ทอล์กกิงเฮดส์ (อังกฤษ: Talking Heads) เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งใน ค.ศ. 1975 ที่นครนิวยอร์ก และมีผลงานจนถึง ค.ศ. 1991 สมาชิกในวงได้แก่ (ร้องนำและกีตาร์) (กลองชุด) (เบส) และ (คีย์บอร์ดและกีตาร์) ทอล์กกิงเฮดส์มีส่วนร่วมจุดกระแสดนตรีแนวนิวเวฟโดยการนำลักษณะของดนตรีแนวต่าง ๆ ได้แก่พังก์ร็อก อาร์ตร็อก ฟังก์ และเวิลด์มิวสิกมาผสมผสาน และเป็นที่รู้จักว่าเป็น "วงที่ได้รับเสียงวิจารณ์ทางบวกมากที่สุดวงหนึ่งในยุค '80"
ทอล์กกิงเฮดส์ | |
---|---|
ทอล์กกิงเฮดส์ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ตามเข็มนาฬิกาจากบนซ้าย: , , และ | |
ข้อมูลพื้นฐาน | |
รู้จักในชื่อ | ชรังเคนเฮดส์, เดอะเฮดส์ |
ที่เกิด | นครนิวยอร์ก สหรัฐ |
แนวเพลง | |
ช่วงปี |
|
ค่ายเพลง | |
อดีตสมาชิก | |
ทอล์กกิงเฮดส์เกิดจากกลุ่มนักเรียนศิลปะที่เบนเข็มไปยังดนตรี(พังก์ร็อกแบบนิวยอร์ก)ในช่วงทศวรรษ 1970 โดยผลงานอัลบั้มแรกเผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 1977 โดยใช้ชื่อ และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ก่อนที่จะร่วมกับโปรดิวเซอร์และมีผลงานอีกสามอัลบั้มได้แก่ (ค.ศ. 1978) (ค.ศ. 1979) และ (ค.ศ. 1980) ซึ่งได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกอย่างมากเช่นกัน ก่อนจะหยุดพักไปช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นทอล์กกิงเฮดส์ได้รับความนิยมสูงสุดใน ค.ศ. 1983 จากเพลง "" ในอัลบั้ม และออกภาพยนตร์คอนเสิร์ต กำกับโดย และยังคงออกอัลบั้มอีกหลายอัลบั้มรวมทั้ง (ค.ศ. 1985) ซึ่งทำยอดขายสูงสุด ก่อนที่จะยุบวงใน ค.ศ. 1991 ฟรันทซ์ เวย์มัท และแฮร์ริสันยังคงออกแสดงร่วมกันโดยใช้ชื่อ ชรังเคนเฮดส์ (อังกฤษ: Shrunken Heads) และออกอัลบั้ม ในนาม เดอะเฮดส์ ใน ค.ศ. 1996
ทอล์กกิงเฮดส์ได้รับเกียรติให้เข้าสู่หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลใน ค.ศ. 2002 ผลงานสี่อัลบั้มติดอันดับในรายการ 500 อันดับอัลบั้มที่ดีที่สุดตลอดกาลโดยนิตยสารโรลลิงสโตน นอกจากนี้ หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลได้จัดให้ผลงานเพลง "" และ "" ติดอันดับในรายการ 500 เพลงที่ทำให้ร็อกแอนด์โรลเป็นรูปร่าง นอกจากนี้ ทอล์กกิงเฮดส์ยังอยู่ในอันดับที่ 64 ในรายการ 100 อันดับศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาลโดยสถานีโทรทัศน์วีเอชวัน และอันดับที่ 100 ในรายการ 100 อันดับศิลปินยอดเยี่ยมตลอดกาลโดยนิตยสารโรลลิงสโตน
ประวัติ
ช่วงแรก (ค.ศ. 1973 – 1977)
และ นักศึกษาสองคนจากโรงเรียนดีไซน์โรดไอแลนด์ได้ก่อตั้งวงดนตรี "ดิอาร์ทิสติกส์" ขึ้นใน ค.ศ. 1973 โดยเบิร์นเป็นนักร้องนำและเล่นกีตาร์ ส่วนฟรันทซ์เป็นมือกลอง แฟนสาวของฟรันทซ์ซึ่งเป็นนักศึกษาร่วมสถาบันมักจะอาสาขับรถรับส่งให้วง วงดิอาร์ทิสติกส์ยุบลงในปีถัดมา และทั้งสามคนได้ย้ายจากรัฐโรดไอแลนด์ไปยังนครนิวยอร์ก และพักอาศัยในห้องลอฟต์เดียวกัน หลังจากที่พวกเขาหามือเบสไม่ได้ ฟรันทซ์จึงเสนอให้เวย์มัทหัดเล่นเบสโดยฟังจากอัลบั้มของ
ทอล์กกิงเฮดส์ขึ้นแสดงในชื่อทอล์กกิงเฮดส์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1975 โดยเป็นวงแสดงเปิดรายการให้กับวงราโมนส์ที่สโมสรดนตรีซีบีจีบี เวย์มัทกล่าวว่าชื่อทอล์กกิงเฮดส์มาจากคำศัพท์เฉพาะในวงการโทรทัศน์ที่ใช้เรียกการถ่ายเฉพาะส่วนศีรษะและไหล่ของบุคคลที่กำลังพูด ปลายปีเดียวกันพวกเขาอัดเทปตัวอย่างส่งไปยังแต่ไม่ผ่านการคัดเลือก อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้ส่งไปยังไซร์เออเรเคิดส์และไซร์เออได้ตอบรับในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1976 โดยซิงเกิลแรก "" ออกในเดือนกุมภาพันธ์ปีถัดมา ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1977 ทอล์กกิงเฮดส์ได้เพิ่ม อดีตสมาชิกวงของเข้ามาเป็นสมาชิกคนที่สี่ในตำแหน่งคีย์บอร์ด กีตาร์ และร้องร่วม ในช่วงระหว่างนี้เบิร์นขอให้เวย์มัทออดิชันเพิ่มอีกสามครั้งเพื่อรักษาตำแหน่งในวง
อัลบั้มแรก ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี และซิงเกิล "" ติดอันดับเป็นครั้งแรก หลายคนคิดว่าเพลงนี้เกี่ยวข้องกับ ฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อเหตุสะเทือนขวัญในนครนิวยอร์กในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม เบิร์นกล่าวว่าเพลงดังกล่าวเขียนไว้ก่อนหน้าหลายปีแล้ว เวย์มัทและฟรันทซ์แต่งงานกันใน ค.ศ. 1977
ร่วมงานกับไบรอัน อีโน (ค.ศ. 1978 – 1980)
