การวิ่งทางไกล หรือ การวิ่งทน เป็นการวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นระยะทางอย่างน้อย 3 กิโลเมตร (1.86 ไมล์) ตามสรีรวิทยาแล้ว นับว่าเป็นตามธรรมชาติและต้องใช้
ในหมู่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม มนุษย์ รวมถึงสัตว์ในอันดับวานร สามารถปรับตัวเพื่อวิ่งระยะทางไกลได้ดี เสนอไว้ว่าสัตว์สกุล โฮโม วิ่งทนเพราะการเดินทางข้ามพื้นที่กว้างใหญ่เพิ่มโอกาสใน และยังสามารถได้อีกด้วย การวิ่งทนยังพบในสัตว์กีบที่กำลังอพยพ และสัตว์กินเนื้อที่อาศัยบนพื้นดินบางประเภท เช่น หมา หมาป่า และไฮยีน่า
ในสังคมมนุษย์รุ่นใหม่ มนุษย์มีหลายเหตุผลที่จะวิ่งทางไกล อาจทำไปเพื่อ นันทนาการ การเดินทาง เหตุผลทางเศรษฐกิจ หรือเหตุผลทางวัฒนธรรม การวิ่งทางไกลสามารถช่วยปรับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดให้ดีขึ้น และยังช่วยทำให้สมรรถภาพร่างกายแบบแอโรบิกดีขึ้นโดยเป็นการเพิ่มกิจกรรมให้เอนไซม์และฮอร์โมน ซึ่งจะไปทำการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและหัวใจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น บ่อยครั้ง ทั้งปัจจุบันและในอดีต ที่การวิ่งทางไกลจะถูกมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของ พบมากที่สุดในส่วนของการกีฬา ถึงแม้ว่าในสมัยก่อนยุคอุตสาหกรรม ก็วิ่งเพื่อส่งข้อมูลไปยังสถานที่ที่ห่างไกลเช่นเดียวกัน การวิ่งทางไกลยังเป็นรูปแบบของประเพณีหรือพิธีของชนเผ่าต่าง ๆ เช่น ชนเผ่า และ
ในกรีฑา ได้มีการกำหนดให้การแข่งขันวิ่งทางไกลต้องวิ่งเป็นระยะ 3 กิโลเมตร (1.86 ไมล์) ขึ้นไป ปกติจะมีการวิ่งอยู่ 3 ประเภท คือ ลู่และลาน และ ซึ่งแตกต่างตามลักษณะภูมิประเทศ ได้แก่ ลู่วิ่งราดยาง ถนน และสภาพตามธรรมชาติ ตามลำดับ โดยปกติการวิ่งแข่งบนลู่จะมีระยะทางตั้งแต่ ถึง (6.2 ไมล์) ส่วนการวิ่งวิบากจะแข่งในระยะทางตั้งแต่ 5 ถึง 12 กิโลเมตร (3 ถึง 7.5 ไมล์) ในขณะที่การวิ่งแข่งบนถนนอาจมีระยะทางได้ยาวขึ้นถึง 100 กิโลเมตร (60 ไมล์) หรือมากกว่า การวิ่งวิบากในมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา ผู้ชายมีจะวิ่งเป็นระยะทาง 8000 เมตร ส่วนผู้หญิงจะวิ่งเป็นระยะทาง 6000 เมตร รายการวิ่งในโอลิมปิกฤดูร้อนมีระยะทาง 10,000 เมตร และยังมีประเภทมาราธอน (42.195 กิโลเมตร หรือ 26 ไมล์ 385 หลา)
ประวัติศาสตร์
การวิ่งก่อนยุคประวัติศาตร์
การล่า
การสังเกตเชิงมานุษยวิทยาพบว่าชุมชนของได้ใช้การวิ่งทางไกลในการล่าสัตว์ เช่น ชนเผ่า จาก ทะเลทรายคาลาฮารีชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา และ ผู้ล่าจะวิ่งช้าแต่คงที่เป็นเวลาตั้งแต่ 1 ชั่วโมงถึง 2-3 วัน ในบริเวณที่สัตว์ที่ถูกล่าไม่สามารถหลบซ่อนตัวได้ สัตว์ที่ถูกล่าจะหยุดหอบเพื่อปรับร่างกายให้เย็นลง แต่ก็มีเวลาไม่พอเนื่องจากถูกล่าอย่างต่อเนื่อง เมื่อระยะเวลาผ่านไป สัตว์ที่ถูกล่าก็จะล้มจากความเหนื่อยล้าและความร้อน โครงกระดูกของเด็ก อายุ 12 ปี พิสูจน์ว่า มนุษย์เมื่อ 1.5 ล้านปีที่แล้วกินเนื้อมากและกินพืชน้อยกว่ามนุษย์ในปัจจุบัน และไล่ล่าโดยการวิ่งไล่สัตว์
ยุคประวัติศาตร์โบราณ
