การถ่ายภาพจอประสาทตา หรือ การถ่ายภาพจอตา (อังกฤษ: Fundus photography) เป็นการถ่ายรูปด้านหลังตา คือก้นตา (fundus) หรือจอประสาทตา กล้องที่ทำโดยเฉพาะจะมีกล้องจุลทรรศน์ที่ซับซ้อนติดกับแฟลชเพื่อให้สามารถใช้ถ่ายจอตาได้ โครงสร้างในตาที่สามารถเห็นได้ในภาพรวมทั้งจอตาทั้งส่วนตรงกลางและรอบ ๆ, จานประสาทตา (optic disc) และจุดภาพชัด (macula) อาจถ่ายใช้ฟิลเตอร์สี หรือใช้สีฉีดรวมทั้งฟลูออเรสซีน (fluorescein) และ indocyanine green เพื่อให้เห็นความผิดปกติต่าง ๆ เครื่องและเทคโนโลยีที่ใช้ถ่ายภาพจอตาได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วภายในศตวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ซับซ้อนและผลิตให้ได้มาตรฐานได้ยาก จึงมีวางขายในตลาดเพียงไม่กี่ยี่ห้อ ตัวอย่างของบริษัทผู้ผลิตรวมทั้ง Welch Allyn, Digisight, Volk, Topcon, Zeiss, แคนนอน, Nidek, Kowa, CSO, CenterVue และ Ezer
การถ่ายภาพจอประสาทตา (Fundus photography) | |
---|---|
การแทรกแซง | |
95.11 |
ประวัติ
แนวคิดเรื่องการถ่ายรูปก้นตาเริ่มต้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลังจากการถ่ายรูปเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1839 ซึ่งก็ได้กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ขึ้นเรื่อย ๆ ในปี ค.ศ. 1851 จักษุแพทย์ชาวเยอรมันแฮร์มัน ฟ็อน เฮ็ล์มฮ็อลทซ์ ได้ประดิษฐ์กล่องส่องตรวจในตา (ophthalmoscope) และนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษเจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ ได้เสนอวิธีการถ่ายรูปสีในปี ค.ศ. 1861
ต่อมาต้นคริสต์ทศวรรษ 1860 ชาวอเมริกัน Henry Noyes และชาวแคนาดา Abner Mulholland Rosebrugh ทั้งสองได้ประกอบกล้องถ่ายจอตาแล้วทดลองกับสัตว์ แม้วิธีที่ทำดูจะมีอนาคต แต่การให้ได้ภาพจอตาของมนุษย์ซึ่งดีพอก็ยังเป็นเรื่องอีกยาวไกล เพราะการถ่ายภาพในยุคต้น ๆ ได้แสงไม่พอ ต้องเปิดรับแสงนาน มีการเคลื่อนตา และมีรีเฟล็กซ์กระจกตา (corneal reflex) ที่ทำให้ภาพไม่ชัดเจน ต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
เป็นเรื่องยังไม่ยุติว่า การถ่ายภาพจอตามนุษย์สำเร็จเป็นครั้งแรกเมื่อไร แต่โดยมากให้เครดิตกับ William Thomas Jackman และ J.D. Webster เพราะได้เผยแพร่เทคนิคการถ่ายรูปพร้อมกับรูปจอตารูปหนึ่งในวารสารสองฉบับในปี ค.ศ. 1886
มีบุคคลอื่น ๆ ที่มีบทบาทเด่นในยุคต้น ๆ ตามนักประวัติศาสตร์บางท่าน แพทย์ชาวอเมริกัน Lucien Howe และผู้ช่วย Elmer Starr อาจเป็นบุคคลแรกสุดที่ถ่ายภาพจอตามนุษย์ หมอเป็นจักษุแพทย์ที่โด่งดังและได้ร่วมมือกับผู้ช่วยทำโปรเจ็กต์ถ่ายภาพจอตาระหว่างปี ค.ศ. 1886–88 หมอเรียกผลงานของพวกเขาว่าเป็นภาพถ่ายจอตาแรกที่ระบุว่าเป็นภาพจอตาได้ ซึ่งเป็นการยอมรับ Jackman และ Webster ว่าเป็นบุคคลแรกที่ตีพิมพ์ภาพจอตา ตามหลักฐานทางวรรณกรรม รูปของหมอกับผู้ช่วยระบุได้ชัดเจนกว่าว่าเป็นจอตา