สตูดิโออัลบั้ม (ค.ศ. 1978) เป็นผลงานร่วมกันครั้งแรกระหว่างทอล์กกิงเฮดส์และโปรดิวเซอร์ ซึ่งเคยมีผลงานร่วมกับศิลปินรายอื่นได้แก่, เดวิด โบอี, จอห์น เคล และ นอกจากนี้ อีโนยังเคยตั้งชื่อผลงานเพลงหนึ่งของเขาใน ค.ศ. 1977 ว่า "คิงส์เลดแฮต" (อังกฤษ: King's Lead Hat) ซึ่งมาจากชื่อวงทอล์กกิงเฮดส์สลับอักษรกัน สไตล์ของอีโนและทอล์กกิงเฮดส์เข้ากันได้เป็นอย่างดี และพวกเขาร่วมกันทดลองแนวเพลงต่าง ๆ ตั้งแต่โพสต์พังก์ ไปจนถึงดนตรีจากทวีปแอฟริกาซึ่งได้รับอิทธิพลจากเฟลา คูติและ และระหว่างบันทึกอัลบั้มนี้พวกเขายังได้ร่วมงานกับในกรุงแนสซอ ประเทศบาฮามาส อัลบั้ม มอร์ซองส์อะเบาต์บิลดิงส์แอนด์ฟุด ยังรวมคัฟเวอร์จากเพลง "" ของอัล กรีนด้วย อัลบั้มนี้ทำให้ทอล์กกิงเฮดส์ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี และติดอันดับ บิลบอร์ด ท็อป 30 เป็นครั้งแรกด้วย
พวกเขาร่วมงานกันต่อในอัลบั้มถัดไป (ค.ศ. 1979) ซึ่งผสมผสานดนตรีแนวโพสต์พังก์ร็อกที่มืดมนเข้ากับดนตรีแนวฟังกาเดเลีย และสอดแทรกเนื้อหาจากสภาพบ้านเมืองยุคปลายทศวรรษ 1970 ผู้สื่อข่าวด้านดนตรี อ้างว่า เฟียร์ออฟมิวสิก เป็นตัวแทนของผลงานระหว่างอีโน-ทอล์กกิงเฮดส์ "ณ จุดที่ได้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเที่ยงธรรมที่สุด" ซิงเกิล "" เป็นที่มาของวลี "This ain't no party, this ain't no disco." ซิงเกิลดังกล่าวพูดถึงและซึ่งเป็นไนต์คลับยอดนิยมในนครนิวยอร์กสมัยนั้น
(ค.ศ. 1980) ซึ่งเป็นอัลบั้มถัดมาได้รับอิทธิพลอย่างหนักจากดนตรีแนวของเฟลา คูติ ผสมผสานดนตรีแบบจากแอฟริกาตะวันตก ดนตรีแบบอาหรับจากแอฟริกาเหนือ ดิสโกฟังก์ และเสียงที่ถูก "ค้นพบ" การผสมผสานในลักษณะนี้ทำให้เบิร์นนำดนตรีเวิลด์มิวสิกมาปรับใช้ในผลงานถัดมา เนื่องจากดนตรีที่ซับซ้อน ทอล์กกิงเฮดส์จึงต้องเดินทางไปแสดงร่วมกับนักดนตรีรายอื่นรวมทั้งและ โดยเริ่มจากเทศกาลในเดือนสิงหาคมปีนั้น และรวมทั้งในภาพยนตร์คอนเสิร์ต ในช่วงเดียวกัน เวย์มัทและฟรันทซ์ก็ยังตั้งวงย่อย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากดนตรีแนวฮิปฮอป ในขณะที่แฮร์ริสันออกอัลบั้มเดี่ยวเป็นครั้งแรกในชื่อ ส่วนเบิร์นและอีโนได้ออกอัลบั้มร่วมกันในชื่อ ซึ่งผสมผสานเวิลด์มิวสิก และร่วมกับนักดนตรีนานาชาติและนักดนตรีแนวโพสต์พังก์ ทั้งหมดออกในสังกัดไซร์เออ
"" ซึ่งเป็นซิงเกิลนำของ รีเมนอินไลต์ ในช่วงแรกไม่ได้รับความนิยมมากนักในสหรัฐ แต่ต่อมาได้รับความนิยมติด 20 อันดับแรกในสหราชอาณาจักรและได้รับความนิยมต่อเนื่องมาอีกหลายปีเนื่องจากมิวสิกวิดีโอของเพลง ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในมิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยมตลอดกาลโดยนิตยสารไทม์
ความนิยมสูงสุดและแยกวง (ค.ศ. 1981 – 1991)
หลังจากออกผลงานสี่อัลบั้มในช่วงเวลาประมาณสี่ปี ทอล์กกิงเฮดส์ก็พักงานชั่วคราวประมาณสามปี แม้ว่าในระหว่างนั้นฟรันทซ์และเวย์มัทจะยังบันทึกผลงานเพลงในฐานะ "ทอมทอมคลับ" ก็ตาม ในช่วงนั้นทอล์กกิงเฮดส์ได้ออกผลงานอัลบั้มบันทึกการแสดง ซึ่งบันทึกการแสดงในสหรัฐและยุโรปในฐานะวงกลุ่มแปดร่วมกับศิลปินรับเชิญ และยุติการดำเนินงานร่วมกับไบรอัน อีโน อีโนไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับยูทูหลังจากนั้น
อัลบั้มถัดมาได้แก่ ออกใน ค.ศ. 1983 โดยเพลง "" จากอัลบั้มนี้กลายเป็นเพลงเดียวของวงที่ติด 10 อันดับแรกในชาร์ตเพลงสหรัฐ เนื่องจากมิวสิกวิดีโอที่ฉายวนเรื่อย ๆ ทางช่องเอ็มทีวี ทัวร์คอนเสิร์ตหลังจากนั้นถูกบันทึกในภาพยนตร์สารคดี ของ ซึ่งต่อมาได้บันทึกลงใน สปีกกิงอินทังส์เป็นอัลบั้มสุดท้ายที่ทอล์กกิงเฮดส์ออกทัวร์คอนเสิร์ต
ให้สัมภาษณ์ตนเองใน
ทอล์กกิงเฮดส์มีผลงานต่อมาอีกสามอัลบั้ม ได้แก่ (ค.ศ. 1985) ซึ่งมีซิงเกิลยอดนิยมได้แก่ "" และ "" (ค.ศ. 1986) ซึ่งเป็นคัฟเวอร์ของเพลงประกอบของเบิร์นซึ่งทอล์กกิงเฮดส์ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวด้วย และ (ค.ศ. 1988) แนวเพลงใน ลิตเติลครีเอเจอส์ ออกไปทางป็อปร็อกแบบอเมริกันซึ่งต่างจากอัลบั้มก่อนหน้านี้ทรูสตอรีส์ ก็มีลักษณะไปในทางเดียวกับ ลิตเติลครีเอเจอส์ ซึ่งผลงานเพลง "" จากอัลบั้มนี้ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีเช่นกัน อีกเพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้ได้แก่ "เรดิโอเฮด" ใช้หีบเพลงชักเป็นหลัก ในขณะที่อัลบั้ม เนกเคด มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง เพศ และความตาย และอิทธิพลจากดนตรีแบบแอฟริกันซึ่งคล้ายกับ รีเมนอินไลต์ ก็กลับมามีบทบาทในอัลบั้มนี้อีกครั้ง ในช่วงนี้เบิร์นเริ่มมีอิทธิพลต่อแนวดนตรีของวงเป็นอย่างมาก และหลังจากที่ เนกเคด ออกสู่สาธารณะ ทอล์กกิงเฮดส์ก็เข้าสู่ช่วงพักอีกครั้ง