ด้วยวิวัฒนาการทางการเกษตรและวัฒนธรรม การวิ่งทางไกลจึงไม่ได้ใช้เพียงเพื่อการล่าเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อพิธีกรรมทางศาสนา การส่งข้อความทางการทหารและทางการเมือง และการเล่นกีฬา
ผู้ส่งสาส์น
ในพันธสัญญาเดิมกล่าวถึงการวิ่งส่งสาส์นของ เช่นในหนังสือซามูเอล 18 นักวิ่ง 2 คน คือ และ วิ่งส่งสาส์นถึงกษัตริย์เดวิดว่า Absalom ซึ่งเป็นลูกชายของเขาได้ตายลง ในเยเรมีย์ 51:31-32 ผู้ส่งสาส์น 2 คน พบกันครึ่งทาง เพื่อส่งสาส์นเกี่ยวกับการสูญเสียเมืองบาบิโลเนีย
- 31 One post shall run to meet another, and one messenger to meet another, to shew the king of Babylon that his city is taken at one end, 32 And that the passages are stopped, and the reeds they have burned with fire, and the men of war are affrighted.
คนวิ่งส่งสาส์นในซูเมอร์ตอนต้นเรียกว่า ลาซิมู (lasimu) ถือเป็นทั้งทหารและข้าราชการ มีหน้าที่วิ่งรอบ ๆ เมืองเพื่อกระจายสารกรีซโบราณก็มีชื่อเสียงในนักวิ่งส่งสาส์นที่เรียกว่า ฮีมีโลโดรมอย (hemerodromoi) ซึ่งมีความหมายว่า “นักวิ่งทั้งวัน” หนึ่งในนักวิ่งส่งสาส์นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ คือ ไฟดิปพิดีส ซึ่งตามตำนานแล้ววิ่งจากเมืองไปยังเอเธนส์เพื่อประกาศชัยชนะของกรีกที่มีเหนือเปอร์เซียใน เมื่อ 490 ปีก่อนคริสศักราช และได้ตายลงหลังจากส่งสาส์นว่า "เราชนะ" ถึงแม้ว่าจะมีการโต้เถียงว่าตำนานนี้เป็นจริงมากน้อยเพียงใด ไฟดิปพิดีสวิ่งระหว่างจากเมืองมาราธอนไปเอเธนส์จริงหรือไม่ ระยะทางยาวเพียงใด และเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ส่งสาน์สหรือไม่ เรื่องราวนี้ก็ทำให้เกิดการแข่งขันวิ่งมาราธอน ระยะทาง 26.2 ไมล์ หรือ 42 กิโลเมตร
สรีรวิทยาของการวิ่งทางไกล
มนุษย์เป็นสัตว์ที่วิ่งระยะไกลได้ดีที่สุดในหมู่สัตว์ที่วิ่งได้ สัตว์อื่นอาจมีความเร็วสูงกว่า แต่ก็วิ่งได้ระยะสั้นกว่า ร่างกายมนุษย์ได้พัฒนาจนเดินตัวตรงและจนวิ่งได้มาประมาณ 2-3 ล้านปีมาแล้ว ต่างจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ซึ่งร่างกายถูกออกแบบมาให้เดิน 4 ขาหรือปีนต้นไม้ ร่างกายมนุษย์สามารถวิ่งไกลได้เพราะ
- กระดูกและโครงสร้างกล้ามเนื้อ: ในขณะที่ประเภทอื่นมีจุดศูนย์กลางมวลที่ด้านหน้าของขาหลัง รวมถึงมนุษย์มีจุดศูนย์กลางมวลที่ด้านบนขา ทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแตกต่างออกไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ขาและกระดูกเชิงกราน
- การระบายความร้อน: ความสามารถในการระบายความร้อนของมนุษย์โดยการขับเหงื่อออกทางผิวหนังทำให้ได้เปรียบกว่าทางปากหรือทางจมูก เพราะมีพื้นที่ผิวให้เหงื่อระเหยมาก และไม่ขึ้นกับระบบหายใจ
ความแตกต่างในการเดินตัวตรงและการวิ่งคือการเผาผลาญพลังงานในระหว่างการเคลื่อนไหว ขณะเดิน มนุษย์ใช้พลังงานครึ่งหนึ่งของการวิ่งนักชีววิทยาวิวัฒนาการเชื่อว่าความสามารถของมนุษย์ในการวิ่งไกลทำให้มนุษย์ซึ่งกินเนื้อสามารถแข่งขันกับสัตว์กินเนื้ออื่น ๆ ได้
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Grine, Frederick E. et al (October 2006). The First Humans - Origin and Early Evolution of the Genus Homo. Stonybrook University. Retrieved on 2013-04-11.
