่านั้น เมื่อเจริญพระชันษาขึ้น พระเจ้ามินดงโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เป็น (မြို့စား) กินส่วยเมือง (ထရံကာ) และเมือง (မြို့လှ) มีราชทินนามเป็น ทะยันกาเทะคองติน เป็นพระอิสริยยศสูงเป็นลำดับที่สองสำหรับพระราชธิดากษัตริย์พม่า
ในช่วงที่พระเจ้ามินดงทรงพระประชวรเพียบหนักก่อนเสด็จสวรรคตได้มิช้านาน ช่วงเวลานั้นทะยันกาเทะคองตินที่ยังทรงพระเยาว์ได้ถวายงานนวดพระบรมชนกนาถ และมี (เอกสารไทยเรียก พระองค์ปิ่น) พระราชโอรสอีกพระองค์หนึ่งถวายงานนวดเบื้องขวาเช่นกัน พระเจ้ามินดงทอดพระเนตรดังนั้นก็ตรัสว่าทรงดีพระทัยยิ่ง และมีพระราชดำริให้พระราชโอรสและพระราชธิดาสองพระองค์นี้เสกสมรสกันเมื่อเจริญพระชันษา ก่อนทะยันกาเทะคองตินและปยี่นมะน่ามี่นต้าถวายบังคมลากลับพระตำหนัก พระเจ้ามินดงก็พระราชทานสร้อยพระศอประดับเพชรให้กับทั้งสองพระองค์
เสกสมรส
เมื่อทะยันกาเทะคองตินและปยี่นมะน่ามี่นต้าเจริญพระชันษาขึ้น ก็เสกสมรสกันเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1902 ซึ่งเป็นช่วงที่พม่าตกเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรแล้ว ขณะนั้นทะยันกาเทะคองตินมีพระชันษา 28 ปี และปยี่นมะน่ามี่นต้ามีพระชันษา 30 ปี ทั้งสองพระองค์ครองรักกันมายาวนาน และปยี่นมะน่ามี่นต้ามิทรงรับหญิงอื่นใดมาเป็นนักนางสนมเลย ทั้งสองมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ในช่วงที่พระราชวงศ์พม่าถูกรัฐบาลสหราชอาณาจักรส่งไปประทับที่อินเดีย ปยี่นมะน่ามี่นต้าถูกส่งไปศึกษาที่โรงเรียนป่าไม้เดห์ราดูน ในเวลาต่อมา พระชนนีของปยี่นมะน่ามี่นต้าพาพระโอรสน้อยนิวัตเมืองพม่า แต่อยู่ได้มิช้านานพระโอรสน้อยก็สิ้นพระชนม์ลงเสียก่อน หลังทะยันกาเทะคองตินและปยี่นมะน่ามีนต้านิวัตเมืองพม่า ทั้งสองพระองค์อยู่กันอย่างมัธยัสถ์เพราะมิได้ทรงงานราชการ ทรงยังชีพด้วยเบี้ยเลี้ยงสำหรับเจ้านายชั้นพระราชบุตรราว 1,200–1,500 รูปี ที่จ่ายโดยรัฐบาลสหราชอาณาจักร
เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จประพาสเมืองพม่า ปยี่นมะน่ามี่นต้าและทะยันกาเทะคองตินได้ออกมาถวายการต้อนรับที่พระตำหนักส่วนพระองค์เป็นอย่างดี ทั้งสองพระองค์สนพระทัยการเมืองของไทยมาก ทรงชื่นชมไทยที่ยังรักษาเอกราชไว้ได้ และกล่าวว่าวัฒนธรรมของโยดะยาเป็นของดีและได้รับความนิยมในพม่ามาก ทั้งเครื่องดนตรี กระบวนท่ารำ หรือแม้แต่ศิลปกรรมก็ล้วนแต่รับมาจากโยดะยาทั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเองก็ทรงชื่นชมปยี่นมะน่ามี่นต้าและทะยันกาเทะคองตินว่า "...สังเกตดูทั้ง ๒ องค์รูปโฉมและกิริยามารยาทสมควรเป็นเจ้าเป็นนาย ไม่น่ารังเกียจ..." และกล่าวอีกว่า "...คิดดูก็น่าชมเจ้านายสองสามองค์นี้ ถึงตกยากแล้วก็ยังพยายามรักษาเกียรติยศของบรรพบุรุษ..."