ความพยายามถ่ายภาพจอตาให้ชัดได้ดำเนินต่อไปอีก 75 ปีต่อมา มีผู้ชำนาญการเป็นร้อย ๆ ที่พยายามแก้ปัญหา ซึ่งชาวออสเตรีย Friedrich Dimmer ทำสำเร็จเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ผู้เผยแพร่ภาพของตนในปี ค.ศ. 1921 แต่กล้องที่พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1904 เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนและใช้ในงานวิจัยเท่านั้น ต้องรอจนถึงปี ค.ศ. 1926 ที่ชาวสต็อกโฮล์ม Johan Nordenson และบริษัท Zeiss Camera Company ได้วางตลาดกล้องที่แพทย์สามารถใช้ จึงเป็นกล้องถ่ายภาพจอตาแบบปัจจุบันรุ่นแรก
ตั้งแต่นั้นมา คุณสมบัติของกล้องภาพจอตาก็ดีขึ้นอย่างมาก รวมทั้งการถ่ายภาพที่ไม่ต้องขยายรูม่านตา (non-mydriatic imaging) การควบคุมแสงด้วยอิเล็กทรอนิกส์ การวางแนวกล้องให้ตรงกับตาอัตโนมัติ และการถ่ายเก็บภาพดิจิทัลมีรายละเอียดสูง ซึ่งล้วนทำให้การถ่ายภาพจอตากลายเป็นวิธีการมาตรฐานทางจักษุวิทยาเพื่อบันทึกอาการโรคจอตา
หลังจากการประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพจอตา David Alvis และ Harold Novotny ได้ถ่ายรูปจอตาร่วมกับการฉีดสี (fluorescein angiography, FFA) เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1959 โดยใช้กล้องภ่ายภาพจอตาของบริษัท Zeiss และแฟลชอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในสาขาจักษุวิทยา
มีหลายประเทศที่เริ่มโปรแกรมตรวจตาระยะไกล (teleophthalmology) คือแพทย์ไม่ต้องอยู่ใกล้ ๆ กับคนไข้ อาศัยกล้องถ่ายภาพจอตาเริ่มตั้งแต่ราว ๆ ปี ค.ศ. 2008
กล้องภาพจอตา
หลักการทางแสง
หลักการทำงานทางแสงของกล้องถ่ายรูปจอตาเหมือนกับกล้องส่องตรวจในตา (monocular indirect ophthalmoscopy) กล้องจะให้ภาพจอตาในแนวตั้งและขยาย ปกติจะเป็นจอตาในขนาด 30-50 องศา ขยาย 2.5 เท่า โดยสามารถเปลี่ยนขนาดเหล่านี้ได้โดยใช้เลนส์เสริม เช่นที่ให้ภาพขนาด 15 องศาและขยาย 5 เท่า จนถึงภาพ 140 องศา (เป็นเลนส์มุมกว้าง) ซึ่งลดขนาดรูปเป็นครึ่ง
