การเป็นรัฐร่วมประมุขระหว่างบริเตนใหญ่และฮันโนเฟอร์ เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1714 ถึง 1837 ในช่วงเวลานั้นเจ้านครรัฐผู้คัดเลือกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค หรือ พระมหากษัตริย์แห่งฮันโนเฟอร์ ยังทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งบริเตนใหญ่ด้วย ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ในปี ค.ศ. 1701 ซึ่งรัฐสภาอังกฤษได้วางรากฐานการสืบราชบัลลังก์ไว้ ทำให้ราชวงศ์ฮันโนเวอร์ในฐานะพระญาติที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์จึงได้สืบราชบัลลังก์บริเตนใหญ่ จนกระทั่งความแตกต่างของกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของสองรัฐทำให้รัฐร่วมประมุขนี้สิ้นสุดลง
บริเตนใหญ่-ฮันโนเฟอร์ | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1714–1837 | |||||||||||||
ตราแผ่นดินสหราชอาณาจักร (1816-1837) | |||||||||||||
แผนที่บริเตนใหญ่ (สีเขียวเข้ม), ไอร์แลนด์ และฮันโนเฟอร์ (สีเขียวอ่อน) ในปีค.ศ. 1789 | |||||||||||||
สถานะ | รัฐร่วมประมุข | ||||||||||||
เมืองหลวง | ลอนดอน และ ฮันโนเฟอร์ | ||||||||||||
พระมหากษัตริย์ | |||||||||||||
• 1714–1727 | จอร์จที่ 1 | ||||||||||||
• 1727–1760 | จอร์จที่ 2 | ||||||||||||
• 1760–1820 | จอร์จที่ 3 | ||||||||||||
• 1820–1830 | จอร์จที่ 4 | ||||||||||||
• 1830–1837 | วิลเลียมที่ 4 | ||||||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยใหม่ | ||||||||||||
• ก่อตั้ง | 1714 | ||||||||||||
• สิ้นสุด | 1837 | ||||||||||||
|
ประวัติศาสตร์
ราชวงศ์ฮันโนเฟอร์
หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ ซึ่งไม่ทรงมีรัชทายาท ทำให้เกออร์ค ลูทวิช ผู้คัดเลือกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค ได้ขึ้นสืบราชบัลลังก์อังกฤษในปี ค.ศ. 1714 ในฐานะพระญาติโปรเตสแตนต์ที่ใกล้ชิดที่สุด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ เกออร์ค ลูทวิช ได้ทรงเชื่อมบริเตนใหญ่กับนครรัฐผู้คัดเลือกในเยอรมนีผ่านทางการมีประมุขร่วมกัน ซึ่งรัฐฮันโนเฟอร์จะกลายเป็นหนึ่งในรัฐที่ทรงอำนาจที่สุดในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ฮันโนเฟอร์ยังคงรักษาความเป็นอิสระไว้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมกระทรวงการคลังและการบริหารราชการแผ่นดินจึงแยกจากกัน เมืองฮันโนเฟอร์มีการบริหารและควบคุมโดย สำนักงานอัยการเยอรมันในลอนดอน และรัฐมนตรีแห่งฮันโนเฟอร์ รวมทั้งมีคณะองคมนตรีในฮันโนเฟอร์ ซึ่งถวายคำปรึกษากับพระเจ้าแผ่นดินและปฏิบัติตามพระบรมราชโองการ มีเพียงเกออร์ค ลูทวิช และพระราชโอรส เกออร์ค เอากุสท์ เท่านั้นที่เสด็จพระราชดำเนินไปยังนครรัฐผู้คัดเลือกนั้นในขณะเป็นพระเจ้าแผ่นดินบริเตนใหญ่ การเป็นรัฐร่วมประมุขนี้สิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1837 จากการขึ้นครองราชสมบัติของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย เนื่องจากกฎการสืบราชสันตติวงศ์ของราชอาณาจักรฮันโนเฟอร์ให้สิทธิพระราชวงศ์ฝ่ายหน้าเท่านั้นที่สามารถสืบราชบัลลังก์ได้ตามอย่างกฎหมายแซลิก ดังนั้นการปกครองฮันโนเฟอร์จึงส่งผ่านไปสู่ แอ็นสท์ เอากุสท์ ดยุกแห่งคัมบาร์ลันด์ พระปิตุลาของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย
พระเจ้าจอร์จที่ 3
ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าจอร์จที่ 3 กับฮันโนเฟอร์มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่ทรงโปรดอัตลักษณ์และทรงผูกพันกับอังกฤษมากกว่าฮันโนเฟอร์ เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงไม่พอพระทัยต่อการที่สมเด็จพระบรมราชอัยกาทรงโปรดฮันโนเฟอร์ โดยทรงกล่าวถึงเรื่องนี้ในเชิงดูถูกเหยียดหยาม หลังจากขึ้นเสวยราชสมบัติในปี ค.ศ. 1760 พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงเน้นย้ำถึงพระชาติกำเนิดของพระองค์ในอังกฤษและทรงประกาศพระองค์ว่าทรงเป็น "คนอังกฤษโดยแท้" การแบ่งแยกนี้เห็นได้ชัดจากการตัดสินพระทัยของพระองค์ในช่วงวิกฤตการณ์นานาชาติ ซึ่งพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับสันติภาพในยุโรปมากกว่าผลประโยชน์ของเมืองฮันโนเฟอร์ ตัวอย่างเช่นในปี ค.ศ. 1761 ภายใต้อิทธิพลของเอิร์ลที่ 3 แห่งบิวต์ ที่ปรึกษาส่วนพระองค์ พระเจ้าจอร์จที่ 3 ทรงได้ริเริ่มการเจรจาสันติภาพกับฝรั่งเศส โดยทรงยอมรับว่าการทำเช่นนี้จะทำให้พลเมืองชาวเยอรมันของพระองค์ต้องตกทุกข์ได้ยาก ทรงให้เหตุผลว่าความรักของพระองค์ที่มีต่ออังกฤษเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวอื่นใด รวมถึงฮันโนเฟอร์ด้วย พระองค์ทรงปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการละทิ้งฮันโนเฟอร์และทรงแสดงความกังวลของพระองค์ผ่านเรื่องต่างๆ เช่น การก่อตั้งสถาบันการเกษตรและการส่งเสริมการศึกษาของพระราชโอรสของพระองค์ให้ศึกษาเกี่ยวกับฮันโนเฟอร์ด้วย พระเจ้าจอร์จที่ 3 ไม่ได้ทรงขยายอาณาเขตของฮันโนเฟอร์ เช่นเดียวกับผู้ปกครองก่อนหน้าของพระองค์
การสิ้นสุดการเป็นรัฐร่วมประมุข
ระยะเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1815 ถึง 1837 ถือเป็นรอยร้าวใหญ่ในความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและฮันโนเฟอร์ ในช่วงเวลานี้ ผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของบริเตนและฮันโนเฟอร์มักแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจะมีพระเจ้าแผ่นดินองค์เดียวกัน แต่ทั้งสองดินแดนต่างดำเนินกิจการแยกจากกันอย่างเป็นอิสระ การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1837 โดยทรงไม่มีพระราชบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้การเป็นรัฐร่วมประมุขสิ้นสุดลง โดยราชบัลลังก์บริเตนตกไปสู่เจ้าหญิงอเล็กซานดรินา วิกตอเรียแห่งเคนต์ พระราชภาติกา ในขณะที่ราชบัลลังก์ฮันโนเฟอร์ตกไปสู่เจ้าชายเออร์เนสต์ ออกัสตัส ดยุกแห่งคัมบาร์ลันด์และเทวิออตเดล พระโสทรานุชา การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างราบรื่น สะท้อนให้เห็นถึงการแยกตัวที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างอังกฤษและฮันโนเวอร์ พระเจ้าแอ็นสท์ เอากุสท์ แห่งฮันโนเฟอร์ ทรงเป็นที่รู้จักในเรื่องนโยบายอนุรักษ์นิยม ได้ทรงยกเลิกรัฐธรรมนูญของฮันโนเฟอร์เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ ส่งผลให้ทั้งสองประเทศมีระยะห่างทางการเมืองมากขึ้น ประสูติการของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ทำให้การแยกจากกันของสองรัฐมีความชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากทำให้โอกาสของการรวมตัวกันเป็นรัฐร่วมประมุขของอังกฤษ-ฮันโนเฟอร์ลดน้อยลงไปอีก ส่งผลให้ราชอาณาจักรฮันโนเฟอร์ต้องเดินตามเส้นทางของตนโดยแยกตัวจากอิทธิพลของอังกฤษมากขึ้นเรื่อยๆ
พระมหากษัตริย์
การสืบราชสันตติวงศ์ของรัฐร่วมประมุข มีดังนี้:
- จอร์จที่ 1 (เกออร์คที่1) ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1714
- จอร์จที่ 2 (เกออร์คที่ 2) ตั้งแต่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 1727
- จอร์จที่ 3 (เกออร์คที่ 3) ตั้งแต่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1760
- จอร์จที่ 4 (เกออร์คที่ 4) ตั้งแต่ 29 มกราคม ค.ศ. 1820
- วิลเลียมที่ 4 (วิลเฮ็ล์มที่ 1) ตั้งแต่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1830 ถึง 20 มิถุนายน ค.ศ. 1837
ดูเพิ่มเติม
อ้างอิง
- Drögereit, Richard (1949). Quellen zur Geschichte Kurhannovers im Zeitalter der Personalunion mit England, 1714-1803 (ภาษาเยอรมัน). A. Lax.
