ออร์เคสตรา (orchestra) หรือ วงดุริยางค์ ในภาษาไทย เป็นคำศัพท์เกี่ยวกับดนตรี มีประวัติมาช้านาน และมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามยุคสมัย เพื่อสนองความต้องการของผู้ประพันธ์ในการถ่ายทอดความรู้สึกของดนตรีในแต่ละยุค วงออร์เคสตราเป็นวงดนตรีที่มีวิวัฒนาการเริ่มขึ้นราว ค.ศ.1600 ลักษณะที่สำคัญของวงออร์เคสตราคือ เป็นกลุ่มของนักดนตรี ที่เล่นเครื่องดนตรีหลักทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เครื่องเป่าลมไม้ เครื่องลมทองเหลือง และเครื่องกระทบ โดยบรรเลงภายใต้การควบคุมของผู้อำนวยเพลง
ประวัติ
ออร์เคสตรา เป็นภาษากรีก ตามความหมายรูปศัพท์ หมายถึง สถานที่เต้นรำ ซึ่งหมายถึง ส่วนหน้าของโรงละครสมัยกรีกโบราณ ที่ใช้เป็นที่เต้นรำและร้องเพลง ของพวกนักร้องประสานเสียง สำหรับดนตรีตะวันตก ออร์เคสตรา มีความหมายถึง วงซิมโฟนี ออร์เคสตรา ได้แก่ วงดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย รวมกับ และเครื่องกระทบ
ต่อมาในกลางศตวรรษที่ 18 คำว่า ออร์เคสตรา หมายถึง การแสดงของวงดนตรี ซึ่งเป็นความหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามคำนี้ยังคงใช้ในอีกความหมายหนึ่ง คือ พื้นที่ระดับต่ำที่เป็นที่นั่งอยู่หน้าเวทีละคร และโรงคอนเสิร์ต
ระยะต่อมาในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อเริ่มกำหนดจำนวนเครื่องดนตรีลงในบทเพลง การพัฒนาวงออร์เคสตราจึงเริ่มมีขึ้น ซึ่งในระยะแรกเป็นลักษณะของวงเครื่องสาย (String Orchestra) ซึ่งมีจำนวนผู้เล่นประมาณ 10 ถึง 25 คน โดยบางครั้งอาจจะมีมากกว่านี้ตามความต้องการของผู้ประพันธ์เพลง ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 วงออร์เคสตรามีการเพิ่มเครื่องลมไม้ และตอนปลายของยุคบาโรค (ประมาณ ค.ศ. 1750) ผู้ประพันธ์เพลงนิยมบอกจำนวนเครื่องดนตรีไว้ในบทเพลงโดยละเอียด นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเครื่องลมทองเหลือง และเครื่องกระทบในวงออร์เคสตรา
ราวกลางศตวรรษที่ 18 วงออร์เคสตราเป็นรูปแบบขึ้นมาจนได้มาตรฐานในยุคนี้ คือ ยุคคลาสสิก ซึ่งเหตุผลประการหนึ่ง คือ บทเพลงประเภทซิมโฟนีเป็นรูปแบบขึ้นมาในยุคนี้ จึงทำให้ต้องมีการจัดวงออร์เคสตราให้มีมาตรฐานเพื่อใช้เล่นเพลงซิมโฟนี นอกจากนี้การบรรเลงบทเพลงประเภทคอนแชร์โต้ อุปรากร และเพลงร้องเกี่ยวกับศาสนาก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาวงออร์เคสตราเป็นแบบแผนขึ้น
กลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคโรแมนติก มีการเพิ่มจำนวนเครื่องดนตรีเข้าไปในวงออร์เคสตรา ทำให้วงมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากในยุคโรแมนติกนั้น นิยมเล่นบทเพลงประเภท รวมถึงอุปรากร บัลเล่ต์ และบทเพลงร้องประสานเสียง ล้วนมีผลให้วงออร์เคสตราเพิ่มขนาดขึ้นเพื่อความยิ่งใหญ่และความสมจริงสมจัง เพื่อให้สามารถบรรยายเรื่องราวให้ได้ตรงตามที่ผู้ประพันธ์เพลงตั้งใจไว้