ทอล์กกิงเฮดส์ประกาศยุบวงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1991 ฟรันทซ์กล่าวว่าเขาทราบจากบทความหนังสือพิมพ์ ลอสแอนเจลีสไทม์ส ว่าเบิร์นออกจากวง และกล่าวว่าทอล์กกิงเฮดส์ไม่เคยยุบวง เบิร์นเพียงแค่ออกจากวงเท่านั้น เพลงสุดท้ายของวงได้แก่ "แซ็กซ์แอนด์ไวโอลินส์" ซึ่งเป็นเพลงที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่อง โดยวิม เว็นเดิร์ส ซึ่งออกฉายก่อนหน้านั้นในปีเดียวกัน เบิร์นยังคงมีผลงานเดี่ยวอีกสองอัลบั้มได้แก่ ใน ค.ศ. 1989 และ ใน ค.ศ. 1991 ในขณะที่ทั้งทอมทอมคลับและแฮร์ริสันก็มีผลงานของตนเองเช่นกัน โดยทอมทอมคลับมีอัลบั้มได้แก่ และ ในขณะที่แฮร์ริสันมีผลงานอัลบั้ม และ ทอมทอมคลับและแฮร์ริสันออกทัวร์ร่วมกันใน ค.ศ. 1990
หลังแยกวง และรวมวงครั้งสุดท้าย (ค.ศ. 1992 – 2002)
ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เวย์มัท ฟรันทซ์ และแฮร์ริสันออกทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกันโดยใช้ชื่อ "ชรังเคนเฮดส์" และออกผลงานอัลบั้ม ใน ค.ศ. 1996 ในนาม "เดอะเฮดส์" ซึ่งในอัลบั้มนี้มีนักร้องนำรับเชิญหลายคนได้แก่ (), (บลอนดี), (), (), (), ไมเคิล ฮัตเชนซ์ (อินเอกซ์เซส), (), ชอว์น ไรเดอร์ (แฮปปีมันเดส์), และมาเรีย แม็กกี โดยนาโปลีตาโนเป็นนักร้องนำในทัวร์คอนเสิร์ต เบิร์นยื่นฟ้องร้องขอให้อดีตสมาชิกอีกสามคนหยุดใช้ชื่อ "เดอะเฮดส์" โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะหารายได้จากชื่อ "ทอล์กกิงเฮดส์" ทอล์กกิงเฮดส์กลับมารวมกันชั่วคราวใน ค.ศ. 1999 เพื่อโปรโมตครบรอบ 15 ปีของ สต็อปเมกกิงเซนส์ แต่ไม่ได้แสดงร่วมกัน
แฮร์ริสันผันตัวไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินต่าง ๆ ได้แก่ (), ไฟน์ยังแคนนิบอลส์ (), (), (), (, และ ), โนเดาต์ (เพลง "นิว" จากอัลบั้ม ) ในขณะที่ฟรันทซ์และเวย์มัทก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินอีกหลายกลุ่ม รวมทั้งแฮปปีมันเดส์และ และยังคงมีผลงานร่วมกันในฐานะทอมทอมคลับ
ทอล์กกิงเฮดส์ได้รับเชิญเข้าสู่หอเกียรติยศร็อกแอนด์โรลใน ค.ศ. 2002 โดยในพิธีพวกเขากลับมารวมกันอีกครั้งและแสดงเพลง "ไลฟ์ดูริงวอร์ไทม์" "ไซโคคิลเลอร์" และ "เบิร์นนิงดาวน์เดอะเฮาส์" ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 2002 ร่วมกับและสตีฟ สเกลส์ซึ่งเคยแสดงร่วมกันในทัวร์คอนเสิร์ต เบิร์นให้สัมภาษณ์ว่าคงเป็นไปได้ยากที่จะกลับมารวมกันอีกครั้งเนื่องจากทั้งเรื่องบาดหมางและแนวดนตรีที่ต่างกันเกินไปแล้ว ส่วนเวย์มัทให้สัมภาษณ์ว่าเบิร์นเป็นคนที่ "ไร้ความสามารถในการรักษามิตรภาพ" และกล่าวว่าเขาไม่ได้รักเธอ ฟรันทซ์ หรือแฮร์ริสัน
อิทธิพลทางดนตรีและศิลปะ
ออลมิวสิกระบุว่าทอล์กกิงเฮดส์ วงดนตรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดวงหนึ่งในยุค 1970–80 ตลอดเวลาจนถึงแยกวง "ได้บันทึกทุกอย่างตั้งแต่อาร์ตฟังก์ไปจนถึงเวิลด์บีตแบบจังหวะผสมและกีตาร์ป็อปแบบเรียบง่าย" แนวอาร์ตป็อปของทอล์กกิงเฮดส์มีอิทธิพลต่อเนื่องยาวนาน พวกเขามีส่วนนิยามดนตรีแนวนิวเวฟในสหรัฐร่วมกับดีโว ราโมนส์ และบลอนดี ในขณะเดียวกัน อัลบั้ม รีเมนอินไลต์ และอัลบั้มอื่น ๆ ในช่วงเดียวกันก็นำดนตรีร็อกแบบแอฟริกันมาสู่โลกตะวันตกด้วยเช่นกัน ภาพยนตร์คอนเสิร์ต สต็อปเมกกิงเซนส์ ซึ่งกำกับโดยก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ได้รับยกย่องว่าเป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ตที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง และได้รับเลือกเข้าสู่หอทะเบียนภาพยนตร์แห่งชาติของสหรัฐใน ค.ศ. 2021
ทอล์กกิงเฮดส์ยังมีอิทธิพลต่อศิลปินอีกหลายกลุ่ม เช่น,,เดอะวีกเอนด์,แวมไพร์วีกเอนด์,,,เดอะไนน์ทีนเซเวนตีไฟฟ์,เดอะทิงทิงส์,เนลลี เฟอร์ทาโด,เคชา,,,,ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ และเรดิโอเฮดซึ่งตั้งชื่อวงตามเพลง "เรดิโอเฮด" จากอัลบั้ม ซึ่งได้รับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 86 จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง ได้กล่าวขอบคุณทอล์กกิงเฮดส์และคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
อ้างอิง
- Cateforis, Theo (2011). Are We Not New Wave?: Modern Pop at the Turn of the 1980s. . pp. 2, 43, 73. ISBN .