- Humans hot, sweaty, natural-born runners. Phys.org/Harvard University (2007-04-16). Retrieved on 2013-04-11.
- ANTHROPOLOGY: ENDURANCE RUNNING AND HUMAN EVOLUTION. Science Week (2004/2005). Retrieved on 2013-04-11.
- [1]
- http://www.medicinenet.com/running/page3.htm#what_are_the_fitness_benefits_of_running
- Running in Hopi History and Culture. Hopi Cultural Preservation Office/Northern Arizona University. Retrieved on 2013-04-11.
- Lonergan, J. E. The ecology of servitude in Tarahumara ritual tesgüinada 2013-08-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. International Society for Gesture Studies. Retrieved on 2013-04-11.
- Bjerre, Jens. Kalahari. Hill and Wang, 1960.
- Bennett, Wendell Clark, and Robert Mowry Zingg. "The Tarahumara, an Indian tribe of northern Mexico." (1935).
- Sollas, W. J. 1924. Ancient hunters and their modern representatives. New York: Macmillan
- Sears, Edward Seldon. Running through the Ages. McFarland, 2001.
- Walker, A. and Leakey, R. (1993). Nariokotome Homo Erectus Skeleton.
- Carrier, D. R., Kapoor, A. K., Kimura, T.,Nickels, M. K., Satwanti, Scott, E. C., So, J. K., & Trinkaus, E. (1984).The energetic paradox of human running and hominid evolution. Current Anthropology, Vol. 25, No. 4 (Aug. - Oct., 1984), pp. 483-495.
- The Assyrian Dictionary L (Chicago: The Oriental Institute), 104–108. 1973
- Deane Anderson Lamont, Running Phenomena in Ancient Sumer. Journal of Sport History, Vol.22, No. 3 (Fall 1995).
- History of the 24hr race, by Andy Milroy. Retrieved on Aug-13-2013 from http://www.ultralegends.com/history-of-the-24hr-race/.
- Hammond, N. G. L. (1968). The Campaign and the Battle of Marathon. The Journal of Hellenic Studies, Vol. 88, pp. 13-57
- Lovett, C. (1997). Olympic Marathon: A Centennial History of the Games' Most Storied Race. Retrieved from http://www.marathonguide.com/history/olympicmarathons/prologue.cfm
- The" Hemerodromoi": Ultra Long-Distance Running in Antiquity . The Classical World, Vol. 68, No. 3 (Nov., 1974), pp. 161-169.
- Lovejoy, C. O. (1988). Evolution of human walking. Scientific American (0036-8733), 259 (5), p. 82.
- Margaria, R., Cerretelli, P., Aghemo, P., and Sassi, G. (1963). Energy cost of running. Journal of Applied Physiology. 18:367-370.