แม้ว่าวงซิมโฟนีออร์เคสตราในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ยังคงมีบทบาทสำคัญในดนตรีตะวันตก ปัจจัยทางเศรษฐกิจก็มีส่วนในการกำหนดขนาดวงออร์เคสตรา หรือแนวทางการประพันธ์เพลงเพื่อใช้กับวงออร์เคสตรา แต่สิ่งนี้ก็มิได้กีดกั้นการสร้างสรรค์ผลงานประเภทที่ใช้วงออร์เคสตราของผู้ประพันธ์เพลงแต่อย่างใด
เครื่องดนตรี
เครื่องดนตรีที่ใช้ในวงออร์เคสตรา โดยธรรมดาแล้ว จะมีสัดส่วนดังนี้
- :
- 2–4 ฟลูต 1–2 ปิคโคโล (ฟลูตคนที่ 3 กับ 4)
- 2–4 โอโบ 1–2 อิงลิชฮอร์น (โอโบคนที่ 3 กับ 4)
- 2–4 คลาริเน็ต 1–2 เบสคลาริเน็ต (คลาริเน็ตคนที่ 3 กับ 4)
- 2–4 บาสซูน 1–2 คอนทราบาสซูน (บาสซูนคนที่ 3 กับ 4)
- เครื่องลมทองเหลือง:
- 2 ถึง 8 ฮอร์น
- 2 ถึง 8 ทรัมเป็ต
- 2–4 ทรอมโบน
- 1–2 เบสทรอมโบน
- 1 ทูบา
- เครื่องสาย:
- ฮาร์ป
- 16 ถึง 30 (หรือมากกว่า) ไวโอลิน
- 8 ถึง 12 (หรือมากกว่า) วิโอลา
- 8 ถึง 12 (หรือมากกว่า) เชลโล
- 5 ถึง 8 (หรือมากกว่า) ดับเบิลเบส และ
- เครื่องลิ่มนิ้ว
- เครื่องกระทบ:
อ้างอิง
- Pannain, Guido. "Arcangelo Corelli". Encyclopædia Britannica. สืบค้นเมื่อ 9 พฤศจิกายน 2015.
- ณรุทธ์ สุทธจิตต์. สังคีตนิยม ความซาบซึ้งในดนตรีตะวันตก. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ISBN .
แหล่งข้อมูลอื่น
- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ Orchestras
- Chisholm, Hugh, บ.ก. (1911). . สารานุกรมบริตานิกา ค.ศ. 1911 (11 ed.). สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
xxrekhstra orchestra hrux wngduriyangkh inphasaithy epnkhasphthekiywkbdntri miprawtimachanan aelamikarepliynaeplngrupaebbiptamyukhsmy ephuxsnxngkhwamtxngkarkhxngphupraphnthinkarthaythxdkhwamrusukkhxngdntriinaetlayukh wngxxrekhstraepnwngdntrithimiwiwthnakarerimkhunraw kh s 1600 lksnathisakhykhxngwngxxrekhstrakhux epnklumkhxngnkdntri thielnekhruxngdntrihlkthng 4 praephth idaek ekhruxngdntripraephthekhruxngsay ekhruxngepalmim ekhruxnglmthxngehluxng aelaekhruxngkrathb odybrrelngphayitkarkhwbkhumkhxngphuxanwyephlngwng emlebirn simofni xxrekhstraprawtixxrekhstra epnphasakrik tamkhwamhmayrupsphth hmaythung sthanthietnra sunghmaythung swnhnakhxngornglakhrsmykrikobran thiichepnthietnraaelarxngephlng khxngphwknkrxngprasanesiyng sahrbdntritawntk xxrekhstra mikhwamhmaythung wngsimofni xxrekhstra idaek wngdntrithiprakxbdwyekhruxngdntripraephthekhruxngsay rwmkb aelaekhruxngkrathb txmainklangstwrrsthi 18 khawa xxrekhstra hmaythung karaesdngkhxngwngdntri sungepnkhwamhmaythiichxyuinpccubn xyangirktamkhaniyngkhngichinxikkhwamhmayhnung khux phunthiradbtathiepnthinngxyuhnaewthilakhr aelaorngkhxnesirt rayatxmainklangkhriststwrrsthi 16 emuxerimkahndcanwnekhruxngdntrilnginbthephlng karphthnawngxxrekhstracungerimmikhun sunginrayaaerkepnlksnakhxngwngekhruxngsay String Orchestra