ระบบทางทัศนศาสตร์ของกล้องถ่ายภาพจอตาคล้ายกับกล้องส่องตรวจในตา (ophthalmoscope) แบบ indirect ตรงที่ว่าแสงที่ฉายส่องเข้าในตา และแสงที่เข้ามาในเลนส์ส่องดู จะมีวิถีดำเนินที่ต่างกัน แสงที่ใช้ส่องดูจะต้องโฟกัสผ่านเลนส์จำนวนหนึ่งตามลำดับ ผ่านรูรับแสงรูปโดนัท ผ่านรูรับแสงตรงกลาง (central aperture) รวมเป็นแผ่นวงแหวน (annulus) ก่อนผ่านเลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) แล้วจึงผ่านกระจกตาไปฉายที่จอตา แสงที่สะท้อนจากจอตาจะผ่านรูที่ไม่ได้ส่องแสงของโครงสร้างรูปโดนัทของระบบส่องแสง เพราะทางเดินของแสงของสองระบบแยกจากกัน จึงมีแสงกวนจากแหล่งกำเนิดน้อยมากในรูปตาที่เห็น แสงที่มีภาพตาจะวิ่งผ่านเลนส์ใกล้ตาซึ่งขยายภาพในระดับต่ำ เมื่อกดปุ่มบันทึกภาพ จะมีกระจกตัดขวางทางเดินของระบบให้แสง (illumination) เพื่อให้แสงจากแฟลชผ่านเข้าไปในตาได้ ในขณะเดียวกัน ก็จะมีกระจกตัดแสงเลนส์ดูของกล้องเพื่อเปลี่ยนทิศแสงที่มีภาพตาไปยังสื่อบันทึก ไม่ว่าจะเป็นฟิลม์หรืออุปกรณ์ถ่ายเทประจุ (CCD) เพราะตามักจะปรับดูใกล้ไกลเมื่อมองดูผ่านกล้อง จึงจำเป็นต้องให้ตาเบนมองอย่างขนานกัน (parallel exiting vergence) เพื่อให้ภาพที่ได้โฟกัสตกที่สื่อบันทึกภาพ
แบบ (Modes)
กล้องถ่ายรูปจอตาทั่วไปจะสามารถทำงานตามแบบ (modes) ต่อไปนี้
- Colour (สี) จอตาจะส่องด้วยแสงสีขาวและถ่ายภาพเต็มสี
- Red free fundus photography (การถ่ายภาพจอตาไร้สีแดง) ใช้ฟิลเตอร์เพื่อให้สามารถดูรอยโรคตามผิว และความผิดปกติของเส้นเลือดที่จอตาหรือที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ ฟิลเตอร์เขียว ~540-570 นาโนเมตร (nm) จะใช้ปิดแสงความยาวคลื่นสีแดง ซึ่งทำให้ได้ความเปรียบต่างที่ดีกว่าเพื่อดูเส้นเลือดและการตกเลือดที่จอตา, ดูรอยโรคที่ซีดเช่น drusen และน้ำที่ซึมออก, ดูลักษณะที่ละเอียด เช่น ความผิดปกติในชั้นใยประสาท (fibre layer defect) และ epiretinal membrane (ความผิดปกติที่จอตาเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของวุ้นตาและจากโรคเบาหวาน) นี่จัดเป็นวิธีตรวจ intraretinal microvascular abnormalities (IRMA) หรือการงอกเส้นเลือดใหม่ (neovascularization) ไม่ว่าจะที่จานประสาทตา (NVD) หรือที่อื่น ๆ (NVE) ที่ดีกว่าการถ่ายภาพสีเพื่อประเมินความคืบหน้าของโรคจอตาเหตุเบาหวาน การถ่ายภาพไร้สีแดงอย่างนี้ยังใช้เป็นภาพบรรทัดฐาน (base line) ก่อนบันทึกภาพจอตาร่วมกับการฉีดสี
- การถ่ายภาพจอตาร่วมกับการฉีดสี (angiography) เป็นกระบวนการถ่ายภาพ/บันทึกการไหลของเลือดภายในจอตาและเนื้อเยื่อรอบ ๆ โดยฉีดสีเรืองแสง (fluorescent dye) เข้าไปในเลือด สีจะเรืองแสงเป็นสีอีกอย่างหนึ่งเมื่อมีแสงที่มีความยาวคลื่นโดยเฉพาะ (excitation colour) มากระทบ ฟิลเตอร์แบบ Barrier ก็จะทำให้ถ่ายได้ภาพสีที่เรืองแสงเท่านั้น วิธีนี้ทำให้สามารถถ่ายรูปเป็นลำดับซึ่งแสดงการเคลื่อนไหวและการรวมตัวของเลือดในชั่วระยะหนึ่ง (“Phases”) เมื่อสีดำเนินผ่านจอตาและคอรอยด์ (choroid)
