คีอา | |
---|---|
คีอาตัวโตเต็มวัย ใน | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์ปีก |
อันดับ: | Psittaciformes |
วงศ์ใหญ่: | Strigopoidea |
วงศ์: | Nestoridae |
สกุล: | Nestor |
สปีชีส์: | N. notabilis |
ชื่อทวินาม | |
Nestor notabilis , 1856 | |
ช่วงการแพร่กระจายพันธุ์ |
คีอา หรือ นกแก้วคีอา (อังกฤษ: kea; /ˈkiːə/; ชื่อวิทยาศาสตร์: Nestor notabilis) เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ในวงศ์ Nestoridae ซึ่งพบได้ในพื้นที่ป่าสนเขาของบนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ และเป็นนกแก้วป่าสนเขา (นกแก้วเขตอัลไพน์) เพียงชนิดเดียวในโลก คีอากินอาหารแบบไม่เลือกรวมถึงซากเน่า แต่โดยทั่วไปกินรากพืช ใบพืช ผลเบอร์รี่ น้ำหวาน และแมลง ตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2529 คีอาได้รับการคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติสัตว์ป่า แม้ว่าในอดีตเคยถูกฆ่าเพื่อเงินค่าหัวเนื่องจากความกังวลของชุมชนเลี้ยงแกะ เมื่อพบว่ามันโจมตีปศุสัตว์โดยเฉพาะแกะ นกแก้วคีอาทำรังในโพรงหรือรอยแตกตามรากไม้
คีอาได้รับการยอมรับในด้านสติปัญญาและความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นความสามารถที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ทุรกันดารในพื้นที่ภูเขา คีอาสามารถไขปริศนาเชิงตรรกะได้ เช่น การผลักและดึงสิ่งของในลำดับที่แน่นอนเพื่อไปหาอาหาร และสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง รวมทั้งการเตรียมและการใช้เครื่องมือ
อนุกรมวิธาน
คีอา (Nestor notabilis) ได้รับการระบุชนิดโดยนักปักษีวิทยาจอห์น เกาลด์ (John Gould) ในปี ค.ศ. 1856 จากตัวอย่างสองชิ้นที่ได้รับจากวอลเทอร์ แมนเทลล์ (Walter Mantell) ที่เก็บจากภูมิภาคมูริฮิกุ ข้อมูลในสมัยนั้นระบุว่าแมนเทลล์ได้รับการบอกเล่าจากชาวเมารีผู้สูงวัยบางคนถึงเรื่องเกี่ยวกับนกคีอา ประมาณ 8 ปีก่อนการรับมอบตัวอย่าง รวมทั้งเรื่องเล่าของนกแก้วคีอาที่บินไปบริเวณชายฝั่งในฤดูหนาวซึ่งปัจจุบันไม่สามารถพบเห็น
ในภาษาละติน ชื่อคุณลักษณะ notabilis หมายถึง "น่าจดจำ" ชื่อสามัญ kea มาจาก ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นเสียงของนกแก้วคีอาที่นร้องขณะบิน – "คี-อา" (keee aaa) ในภาษาอังกฤษคำว่า kea เป็นทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ และ "นกแก้วคีอา" ในภาษาไทยบางครั้งอาจเขียนว่า "นกแก้วเคีย"
สกุล Nestor มี 4 ชนิดคือ (Nestor meridionalis), คีอา (N. notabilis), ที่สูญพันธุ์ (N. productus) และที่สูญพันธุ์ (N. chathamensis) สันนิษฐานว่าทั้งสี่ชนิดวิวัฒนาการมาจากนก "โปรโต-กากา" ที่อาศัยอยู่ในป่าของนิวซีแลนด์เมื่อห้าล้านปีก่อน ญาติสนิทที่สุดของนกสกุล Nestor คือ นกแก้วคาคาโปที่บินไม่ได้ (Strigops habroptilus) ซึ่งทั้ง 5 ชนิดข้างต้นรวมกันเป็นนกแก้วใน (Strigopoidea) ซึ่งเป็นกลุ่มนกแก้วโบราณที่แยกออกมาจาก Psittacidae อื่น ๆ ทั้งหมด (เมื่อประมาณ 82 ล้านปีก่อน) ก่อนการการแตกแขนงสายวิวัฒนาการครั้งใหญ่
ลักษณะทางกายวิภาค
เป็นนกแก้วขนาดใหญ่ยาวประมาณ 48 เซนติเมตร (19 นิ้ว) ตัวผู้มีขนาดตัวยาวกว่าตัวเมียประมาณร้อยละ 5 และน้ำหนักประมาณ 0.8–1 กิโลกรัม ตัวผู้มีน้ำหนักมากกว่าตัวเมียราวร้อยละ 20 ขนส่วนใหญ่เป็นสีเขียวมะกอก ขนใต้ปีกสีส้มสด และปีกด้านนอกบางส่วนเป็นสีฟ้าหม่น หางสั้น กว้าง สีเขียวอมฟ้า ปลายหางสีดำ เป็นเงาวาว หางด้านล่างมีมีแถบขวางสีเหลืองอมส้ม จะงอยปากบนขนาดใหญ่ เพรียว โค้งงุ้ม สีเทา ซึ่งเหมาะกับการขบแบบนกแก้วทั่วไป และการขุดหาอาหาร
ตัวโตเต็มวัยมีม่านตา ขนวงขอบตา หนังโคนจะงอยปาก เป็นสีน้ำตาลเทา และตีนเทา ขนแก้มสีเขียวมะกอกเข้มหรือเขียวเทาเข้ม ขนบนหลังและตะโพกเป็นสีส้มแดง ขนาดจะงอยปากบนของตัวผู้ยาวกว่าตัวเมียร้อยละ 12–14
นกรุ่นมีลักษณะคล้ายกับตัวโตเต็มวัย แต่มีขนวงขอบตาและหนังโคนจะงอยปากสีเหลือง จะงอยปากล่างสีส้มเหลืองและขาสีเหลืองหม่น
การกระจายพันธุ์และถิ่นที่อยู่
คีอา (N. notabilis) เป็นหนึ่งในนกแก้วสิบชนิดที่เป็นนกเฉพาะถิ่นในนิวซีแลนด์
มีช่วงกระจายพันธุ์จากที่ลุ่มน้ำในหุบเขา ป่าชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะใต้ ไปถึงภูมิภาคป่าสนเขาของเกาะใต้เช่น เมือง Arthur's Pass และอุทยานแห่งชาติอาโอราคิ-เขาคุก และตลอดช่วงกับป่าบีชแถบใต้ในเขตเทือกเขาแอลป์ใต้
ในปัจจุบันไม่พบคีอาในเกาะเหนือนอกจากเป็นนกพลัดหลงเป็นบางครั้ง ทั้งนี้หลักฐานการค้นพบซากกระดูกกึ่งฟอสซิลของคีอา บนเนินทรายที่ที่ลุ่มแม่น้ำ Mataikona ในเขตไวราราปาตะวันออก (Wairarapa), ชุมชนโปอูคาวา (Poukawa) ใกล้เมืองแฮสติงส์ (Hastings) และชุมชนไวโทโม (Waitomo) แสดงให้เห็นว่าพวกมันเคยอาศัยอยู่จำนวนมากในแถบป่าที่ราบลุ่มของเกาะเหนือ จนกระทั่งการมาถึงของผู้ตั้งถิ่นฐานชาวโพลินีเซียนเมื่อประมาณ 750 ปีก่อน ซากกึ่งฟอสซิลของคีอาไม่ได้จำกัดบริเวณอยู่ที่พื้นที่ป่าสนเขาเท่านั้น แต่ยังพบได้ทั่วไปในถิ่นที่อยู่อื่น ๆ เช่น ที่ลุ่ม หรือชายฝั่งบนเกาะใต้ แหล่งการกระจายพันธุ์ที่เหลือในปัจจุบันของคีอา สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสัตว์นักล่าจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ซึ่งผลักดันคีอาออกจากป่าที่ราบลุ่มเข้าไปในเขตภูเขาแทน