- Ricchini, William (November 12, 1996). "Napolitano Brings Out Best Of Heads". . สืบค้นเมื่อ April 24, 2015.
- Erlewine, Stephen Thomas. "Talking Heads: Biography". AllMusic. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Jack, Malcolm (September 21, 2016). "Talking Heads – 10 of the best". The Guardian.
- (February 28, 1999). "MUSIC; They're Recording, but Are They Artists?". The New York Times. สืบค้นเมื่อ July 17, 2013.
- Marks, Craig; Weisbard, Eric (1995). Spin Alternative Record Guide. Vintage Books.
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) p. 163.
- (PDF). PopMatters. February 22, 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-04-27. สืบค้นเมื่อ September 14, 2016.
- Talking Heads Rock and Roll Hall of Fame, retrieved November 23, 2008
- Demorest, Stephen (November 3, 1977). "Talking Heads '77". Rolling Stone (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ August 3, 2019.
- . The Rock and Roll Hall of Fame and Museum. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 17, 2010. สืบค้นเมื่อ January 12, 2008.
- . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-10. สืบค้นเมื่อ April 29, 2015.
- . Rolling Stone. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-01-11. สืบค้นเมื่อ January 8, 2016.
- Gittins, Ian, Talking Heads: Once in a Lifetime: the Stories Behind Every Song, Hal Leonard Corporation, 2004, p. 140. ISBN , ISBN .
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) p. 159.
- Gregory Isola, , retrieved December 6, 2008.
- Weymouth, Tina (1992). In Sand in the Vaseline. CD liner notes, p. 12. New York: Sire Records Company
- Greene, Andy. . Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-05-17. สืบค้นเมื่อ April 23, 2014.
- Courogen, Carrie (September 15, 2017). "40 Years Later, Talking Heads' Most Valuable Member Is Still Its Most Under-Recognized". PAPER (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ September 26, 2018.
- Jacques, Adam (March 17, 2013). "How We Met: Chris Frantz & Tina Weymouth". The Independent (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ December 3, 2020.
- Ruhlmann, William. "Talking Heads 77". AllMusic. สืบค้นเมื่อ April 23, 2014.
- Ian Gittins (2004). Talking Heads: Once in a Lifetime: The Stories Behind Every Song. Hal Leonard. p. 30. ISBN .
- Clarke, John. . Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-12-07. สืบค้นเมื่อ May 1, 2014.
- "Brian Eno | Credits". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Pilchak, Angela M. (2005). Contemporary Musicians. Vol. 49. . p. 77. ISBN .
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) pp. 163–164.
- Janovitz, Bill. "Life During Wartime – Song Review". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Robbins, Ira. "20 Years Later, CBGB Ain't No Disco: Clubs: A look back as the Bowery bar concludes a monthlong celebration of its commitment to underground rock's trends". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) p. 165.
- Ankeny, Jason. "David Byrne | Biography". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Robins, Jim (September 6, 1980). "Expanded Talking Heads Climax Canadian New Wave Festival". .
- Boehm, Mike (September 10, 1992). "x-Heads Say They Got Byrned: Split Still Miffs Frantz, Weymouth, Even Though Tom Tom Club Keeps Them Busy". Los Angeles Times.
- Palmer, Robert (November 18, 1981). "The Pop Life". The New York Times.
- Bush, John. "My Life in the Bush of Ghosts". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) p. 169.
- Sanburn, Josh (July 26, 2011). "The 30 All-TIME Best Music Videos". Time. สืบค้นเมื่อ May 5, 2014.
- Simon Reynolds. Rip It up and Start Again: Postpunk 1978–1984. Penguin Books (2005) pp. 169–170.
- DeGagne, Mike. "Burning Down the House – Talking Heads – Song Review". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Johnston, Maura. . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-26. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Light, Alan (January 25, 2010). "All-TIME 100 Albums". Time. สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Milward, John. "The Many Faces And Artistic Endeavors Of The Talking Heads David Byrne And His Mates In The Band Are Keeping Busy – Together, With 'Naked', And On Their Own". . สืบค้นเมื่อ April 25, 2014.
- Harvey, Eric. "David Byrne: Live From Austin TX". . สืบค้นเมื่อ May 5, 2014.
- "Little Creatures – Talking Heads". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Maslin, Janet. "True Stories (1986) DAVID BYRNE IN 'TRUE STORIES'". The New York Times. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Ruhlmann, William. "Little Creatures". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Hastings, Michael. "Talking Heads – True Stories". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Pareles, Jon (March 20, 1988). "Talking Heads get 'Naked'". .
- Boehm, Mike (September 10, 1992). "x-Heads Say They Got Byrned: Split Still Miffs Frantz, Weymouth, Even Though Tom Tom Club Keeps Them Busy". Los Angeles Times.
- Ruhlmann, William. "Tom Tom Club | Biography". Allmusic. สืบค้นเมื่อ April 27, 2014.
- Christensen, Thor (May 22, 1990). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-05-04. สืบค้นเมื่อ 2021-12-12.
- Wilonsky, Robert (1999-10-21). "Heads up". Dallas Observer. สืบค้นเมื่อ 2020-08-01.
- Erlewine, Stephen Thomas. "No Talking Just Head – The Heads". Allmusic. สืบค้นเมื่อ May 1, 2014.
- Levine, Robert (June 26, 1997). "Byrne-ing Down the House". Rolling Stone. สืบค้นเมื่อ October 31, 2009 – โดยทาง DavidByrne.com.
- Sragow, Michael. "Talking Heads talk again". Salon. สืบค้นเมื่อ 3 December 2021.
- "Jerry Harrison | Credits". Allmusic. สืบค้นเมื่อ May 1, 2014.
- Ruhlmann, William. "Tom Tom Club – Biography". Allmusic. สืบค้นเมื่อ May 4, 2014.
- Greene, Andy (October 23, 2012). . Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-03-14. สืบค้นเมื่อ May 4, 2014.
- Blackman, Guy (February 6, 2005). "Byrning down the house". The Age. Australia. สืบค้นเมื่อ October 3, 2009.
- "Talking Heads | Biography, Albums, Streaming Links". AllMusic. สืบค้นเมื่อ June 21, 2021.