- Lieberman, D. E., and Bramble, D. M. (2007). The evolution of marathon running: Capabilities in humans. Sports Medicine 37(4-5):288-290.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Runner's World
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
karwingthangikl hrux karwingthn epnkarwingxyangtxenuxngepnrayathangxyangnxy 3 kiolemtr 1 86 iml tamsrirwithyaaelw nbwaepntamthrrmchatiaelatxngichklumkhxngnkwingsmkhrelninkaraekhngwingthangiklinswitesxraelndphaphthaykhxng chux 1896 Three athletes in training for the marathon at the Olympic Games in Athens inhmustweliynglukdwynanm mnusy rwmthungstwinxndbwanr samarthprbtwephuxwingrayathangikliddi esnxiwwastwskul ohom wingthnephraakaredinthangkhamphunthikwangihyephimoxkasin aelayngsamarthidxikdwy karwingthnyngphbinstwkibthikalngxphyph aelastwkinenuxthixasybnphundinbangpraephth echn hma hmapa aelaihyina insngkhmmnusyrunihm mnusymihlayehtuphlthicawingthangikl xacthaipephux nnthnakar karedinthang ehtuphlthangesrsthkic hruxehtuphlthangwthnthrrm karwingthangiklsamarthchwyprbsukhphaphhwicaelahlxdeluxdihdikhun aelayngchwythaihsmrrthphaphrangkayaebbaexorbikdikhunodyepnkarephimkickrrmihexnismaelahxromn sungcaipthakarkratunkarthangankhxngklamenuxaelahwicihmiprasiththiphaphmakkhun bxykhrng thngpccubnaelainxdit thikarwingthangiklcathukmaichepnswnhnungkhxng phbmakthisudinswnkhxngkarkila thungaemwainsmykxnyukhxutsahkrrm kwingephuxsngkhxmulipyngsthanthithihangiklechnediywkn karwingthangiklyngepnrupaebbkhxngpraephnihruxphithikhxngchnephatang echn chnepha aela inkritha idmikarkahndihkaraekhngkhnwingthangikltxngwingepnraya 3 kiolemtr 1 86 iml khunip pkticamikarwingxyu 3 praephth khux luaelalan aela sungaetktangtamlksnaphumipraeths idaek luwingradyang thnn aelasphaphtamthrrmchati tamladb odypktikarwingaekhngbnlucamirayathangtngaet thung 6 2 iml swnkarwingwibakcaaekhnginrayathangtngaet 5 thung 12 kiolemtr 3 thung 7 5 iml inkhnathikarwingaekhngbnthnnxacmirayathangidyawkhunthung 100 kiolemtr 60 iml hruxmakkwa karwingwibakinmhawithyalythishrthxemrika phuchaymicawingepnrayathang 8000 emtr swnphuhyingcawingepnrayathang 6000 emtr raykarwinginoxlimpikvdurxnmirayathang 10 000 emtr aelayngmipraephthmarathxn 42 195 kiolemtr hrux 26 iml 385 hla prawtisastrkarwingkxnyukhprawtisatr karla karsngektechingmanusywithyaphbwachumchnkhxngidichkarwingthangiklinkarlastw echn chnepha cak thaelthraykhalaharichnphunemuxnginthwipxemrika aela phulacawingchaaetkhngthiepnewlatngaet 1 chwomngthung 2 3 wn inbriewnthistwthithuklaimsamarthhlbsxntwid stwthithuklacahyudhxbephuxprbrangkayiheynlng aetkmiewlaimphxenuxngcakthuklaxyangtxenuxng emuxrayaewlaphanip stwthithuklakcalmcakkhwamehnuxylaaelakhwamrxn okhrngkradukkhxngedk xayu 12 pi phisucnwa mnusyemux 1 5 lanpithiaelwkinenuxmakaelakinphuchnxykwamnusyinpccubn aelaillaodykarwingilstw yukhprawtisatrobran dwywiwthnakarthangkarekstraelawthnthrrm karwingthangiklcungimidichephiyngephuxkarlaethann aetyngichephuxphithikrrmthangsasna karsngkhxkhwamthangkarthharaelathangkaremuxng aelakarelnkila phusngsasn inphnthsyyaedimklawthungkarwingsngsasnkhxng echninhnngsuxsamuexl 18 nkwing 2 khn khux aela wingsngsasnthungkstriyedwidwa Absalom sungepnlukchaykhxngekhaidtaylng ineyermiy 51 31 32 phusngsasn 2 khn phbknkhrungthang ephuxsngsasnekiywkbkarsuyesiyemuxngbabioleniy 31 One post shall run to meet another and one messenger to meet another to shew the king of Babylon that his city is taken at one end 32 And that the passages are stopped and the reeds they have burned with fire and the men of war are affrighted dd khnwingsngsasninsuemxrtxntneriykwa lasimu lasimu thuxepnthngthharaelakharachkar mihnathiwingrxb emuxngephuxkracaysarkrisobrankmichuxesiynginnkwingsngsasnthieriykwa himiolodrmxy hemerodromoi sungmikhwamhmaywa nkwingthngwn hnunginnkwingsngsasnthimichuxesiyngmakthisudkhux khux ifdipphidis