- Riotte & Simms 2007.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karepnrthrwmpramukhrahwangbrietnihyaelahnonefxr ekidkhuntngaetpi kh s 1714 thung 1837 inchwngewlannecankhrrthphukhdeluxkaehngebranchiwkh luxenxbwrkh hrux phramhakstriyaehnghnonefxr yngthrngepnphramhakstriyaehngbrietnihydwy tamphrarachbyytiwadwykarsubrachsnttiwngs inpi kh s 1701 sungrthsphaxngkvsidwangrakthankarsubrachbllngkiw thaihrachwngshnonewxrinthanaphrayatithinbthuxnikayopretsaetntcungidsubrachbllngkbrietnihy cnkrathngkhwamaetktangkhxngkdkarsubrachsnttiwngskhxngsxngrththaihrthrwmpramukhnisinsudlngbrietnihy hnonefxr1714 1837traaephndinshrachxanackr 1816 1837 aephnthibrietnihy siekhiywekhm ixraelnd aelahnonefxr siekhiywxxn inpikh s 1789sthanarthrwmpramukhemuxnghlwnglxndxn aela hnonefxrphramhakstriy 1714 1727cxrcthi 1 1727 1760cxrcthi 2 1760 1820cxrcthi 3 1820 1830cxrcthi 4 1830 1837wileliymthi 4yukhprawtisastrsmyihm kxtng1714 sinsud1837kxnhna thdiprachxanackrbrietnihyrthphukhdeluxkebranchiwkh luxenxbwrkh shrachxanackrbrietnihyaelaixraelndrachxanackrhnonefxrprawtisastrrachwngshnonefxr kartunkaremuxngthisnbsnun phrarachbyytiptirup phraecawileliymthi 4 prathbxyuehnuxemkh lxmrxbdwynkkaremuxngphrrkhwik swndanlang brithneniyaelasingotaehngxngkvskalngpdepaihphrrkhthxri exxrenst khnthi 2 caksay hniaetkphayip hlngcakkarswrrkhtkhxngsmedcphrarachininathaexnnaehngbrietnihy sungimthrngmirchthayath thaihekxxrkh luthwich phukhdeluxkaehngebranchiwkh luxenxbwrkh idkhunsubrachbllngkxngkvsinpi kh s 1714 inthanaphrayatiopretsaetntthiiklchidthisud tamphrarachbyytiwadwykarsubrachsnttiwngs ekxxrkh luthwich idthrngechuxmbrietnihykbnkhrrthphukhdeluxkineyxrmniphanthangkarmipramukhrwmkn sungrthhnonefxrcaklayepnhnunginrththithrngxanacthisudinckrwrrdiormnxnskdisiththi xyangirktam hnonefxryngkhngrksakhwamepnxisraiw sungepnehtuphlwathaimkrathrwngkarkhlngaelakarbriharrachkaraephndincungaeykcakkn emuxnghnonefxrmikarbriharaelakhwbkhumody sanknganxykareyxrmninlxndxn aelarthmntriaehnghnonefxr rwmthngmikhnaxngkhmntriinhnonefxr sungthwaykhapruksakbphraecaaephndinaelaptibtitamphrabrmrachoxngkar miephiyngekxxrkh luthwich aelaphrarachoxrs ekxxrkh exakusth ethannthiesdcphrarachdaeninipyngnkhrrthphukhdeluxknninkhnaepnphraecaaephndinbrietnihy karepnrthrwmpramukhnisinsudlnginpikh s 1837 cakkarkhunkhrxngrachsmbtikhxngsmedcphrarachininathwiktxeriy enuxngcakkdkarsubrachsnttiwngskhxngrachxanackrhnonefxrihsiththiphrarachwngsfayhnaethannthisamarthsubrachbllngkidtamxyangkdhmayaeslik dngnnkarpkkhrxnghnonefxrcungsngphanipsu aexnsth exakusth dyukaehngkhmbarlnd phrapitulakhxngsmedcphrarachininathwiktxeriy phraecacxrcthi 3 khwamsmphnthrahwangphraecacxrcthi 3 kbhnonefxrmikarepliynaeplngkhrngsakhy sungehnidchdcakkarthithrngoprdxtlksnaelathrngphukphnkbxngkvsmakkwahnonefxr emuxyngthrngphraeyaw phraxngkhthrngimphxphrathytxkarthismedcphrabrmrachxykathrngoprdhnonefxr odythrngklawthungeruxngniinechingduthukehyiydhyam hlngcakkhuneswyrachsmbtiinpi kh s 1760 