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นเข้ายึดครองดินแดนพม่า ทั้งสองพระองค์ได้รับการกราบบังคมทูลเชิญให้เป็นกษัตริย์และพระราชินีหุ่นเชิดของญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1942 แต่ทั้งสองพระองค์ทรงปฏิเสธข้อเสนอของฝ่ายญี่ปุ่น
สิ้นพระชนม์
ทะยันกาเทะคองตินมีพระอาการประชวรหลังทรงจัดงานบวชลูกแก้วให้แก่พระนัดดา ก่อนสิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1963 สิริพระชันษา 90 ปี ปยี่นมะน่ามี่นต้าผู้สวามีตรอมพระทัยมากและสิ้นพระชนม์ในวันที่ 7 มิถุนายนปีเดียวกัน หรือหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระชายาเพียงสี่วัน หีบพระศพของทั้งสองพระองค์ถูกตั้งไว้คู่กันบริเวณลานกว้างของสุสานเจา-มหยิ่นมิบะยา
อ้างอิง
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. เที่ยวเมืองพม่า. กรุงเทพฯ : คลังวิทยา, 2517, หน้า 239
- ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. "เรื่องเที่ยวเมืองพม่า ตอนที่ ๖ เที่ยวเมืองมัณฑเล ภาคปลาย". วชิรญาณ. สืบค้นเมื่อ 15 Aug 2018.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - (1999). Konbaung Shindan (Konbaung Explanations). pp. 112–117.
- "ထိုင်းဘုရင်သွေး မကင်းတဲ့ မြန်မာတွေ". BBC News မြန်မာ (ภาษาพม่า). 26 October 2017.
- "မင်းတုန်းမင်းတရားကြီး၏နတ်ပြည်စံသက် (၁၄၃)နှစ်ပြည့် မတကဘတ်ဆွမ်းကပ်ခြင်း အခမ်းအနားကျင်းပမည်". Popular News Journal. 8 October 2021.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thaynkaethakhxngtin phma ထရ က ထ ပ ခ င တင hruxexksarithyeriyk phraxngkhhyingdara epnphrarachthinnamkhxngphrarachthidainphraecamindng prasutiaetngasunmibaya hruxphranangsusiriklya sungsubsndanmacakrachwngsbanphluhlwngkhxngxanackrxyuthya thaynkaethakhxngtinesksmrskb phraechsthatangphrachnni inchwngsngkhramolkkhrngthisxngyipunekhayudkhrxngdinaednphma thngsxngphraxngkhidrbkarkrabbngkhmthulechiyihepnkstriyaelaphrarachinihunechidkhxngyipun aetthngsxngphraxngkhthrngptiesththaynkaethakhxngtinthaynkaethakhxngtin say aela phraphsda khwa emux kh s 1923ecahyingaehngthaynkaaelamohyladarngphraysraw kh s 1875 1885prasutikh s 1873 mnthaely ckrwrrdiphmathisamsinphrachnmkh s 1963 raw 90 pi rangkung phmaphayitkarpkkhrxngkhxngshrachxanackrfngphrasphsusaneca mhyinmibayaphraphsda kh s 1902 1963 rachwngsoknbxngphrabidamindngphramardaphraprawtithaynkaethakhxngtin thisicaksay aelapyinmanaminta thiaepdcaksay chayphraruprwmkbsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph emux kh s 1935 thaynkaethakhxngtin prasutiin kh s 1873 thikrungmnthaely epnphrarachthidainphraecamindng prasutiaetngasunmibaya hruxphranangsusiriklya phramehsiladb 4 sungsubsndanmacakkstriyxyuthya phraniphnthkhxngsmedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaph inhnngsux ethiywemuxngphma thrngklawthungburphchnkhxngthaynkaethakhxngtiniwkhwamwa phraxngkhhyingdaratrsbxkwaethxepnechuxithy dwyskulcxmmardakhxngethxepnithy phuihyelaknmawatnskulepnecachay thukkwad ipcakkrungsrixyuthyaaetyngeyaw thaechnnnkhidtamewla phraxngkhecahyingdarakkhngepnchn 4 hruxchn 5 txmacaktnskul aemphraxngkhcamiechuxsayoydaya aetphraxngkhtrsidaetphasaphmaethann emuxecriyphrachnsakhun phraecamindngoprdekla ihphraxngkhepn မ စ kinswyemuxng ထရ က aelaemuxng မ လ mirachthinnamepn thaynkaethakhxngtin epnphraxisriyyssungepnladbthisxngsahrbphrarachthidakstriyphma inchwngthiphraecamindngthrngphraprachwrephiybhnkkxnesdcswrrkhtidmichanan