ช่องรับแสง (อังกฤษ: Clerestory, Clearstory, Clerestory, เสียงอ่านภาษาอังกฤษ: /ˈklɪə(r)stɔəri/; Overstorey) หรือที่แปลตรงตัวว่า “ชั้นที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง” (clear storey) เป็นส่วนประกอบของสิ่งก่อสร้างที่หมายถึงชั้นบนของบาซิลิกาโรมัน หรือเหนือทางเดินกลางหรือบริเวณพิธีของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ หรือ สถาปัตยกรรมกอธิคของคริสต์ศาสนสถาน ผนังซึ่งสูงขึ้นไปจากทางเดินข้างและปรุด้วยหน้าต่าง จุดประสงค์ของการมี “ช่องรับแสง” ก็เพื่อให้แสงสว่างสามารถส่องเข้ามาในสิ่งก่อสร้างได้
ประวัติ
สมัยโบราณ
วิธีการสร้างช่องรับแสงปรากฏในการสร้างวัดในอียิปต์ คำว่า “ช่องรับแสง” ที่ใช้ในวัดอียิปต์โบราณหมายถึงบริเวณโถงที่มีแสงส่องเข้ามาได้ระหว่างช่องที่สร้างด้วยหินแนวดิ่งจากในบริเวณที่มีคอลัมน์รับเพดานของทางเดินข้างที่ติดกัน ช่องรับแสงปรากฏในอียิปต์มาตั้งแต่สมัยอมาร์นา (Amarna)
ในพระราชวังมิโนอันของครีตเช่นคนอสซอส นอกจากจะใช้ “ช่องรับแสง” แล้วก็ยังใช้ “lightwell” ด้วย
ช่องรับแสงใช้ในสถาปัตยกรรมกรีก เมื่อมาถึงสมัยโรมันก็มีการใช้ในสิ่งก่อสร้างแบบบาซิลิกาที่รวมทั้งสถานที่อาบน้ำและวัง
บาซิลิกาของคริสเตียนยุคแรกและไบแซนไทน์
การสร้างวัดคริสเตียนยุคแรกและบางวัดของสมัยไบแซนไทน์โดยเฉพาะในอิตาลีมีพื้นฐานมาจากสิ่งก่อสร้างแบบบาซิลิกาของโรมันซึ่งยังคงรักษาโถงทางเดินกลาง (nave) ขนาบด้วยทางเดินข้างที่เตี้ยกว่าสองข้าง ทางเดินกลางและทางเดินข้างแยกออกจากกันด้วยแนวเสาเหนือส่วนที่แยกกันเป็นผนังที่สูงขึ้นไปที่มีช่องรับแสงเป็นระยะๆ
สมัยโรมาเนสก์
ระหว่างสมัยโรมาเนสก์วัดแบบบาซิลิกาก็สร้างกันทั่วไปในยุโรป วัดส่วนใหญ่มีหลังคาเป็นไม้และมีช่องรับแสงภายใต้ วัดบางวัดมีเพดานโค้งแบบประทุนที่ไม่มีช่องรับแสง แต่การวิวัฒนาการการก่อสร้างที่ใช้ (groin vault) และ (ribbed vault) สามารถทำให้สร้างช่องรับแสงได้
เดิมทางเดินกลางของวัดที่มีทางเดินกลางกว้างจะทำเป็นสองชั้นๆ ล่างเป็นซุ้มโค้งและเหนือขึ้นไปเป็นช่องรับแสง ระหว่างสมัยโรมาเนสก์ก็มีการเพิ่มชั้นขึ้นอีกชั้นหนึ่งระหว่างสองชั้นนี้เป็น “ระเบียงเหนือทางเดินข้าง” ระเบียงเหนือทางเดินข้างโดยทั่วไปจะเป็นบริเวณเปิดภายใต้หลังคาที่ลาดลงมาของทางเดินข้าง การก่อสร้างลักษณะนี้กลายมาเป็นมาตรฐานของการก่อสร้างของสมัยปลายโรมาเนสก์และวัดกอธิคขนาดใหญ่หรือมหาวิหาร บางครั้งก็จะมีการเพิ่มระเบียงขึ้นอีกระเบียงหนึ่งในผนังเหนือระเบียงเหนือทางเดินข้างและใต้ช่องรับแสง ลักษณะนี้พบในสิ่งก่อสร้างของสมัยปลายโรมาเนสก์และต้นกอธิคของฝรั่งเศส
สมัยกอธิค
ถ้าเป็นวัดเล็กช่องรับแสงก็อาจจะเป็นมหาวิหาร สี่กลีบ (quatrefoil) หรือสามกลีบในวงกลม ในวัดในอิตาลีก็อาจจะเป็นหน้าต่างกลม ถ้าเป็นวัดใหญ่ช่องรับแสงเป็นสิ่งสำคัญของสิ่งก่อสร้างทั้งทางด้านความสวยงามและประโยชน์ทางการใช้สอย และครีบยันของสถาปัตยกรรมแบบกอธิคเป็นตัวรับน้ำหนักและความกดดันของสิ่งก่อสร้างที่ทำให้สามารถสร้างช่องรับแสงที่กว้างขึ้นได้ ในสมัยกอธิคช่องรับแสงมักจะแบ่งเป็นช่วงๆ ตามการแบ่งของหลังคาโค้งที่แล่นลงไปตามคอลัมน์ที่เป็นซุ้มโค้งที่แยกระหว่างทางเดินกลางและทางเดินข้าง