sungmicanwnphuelnpraman 10 thung 25 khn odybangkhrngxaccamimakkwanitamkhwamtxngkarkhxngphupraphnthephlng inkhriststwrrsthi 17 wngxxrekhstramikarephimekhruxnglmim aelatxnplaykhxngyukhbaorkh praman kh s 1750 phupraphnthephlngniymbxkcanwnekhruxngdntriiwinbthephlngodylaexiyd nxkcakniyngmikarephimekhruxnglmthxngehluxng aelaekhruxngkrathbinwngxxrekhstra rawklangstwrrsthi 18 wngxxrekhstraepnrupaebbkhunmacnidmatrthaninyukhni khux yukhkhlassik sungehtuphlprakarhnung khux bthephlngpraephthsimofniepnrupaebbkhunmainyukhni cungthaihtxngmikarcdwngxxrekhstraihmimatrthanephuxichelnephlngsimofni nxkcaknikarbrrelngbthephlngpraephthkhxnaechrot xuprakr aelaephlngrxngekiywkbsasnakepnsaehtuhnungthithaihkarphthnawngxxrekhstraepnaebbaephnkhun klangstwrrsthi 19 sungepnyukhoraemntik mikarephimcanwnekhruxngdntriekhaipinwngxxrekhstra thaihwngmikhnadthiihykhun enuxngcakinyukhoraemntiknn niymelnbthephlngpraephth rwmthungxuprakr blelt aelabthephlngrxngprasanesiyng lwnmiphlihwngxxrekhstraephimkhnadkhunephuxkhwamyingihyaelakhwamsmcringsmcng ephuxihsamarthbrryayeruxngrawihidtrngtamthiphupraphnthephlngtngiciw aemwawngsimofnixxrekhstrainchwngplaystwrrsthi 20 yngkhngmibthbathsakhyindntritawntk pccythangesrsthkickmiswninkarkahndkhnadwngxxrekhstra hruxaenwthangkarpraphnthephlngephuxichkbwngxxrekhstra aetsingnikmiidkidknkarsrangsrrkhphlnganpraephththiichwngxxrekhstrakhxngphupraphnthephlngaetxyangidekhruxngdntriekhruxngdntrithiichinwngxxrekhstra odythrrmdaaelw camisdswndngni 2 4 flut 1 2 pikhokhol flutkhnthi 3 kb 4 2 4 oxob 1 2 xinglichhxrn oxobkhnthi 3 kb 4 2 4 khlarient 1 2 ebskhlarient khlarientkhnthi 3 kb 4 2 4 bassun 1 2 khxnthrabassun bassunkhnthi 3 kb 4 ekhruxnglmthxngehluxng 2 thung 8 hxrn 2 thung 8 thrmept 2 4 thrxmobn 1 2 ebsthrxmobn 1 thuba ekhruxngsay harp 16 thung 30 hruxmakkwa iwoxlin 8 thung 12 hruxmakkwa wioxla 8 thung 12 hruxmakkwa echlol 5 thung 8 hruxmakkwa dbebilebs aela ekhruxnglimniw epiyon ekhruxngkrathb klxngthimpani klxngihy klxngelk chab luksd rakhng isolofn bangkhrngkcamikarichekhruxngepainaenwxunxikechn aeskosofn aela yuofeniymxangxingPannain Guido Arcangelo Corelli Encyclopaedia Britannica subkhnemux 9 phvscikayn 2015 nruthth suththcitt sngkhitniym khwamsabsungindntritawntk sankphimphaehngculalngkrnmhawithyaly ISBN 974 13 3341 2 aehlngkhxmulxunWikiquote wikikhakhmphasaxngkvs mikhakhmthiklawody hruxekiywkb Orchestra wikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb Orchestras Chisholm Hugh b k 1911 Orchestra saranukrmbritanika kh s 1911 11 ed sankphimphmhawithyalyekhmbridc