- Gendron, Bernard. "Origins of the First Wave: The CBGB Scene (1974–75)". Between Montmartre and the Mudd Club: Popular Music and the Avant-Garde. University of Chicago Press. สืบค้นเมื่อ May 11, 2014.
- Pareles, Jon (November 8, 1988). "Review/Music; How African Rock Won the West, And on the Way Was Westernized". New York Times. สืบค้นเมื่อ May 11, 2014.
- "Stop Making Sense (1984)". Rotten Tomatoes. . สืบค้นเมื่อ April 9, 2018.
- Hussey, Allison (2021-12-14). "Talking Heads' Stop Making Sense Added to National Film Registry". Pitchfork.com. สืบค้นเมื่อ 2021-12-17.
- SPIN staff (July 15, 2003). "My Life in Music: Eddie Vedder". .
- "Foals Total Life Forever Review". BBC. สืบค้นเมื่อ November 15, 2013.
- Calum Slingerland (February 6, 2016). "The Weeknd's New Album Is Inspired by Bad Brains, Talking Heads and the Smiths". . สืบค้นเมื่อ September 6, 2016.
- Burrows, Tim (May 8, 2008). "Vampire Weekend: fresh blood on campus". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ May 11, 2014.
- Primus press release. Retrieved August 12, 2012.
- Matthew Magee (July 27, 2003). . . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 21, 2011. สืบค้นเมื่อ March 4, 2011.
- Faughey, Darragh (December 11, 2012). "The 1975 – Interview". GoldenPlec. สืบค้นเมื่อ February 11, 2016.
- Walden, Eric (March 27, 2015). "Concert preview: Ting Tings feeling a bit less 'Super Critical' now". . สืบค้นเมื่อ November 27, 2015.
- . Universal Music. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 3, 2015. สืบค้นเมื่อ December 2, 2015.
- Garland, Emma (January 8, 2017). "Kesha's MySpace Profile from 2008 is Better Than DJ Khaled's Snapchat". Noisey. Vice Media. สืบค้นเมื่อ January 20, 2017.
- Graves, Shahlin (May 26, 2012). . coupdemainmagazine.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 7, 2013. สืบค้นเมื่อ March 25, 2017.
- Moore, Sam (June 15, 2016). "Danny Brown talks Talking Heads and Radiohead influence". NME.
- Reznor, Trent (September 26, 2020). "Trent Reznor on Talking Heads – Remain in Light (1980)". Vinyl Writers. สืบค้นเมื่อ December 17, 2020.
- "Franz Ferdinand's Alex Kapranos On The Importance Of Structure". Npr.org. สืบค้นเมื่อ June 21, 2021.
- About Radiohead 2010-12-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, biography 1992–1995
- David Byrne interviews Thom Yorke for (November 11, 2007)
- Vivarelli, Nick (March 3, 2014). "Italy Cheers Foreign Oscar Victory For Paolo Sorrentino's 'Beauty'". . สืบค้นเมื่อ May 4, 2014.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
thxlkkingehds xngkvs Talking Heads epnwngdntrirxksychatixemriknthikxtngin kh s 1975 thinkhrniwyxrk aelamiphlngancnthung kh s 1991 smachikinwngidaek rxngnaaelakitar klxngchud ebs aela khiybxrdaelakitar thxlkkingehdsmiswnrwmcudkraaesdntriaenwniwewfodykarnalksnakhxngdntriaenwtang idaekphngkrxk xartrxk fngk aelaewildmiwsikmaphsmphsan aelaepnthiruckwaepn wngthiidrbesiyngwicarnthangbwkmakthisudwnghnunginyukh 80 thxlkkingehdsthxlkkingehdsinchwngplaythswrrs 1970 tamekhmnalikacakbnsay aelakhxmulphunthanruckinchuxchrngekhnehds edxaehdsthiekidnkhrniwyxrk shrthaenwephlngniwewf ophstphngk xartpxp aednsrxkchwngpi1975 1991 1996 2002khayephlngisrexx wxrenxrbraethxsxditsmachik thxlkkingehdsekidcakklumnkeriynsilpathiebnekhmipyngdntriphngkrxkaebbniwyxrkinchwngthswrrs 1970 odyphlnganxlbmaerkephyaephremux kh s 1977 odyichchux aelaidrbesiyngtxbrbepnxyangdi kxnthicarwmkboprdiwesxraelamiphlnganxiksamxlbmidaek kh s 1978 kh s 1979 aela kh s 1980 sungidrbkhawicarnechingbwkxyangmakechnkn kxncahyudphkipchwnghnung hlngcaknnthxlkkingehdsidrbkhwamniymsungsudin kh s 1983 cakephlng inxlbm aelaxxkphaphyntrkhxnesirt kakbody aelayngkhngxxkxlbmxikhlayxlbmrwmthng kh s 1985 sungthayxdkhaysungsud kxnthicayubwngin kh s 1991 frnths ewymth aelaaehrrisnyngkhngxxkaesdngrwmknodyichchux chrngekhnehds xngkvs Shrunken Heads aelaxxkxlbm innam edxaehds in kh s 1996 thxlkkingehdsidrbekiyrtiihekhasuhxekiyrtiysrxkaexndorlin kh s 2002 phlngansixlbmtidxndbinraykar 500 xndbxlbmthidithisudtlxdkalodynitysarorllingsotn nxkcakni hxekiyrtiysrxkaexndorlidcdihphlnganephlng aela tidxndbinraykar 500 ephlngthithaihrxkaexndorlepnruprang nxkcakni thxlkkingehdsyngxyuinxndbthi 64 inraykar 100 xndbsilpinyxdeyiymtlxdkalodysthaniothrthsnwiexchwn aelaxndbthi 100 inraykar 100 xndbsilpinyxdeyiymtlxdkalodynitysarorllingsotnprawtichwngaerk kh s 1973 1977 aela nksuksasxngkhncakorngeriyndiisnordixaelndidkxtngwngdntri dixarthistiks khunin kh s 1973 odyebirnepnnkrxngnaaelaelnkitar swnfrnthsepnmuxklxng aefnsawkhxngfrnthssungepnnksuksarwmsthabnmkcaxasakhbrthrbsngihwng wngdixarthistiksyublnginpithdma aelathngsamkhnidyaycakrthordixaelndipyngnkhrniwyxrk aelaphkxasyinhxnglxftediywkn hlngcakthiphwkekhahamuxebsimid frnthscungesnxihewymthhdelnebsodyfngcakxlbmkhxng thxlkkingehdskhunaesdnginchuxthxlkkingehdsepnkhrngaerkemuxwnthi 5 mithunayn kh s 1975 odyepnwngaesdngepidraykarihkbwngraomnsthisomsrdntrisibicibi ewymthklawwachuxthxlkkingehdsmacakkhasphthechphaainwngkarothrthsnthiicheriykkarthayechphaaswnsirsaaelaihlkhxngbukhkhlthikalngphud playpiediywknphwkekhaxdethptwxyangsngipyngaetimphankarkhdeluxk xyangirktam