แนวโน้มของการวิวัฒนาการช่องรับแสงตั้งแต่สมัยโรมานเนสก์มาจนถึงปลายสมัยกอธิคคือช่องรับแสงที่สูงขึ้นๆ และกว้างขึ้นๆ จนกว้างกว่าสัดส่วนของผนัง
สมัยใหม่
การใช้ “ช่องรับแสง” ของสมัยใหม่คือการใช้ด้านบนของสิ่งก่อสร้างที่เป็นแนวหน้าต่างเหนือระดับตาในการให้แสงส่องเข้ามาในบริเวณภายในของสิ่งก่อสร้างโดยไม่ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวและไม่ดึงความสนใจไปกับทิวทัศน์ภายนอก การก่อสร้างโรงงานมักใช้วิธีนี้ หรือบ้านสมัยใหม่บางทีก็มีส่วนประกอบนี้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือโรงละครครอสบีของที่ทางด้านหน้าและด้านหลังของหลังคาเชื่อมกันด้วยช่องรับแสง เพาโล โซเลอริใช้ “ช่องรับแสง” ที่เรียกว่า “ตวงแสง 2009-03-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน” (light scoops)
อ้างอิง
- Gwendolyn Leick and Francis J. Kirk, A Dictionary of Ancient Near Eastern Architecture, 1988, Routledge, 261 pages
- C. Michael Hogan, Knossos fieldnotes, Modern Antiquarian (2007)
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ ช่องรับแสง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha chxngrbaesng xngkvs Clerestory Clearstory Clerestory esiyngxanphasaxngkvs ˈklɪe r stɔeri Overstorey hruxthiaepltrngtwwa chnthiimmisingkidkhwang clear storey epnswnprakxbkhxngsingkxsrangthihmaythungchnbnkhxngbasilikaormn hruxehnuxthangedinklanghruxbriewnphithikhxngsthaptykrrmormaensk hrux sthaptykrrmkxthikhkhxngkhristsasnsthan phnngsungsungkhunipcakthangedinkhangaelaprudwyhnatang cudprasngkhkhxngkarmi chxngrbaesng kephuxihaesngswangsamarthsxngekhamainsingkxsrangidchnrahwanghlngkhabnaelahlngkhalangkhux chxngrbaesng thiwdesntniokhilthi Stralsund prawtiphnngthimi chxngrbaesng khxngsingkxsranglksnabasilithietmipdwynganomeskthimhawiharmxnrixalMonrealephnngthangedinklangaebngepnsamtxn bnepn chxngrbaesng talngmaepnraebiyngehnuxthangedinkhang Triforium aelaitraebiyngehnuxthangedinkhangepnsumokhng wilthechxr xngkvs chxngrbaesng khxngmhawiharaesngtedxnisthithaihaesngsxngekhamaxabbriewntamkhwamtxngkarkhxngkarxxkaebbkhxngsmyobran withikarsrangchxngrbaesngpraktinkarsrangwdinxiyipt khawa chxngrbaesng thiichinwdxiyiptobranhmaythungbriewnothngthimiaesngsxngekhamaidrahwangchxngthisrangdwyhinaenwdingcakinbriewnthimikhxlmnrbephdankhxngthangedinkhangthitidkn chxngrbaesngpraktinxiyiptmatngaetsmyxmarna Amarna inphrarachwngmionxnkhxngkhritechnkhnxssxs nxkcakcaich chxngrbaesng aelwkyngich lightwell dwy chxngrbaesngichinsthaptykrrmkrik emuxmathungsmyormnkmikarichinsingkxsrangaebbbasilikathirwmthngsthanthixabnaaelawng basilikakhxngkhrisetiynyukhaerkaelaibaesnithn