ประชากรทั้งหมดของคีอา ในปี 1986 อยู่ที่ประมาณ 1,000–5,000 ตัว ซึ่งลดลงอย่างมากจากประมาณ 15,000 ตัวในปี 1992 การวัดจำนวนประชากรอาจทำได้ไม่แม่นยำนักเนื่องการกระจายพันธุ์อย่างกว้าง และความหนาแน่นของกลุ่มประชากรที่ต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากลำบาก การประมาณจำนวนประชากรในปัจจุบัน (ปี ค.ศ. 2017) น่าจะอยู่ระหว่าง 3,000–7,000 ตัว
พฤติกรรม
คีอาเป็นนกสังคมและอาจรวมฝูงใช้ชีวิตร่วมกันมากถึง 13 ตัว และสร้างลำดับชั้นทางสังคมแบบยืดหยุ่นขึ้นภายในฝูง นกที่อยู่ลำพังในการถูกจองจำมักมีสุขภาพที่ไม่ดี เฉื่อยชา แต่จะตอบสนองได้ดีเมื่อได้มองเห็นตัวเองในกระจก การรวมฝูงของนกแก้วคีอาในภาษาอังกฤษเรียก "circus"
การผสมพันธุ์
โดยทั่วไปคีอาโตเต็มวัยและเริ่มผสมพันธุ์ตั้งแต่อายุ 4 ปี และมักอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต แม้ผู้สังเกตการณ์อย่างน้อยหนึ่งครั้งรายงานว่า นกแก้วคีอามีพฤติกรรมจับคู่กับนกตัวเมียหลายตัว (Polygynous) จากการสันนิษฐานอ้างอิงสัดส่วนของตัวเมียที่มีมากกว่าตัวผู้มาก ทั้งนี้การศุึกษายังไม่ได้รับการยืนยันด้วยการติดตามการเดินทางของนกทางวิทยุ
นกแก้วคีอาผสมพันธุ์ในฤดูหนาว ช่วงเดือนสิงหาคมถึงเมษายน
จากการศึกษาความหนาแน่นของการสร้างรัง พบว่า มี 1 รังต่อ 4.4 ตารางกิโลเมตร (1.7 ตารางไมล์) พื้นที่ผสมพันธุ์ส่วนใหญ่อยู่ในป่าบีชตอนใต้ บริเวณเขาสูงชัน แหล่งผสมพันธุ์มักอยู่ในที่สูงไม่น้อยกว่า 1,600 เมตร (5,200 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล คีอาเป็นหนึ่งในนกแก้วน้อยชนิดในโลกที่ใช้ชีวิตเป็นประจำอยู่เหนือแนวต้นไม้ รังมักสร้างอยู่บนพื้นดินใต้ต้นขนาดใหญ่ ในรอยแยกหิน หรือขุดโพรงระหว่างรากต้นไม้ สามารถสร้างอุโมงค์หลายช่อง ยาว 1 ถึง 6 เมตร (3.3 ถึง 19.7 ฟุต) ต่อเชื่อมกับห้องรังขนาดใหญ่ซึ่งปูด้วยไลเคน มอส เฟิร์น และเศษไม้ที่เปื่อย เริ่มในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนมกราคม วางไข่ 2–5 ฟอง สีขาว เส้นรอบวง 39 มม. และไข่ยาว 43 มม. ระยะเวลาฟักไข่ประมาณ 21–26 วัน และระยะเลี้ยงดู 94 วันจึงเริ่มหัดบิน และแยกออกจากรังเมื่ออายุ 100–150 วัน
อัตราการเสียชีวิตสูงในลูกนกคีอา ประมาณไม่เกินร้อยละ 40 ที่รอดชีวิตจากปีแรก อายุขัยเฉลี่ยของนกแก้วคีอาในธรรมชาติอาจอยู่ที่ 5 ปี และจากการคาดคะเนมีเพียงประมาณร้อยละ 10 ของประชากรนกแก้วคีอามีอายุมากกว่า 20 ปี นกแก้วคีอาเลี้ยงที่มีอายุขัยมากที่สุดที่รู้จักกันคือ 50 ปีในปี ค.ศ. 2008
อาหารและการหาอาหาร
เป็นนกที่กินทั้งพืชและสัตว์ นกคีอากินพืชมากกว่า 40 ชนิด ทั้งหน่ออ่อน ใบ ผล และน้ำหวานจากดอกไม้ และอาจมีบทบาทสำคัญในการกระจายเมล็ด กินสัตว์เช่น ตัวอ่อนด้วง นกและลูกนกอื่น ๆ (ได้แก่ ลูก) และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (รวมถึงแกะและกระต่าย) มีการสังเกตพบการทำลายรังของนกจมูกหลอด และพบเสียงลูกนกจมูกหลอดเป็นอาหารในรังของคีอา คีอายังใช้ประโยชน์จากขยะของมนุษย์และ อาหารที่มนุษย์แบ่งให้กิน รวมทั้งกินซากกวาง ซากแพะภูเขาและแกะเมื่อมีโอกาส
แกะ
มีการโต้เถียงอย่างยาวนานมากกว่าหลายทศวรรษว่า นกแก้วคีอากินแกะ จากการบันทึกในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1860 พบแกะจำนวนหนึ่งมีบาดแผลที่ผิดปกติที่ด้านข้างหรือได้รับ ซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณหนึ่งทศวรรษของการบุกเบิกที่ดินของเกษตรกรผู้เลี้ยงแกะ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในที่ราบสูง ในขณะนั้นแม้ว่าบางคนคิดว่าสาเหตุอาจเกิดจากโรคชนิดใหม่ แต่ต่อมาในไม่ช้าความสงสัยได้ตกอยู่กับนกแก้วคีอา ในปี พ.ศ. 2411 เจมส์ แมคโดนัลด์ หัวหน้าคนเลี้ยงแกะที่สถานีวานาก้า ได้เป็นประจักษ์พยานที่คีอาเข้าทำร้ายแกะ และเรื่องเล่าที่คล้ายคลึงกันจากผู้อื่นเกิดขึ้นไปทั่ว สมาชิกที่มีชื่อเสียงของชุมชนวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า นกแก้วคีอาโจมตีแกะจริง โดย อัลเฟรด วอลเลซ (Alfred Wallace) อ้างในหนังสือ Darwinism ของเขาในปี 1889 ว่า "กรณีนี้เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม" โธมัส พอทส์ (Thomas Potts) ตั้งข้อสังเกตว่าการโจมตีเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในช่วงฤดูหนาว และแกะที่มีขนแกะที่ยาวและเลี้ยงไว้ในพื้นที่ที่มีหิมะนั้นเป็นกลุ่มที่เปราะบางที่สุด ในขณะที่แกะที่ขนเพิ่งได้รับการตัดใหม่ในสภาพอากาศอบอุ่นมักไม่ค่อยถูกโจมตี
แม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการโจมตีของนกคีอาจากคำบอกเล่า แต่ผู้คนทั่วไปยังคงไม่แน่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีต่อๆ มา ตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2505 เจ.อาร์. แจ็คสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวิทยาสรุปว่า แม้ว่านกอาจโจมตีแกะที่ป่วยหรือบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนกเข้าใจผิดว่าพวกมันตายไปแล้ว (กินซาก) มัน (นกแก้วคีอา) ไม่น่าจะเป็นสัตว์นักล่าสำคัญ อย่างไรก็ตามในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 มีการจับภาพวิดีโอการโจมตีในตอนกลางคืน ซึ่งพิสูจน์ว่านกคีอาโจมตีและกินแกะที่แข็งแรงจริง วิดีโอนี้ยืนยันสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนสงสัยมานานแล้วว่า คีอาใช้จงอยปากโค้งและกรงเล็บอันทรงพลังของมันเพื่อฉีกชั้นขนแกะและกินไขมันจากด้านหลังของสัตว์ แม้ว่านกจะไม่ฆ่าแกะโดยตรง แต่ความตายอาจเป็นผลมาจากการติดเชื้อหรืออุบัติเหตุที่สัตว์ได้รับเมื่อพยายามหลบหนี