- Sodium Fluorescein Angiography (ตัวย่อ FFA, FA หรือ FAG) ใช้ถ่ายภาพโรคเส้นเลือดในจอตาและใช้แสงกระตุ้น (excitation light) ที่ความยาวคลื่น ~490 นาโนเมตร (nm) โดยจะทำให้เรืองแสงเป็นสีเหลืองที่ความยาวคลื่น ~530 nm เป็นวิธีที่ปกติใช้ถ่ายภาพโรคจุดภาพชัดบวมเหตุซิส (Cystoid Macular Oedema) และโรคจอตาเหตุเบาหวานในบรรดาโรคต่าง ๆ
- Indocyanine Green Angiography (ตัวย่อ ICG) ใช้สำหรับถ่ายภาพโรคคอรอยด์ที่อยู่ลึกกว่า และใช้เลเซอร์ใกล้ความยาวคลื่นรังสีอินฟราเรดที่ 805 nm และฟิลเตอร์ barrier ที่ให้แสงความยาวคลื่น 500 และ 810 nm ผ่านเพื่อถ่ายรูป ICG ช่วยให้เห็นเส้นเลือดคอรอยด์ที่ป่องออกในกรณี idiopathic polypoidal choroidal vasculopathy, เส้นเลือดผิดปกติที่ส่งเลือดไปยังเนื้องอกตา, เส้นเลือดที่ไหลซึมออกได้เกิน ซึ่งทำให้ก่อโรค central serous chorioretinopathy (CSC หรือ CSCR) ในบรรดาโรคต่าง ๆ
- Simultaneous stereo fundus photos (ภาพจอตาที่ถ่ายพร้อมกันให้เห็นเป็น 3 มิติ) เทคนิกนี้ได้เผยแพร่ตั้งแต่ก่อนปี 1909 แต่การใช้เพื่อวินิจฉัยโรคก็ไม่แพร่หลาย แต่ความก้าวหน้าทางการถ่ายภาพดิจิตัลและจอภาพ 3 มิติทำให้บริษัทผู้ผลิตบางแห่งเริ่มใช้เทคนิกนี้ในเครื่องมือของตนอีก วิธีการปัจจุบันคือการถ่ายภาพจอตาจากมุมที่ต่างกันเล็กน้อยพร้อม ๆ กัน ซึ่งภายหลังใช้สร้างภาพสามมิติ ซึ่งทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ข้อมูลที่ดีกว่าเกี่ยวกับลักษณะพื้นผิวของจอตา
- การถ่ายภาพจอตาในสัตว์ (Fundus photography in animals) ใช้ในงานวิจัยสัตวแพทยศาสตร์ สัตวจักษุวิทยา และการศึกษา งานศึกษามากมายได้ใช้มันเป็นวิธีการศึกษาเรื่องตาและเรื่องโรคที่เป็นทั้งระบบในสัตว์
ภาพไม่เป็นจริง (artifact)
ภาพไม่เป็นจริง (artifact) ในรูปถ่ายเกิดจากปัญหาการวางตำแหน่งคนไข้ ปัญหาผู้ถ่าย และปัญหากล้อง การร่วมมือและความเข้าใจของคนไข้สำคัญเพื่อลดปัญหาเช่นนี้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องอธิบายให้คนไข้เข้าใจ เจ้าหน้าที่ยังต้องตั้งแนวกล้อง ตั้งระบบกล้อง และใช้ฟิลม์อย่างถูกต้อง อนึ่ง เมื่อดูภาพจอตาก็ต้องเข้าใจถึงปัจจัยเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ภาพไม่เป็นจริงอาจจะไม่ปรากฏจนกระทั่งถ่ายด้วยฟิลม์ ปกตินี่อาจมีเหตุจากปัญหาทางกลไกของกล้อง ขนาดรูม่านตาของคนไข้ หรือการกะพริบตา การกะพริบตาจะทำให้ได้ภาพจอตาที่ไม่ชัดและไม่สมบูรณ์ การบอกคนไข้ให้ไม่กะพริบตาเมื่อกำลังถ่ายภาพจึงจำเป็นมาก แต่คนไข้อาจกะพริบตาในช่วงอื่นเพื่อไม่ให้ตาแห้ง เพราะก็จะทำให้ภาพจอตาไม่ชัดเหมือนกัน ถ้าสงสัยว่าตาแห้ง ควรบอกคนไข้ให้กะพริบตาหลายครั้งก่อนที่จะดำเนินการต่อ