karsrangwdkhrisetiynyukhaerkaelabangwdkhxngsmyibaesnithnodyechphaainxitalimiphunthanmacaksingkxsrangaebbbasilikakhxngormnsungyngkhngrksaothngthangedinklang nave khnabdwythangedinkhangthietiykwasxngkhang thangedinklangaelathangedinkhangaeykxxkcakkndwyaenwesaehnuxswnthiaeykknepnphnngthisungkhunipthimichxngrbaesngepnraya smyormaensk rahwangsmyormaenskwdaebbbasilikaksrangknthwipinyuorp wdswnihymihlngkhaepnimaelamichxngrbaesngphayit wdbangwdmiephdanokhngaebbprathunthiimmichxngrbaesng aetkarwiwthnakarkarkxsrangthiich groin vault aela ribbed vault samarththaihsrangchxngrbaesngid edimthangedinklangkhxngwdthimithangedinklangkwangcathaepnsxngchn langepnsumokhngaelaehnuxkhunipepnchxngrbaesng rahwangsmyormaenskkmikarephimchnkhunxikchnhnungrahwangsxngchnniepn raebiyngehnuxthangedinkhang raebiyngehnuxthangedinkhangodythwipcaepnbriewnepidphayithlngkhathiladlngmakhxngthangedinkhang karkxsranglksnaniklaymaepnmatrthankhxngkarkxsrangkhxngsmyplayormaenskaelawdkxthikhkhnadihyhruxmhawihar bangkhrngkcamikarephimraebiyngkhunxikraebiynghnunginphnngehnuxraebiyngehnuxthangedinkhangaelaitchxngrbaesng lksnaniphbinsingkxsrangkhxngsmyplayormaenskaelatnkxthikhkhxngfrngess smykxthikh thaepnwdelkchxngrbaesngkxaccaepnmhawihar siklib quatrefoil hruxsamklibinwngklm inwdinxitalikxaccaepnhnatangklm thaepnwdihychxngrbaesngepnsingsakhykhxngsingkxsrangthngthangdankhwamswyngamaelapraoychnthangkarichsxy aelakhribynkhxngsthaptykrrmaebbkxthikhepntwrbnahnkaelakhwamkddnkhxngsingkxsrangthithaihsamarthsrangchxngrbaesngthikwangkhunid insmykxthikhchxngrbaesngmkcaaebngepnchwng tamkaraebngkhxnghlngkhaokhngthiaelnlngiptamkhxlmnthiepnsumokhngthiaeykrahwangthangedinklangaelathangedinkhang aenwonmkhxngkarwiwthnakarchxngrbaesngtngaetsmyormanenskmacnthungplaysmykxthikhkhuxchxngrbaesngthisungkhun aelakwangkhun cnkwangkwasdswnkhxngphnng smyihm karich chxngrbaesng khxngsmyihmkhuxkarichdanbnkhxngsingkxsrangthiepnaenwhnatangehnuxradbtainkarihaesngsxngekhamainbriewnphayinkhxngsingkxsrangodyimthaihesiykhwamepnswntwaelaimdungkhwamsnicipkbthiwthsnphaynxk karkxsrangorngnganmkichwithini hruxbansmyihmbangthikmiswnprakxbni xiktwxyanghnungkhuxornglakhrkhrxsbikhxngthithangdanhnaaeladanhlngkhxnghlngkhaechuxmkndwychxngrbaesng ephaol oselxriich chxngrbaesng thieriykwa twngaesng 2009 03 16 thi ewyaebkaemchchin light scoops xangxingGwendolyn Leick and Francis J Kirk A Dictionary of Ancient Near Eastern Architecture 1988 Routledge 261 pages ISBN 0415002400 C Michael Hogan Knossos fieldnotes Modern Antiquarian 2007 duephimngankracksi aephnphngmhawihar sthaptykrrmormaensk sthaptykrrmkxthikhaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxekiywkb chxngrbaesng