เนื่องจากปัจจุบันนกแก้วคีอา (N. notabilis) ได้รับสถานะเป็นสัตว์คุ้มครอง การลักลอบโจมตีของนกยังคงอยู่และเป็นสิ่งที่เกษตรกรผู้เลี้ยงแกะต้องกล้ำกลืนทน ทั้งนี้สาเหตุของการโจมตีแกะและสัตว์อื่น ๆ ของคีอาบางตัวยังไม่ชัดเจน
ทฤษฎีต่าง ๆ ที่ครอบคลุมถึง แหล่งอาหารที่มีอยู่ ความอยากรู้อยากเห็น ความบันเทิง ความหิว หนอนปรสิตบนแกะ ตลอดจนความเปลี่ยนอุปนิสัยจากการไล่ล่าแกะที่ตาย ล้วนถูกหยิบยกมาพิจารณาถึงพฤติกรรมการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไรหลักฐานบอกเล่ายังชี้ให้เห็นว่านกบางตัวเท่านั้นที่เรียนรู้พฤติกรรมนี้ ซึ่งการระบุตัวและการกำจัดนกตัวดังกล่าวเหล่านั้นก็อาจเพียงพอที่จะควบคุมปัญหาได้
นอกจากนี้ยังมีรายงานจากหลักฐานบอกเล่าเกี่ยวกับนกแก้วคีอาที่ทำร้ายกระต่าย สุนัข และแม้แต่ม้า นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะที่นกแก้วคีอาเคยกินนกโมอา ในลักษณะเดียวกัน
ความสามารถทางสติปัญญา
นกแก้วคีอาได้รับการยอมรับในด้านสติปัญญาและความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นความสามารถที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ทุรกันดารในพื้นที่ภูเขา คีอามีระดับสติปัญญาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับนกแก้วและนกอื่น และแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด สติปัญญาของลูกนกแต่ะตัวต่างกันเกิดจากความแตกต่างในการปฏิสัมพันธ์กับตัวเต็มวัย และการเรียนรู้ซึ่งเกิดขึ้นจากทักษะการหาอาหาร รวมทั้งการมีช่วงเวลาก่อนโตเต็มวัยที่ยาวนานกว่านกแก้วทั่วไป ทำให้มีการเล่นและเกิดการเรียนรู้ที่มากกว่า
คีอาสามารถไขปริศนาเชิงตรรกะได้ เช่น การผลักและดึงสิ่งของในลำดับที่แน่นอนเพื่อไปหาอาหาร และสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง รวมทั้งการเตรียมและการใช้เครื่องมือ และเข้าใจเงาสะท้อนของตัวเอง ความสามารถใช้เครื่องมือและมีความเข้าใจด้านเทคนิคที่ดีมาก สามารถเปิดปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังและถังขยะโดยง่าย นอกจากนี้ยังสามารถประเมินความน่าจะเป็นได้อย่างถูกต้อง เช่นการคาดการณ์ความน่าจะเป็นของวัตถุที่ซ่อนอยู่ในมือข้างใดข้างหนึ่ง
ความสัมพันธ์กับมนุษย์
นกแก้วคีอาเป็นนกที่ใช้ชีวิตในช่วงพลบค่ำ (crepuscular) มีพฤติกรรมความอยากรู้อยากเห็นและขี้เล่นเป็นพิเศษ คีอาเป็นทั้งศัตรูพืชสำหรับผู้อยู่อาศัยในเขตกสิกรรมและเป็นจุดดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเรียกพวกมันว่า "ตัวตลกแห่งขุนเขา" คีอามัก "ตรวจสอบ" สิ่งของที่นักท่องเที่ยวนำมาและทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแลในที่ตั้งแคมป์และที่จอดรถ เช่น กระเป๋าเป้ รองเท้าบู๊ท สกี สโนว์บอร์ด และแม้แต่รถยนต์ และมักสร้างความเสียหายกับรถที่จอดอยู่จะได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ เช่น ยางที่ประตูและหน้าต่าง หรือบินออกไปพร้อมกับสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ
การอนุรักษ์
ในคริสต์ทศวรรษ 1970 นกแก้วคีอาได้รับการคุ้มครองบางส่วนหลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรนก ซึ่งนับได้เพียง 5,000 ตัว รัฐบาลยินยอมตรวจสอบรายงานของนกที่มีปัญหาและนำพวกมันออกจากพื้นที่ ในปี พ.ศ. 2529 นกแก้วคีอาได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ภายใต้พระราชบัญญัติสัตว์ป่า (นิวซีแลนด์) พ.ศ. 2496
แม้จะจัดอยู่ในประเภทที่ใกล้สูญพันธุ์ในระดับประเทศ ในระบบการจัดประเภทภัยคุกคามของนิวซีแลนด์ และสถานะใกล้สูญพันธุ์ (EN) ในรายการแดงของ IUCN และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย แต่คีอายังถูกยิงโดยเจตนา ตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ชาวบ้านหมู่บ้าน Fox Glacier สังหารนกแก้วคีอา 33 ตัว และในปี พ.ศ. 2551 มีการยิงนกคีอา 2 ตัวที่ Arthur's Pass และเย็บซากติดกับป้าย และถูกคุกคามจากสัตว์ต่างถิ่นรุกรานที่นำเข้าโดยผู้ตั้งถิ่นฐานจากยุโรป เช่น แมวบ้าน หนู พอสซัม มีส่วนรบกวนอัตราความสำเร็จในการขยายพันธุ์โดยปกติร้อยละ 70 ให้เหลือเพียงร้อยละ 40 เมื่อไม่มีการควบคุมจำนวนสัตว์ต่างถิ่นเหล่านั้น
การตายของนกแก้วคีอาจากการขนส่งจราจรทำให้หน่วยงานขนส่งของนิวซีแลนด์ติดตั้งป้าย เพื่อช่วยสร้างความตระหนักและเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนชะลอรถลงหากจำเป็น
โครงการวิทยาศาสตร์พลเมืองที่เรียกว่า "ฐานข้อมูลคีอา" เปิดตัวในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งช่วยให้สามารถบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนกแก้วคีอา ไปยังฐานข้อมูลออนไลน์ได้ ถ้าพบนกแก้วคีอาที่มีพฤติกรรมการโจมตีจะได้รับตั้งชื่อและขื้นบัญชีตรวจสอบ สามารถติดตามนิสัยและพฤติกรรมของนกแก้วคีอาแต่ละตัวได้
บางคนเรียกร้องให้นำนกแก้วคีอา กลับมาแพร่พันธุ์ในเขตปลอดผู้ล่าในเกาะเหนือ ดร.ไมค์ ดิกกิสัน อดีตภัณฑารักษ์ด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่พิพิธภัณฑ์ภูมิภาควางกานุย บอกกับนิตยสาร North & South ในฉบับเดือนตุลาคม 2018 ว่านกจะสามารถใช้ชีวิตได้ดีบนภูเขารัวเปฮู
การอนุรักษ์นกคีอา ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การนอกภาครัฐ กองทุนอนุรักษ์คีอา (Kea Conservation Trust NGO) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2549 เพื่อปกป้องนกแก้วคีอา
อ้างอิง
- Gould, John (1856). "On two new species of birds (Nestor notabilis and Spatula variegata) from the collection of Walter Mantell, Esq". Proceedings of the Zoological Society of London: 94–95.