ภาพที่ถ่ายไม่ถูกวิธีก็อาจไม่ชัดเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องระมัดระวังมากเพื่อตั้งแนวกล้องให้ถูกต้อง เพื่อให้ได้ภาพจอตาที่ชัดก่อนที่จะบันทึกภาพ จุดขาว 3 จุดควรจะชัดและตรงแนวกับรูปม่านตาก่อนที่กดปุ่มตั้งแนว (alignment button) ถ้าจอตาไม่ชัด ให้ขยับก้านควบคุมไปทางหน้าหลังเพื่อให้ได้ภาพที่ชัด เมื่อภาพชัดแล้ว ก็สามารถดำเนินการตั้งแนวต่อไปก่อนที่จะถ่ายภาพ
ตัวบ่งชี้
แพทย์วัดสายตา จักษุแพทย์ และเจ้าหน้าที่รักษาตาเหล่ (orthoptics) เป็นมืออาชีพที่อาจใช้ภาพจอตาเพื่อบันทึกความผิดปกติของตาเนื่องจากโรค และเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว/การดำเนินของโรคเช่น โรคเบาหวาน, โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม (AMD), ต้อหิน, เนื้องอกที่คอรอยด์, โรคที่เส้นประสาทสมอง, โรคจอตา และโรคลูกตา เป็นต้น
ในคนไข้โรคเบาหวาน การตรวจจอตาเป็นประจำ (ทุก 6 เดือนจนถึงทุกปี) เป็นเรื่องสำคัญเพื่อตรวจคัดโรคจอตาเหตุเบาหวาน เพราะการเสียการเห็นเนื่องกับเบาหวานสามารถป้องกันได้ด้วยการยิงเลเซอร์ที่จอตาถ้าพบตั้งแต่ต้น
นอกเหนือจากโรคตาที่สามัญเหล่านี้ ภาพจอตายังสามารถใช้ติดตามการรักษามาลาเรีย เพราะโรคที่คุมไม่ได้จะทำให้จอตาเสียหาย ภาพจอตายังใช้กับคนไข้ฉุกเฉินเช่นที่ปวดหัวตลอดเวลา มีความดันระยะหัวใจคลายตัว (diastolic) เกินหรือเท่ากับ 120 มิลลิเมตรปรอท และคนไข้ที่เสียการเห็นอย่างฉับพลัน ในคนไข้ที่ปวดหัว การพบจานประสาทตาบวม หรือ papilloedema ในภาพถ่ายเป็นอาการหลักที่บ่งความดันในกะโหลกศีรษะ (ICP) เนื่องจากภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus), ความดันในกะโหลกศีรษะที่ไม่อันตราย (benign intracranial hypertension, pseudotumour cerebri) หรือเนื้องอกในสมอง ในบรรดาอาการต่าง ๆ
ในโรคต้อหิน จานประสาทตาอาจกลายเป็นรูปถ้วย สำหรับความดันโลหิต การเปลี่ยนแปลงที่จอตาจะคล้ายกับที่พบในสมอง และดังนั้น อาจใช้พยากรณ์ปัญหาโรคลมในสมอง (cerebrovascular accidents) ได้ ในบางกรณี ภาพจอตาอาจใช้ในงานวิจัย
การบันทึกและการแปลผล
ภาพจอตาช่วยบันทึกลักษณะต่าง ๆ ของจอตาคนไข้ ทำให้แพทย์สามารถตรวจดูจอตา เปรียบเทียบดูความเปลี่ยนแปลง และปรึกษาแพทย์อื่น ๆ ได้ ดังนั้น จึงอาจใช้เป็นปกติสำหรับอาการทางตาต่าง ๆ
ภาพจอตาใช้ตรวจความผิดปกติเกี่ยวกับโรคที่มีผลต่อตาและเพื่อติดตามการดำเนินของโรค เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับโรค เช่น จุดภาพชัดของจอตาเสื่อม, เนื้องอกที่จอตา, ปัญหาเกี่ยวกับคอรอยด์ และโรคจอตาเหตุเบาหวาน อนึ่ง มันช่วยระบุโรคต้อหิน, โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (MS) และความผิดปกติของระบบประสาทกลางอื่น ๆ มันช่วยประเมินความผิดปกติของจอตา ติดตามการดำเนินของโรค และตรวจดูผลการรักษา สามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้เข้าใจวิถีการดำเนินของโรคได้ดีขึ้น