phwkekhaidsngipyngisrexxerekhidsaelaisrexxidtxbrbineduxnphvscikayn kh s 1976 odysingekilaerk xxkineduxnkumphaphnthpithdma ineduxnminakhm kh s 1977 thxlkkingehdsidephim xditsmachikwngkhxngekhamaepnsmachikkhnthisiintaaehnngkhiybxrd kitar aelarxngrwm inchwngrahwangniebirnkhxihewymthxxdichnephimxiksamkhrngephuxrksataaehnnginwng thina ewymthkhnaaesdngthiminniaexophlis kh s 1978 xlbmaerk idrbesiyngtxbrbepnxyangdi aelasingekil tidxndbepnkhrngaerk hlaykhnkhidwaephlngniekiywkhxngkb khatkrtxenuxngsungkxehtusaethuxnkhwyinnkhrniwyxrkinchwngewlakxnhnann xyangirktam ebirnklawwaephlngdngklawekhiyniwkxnhnahlaypiaelw ewymthaelafrnthsaetngnganknin kh s 1977 rwmngankbibrxn xion kh s 1978 1980 studioxxlbm kh s 1978 epnphlnganrwmknkhrngaerkrahwangthxlkkingehdsaelaoprdiwesxr sungekhymiphlnganrwmkbsilpinrayxunidaek edwid obxi cxhn ekhl aela nxkcakni xionyngekhytngchuxphlnganephlnghnungkhxngekhain kh s 1977 wa khingseldaeht xngkvs King s Lead Hat sungmacakchuxwngthxlkkingehdsslbxksrkn sitlkhxngxionaelathxlkkingehdsekhaknidepnxyangdi aelaphwkekharwmknthdlxngaenwephlngtang tngaetophstphngk ipcnthungdntricakthwipaexfrikasungidrbxiththiphlcakefla khutiaela aelarahwangbnthukxlbmniphwkekhayngidrwmngankbinkrungaenssx praethsbahamas xlbm mxrsxngsxaebatbildingsaexndfud yngrwmkhfewxrcakephlng khxngxl krindwy xlbmnithaihthxlkkingehdsidrbesiyngtxbrbepnxyangdi aelatidxndb bilbxrd thxp 30 epnkhrngaerkdwy aehrrisn say aelaebirn khwa khnaaesdngthiexlomkmob nkhrothrxnot praethsaekhnada phwkekharwmngankntxinxlbmthdip kh s 1979 sungphsmphsandntriaenwophstphngkrxkthimudmnekhakbdntriaenwfngkaedeliy aelasxdaethrkenuxhacaksphaphbanemuxngyukhplaythswrrs 1970 phusuxkhawdandntri xangwa efiyrxxfmiwsik epntwaethnkhxngphlnganrahwangxion thxlkkingehds n cudthiidpraoychnrwmknxyangethiyngthrrmthisud singekil epnthimakhxngwli This ain t no party this ain t no disco singekildngklawphudthungaelasungepnintkhlbyxdniyminnkhrniwyxrksmynn kh s 1980 sungepnxlbmthdmaidrbxiththiphlxyanghnkcakdntriaenwkhxngefla khuti phsmphsandntriaebbcakaexfrikatawntk dntriaebbxahrbcakaexfrikaehnux disokfngk aelaesiyngthithuk khnphb karphsmphsaninlksnanithaihebirnnadntriewildmiwsikmaprbichinphlnganthdma enuxngcakdntrithisbsxn thxlkkingehdscungtxngedinthangipaesdngrwmkbnkdntrirayxunrwmthngaela odyerimcakethskalineduxnsinghakhmpinn aelarwmthnginphaphyntrkhxnesirt inchwngediywkn ewymthaelafrnthskyngtngwngyxy sungidrbxiththiphlcakdntriaenwhiphxp inkhnathiaehrrisnxxkxlbmediywepnkhrngaerkinchux swnebirnaelaxionidxxkxlbmrwmkninchux sungphsmphsanewildmiwsik aelarwmkbnkdntrinanachatiaelankdntriaenwophstphngk thnghmdxxkinsngkdisrexx ebirnkhnaaesdngrwmkbthxlkkingehdsin kh s 1978 sungepnsingekilnakhxng riemnxinilt inchwngaerkimidrbkhwamniymmaknkinshrth aettxmaidrbkhwamniymtid 20 xndbaerkinshrachxanackraelaidrbkhwamniymtxenuxngmaxikhlaypienuxngcakmiwsikwidioxkhxngephlng sungthukcdxndbihepnhnunginmiwsikwidioxyxdeyiymtlxdkalodynitysarithm khwamniymsungsudaelaaeykwng kh s 1981 1991 hlngcakxxkphlngansixlbminchwngewlapramansipi thxlkkingehdskphknganchwkhrawpramansampi aemwainrahwangnnfrnthsaelaewymthcayngbnthukphlnganephlnginthana thxmthxmkhlb ktam inchwngnnthxlkkingehdsidxxkphlnganxlbmbnthukkaraesdng sungbnthukkaraesdnginshrthaelayuorpinthanawngklumaepdrwmkbsilpinrbechiy aelayutikardaeninnganrwmkbibrxn xion xionipepnoprdiwesxrihkbyuthuhlngcaknn xlbmthdmaidaek xxkin kh s 1983 odyephlng cakxlbmniklayepnephlngediywkhxngwngthitid 10 xndbaerkinchartephlngshrth enuxngcakmiwsikwidioxthichaywneruxy thangchxngexmthiwi thwrkhxnesirthlngcaknnthukbnthukinphaphyntrsarkhdi khxng sungtxmaidbnthuklngin spikkingxinthngsepnxlbmsudthaythithxlkkingehdsxxkthwrkhxnesirt I try to write about small things Paper animals a house love is kind of big I have written a love song though In this film I sing it to a lamp ihsmphasntnexngin thxlkkingehdsmiphlngantxmaxiksamxlbm idaek kh s 1985 sungmisingekilyxdniymidaek aela kh s 1986 sungepnkhfewxrkhxngephlngprakxbkhxngebirnsungthxlkkingehdspraktinphaphyntreruxngdngklawdwy aela kh s 1988 aenwephlngin litetilkhriexecxs xxkipthangpxprxkaebbxemriknsungtangcakxlbmkxnhnanithrustxris kmilksnaipinthangediywkb litetilkhriexecxs sungphlnganephlng cakxlbmnikidrbkhwamniymepnxyangdiechnkn xikephlnghnunginxlbmniidaek erdioxehd ichhibephlngchkepnhlk inkhnathixlbm enkekhd mienuxhaekiywkbkaremuxng ephs aelakhwamtay aelaxiththiphlcakdntriaebbaexfriknsungkhlaykb riemnxinilt kklbmamibthbathinxlbmnixikkhrng inchwngniebirnerimmixiththiphltxaenwdntrikhxngwngepnxyangmak aelahlngcakthi enkekhd xxksusatharna thxlkkingehdskekhasuchwngphkxikkhrng thina ewymth khnaaesdngrwmkbthxmthxmkhlb kh s 1986 sungepnwngthiethxkxtngrwmkbkhris frnths sami thxlkkingehdsprakasyubwngineduxnthnwakhm kh s 1991 frnthsklawwaekhathrabcakbthkhwamhnngsuxphimph lxsaexneclisithms waebirnxxkcakwng aelaklawwathxlkkingehdsimekhyyubwng ebirnephiyngaekhxxkcakwngethann ephlngsudthaykhxngwngidaek aesksaexndiwoxlins sungepnephlngthipraktinphaphyntreruxng odywim ewnedirs sungxxkchaykxnhnanninpiediywkn ebirnyngkhngmiphlnganediywxiksxngxlbmidaek in kh s 1989 aela in kh s 1991 inkhnathithngthxmthxmkhlbaelaaehrrisnkmiphlngankhxngtnexngechnkn odythxmthxmkhlbmixlbmidaek aela inkhnathiaehrrisnmiphlnganxlbm aela