- Simpson DP (1979). Cassell's Latin Dictionary (5th ed.). London: Cassell Ltd. p. 883. ISBN .
- Ngā manu – birds, Te Ara - the Encyclopedia of New Zealand. Updated 1 March 2009. Retrieved 21 January 2010.
- "เผยโฉม "ลูกนก" อัปลักษณ์ที่สุดในโลก!!". mgronline.com (ภาษาอังกฤษ). 2012-04-19.
- Wright, T.F.; Schirtzinger E. E.; Matsumoto T.; Eberhard J. R.; Graves G. R.; Sanchez J. J.; Capelli S.; Muller H.; Scharpegge J.; Chambers G. K.; Fleischer R. C. (2008). "A Multilocus Molecular Phylogeny of the Parrots (Psittaciformes): Support for a Gondwanan Origin during the Cretaceous". Mol Biol Evol. 25 (10): 2141–2156. doi:10.1093/molbev/msn160. PMC 2727385. PMID 18653733.
- Grant-Mackie, E.J.; J.A. Grant-Mackie; W.M. Boon; G.K. Chambers (2003). "Evolution of New Zealand Parrots". NZ Science Teacher. 103.
- Wright, T.F.; Schirtzinger E. E.; Matsumoto T.; Eberhard J. R.; Graves G. R.; Sanchez J. J.; Capelli S.; Muller H.; Scharpegge J.; Chambers G. K.; Fleischer R. C. (2008). "A Multilocus Molecular Phylogeny of the Parrots (Psittaciformes): Support for a Gondwanan Origin during the Cretaceous". Mol Biol Evol. 25 (10): 2141–2156. doi:10.1093/molbev/msn160. PMC 2727385. PMID 18653733.
- Grant-Mackie, E.J.; J.A. Grant-Mackie; W.M. Boon; G.K. Chambers (2003). "Evolution of New Zealand Parrots". NZ Science Teacher. 103.
- Juniper, T., Parr, M. (1998) Parrots: A guide to parrots of the world. New Haven, CT: Yale University Press (ISBN )
- De Kloet, Rolf S.; De Kloet, Siwo R. (September 2005). "The evolution of the spindlin gene in birds: sequence analysis of an intron of the spindlin W and Z gene reveals four major divisions of the Psittaciformes". Mol. Phylogenet. Evol. 36 (3): 706–21. doi:10.1016/j.ympev.2005.03.013. PMID 16099384.
- Schweizer, M.; Seehausen O; Güntert M; Hertwig ST (2009). "The evolutionary diversification of parrots supports a taxon pulse model with multiple trans-oceanic dispersal events and local radiations". Molecular Phylogenetics and Evolution. 54 (3): 984–94. doi:10.1016/j.ympev.2009.08.021. PMID 19699808.
- Bond, A. B.; Wilson, K. J.; Diamond, J. (1991). "Sexual Dimorphism in the Kea Nestor notabilis". Emu. 91 (1): 12–19. doi:10.1071/MU9910012.
- CRC Handbook of Avian Body Masses by John B. Dunning Jr. (Editor). CRC Press (1992), ISBN .
- "Kea | New Zealand Birds Online". nzbirdsonline.org.nz.
- Forshaw, Joseph M. (2006). Parrots of the World; an Identification Guide. Illustrated by Frank Knight. Princeton University Press. ISBN .
- "เผยโฉม "ลูกนก" อัปลักษณ์ที่สุดในโลก!!". mgronline.com (ภาษาอังกฤษ). 2012-04-19.
- Holdaway, R.N.; Worthy, T.H. (1993). (PDF). Notornis. 40 (2): 95–108. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-11-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-03.
- Nicholls, Jenny (15 September 2018). . Noted (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
- Noted. . Noted (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
- Anderson, R (1986). "Keas for keeps". Forest and Bird. 17: 2–5.
- "Kea". DOC.govt.nz (ภาษาอังกฤษ). New Zealand Department of Conservation. สืบค้นเมื่อ 2017-09-21.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Diamond, J.; Bond, A. (1989). (PDF). Avicultural Magazine 95(2). pp. 92–94. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2 October 2011.
- "New Zealand Birds | Collective Nouns for birds (the K's)". nzbirds.com. 2011. สืบค้นเมื่อ 11 May 2011.
- Jackson, J. R. (1962). "The life of the Kea". Canterbury Mountaineer. 31: 120–123.
- Elliott, G.; Kemp, J. (1999), Conservation ecology of kea (Nestor notabilis), WWF New Zealand
- Akers, Kate; Orr-Walker, Tamsin (April 2009). "Kea Factsheet" (PDF). Kea Conservation Trust. (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2010.
- Bond, A.; Diamond, J. (1992). "Population Estimates of kea in Arthur's Pass National Park". Notornis. 39: 151–160.
- nhnz.tv, Kea – Mountain Parrot, , one hour documentary (1993).
- Clark, C.M.H. (1970). (PDF). Notornis. 17: 105–114. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-11-24. สืบค้นเมื่อ 2021-06-03.
- Christina Troup. Birds of open country – kea digging out a shearwater chick 17 ตุลาคม 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Te Ara – the Encyclopedia of New Zealand, Ministry of Culture and Heritage. Updated 20 November 2009. Accessed 22 January 2010.
- Gajdon, G.K.; Fijn, N.; Huber, L. (2006). "Limited spread of innovation in a wild parrot, the kea (Nestor notabilis)". Animal Cognition. 9 (3): 173–181. doi:10.1007/s10071-006-0018-7.
- Benham, W. B. (1906). "Notes on the Flesh-eating Propensity of the Kea (Nestor notabilis)". Transactions of the Royal Society of New Zealand. 39: 71–89.
- Wallace, Alfred (1889). Darwinism. London: Macmillan and Co. p. 75.
- Potts, Thomas (1882) [from "Out in the Open," 1882]. "The Kea, or Mountain Parrot". ใน Reeves, William Pember (Minister of Education) (บ.ก.). The New Zealand Reader. Wellington: Samuel Costall, Government Printer (ตีพิมพ์ 1895). pp. 81–90 – โดยทาง New Zealand Electronic Text Collection (NZETC).
- Marriner, G. R. (1906). "Notes on the Natural History of the Kea, with Special Reference to its Reputed Sheep-killing Propensities". Transactions of the Royal Society of New Zealand. 39: 271–305.