ภาพจอตาอาจมีประโยชน์สำหรับโรคใหม่ ๆ ที่มีผลต่อจอตา และเพื่อวางแผนการรักษาต่าง ๆ แต่การบันทึกข้อมูลคนไข้ไม่ว่าจะเป็นภาพจอตาหรือการสร้างภาพอื่น ๆ ก็จำเป็นต้องมีระเบียบที่ดีเพื่อให้สามารถเปรียบเทียบวัดกับเวลาได้
บันทึกคนไข้ควรจะมีประวัติที่เกี่ยวข้องเร็ว ๆ นี้ มีการดำเนินของโรคและการรักษา และมีภาพจอตาเพื่อเป็นหลักฐานการวินิจฉัยที่เกี่ยวข้องกัน ภาพควรจะมีฉลากที่ถูกต้องว่าเป็นตาข้างไหน ถ่ายรูปเมื่อไร และข้อมูลเกี่ยวกับคนไข้ บันทึกคนไข้ควรจะมีผลที่ได้เนื่องกับภาพจอตา และแสดงความแตกต่างกับภาพที่เคยได้มาก่อน ควรจะมีการวินิจฉัยผลที่ได้ การเปลี่ยนแปลงที่มันอาจมีต่อการรักษา ภาพจอตาที่ไม่ได้ตีความ/วินิจฉัยจัดว่าล้าสมัย (obsolete) บันทึกควรจะเป็นลายมือที่อ่านได้ มีข้อมูลคนไข้ที่เหมาะสม และมีรายละเอียดเกี่ยวกับการวินิจฉัยและรักษา
การแปลผลภาพจอตาเกี่ยวกับต้อหินควรจะมีบันทึกในเรื่อง vertical and horizontal cup to disc ratio, รูปแบบเส้นเลือด (vessel pattern), ความซีดจอตาที่กระจายหรือเป็นจุด (diffuse or focal) ความอสมมาตรและวิถีดำเนินของปัจจัยที่ว่าทั้งหมด ชั้นใยประสาทของจอตา (retinal nerve fibre layer) ก็ควรตรวจดูและบันทึกรายละเอียดไว้ด้วย
อย่างไรก็ดี การวัด torsion (การหมุน) อย่างวัตถุวิสัย/โดยใช้เครื่องวัดอาจมีประโยชน์ และภาพจอตาก็ไม่สามารถทดแทนการส่องตรวจในตา (binocular indirect ophthalmoscopy) ได้ เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมข้อมูลที่มีอยู่และช่วยในการบันทึกวิถีการดำเนินของโรค โดยหลักใช้ในการบันทึกวิถีการดำเนินของโรคจอตาหรือโรคประสาทตา และยังมีประโยชน์เพื่อบันทึกผลการรักษาและติดตามสภาวะทางตาของคนไข้
ข้อดีและข้อเสีย
จอตาประกอบด้วยชั้นกึ่งโปร่งใส 10 ชั้นซึ่งมีหน้าที่โดยเฉพาะ ๆ ในการเห็น ภาพจอตาแสดงรูปคร่าว ๆ ของชั้นบนสุด คือ inner limiting membrane และชั้นข้างใต้อื่น ๆ เพราะความผิดปกติของจอตามักเริ่มที่ชั้นใดชั้นหนึ่งก่อนจะกระจายไปยังชั้นอื่น ๆ (เช่น การเกิด cotton wool spots ในชั้นใยประสาทตา) จึงจำเป็นต้องรู้ความตื้นลึกเมื่อตรวจเพื่อให้วินิจฉัยสภาพจอตาได้ถูกต้อง แต่แม้จะมีพัฒนาการทางเทคโนโลยีมีกล้องถ่ายภาพจอตาแสดงภาพ 3 มิติ โดยฉายภาพ 2 ภาพซ้อนทับกัน กล้องที่ยังมักใช้กันอยู่ก็แสดงภาพจอตาเป็น 2 มิติเท่านั้น ข้อจำกัดเช่นนี้จึงทำให้มันไม่เป็นการตรวจมาตรฐานสูงสุด (gold standard) ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงเป็นการส่องตรวจในตา (indirect binocular ophthalmoscopy)