sungtamtananaelwwingcakemuxngipyngexethnsephuxprakaschychnakhxngkrikthimiehnuxepxresiyin emux 490 pikxnkhrisskrach aelaidtaylnghlngcaksngsasnwa erachna thungaemwacamikarotethiyngwatananniepncringmaknxyephiyngid ifdipphidiswingrahwangcakemuxngmarathxnipexethnscringhruxim rayathangyawephiyngid aelaepnephiyngaekhkhnediywthisngsanshruxim eruxngrawnikthaihekidkaraekhngkhnwingmarathxn rayathang 26 2 iml hrux 42 kiolemtrsrirwithyakhxngkarwingthangiklmnusyepnstwthiwingrayaikliddithisudinhmustwthiwingid stwxunxacmikhwamerwsungkwa aetkwingidrayasnkwa rangkaymnusyidphthnacnedintwtrngaelacnwingidmapraman 2 3 lanpimaaelw tangcakstweliynglukdwynmxun sungrangkaythukxxkaebbmaihedin 4 khahruxpintnim rangkaymnusysamarthwingiklidephraa kradukaelaokhrngsrangklamenux inkhnathipraephthxunmicudsunyklangmwlthidanhnakhxngkhahlng rwmthungmnusymicudsunyklangmwlthidanbnkha thaihkradukaelaklamenuxaetktangxxkipodyechphaaxyangyingthikhaaelakradukechingkran karrabaykhwamrxn khwamsamarthinkarrabaykhwamrxnkhxngmnusyodykarkhbehnguxxxkthangphiwhnngthaihidepriybkwathangpakhruxthangcmuk ephraamiphunthiphiwihehnguxraehymak aelaimkhunkbrabbhayic khwamaetktanginkaredintwtrngaelakarwingkhuxkarephaphlayphlngnganinrahwangkarekhluxnihw khnaedin mnusyichphlngngankhrunghnungkhxngkarwingnkchiwwithyawiwthnakarechuxwakhwamsamarthkhxngmnusyinkarwingiklthaihmnusysungkinenuxsamarthaekhngkhnkbstwkinenuxxun idduephimNeurobiological effects of physical exercisexangxingGrine Frederick E et al October 2006 The First Humans Origin and Early Evolution of the Genus Homo Stonybrook University Retrieved on 2013 04 11 Humans hot sweaty natural born runners Phys org Harvard University 2007 04 16 Retrieved on 2013 04 11 ANTHROPOLOGY ENDURANCE RUNNING AND HUMAN EVOLUTION Science Week 2004 2005 Retrieved on 2013 04 11 1 http www medicinenet com running page3 htm what are the fitness benefits of running Running in Hopi History and Culture Hopi Cultural Preservation Office Northern Arizona University Retrieved on 2013 04 11 Lonergan J E The ecology of servitude in Tarahumara ritual tesguinada 2013 08 01 thi ewyaebkaemchchin International Society for Gesture Studies Retrieved on 2013 04 11 Bjerre Jens Kalahari Hill and Wang 1960 Bennett Wendell Clark and Robert Mowry Zingg The Tarahumara an Indian tribe of northern Mexico 1935 Sollas W J 1924 Ancient hunters and their modern representatives New York Macmillan Sears Edward Seldon Running through the Ages McFarland 2001 Walker A and Leakey R 1993 Nariokotome Homo Erectus Skeleton Carrier D R Kapoor A K Kimura T Nickels M K Satwanti Scott E C So J K amp Trinkaus E 1984 The energetic paradox of human running and hominid evolution Current Anthropology Vol 25 No 4 Aug Oct 1984 pp 483 495 The Assyrian Dictionary L Chicago The Oriental Institute 104 108 1973 Deane Anderson Lamont Running Phenomena in Ancient Sumer Journal of Sport History Vol 22 No 3 Fall 1995 History of the 24hr race by Andy Milroy Retrieved on Aug 13 2013 from http www ultralegends com history of the 24hr race Hammond N G L 1968 The Campaign and the Battle of Marathon The Journal of Hellenic Studies Vol 88 pp 13 57 Lovett C 1997 Olympic Marathon A Centennial History of the Games Most Storied Race Retrieved from http www marathonguide com history olympicmarathons prologue cfm The Hemerodromoi Ultra Long Distance Running in Antiquity The Classical World Vol 68 No 3 Nov 1974 pp 161 169 Lovejoy C O 1988 Evolution of human walking Scientific American 0036 8733 259 5 p 82 Margaria R Cerretelli P Aghemo P and Sassi G 1963 Energy cost of running Journal of Applied Physiology 18 367 370 Lieberman D E and Bramble D M 2007 The evolution of marathon running Capabilities in humans Sports Medicine 37 4 5 288 290 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb karwingthangikl Runner s World