- Jackson, J.R. (1962). (PDF). Notornis. 10: 33–38. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-02-18. สืบค้นเมื่อ 2021-06-03.
- Temple, Philip (1994). "Kea: the feisty parrot". New Zealand Geographic. No. 024. Auckland (ตีพิมพ์ Oct–Dec 1994). สืบค้นเมื่อ 2019-01-13.
{{}}
: CS1 maint: date format () - stuff.co.nz
- Tobias Rahde: . Hrsg.: Freie Universität Berlin. 2014, S. 100–128 (Online [PDF; abgerufen am 15. September 2019]).
- The parrots that understand probabilities. Nature, 2020, abgerufen am 9. Februar 2021 (englisch).
- "Kea: Merkmale und Lebensweise des Bergpapageis". Das-Tierlexikon.de (ภาษาเยอรมัน). 2017-08-24.
- . University of Vienna - Faculty of Life Sciences, Department of Cognitive Biology. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 November 2011. สืบค้นเมื่อ 2011-10-28.
- Cheeky parrot steals tourist's passport, ABC News, 30 May 2009. Retrieved 22 January 2010.
- Diamond, J., Bond, A. (1999) Kea. Bird of paradox. The evolution and behavior of a New Zealand Parrot. Berkeley; Los Angeles, CA: University of California Press. (ISBN )
- "Wildlife Act 1953 No 31 (as at 07 August 2020), Public Act – New Zealand Legislation". www.legislation.govt.nz.
- Hitchmough, Rod; Bull, Leigh; Cromarty, Pam (2007). New Zealand Threat Classification System lists 2005 (PDF). Wellington: Department of Conservation. ISBN .
- . Kea Conservation Trust website. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 September 2011.
- "Arthurs Pass neighbours at odds". The Press. 2 February 2008. สืบค้นเมื่อ 8 October 2011.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - "Kea". www.doc.govt.nz (ภาษาอังกฤษ).
- "Drivers urged to slow down for kea". DOC.govt.nz (ภาษาอังกฤษ). New Zealand Department of Conservation. 25 August 2017. สืบค้นเมื่อ 2017-09-21.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - "Kea Database". keadatabase.nz (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2017-09-21.
- Noted. . Noted (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 January 2019. สืบค้นเมื่อ 2019-05-08.
- "Kea|Nestor Notabilis|Kea Conservation Trust NZ". Kea Conservation Trust (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-09-03.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
khixakhixatwotetmwy insthanakarxnurksiklsuyphnthu IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngchn stwpikxndb Psittaciformeswngsihy Strigopoideawngs Nestoridaeskul Nestorspichis N notabilischuxthwinamNestor notabilis 1856chwngkaraephrkracayphnthu khixa hrux nkaekwkhixa xngkvs kea ˈ k iː e chuxwithyasastr Nestor notabilis epnnkaekwkhnadihyinwngs Nestoridae sungphbidinphunthipasnekhakhxngbnekaaitkhxngniwsiaelnd aelaepnnkaekwpasnekha nkaekwekhtxliphn ephiyngchnidediywinolk khixakinxaharaebbimeluxkrwmthungsakena aetodythwipkinrakphuch ibphuch phlebxrri nahwan aelaaemlng tngaetinpi ph s 2529 khixaidrbkarkhumkhrxngphayitphrarachbyytistwpa aemwainxditekhythukkhaephuxenginkhahwenuxngcakkhwamkngwlkhxngchumchneliyngaeka emuxphbwamnocmtipsustwodyechphaaaeka nkaekwkhixatharnginophrnghruxrxyaetktamrakim khixaidrbkaryxmrbindanstipyyaaelakhwamxyakruxyakehn sungepnkhwamsamarththimikhwamsakhytxkarxyurxdinsphaphaewdlxmthithurkndarinphunthiphuekha khixasamarthikhprisnaechingtrrkaid echn karphlkaeladungsingkhxnginladbthiaennxnephuxiphaxahar aelasamarththanganrwmknephuxbrrluwtthuprasngkhbangxyang rwmthngkaretriymaelakarichekhruxngmuxxnukrmwithankhixa Nestor notabilis idrbkarrabuchnidodynkpksiwithyacxhn ekald John Gould inpi kh s 1856 caktwxyangsxngchinthiidrbcakwxlethxr aemnethll Walter Mantell thiekbcakphumiphakhmurihiku khxmulinsmynnrabuwaaemnethllidrbkarbxkelacakchawemariphusungwybangkhnthungeruxngekiywkbnkkhixa praman 8 pikxnkarrbmxbtwxyang rwmthngeruxngelakhxngnkaekwkhixathibinipbriewnchayfnginvduhnawsungpccubnimsamarthphbehn inphasalatin chuxkhunlksna notabilis hmaythung nacdca chuxsamy kea macak sungsnnisthanwaepnesiyngkhxngnkaekwkhixathinrxngkhnabin khi xa keee aaa inphasaxngkvskhawa kea epnthngexkphcnaelaphhuphcn aela nkaekwkhixa inphasaithybangkhrngxacekhiynwa nkaekwekhiy skul Nestor mi 4 chnidkhux Nestor meridionalis khixa N notabilis thisuyphnthu N productus aelathisuyphnthu N chathamensis snnisthanwathngsichnidwiwthnakarmacaknk oprot kaka thixasyxyuinpakhxngniwsiaelndemuxhalanpikxn yatisniththisudkhxngnkskul Nestor khux nkaekwkhakhaopthibinimid Strigops habroptilus sungthng 5 chnidkhangtnrwmknepnnkaekwin Strigopoidea sungepnklumnkaekwobranthiaeykxxkmacak Psittacidae xun thnghmd emuxpraman 82 lanpikxn kxnkarkaraetkaekhnngsaywiwthnakarkhrngihylksnathangkaywiphakhnkkhixarun mikhxbtaaelahnngokhncangxypaksiehluxng cngxypaklangsismehluxng aelakhasiehluxnghmnnkkhixatwetmwy thikhnsismitpiksamarthmxngehnidkhnabin khixa bnyxdekhahima source source esiyngrxng source source source source source khixaichthxnimepnekhruxngmuxinkaraekprisna epnnkaekwkhnadihyyawpraman 48 esntiemtr 19 niw twphumikhnadtwyawkwatwemiypramanrxyla 5 aelanahnkpraman 0 8 1 kiolkrm twphuminahnkmakkwatwemiyrawrxyla 20 khnswnihyepnsiekhiywmakxk khnitpiksismsd aelapikdannxkbangswnepnsifahmn hangsn kwang siekhiywxmfa playhangsida epnengawaw hangdanlangmimiaethbkhwangsiehluxngxmsm cangxypakbnkhnadihy ephriyw okhngngum sietha sungehmaakbkarkhbaebbnkaekwthwip aelakarkhudhaxahar twotetmwymimanta khnwngkhxbta hnngokhncangxypak epnsinataletha aelatinetha khnaekmsiekhiywmakxkekhmhruxekhiywethaekhm khnbnhlngaelataophkepnsismaedng khnadcangxypakbnkhxngtwphuyawkwatwemiyrxyla 12 14 nkrunmilksnakhlaykbtwotetmwy aetmikhnwngkhxbtaaelahnngokhncangxypaksiehluxng cangxypaklangsismehluxngaelakhasiehluxnghmnkarkracayphnthuaelathinthixyukhixa