chwngewlannthaynkaethakhxngtinthiyngthrngphraeyawidthwayngannwdphrabrmchnknath aelami exksarithyeriyk phraxngkhpin phrarachoxrsxikphraxngkhhnungthwayngannwdebuxngkhwaechnkn phraecamindngthxdphraentrdngnnktrswathrngdiphrathyying aelamiphrarachdariihphrarachoxrsaelaphrarachthidasxngphraxngkhniesksmrsknemuxecriyphrachnsa kxnthaynkaethakhxngtinaelapyinmanamintathwaybngkhmlaklbphratahnk phraecamindngkphrarachthansrxyphrasxpradbephchrihkbthngsxngphraxngkh esksmrs emuxthaynkaethakhxngtinaelapyinmanamintaecriyphrachnsakhun kesksmrsknemuxwnthi 25 minakhm kh s 1902 sungepnchwngthiphmatkepnxananikhmkhxngshrachxanackraelw khnannthaynkaethakhxngtinmiphrachnsa 28 pi aelapyinmanamintamiphrachnsa 30 pi thngsxngphraxngkhkhrxngrkknmayawnan aelapyinmanamintamithrngrbhyingxunidmaepnnknangsnmely thngsxngmiphraoxrsdwyknhnungphraxngkhinchwngthiphrarachwngsphmathukrthbalshrachxanackrsngipprathbthixinediy pyinmanamintathuksngipsuksathiorngeriynpaimedhradun inewlatxma phrachnnikhxngpyinmanamintaphaphraoxrsnxyniwtemuxngphma aetxyuidmichananphraoxrsnxyksinphrachnmlngesiykxn hlngthaynkaethakhxngtinaelapyinmanamintaniwtemuxngphma thngsxngphraxngkhxyuknxyangmthysthephraamiidthrngnganrachkar thrngyngchiphdwyebiyeliyngsahrbecanaychnphrarachbutrraw 1 200 1 500 rupi thicayodyrthbalshrachxanackr emuxkhrawthismedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaphesdcpraphasemuxngphma pyinmanamintaaelathaynkaethakhxngtinidxxkmathwaykartxnrbthiphratahnkswnphraxngkhepnxyangdi thngsxngphraxngkhsnphrathykaremuxngkhxngithymak thrngchunchmithythiyngrksaexkrachiwid aelaklawwawthnthrrmkhxngoydayaepnkhxngdiaelaidrbkhwamniyminphmamak thngekhruxngdntri krabwnthara hruxaemaetsilpkrrmklwnaetrbmacakoydayathngnn smedcphraecabrmwngsethx krmphrayadarngrachanuphaphexngkthrngchunchmpyinmanamintaaelathaynkaethakhxngtinwa sngektduthng 2 xngkhrupochmaelakiriyamaryathsmkhwrepnecaepnnay imnarngekiyc aelaklawxikwa khidduknachmecanaysxngsamxngkhni thungtkyakaelwkyngphyayamrksaekiyrtiyskhxngbrrphburus inchwngsngkhramolkkhrngthisxngyipunekhayudkhrxngdinaednphma thngsxngphraxngkhidrbkarkrabbngkhmthulechiyihepnkstriyaelaphrarachinihunechidkhxngyipunin kh s 1942 aetthngsxngphraxngkhthrngptiesthkhxesnxkhxngfayyipun sinphrachnm phithiplngphrasphkhxngpyinmanamintaaelathaynkaethakhxngtin emux kh s 1963 thaynkaethakhxngtinmiphraxakarprachwrhlngthrngcdnganbwchlukaekwihaekphrandda kxnsinphrachnmlngemuxwnthi 2 mithunayn kh s 1963 siriphrachnsa 90 pi pyinmanamintaphuswamitrxmphrathymakaelasinphrachnminwnthi 7 mithunaynpiediywkn hruxhlngcakkarsinphrachnmkhxngphrachayaephiyngsiwn hibphrasphkhxngthngsxngphraxngkhthuktngiwkhuknbriewnlankwangkhxngsusaneca mhyinmibayaxangxingdarngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya ethiywemuxngphma krungethph khlngwithya 2517 hna 239 darngrachanuphaph smedcphraecabrmwngsethx krmphraya eruxngethiywemuxngphma txnthi 6 ethiywemuxngmnthel phakhplay wchiryan subkhnemux 15 Aug 2018 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk 1999 Konbaung Shindan Konbaung Explanations pp 112 117 ထ င ဘ ရင သ မကင တ မ န မ တ BBC News မ န မ phasaphma 26 October 2017 မင တ န မင တရ က နတ ပ ည စ သက ၁၄၃ န စ ပ ည မတကဘတ ဆ မ ကပ ခ င အခမ အန က င ပမည Popular News Journal 8 October 2021