thxmthxmkhlbaelaaehrrisnxxkthwrrwmknin kh s 1990 hlngaeykwng aelarwmwngkhrngsudthay kh s 1992 2002 inchwngtnthswrrs 1990 ewymth frnths aelaaehrrisnxxkthwrkhxnesirtrwmknodyichchux chrngekhnehds aelaxxkphlnganxlbm in kh s 1996 innam edxaehds sunginxlbmniminkrxngnarbechiyhlaykhnidaek blxndi imekhil htechns xinexksess chxwn iredxr aehppimneds aelamaeriy aemkki odynaoplitaonepnnkrxngnainthwrkhxnesirt ebirnyunfxngrxngkhxihxditsmachikxiksamkhnhyudichchux edxaehds odymxngwaepnkhwamphyayamthicaharayidcakchux thxlkkingehds thxlkkingehdsklbmarwmknchwkhrawin kh s 1999 ephuxopromtkhrbrxb 15 pikhxng stxpemkkingesns aetimidaesdngrwmkn aehrrisnphntwipepnoprdiwesxrihkbsilpintang idaek ifnyngaekhnnibxls aela onedat ephlng niw cakxlbm inkhnathifrnthsaelaewymthkepnoprdiwesxrihkbsilpinxikhlayklum rwmthngaehppimnedsaela aelayngkhngmiphlnganrwmkninthanathxmthxmkhlbewymth frnths aelaaehrrisninnganethskal kh s 2010 thxlkkingehdsidrbechiyekhasuhxekiyrtiysrxkaexndorlin kh s 2002 odyinphithiphwkekhaklbmarwmknxikkhrngaelaaesdngephlng ilfduringwxrithm isokhkhilelxr aela ebirnningdawnedxaehas inwnthi 18 minakhm kh s 2002 rwmkbaelastif seklssungekhyaesdngrwmkninthwrkhxnesirt ebirnihsmphasnwakhngepnipidyakthicaklbmarwmknxikkhrngenuxngcakthngeruxngbadhmangaelaaenwdntrithitangknekinipaelw swnewymthihsmphasnwaebirnepnkhnthi irkhwamsamarthinkarrksamitrphaph aelaklawwaekhaimidrkethx frnths hruxaehrrisnxiththiphlthangdntriaelasilpaxxlmiwsikrabuwathxlkkingehds wngdntrithiidrbkhwamniymsungsudwnghnunginyukh 1970 80 tlxdewlacnthungaeykwng idbnthukthukxyangtngaetxartfngkipcnthungewildbitaebbcnghwaphsmaelakitarpxpaebberiybngay aenwxartpxpkhxngthxlkkingehdsmixiththiphltxenuxngyawnan phwkekhamiswnniyamdntriaenwniwewfinshrthrwmkbdiow raomns aelablxndi inkhnaediywkn xlbm riemnxinilt aelaxlbmxun inchwngediywknknadntrirxkaebbaexfriknmasuolktawntkdwyechnkn phaphyntrkhxnesirt stxpemkkingesns sungkakbodykidrbesiyngtxbrbepnxyangdi idrbykyxngwaepnphaphyntrkhxnesirtthidithisuderuxnghnung aelaidrbeluxkekhasuhxthaebiynphaphyntraehngchatikhxngshrthin kh s 2021 thxlkkingehdskhnaaesdngthihxrschuthaewirn othrxnot kh s 1978 thxlkkingehdsyngmixiththiphltxsilpinxikhlayklum echn edxawikexnd aewmiphrwikexnd edxainnthinesewntiiff edxathingthings enlli efxrthaod ekhcha frans efxrdinand aelaerdioxehdsungtngchuxwngtamephlng erdioxehd cakxlbm sungidrbrangwlphaphyntrphasatangpraethsyxdeyiyminnganprakasphlrangwlxxskar khrngthi 86 cakphlnganphaphyntreruxng idklawkhxbkhunthxlkkingehdsaelakhnxun sungepnaerngbndalicihekhasrangphaphyntreruxngnixangxingCateforis Theo 2011 Are We Not New Wave Modern Pop at the Turn of the 1980s pp 2 43 73 ISBN 0 472 03470 7 Ricchini William November 12 1996 Napolitano Brings Out Best Of Heads subkhnemux April 24 2015 Erlewine Stephen Thomas Talking Heads Biography AllMusic subkhnemux April 27 2014 Jack Malcolm September 21 2016 Talking Heads 10 of the best The Guardian February 28 1999 MUSIC They re Recording but Are They Artists The New York Times subkhnemux July 17 2013 Marks Craig Weisbard Eric 1995 Spin Alternative Record Guide Vintage Books Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 p 163 PDF PopMatters February 22 2012 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2015 04 27 subkhnemux September 14 2016 Talking Heads Rock and Roll Hall of Fame retrieved November 23 2008 Demorest Stephen November 3 1977 Talking Heads 77 Rolling Stone phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux August 3 2019 The Rock and Roll Hall of Fame and Museum khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux March 17 2010 subkhnemux January 12 2008 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2015 09 10 subkhnemux April 29 2015 Rolling Stone 2011 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 01 11 subkhnemux January 8 2016 Gittins Ian Talking Heads Once in a Lifetime the Stories Behind Every Song Hal Leonard Corporation 2004 p 140 ISBN 0 634 08033 4 ISBN 978 0 634 08033 3 Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 p 159 Gregory Isola retrieved December 6 2008 Weymouth Tina 1992 In Sand in the Vaseline CD liner notes p 12 New York Sire Records Company Greene Andy Rolling Stone khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 05 17 subkhnemux April 23 2014 Courogen Carrie September 15 2017 40 Years Later Talking Heads Most Valuable Member Is Still Its Most Under Recognized PAPER phasaxngkvs subkhnemux September 26 2018 Jacques Adam March 17 2013 How We Met Chris Frantz amp Tina Weymouth The Independent phasaxngkvs subkhnemux December 3 2020 Ruhlmann William Talking Heads 77 AllMusic subkhnemux April 23 2014 Ian Gittins 2004 Talking Heads Once in a Lifetime The Stories Behind Every Song Hal Leonard p 30 ISBN 978 0 634 08033 3 Clarke John Rolling Stone khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2017 12 07 subkhnemux May 1 2014 Brian Eno Credits Allmusic subkhnemux April 25 2014 Pilchak Angela M 2005 Contemporary Musicians Vol 49 p 77 ISBN 978 0 7876 8062 6 Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 pp 163 164 Janovitz Bill Life During Wartime Song Review Allmusic subkhnemux April 25 2014 Robbins Ira 20 Years Later