prbtwekhakbchiwitinekhtxliphn alpine zone idepnxyangdi echninekhtethuxkekhaaexlpit bnyxdekhathisungthisudinniwsiaelndxyang yxdxaoxrakhi ekhakhuk Aoraki Mount Cook xyudanhlngkhxngphaph khixa N notabilis epnhnunginnkaekwsibchnidthiepnnkechphaathininniwsiaelnd michwngkracayphnthucakthilumnainhubekha pachayfngdantawntkkhxngekaait ipthungphumiphakhpasnekhakhxngekaaitechn emuxng Arthur s Pass aelaxuthyanaehngchatixaoxrakhi ekhakhuk aelatlxdchwngkbpabichaethbitinekhtethuxkekhaaexlpit inpccubnimphbkhixainekaaehnuxnxkcakepnnkphldhlngepnbangkhrng thngnihlkthankarkhnphbsakkradukkungfxssilkhxngkhixa bneninthraythithilumaemna Mataikona inekhtiwrarapatawnxxk Wairarapa chumchnopxukhawa Poukawa iklemuxngaehstings Hastings aelachumchniwothom Waitomo aesdngihehnwaphwkmnekhyxasyxyucanwnmakinaethbpathirablumkhxngekaaehnux cnkrathngkarmathungkhxngphutngthinthanchawophliniesiynemuxpraman 750 pikxn sakkungfxssilkhxngkhixaimidcakdbriewnxyuthiphunthipasnekhaethann aetyngphbidthwipinthinthixyuxun echn thilum hruxchayfngbnekaait aehlngkarkracayphnthuthiehluxinpccubnkhxngkhixa sathxnihehnthungphlkrathbkhxngstwnklacaphwkstweliynglukdwynm rwmthungmnusysungphlkdnkhixaxxkcakpathirablumekhaipinekhtphuekhaaethn prachakrthnghmdkhxngkhixa inpi 1986 xyuthipraman 1 000 5 000 tw sungldlngxyangmakcakpraman 15 000 twinpi 1992 karwdcanwnprachakrxacthaidimaemnyankenuxngkarkracayphnthuxyangkwang aelakhwamhnaaennkhxngklumprachakrthita odyechphaainphunthithiekhathungidyaklabak karpramancanwnprachakrinpccubn pi kh s 2017 nacaxyurahwang 3 000 7 000 twphvtikrrmkhixaepnnksngkhmaelaxacrwmfungichchiwitrwmknmakthung 13 tw aelasrangladbchnthangsngkhmaebbyudhyunkhunphayinfung nkthixyulaphnginkarthukcxngcamkmisukhphaphthiimdi echuxycha aetcatxbsnxngiddiemuxidmxngehntwexnginkrack karrwmfungkhxngnkaekwkhixainphasaxngkvseriyk circus karphsmphnthu luknkkhixa thi Weltvogelpark emuxngwalsoredx Walsrode eyxrmni odythwipkhixaotetmwyaelaerimphsmphnthutngaetxayu 4 pi aelamkxyudwykntlxdchiwit aemphusngektkarnxyangnxyhnungkhrngraynganwa nkaekwkhixamiphvtikrrmcbkhukbnktwemiyhlaytw Polygynous cakkarsnnisthanxangxingsdswnkhxngtwemiythimimakkwatwphumak thngnikarsuuksayngimidrbkaryunyndwykartidtamkaredinthangkhxngnkthangwithyu nkaekwkhixaphsmphnthuinvduhnaw chwngeduxnsinghakhmthungemsayn cakkarsuksakhwamhnaaennkhxngkarsrangrng phbwa mi 1 rngtx 4 4 tarangkiolemtr 1 7 tarangiml phunthiphsmphnthuswnihyxyuinpabichtxnit briewnekhasungchn aehlngphsmphnthumkxyuinthisungimnxykwa 1 600 emtr 5 200 fut ehnuxradbnathael khixaepnhnunginnkaekwnxychnidinolkthiichchiwitepnpracaxyuehnuxaenwtnim rngmksrangxyubnphundinittnkhnadihy inrxyaeykhin hruxkhudophrngrahwangraktnim samarthsrangxuomngkhhlaychxng yaw 1 thung 6 emtr 3 3 thung 19 7 fut txechuxmkbhxngrngkhnadihysungpudwyilekhn mxs efirn aelaessimthiepuxy erimineduxnkrkdakhmthungeduxnmkrakhm wangikh 2 5 fxng sikhaw esnrxbwng 39 mm aelaikhyaw 43 mm rayaewlafkikhpraman 21 26 wn aelarayaeliyngdu 94 wncungerimhdbin aelaaeykxxkcakrngemuxxayu 100 150 wn xtrakaresiychiwitsunginluknkkhixa pramanimekinrxyla 40 thirxdchiwitcakpiaerk xayukhyechliykhxngnkaekwkhixainthrrmchatixacxyuthi 5 pi aelacakkarkhadkhaenmiephiyngpramanrxyla 10 khxngprachakrnkaekwkhixamixayumakkwa 20 pi nkaekwkhixaeliyngthimixayukhymakthisudthiruckknkhux 50 piinpi kh s 2008 xaharaelakarhaxahar epnnkthikinthngphuchaelastw nkkhixakinphuchmakkwa 40 chnid thnghnxxxn ib phl aelanahwancakdxkim aelaxacmibthbathsakhyinkarkracayemld kinstwechn twxxndwng nkaelaluknkxun idaek luk aelastweliynglukdwynm rwmthungaekaaelakratay mikarsngektphbkarthalayrngkhxngnkcmukhlxd aelaphbesiyngluknkcmukhlxdepnxaharinrngkhxngkhixa khixayngichpraoychncakkhyakhxngmnusyaela xaharthimnusyaebngihkin rwmthngkinsakkwang sakaephaphuekhaaelaaekaemuxmioxkas aeka aeka sungtxngsngsywacathukkhaody nkkhixa ineduxnkrkdakhm ph s 2450 mikarotethiyngxyangyawnanmakkwahlaythswrrswa nkaekwkhixakinaeka cakkarbnthukinchwngklangkhristthswrrs 1860 phbaekacanwnhnungmibadaephlthiphidpktithidankhanghruxidrb sungepnchwngewlapramanhnungthswrrskhxngkarbukebikthidinkhxngekstrkrphueliyngaeka sungyayekhamaxyuinthirabsung inkhnannaemwabangkhnkhidwasaehtuxacekidcakorkhchnidihm aettxmainimchakhwamsngsyidtkxyukbnkaekwkhixa inpi ph s 2411 ecms aemkhodnld hwhnakhneliyngaekathisthaniwanaka idepnpracksphyanthikhixaekhatharayaeka aelaeruxngelathikhlaykhlungkncakphuxunekidkhunipthw smachikthimichuxesiyngkhxngchumchnwithyasastryxmrbwa nkaekwkhixaocmtiaekacring ody xlefrd wxlels Alfred Wallace xanginhnngsux Darwinism khxngekhainpi 1889 wa krniniepntwxyangkhxngkarepliynaeplngphvtikrrm othms phxths Thomas Potts tngkhxsngektwakarocmtiekidkhunbxythisudinchwngvduhnaw aelaaekathimikhnaekathiyawaelaeliyngiwinphunthithimihimannepnklumthiepraabangthisud inkhnathiaekathikhnephingidrbkartdihminsphaphxakasxbxunmkimkhxythukocmti aemcamihlkthanmakmayekiywkbkarocmtikhxngnkkhixacakkhabxkela aetphukhnthwipyngkhngimaenic odyechphaaxyangyinginpitx ma twxyangechn inpi ph s 2505 ec xar aeckhsn phuechiywchaydanstwithyasrupwa aemwankxacocmtiaekathipwyhruxbadecb odyechphaaxyangyinghaknkekhaicphidwaphwkmntayipaelw kinsak mn nkaekwkhixa imnacaepnstwnklasakhy xyangirktamineduxnsinghakhm ph s 2535 mikarcbphaphwidioxkarocmtiintxnklangkhun sungphisucnwankkhixaocmtiaelakinaekathiaekhngaerngcring widioxniyunynsingthinkwithyasastrhlaykhnsngsymananaelwwa khixaichcngxypakokhngaelakrngelbxnthrngphlngkhxngmnephuxchikchnkhnaekaaelakinikhmncakdanhlngkhxngstw aemwankcaimkhaaekaodytrng aetkhwamtayxacepnphlmacakkartidechuxhruxxubtiehtuthistwidrbemuxphyayamhlbhni enuxngcakpccubnnkaekwkhixa N notabilis