phraecacxrcthi 3 thrngennyathungphrachatikaenidkhxngphraxngkhinxngkvsaelathrngprakasphraxngkhwathrngepn khnxngkvsodyaeth karaebngaeykniehnidchdcakkartdsinphrathykhxngphraxngkhinchwngwikvtkarnnanachati sungphraxngkhthrngihkhwamsakhykbsntiphaphinyuorpmakkwaphlpraoychnkhxngemuxnghnonefxr twxyangechninpi kh s 1761 phayitxiththiphlkhxngexirlthi 3 aehngbiwt thipruksaswnphraxngkh phraecacxrcthi 3 thrngidrierimkarecrcasntiphaphkbfrngess odythrngyxmrbwakarthaechnnicathaihphlemuxngchaweyxrmnkhxngphraxngkhtxngtkthukkhidyak thrngihehtuphlwakhwamrkkhxngphraxngkhthimitxxngkvsehnuxkwaphlpraoychnswntwxunid rwmthunghnonefxrdwy phraxngkhthrngptiesthkhawluxekiywkbkarlathinghnonefxraelathrngaesdngkhwamkngwlkhxngphraxngkhphaneruxngtang echn karkxtngsthabnkarekstraelakarsngesrimkarsuksakhxngphrarachoxrskhxngphraxngkhihsuksaekiywkbhnonefxrdwy phraecacxrcthi 3 imidthrngkhyayxanaekhtkhxnghnonefxr echnediywkbphupkkhrxngkxnhnakhxngphraxngkh karsinsudkarepnrthrwmpramukh rayaewlatngaetpi kh s 1815 thung 1837 thuxepnrxyrawihyinkhwamsmphnthrahwangxngkvsaelahnonefxr inchwngewlani phlpraoychnthangkaremuxngaelaesrsthkickhxngbrietnaelahnonefxrmkaetktangknodysineching thungaemwacamiphraecaaephndinxngkhediywkn aetthngsxngdinaedntangdaeninkickaraeykcakknxyangepnxisra karesdcswrrkhtkhxngsmedcphraecawileliymthi 4 inwnthi 20 mithunayn kh s 1837 odythrngimmiphrarachbutrthithuktxngtamkdhmay thaihkarepnrthrwmpramukhsinsudlng odyrachbllngkbrietntkipsuecahyingxelksandrina wiktxeriyaehngekhnt phrarachphatika inkhnathirachbllngkhnonefxrtkipsuecachayexxrenst xxksts dyukaehngkhmbarlndaelaethwixxtedl phraosthranucha karepliynphankhrngniekidkhunxyangrabrun sathxnihehnthungkaraeyktwthiephimmakkhunrahwangxngkvsaelahnonewxr phraecaaexnsth exakusth aehnghnonefxr thrngepnthiruckineruxngnoybayxnurksniym idthrngykelikrththrrmnuykhxnghnonefxremuxphraxngkhkhunkhrxngrachy sngphlihthngsxngpraethsmirayahangthangkaremuxngmakkhun prasutikarkhxngsmedcphraecaexdewirdthi 7 thaihkaraeykcakknkhxngsxngrthmikhwamchdecnyingkhun enuxngcakthaihoxkaskhxngkarrwmtwknepnrthrwmpramukhkhxngxngkvs hnonefxrldnxylngipxik sngphlihrachxanackrhnonefxrtxngedintamesnthangkhxngtnodyaeyktwcakxiththiphlkhxngxngkvsmakkhuneruxyphramhakstriyehriyy 16 kuethxr okhrechin cakpi 1825 phimphlayphraprmaphiithyphraecacxrcthi 4 aehngbrietnihyaelahnonewxr epnphasalatin karsubrachsnttiwngskhxngrthrwmpramukh midngni cxrcthi 1 ekxxrkhthi1 tngaet 1 singhakhm kh s 1714 cxrcthi 2 ekxxrkhthi 2 tngaet 11 tulakhm kh s 1727 cxrcthi 3 ekxxrkhthi 3 tngaet 25 tulakhm kh s 1760 cxrcthi 4 ekxxrkhthi 4 tngaet 29 mkrakhm kh s 1820 wileliymthi 4 wilehlmthi 1 tngaet 26 mithunayn kh s 1830 thung 20 mithunayn kh s 1837duephimetimrachxanackrhnonefxr rthphukhdeluxkhnonefxr rachwngshnonefxr phramhakstriyhnonefxrxangxingDrogereit Richard 1949 Quellen zur Geschichte Kurhannovers im Zeitalter der Personalunion mit England 1714 1803 phasaeyxrmn A Lax Riotte amp Simms 2007 sfn error no target CITEREFRiotteSimms2007