CBGB Ain t No Disco Clubs A look back as the Bowery bar concludes a monthlong celebration of its commitment to underground rock s trends Los Angeles Times subkhnemux April 25 2014 Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 p 165 Ankeny Jason David Byrne Biography Allmusic subkhnemux April 25 2014 Robins Jim September 6 1980 Expanded Talking Heads Climax Canadian New Wave Festival Boehm Mike September 10 1992 x Heads Say They Got Byrned Split Still Miffs Frantz Weymouth Even Though Tom Tom Club Keeps Them Busy Los Angeles Times Palmer Robert November 18 1981 The Pop Life The New York Times Bush John My Life in the Bush of Ghosts Allmusic subkhnemux April 25 2014 Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 p 169 Sanburn Josh July 26 2011 The 30 All TIME Best Music Videos Time subkhnemux May 5 2014 Simon Reynolds Rip It up and Start Again Postpunk 1978 1984 Penguin Books 2005 pp 169 170 DeGagne Mike Burning Down the House Talking Heads Song Review Allmusic subkhnemux April 25 2014 Johnston Maura khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2014 04 26 subkhnemux April 25 2014 Light Alan January 25 2010 All TIME 100 Albums Time subkhnemux April 25 2014 Milward John The Many Faces And Artistic Endeavors Of The Talking Heads David Byrne And His Mates In The Band Are Keeping Busy Together With Naked And On Their Own subkhnemux April 25 2014 Harvey Eric David Byrne Live From Austin TX subkhnemux May 5 2014 Little Creatures Talking Heads Allmusic subkhnemux April 27 2014 Maslin Janet True Stories 1986 DAVID BYRNE IN TRUE STORIES The New York Times subkhnemux April 27 2014 Ruhlmann William Little Creatures Allmusic subkhnemux April 27 2014 Hastings Michael Talking Heads True Stories Allmusic subkhnemux April 27 2014 Pareles Jon March 20 1988 Talking Heads get Naked Boehm Mike September 10 1992 x Heads Say They Got Byrned Split Still Miffs Frantz Weymouth Even Though Tom Tom Club Keeps Them Busy Los Angeles Times Ruhlmann William Tom Tom Club Biography Allmusic subkhnemux April 27 2014 Christensen Thor May 22 1990 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 05 04 subkhnemux 2021 12 12 Wilonsky Robert 1999 10 21 Heads up Dallas Observer subkhnemux 2020 08 01 Erlewine Stephen Thomas No Talking Just Head The Heads Allmusic subkhnemux May 1 2014 Levine Robert June 26 1997 Byrne ing Down the House Rolling Stone subkhnemux October 31 2009 odythang DavidByrne com Sragow Michael Talking Heads talk again Salon subkhnemux 3 December 2021 Jerry Harrison Credits Allmusic subkhnemux May 1 2014 Ruhlmann William Tom Tom Club Biography Allmusic subkhnemux May 4 2014 Greene Andy October 23 2012 Rolling Stone khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 03 14 subkhnemux May 4 2014 Blackman Guy February 6 2005 Byrning down the house The Age Australia subkhnemux October 3 2009 Talking Heads Biography Albums Streaming Links AllMusic subkhnemux June 21 2021 Gendron Bernard Origins of the First Wave The CBGB Scene 1974 75 Between Montmartre and the Mudd Club Popular Music and the Avant Garde University of Chicago Press subkhnemux May 11 2014 Pareles Jon November 8 1988 Review Music How African Rock Won the West And on the Way Was Westernized New York Times subkhnemux May 11 2014 Stop Making Sense 1984 Rotten Tomatoes subkhnemux April 9 2018 Hussey Allison 2021 12 14 Talking Heads Stop Making Sense Added to National Film Registry Pitchfork com subkhnemux 2021 12 17 SPIN staff July 15 2003 My Life in Music Eddie Vedder Foals Total Life Forever Review BBC subkhnemux November 15 2013 Calum Slingerland February 6 2016 The Weeknd s New Album Is Inspired by Bad Brains Talking Heads and the Smiths subkhnemux September 6 2016 Burrows Tim May 8 2008 Vampire Weekend fresh blood on campus The Daily Telegraph subkhnemux May 11 2014 Primus press release Retrieved August 12 2012 Matthew Magee July 27 2003 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux July 21 2011 subkhnemux March 4 2011 Faughey Darragh December 11 2012 The 1975 Interview GoldenPlec subkhnemux February 11 2016 Walden Eric March 27 2015 Concert preview Ting Tings feeling a bit less Super Critical now subkhnemux November 27 2015 Universal Music khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux October 3 2015 subkhnemux December 2 2015 Garland Emma January 8 2017 Kesha s MySpace Profile from 2008 is Better Than DJ Khaled s Snapchat Noisey Vice Media subkhnemux January 20 2017 Graves Shahlin May 26 2012 coupdemainmagazine com khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux February 7 2013 subkhnemux March 25 2017 Moore Sam June 15 2016 Danny Brown talks Talking Heads and Radiohead influence NME Reznor Trent September 26 2020 Trent Reznor on Talking Heads Remain in Light 1980 Vinyl Writers subkhnemux December 17 2020 Franz Ferdinand s Alex Kapranos On The Importance Of Structure Npr org subkhnemux June 21 2021 About Radiohead 2010 12 27 thi ewyaebkaemchchin biography 1992 1995 David Byrne interviews Thom Yorke for November 11 2007 Vivarelli Nick March 3 2014 Italy Cheers Foreign Oscar Victory For Paolo Sorrentino s Beauty subkhnemux May 4 2014