idrbsthanaepnstwkhumkhrxng karlklxbocmtikhxngnkyngkhngxyuaelaepnsingthiekstrkrphueliyngaekatxngklaklunthn thngnisaehtukhxngkarocmtiaekaaelastwxun khxngkhixabangtwyngimchdecn thvsditang thikhrxbkhlumthung aehlngxaharthimixyu khwamxyakruxyakehn khwambnething khwamhiw hnxnprsitbnaeka tlxdcnkhwamepliynxupnisycakkarillaaekathitay lwnthukhyibykmaphicarnathungphvtikrrmkarocmtidngklawekidkhunidxyangirhlkthanbxkelayngchiihehnwankbangtwethannthieriynruphvtikrrmni sungkarrabutwaelakarkacdnktwdngklawehlannkxacephiyngphxthicakhwbkhumpyhaid nxkcakniyngmirayngancakhlkthanbxkelaekiywkbnkaekwkhixathitharaykratay sunkh aelaaemaetma nxkcakniyngmikhxesnxaenathinkaekwkhixaekhykinnkomxa inlksnaediywkn khwamsamarththangstipyya nkaekwkhixaidrbkaryxmrbindanstipyyaaelakhwamxyakruxyakehn sungepnkhwamsamarththimikhwamsakhytxkarxyurxdinsphaphaewdlxmthithurkndarinphunthiphuekha khixamiradbstipyyathisungkwaemuxethiybkbnkaekwaelankxun aelaaemkrathngstweliynglukdwynmhlaychnid stipyyakhxngluknkaetatwtangknekidcakkhwamaetktanginkarptismphnthkbtwetmwy aelakareriynrusungekidkhuncakthksakarhaxahar rwmthngkarmichwngewlakxnotetmwythiyawnankwankaekwthwip thaihmikarelnaelaekidkareriynruthimakkwa khixasamarthikhprisnaechingtrrkaid echn karphlkaeladungsingkhxnginladbthiaennxnephuxiphaxahar aelasamarththanganrwmknephuxbrrluwtthuprasngkhbangxyang rwmthngkaretriymaelakarichekhruxngmux aelaekhaicengasathxnkhxngtwexng khwamsamarthichekhruxngmuxaelamikhwamekhaicdanethkhnikhthidimak samarthepidpidkraepaepsaphayhlngaelathngkhyaodyngay nxkcakniyngsamarthpraeminkhwamnacaepnidxyangthuktxng echnkarkhadkarnkhwamnacaepnkhxngwtthuthisxnxyuinmuxkhangidkhanghnungkhwamsmphnthkbmnusynkaekwkhixaepnnkthiichchiwitinchwngphlbkha crepuscular miphvtikrrmkhwamxyakruxyakehnaelakhielnepnphiess khixaepnthngstruphuchsahrbphuxyuxasyinekhtksikrrmaelaepncuddungdudsahrbnkthxngethiyw sungeriykphwkmnwa twtlkaehngkhunekha khixamk trwcsxb singkhxngthinkthxngethiywnamaaelathingiwodyimmiikhrduaelinthitngaekhmpaelathicxdrth echn kraepaep rxngethabuth ski sonwbxrd aelaaemaetrthynt aelamksrangkhwamesiyhaykbrththicxdxyucaidrbphlkrathbepnphiess echn yangthipratuaelahnatang hruxbinxxkipphrxmkbsingkhxngchinelk karxnurkskhwamxyakruxyakehnkhxngnkkhixapayetuxnxnurksnkkhixa inkhristthswrrs 1970 nkaekwkhixaidrbkarkhumkhrxngbangswnhlngcakkarsarwcsamaonprachakrnk sungnbidephiyng 5 000 tw rthbalyinyxmtrwcsxbrayngankhxngnkthimipyhaaelanaphwkmnxxkcakphunthi inpi ph s 2529 nkaekwkhixaidrbkarkhumkhrxngxyangetmthiphayitphrarachbyytistwpa niwsiaelnd ph s 2496 aemcacdxyuinpraephththiiklsuyphnthuinradbpraeths inrabbkarcdpraephthphykhukkhamkhxngniwsiaelnd aelasthanaiklsuyphnthu EN inraykaraedngkhxng IUCN aelaidrbkarkhumkhrxngtamkdhmay aetkhixayngthukyingodyectna twxyangechn inchwngplaykhristthswrrs 1990 chawbanhmuban Fox Glacier sngharnkaekwkhixa 33 tw aelainpi ph s 2551 mikaryingnkkhixa 2 twthi Arthur s Pass aelaeybsaktidkbpay aelathukkhukkhamcakstwtangthinrukranthinaekhaodyphutngthinthancakyuorp echn aemwban hnu phxssm miswnrbkwnxtrakhwamsaercinkarkhyayphnthuodypktirxyla 70 ihehluxephiyngrxyla 40 emuximmikarkhwbkhumcanwnstwtangthinehlann kartaykhxngnkaekwkhixacakkarkhnsngcracrthaihhnwyngankhnsngkhxngniwsiaelndtidtngpay ephuxchwysrangkhwamtrahnkaelaephuxkratunihphukhnchalxrthlnghakcaepn okhrngkarwithyasastrphlemuxngthieriykwa thankhxmulkhixa epidtwinpi ph s 2560 sungchwyihsamarthbnthukkarsngektphvtikrrmkhxngnkaekwkhixa ipyngthankhxmulxxnilnid thaphbnkaekwkhixathimiphvtikrrmkarocmticaidrbtngchuxaelakhunbychitrwcsxb samarthtidtamnisyaelaphvtikrrmkhxngnkaekwkhixaaetlatwid bangkhneriykrxngihnankaekwkhixa klbmaaephrphnthuinekhtplxdphulainekaaehnux dr imkh dikkisn xditphntharksdanprawtisastrthrrmchatithiphiphithphnthphumiphakhwangkanuy bxkkbnitysar North amp South inchbbeduxntulakhm 2018 wankcasamarthichchiwitiddibnphuekharwephu karxnurksnkkhixa idrbkarsnbsnunodyxngkhkarnxkphakhrth kxngthunxnurkskhixa Kea Conservation Trust NGO sungkxtngkhuninpi 2549 ephuxpkpxngnkaekwkhixaxangxingGould John 1856 On two new species of birds Nestor notabilis and Spatula variegata from the collection of Walter Mantell Esq Proceedings of the Zoological Society of London 94 95 Simpson DP 1979 Cassell s Latin Dictionary 5th ed London Cassell Ltd p 883 ISBN 0 304 52257 0 Nga manu birds Te Ara the Encyclopedia of New Zealand Updated 1 March 2009 Retrieved 21 January 2010 ephyochm luknk xplksnthisudinolk mgronline com phasaxngkvs 2012 04 19 Wright T F Schirtzinger E E Matsumoto T Eberhard J R Graves G R Sanchez J J Capelli S Muller H Scharpegge J Chambers G K Fleischer R C 2008 A Multilocus Molecular Phylogeny of the Parrots Psittaciformes Support for a Gondwanan Origin during the Cretaceous Mol Biol Evol 25 10 2141 2156 doi 10 1093 molbev msn160 PMC 2727385 PMID 18653733 Grant Mackie E J J A Grant Mackie W M Boon G K Chambers 2003 Evolution of New Zealand Parrots NZ Science Teacher 103 Wright T F Schirtzinger E E Matsumoto T Eberhard J R Graves G R Sanchez J J Capelli S Muller H Scharpegge J Chambers G K Fleischer R C 2008 A Multilocus Molecular Phylogeny of the Parrots Psittaciformes Support for a Gondwanan Origin during the Cretaceous Mol Biol Evol 25 10 2141 2156 doi 10 1093 molbev msn160 PMC 2727385 PMID 18653733 Grant Mackie E J J A Grant Mackie W M Boon G K Chambers 2003 Evolution of New Zealand Parrots NZ Science Teacher 103 Juniper T Parr M 1998 Parrots A guide to parrots of the world New Haven CT Yale University Press ISBN 0 300 07453 0 De Kloet Rolf S De Kloet Siwo R September 2005 The evolution of the spindlin gene in birds sequence analysis of an intron of the spindlin W and Z gene reveals four major divisions of the Psittaciformes Mol Phylogenet Evol 36 3 706 21 doi 10 1016 j ympev 2005 03 013 PMID 16099384 Schweizer M Seehausen O Guntert M Hertwig ST 2009 The evolutionary diversification of parrots supports a taxon pulse model with multiple trans oceanic dispersal events and local radiations Molecular Phylogenetics and Evolution 54 3 984 94 doi 10 1016 j ympev 2009 08 021 PMID 19699808 Bond A B Wilson K J Diamond J 1991 Sexual Dimorphism in the Kea Nestor notabilis Emu 91 1 12 19 doi 10 1071 MU9910012 CRC Handbook of Avian Body Masses by John B Dunning Jr Editor CRC Press 1992 ISBN 978 0 8493 4258 5 Kea New Zealand Birds Online nzbirdsonline org nz Forshaw Joseph M 2006 Parrots of the World an Identification Guide Illustrated by Frank Knight Princeton University Press ISBN 0 691 09251 6 ephyochm luknk xplksnthisudinolk mgronline com phasaxngkvs 2012 04 19 Holdaway R N Worthy T H 1993 PDF Notornis 40 2 95 108 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 11 24 subkhnemux 2021 06 03 Nicholls Jenny 15 September 2018 Noted phasaxngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 January 2019 subkhnemux 2019 05 08 Noted Noted phasaxngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 January 2019 subkhnemux 2019 05 08 Anderson R 1986 Keas for keeps Forest and Bird 17 2 5 Kea DOC govt nz phasaxngkvs New Zealand Department of Conservation subkhnemux 2017 09 21 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Diamond J Bond A 1989 PDF Avicultural Magazine 95 2 pp 92 94 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2 October 2011 New Zealand Birds Collective Nouns for birds the K s nzbirds com 2011 subkhnemux 11 May 2011 Jackson J R 1962 The life of the Kea Canterbury Mountaineer 31 120 123 Elliott G Kemp J 1999 Conservation ecology of kea Nestor notabilis WWF New Zealand Akers Kate Orr Walker Tamsin April 2009 Kea Factsheet PDF Kea Conservation Trust PDF cakaehlngedimemux 2 June 2010 Bond A Diamond J 1992 Population Estimates of kea in Arthur s Pass National Park Notornis 39 151 160 nhnz tv Kea Mountain Parrot one hour documentary 1993 Clark C M H 1970 PDF Notornis 17 105 114 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2020 11 24 subkhnemux 2021 06 03 Christina Troup Birds of open country kea digging out a shearwater chick 17 tulakhm 2012 thi ewyaebkaemchchin Te Ara the Encyclopedia of New Zealand Ministry of Culture and Heritage Updated 20 November 2009 Accessed 22 January 2010 Gajdon G K Fijn N Huber L 2006 Limited spread of innovation in a wild parrot the kea Nestor notabilis Animal Cognition 9 3 173 181 doi 10 1007 s10071 006 0018 7 Benham W B 1906 Notes on the Flesh eating Propensity of the Kea Nestor notabilis Transactions of the Royal Society of New Zealand 39 71 89 Wallace Alfred 1889 Darwinism London Macmillan and Co p 75 Potts Thomas 1882 from Out in the Open 1882 The Kea or Mountain Parrot in Reeves William Pember Minister of Education b k The New Zealand Reader Wellington Samuel Costall Government Printer tiphimph 1895 pp 81 90 odythang New Zealand Electronic Text Collection NZETC Marriner G R 1906 Notes on the Natural History of the Kea with Special Reference to its Reputed Sheep killing Propensities Transactions of the Royal Society of New Zealand 39 271 305 Jackson J R 1962 PDF Notornis 10 33 38 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2021 02 18 subkhnemux 2021 06 03 Temple Philip 1994 Kea the feisty parrot New Zealand Geographic No 024 Auckland tiphimph Oct Dec 1994 subkhnemux 2019 01 13 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite magazine title aemaebb Cite magazine cite magazine a CS1 maint date format lingk stuff co nz Tobias Rahde Hrsg Freie Universitat Berlin 2014 S 100 128 Online PDF abgerufen am 15 September 2019 The parrots that understand probabilities Nature 2020 abgerufen am 9 Februar 2021 englisch Kea Merkmale und Lebensweise des Bergpapageis Das Tierlexikon de phasaeyxrmn 2017 08 24 University of Vienna Faculty of Life Sciences Department of Cognitive Biology khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2 November 2011 subkhnemux 2011 10 28 Cheeky parrot steals tourist s passport ABC News 30 May 2009 Retrieved 22 January 2010 Diamond J Bond A 1999 Kea Bird of paradox The evolution and behavior of a New Zealand Parrot Berkeley Los Angeles CA University of California Press ISBN 0 520 21339 4 Wildlife Act 1953 No 31 as at 07 August 2020 Public Act New Zealand Legislation www legislation govt nz Hitchmough Rod Bull Leigh Cromarty Pam 2007 New Zealand Threat Classification System lists 2005 PDF Wellington Department of Conservation ISBN 0 478 14128 9 Kea Conservation Trust website khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 19 September 2011 Arthurs Pass neighbours at odds The Press 2 February 2008 subkhnemux 8 October 2011 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite news title aemaebb Cite news cite news a CS1 maint url status lingk Kea www doc govt nz phasaxngkvs Drivers urged to slow down for kea DOC govt nz phasaxngkvs New Zealand Department of Conservation 25 August 2017 subkhnemux 2017 09 21 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite news title aemaebb Cite news cite news a CS1 maint url status lingk Kea Database keadatabase nz phasaxngkvs subkhnemux 2017 09 21 Noted Noted phasaxngkvs khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 26 January 2019 subkhnemux 2019 05 08 Kea Nestor Notabilis Kea Conservation Trust NZ Kea Conservation Trust phasaxngkvsaebbxemrikn subkhnemux 2020 09 03