ต่อไปนี้เป็นข้อดีและข้อเสียของภาพถ่ายจอตา
ข้อดี | ข้อเสีย |
|
|
ในอนาคต
การถ่ายภาพจอตาเป็นวิธีการวินิจฉัยและรักษาคนไข้ที่สำคัญทางจักษุวิทยา (โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับจอตาเช่น โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อมและโรคจอตาเหตุเบาหวาน) ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1920 และการฉีดสีถ่ายภาพจอตา (fluorescein angiography) ก็กลายเป็นวิธีการสำคัญตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1950 แม้ optical coherence tomography (OCT) จะลดความจำเป็นของการถ่ายภาพจอตาทั้งสองแบบ แต่ก็ยังไม่มีเทคนิกอะไรใหม่ ๆ ที่มาทดแทนวิธีเหล่านี้ได้
การทำภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยและการวิเคราะห์ภาพจอตาเป็นอนุกรม (ซีรีส์) เสนอว่า สามารถใช้ตรวจภาวะของจอตาได้ อุปกรณ์ยี่ห้อ MatchedFlicker ซึ่งสามารถจัดแนวและบันทึกภาพจอตาเดียวกันที่ถ่ายในช่วงสองเวลา แล้วแสดงภาพซ้อนทำให้สามารถระบุความเปลี่ยนแปลงระหว่างภาพทั้งสอง ซึ่งทำให้ประเมินวินิจฉัยภาจอตาได้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน และทำให้บันทึกข้อมูลได้ง่ายขึ้น มีงานศึกษาที่เปรียบเทียบการทำภาพเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยกับการวิเคราะห์ภาพจอตาเป็นอนุกรมสำหรับโรคจอตาต่าง ๆ เช่น ต้อหิน โรคจอตาเหตุเบาหวาน โรคจุดภาพชัดของจอตาเสื่อม และการตรวจคัดโรคจอตาเบื้องต้นสำหรับทารกที่เกิดก่อนกำหนด ผลสรุปได้ว่า การทำภาพเคลื่อนไหวใช้คอมพิวเตอร์ช่วยให้วินิจฉัยโรคได้แม่นยำและตรวจพบโรคได้ก่อนกว่า ทั้งในโรคต้อหินและโรคจอตาสำหรับทารกเกิดก่อนกำหนด
แอปสำหรับไอโฟนรุ่น 2017 คือ Ullman Indirect ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมโฟกัส การเปิดรับแสง และไฟส่องเองได้เพื่อให้ถ่ายรูปจอตาได้ดีขึ้น แอปสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี และได้ออกแบบเพื่อเพิ่มคุณภาพและความสะดวกในการถ่ายรูปจอตาด้วยสมาร์ตโฟน เว็บไซต์ทางการอยู่ที่ UllmanIndirect.com (http://www.UllmanIndirect.com 2019-09-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน)
คลังภาพ
- ภาพที่ถ่ายใกล้ ๆ ของแผงบังคับกล้องถ่ายจอตา Topcon
เชิงอรรถและอ้างอิง
- "ทำไมต้องตรวจจอประสาทตา: พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย". โรงพยาบาลรามคำแหง. 12 ตุลาคม 2015. จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2019.
Fundus Photography เพื่อตรวจและถ่ายรูปจอประสาทตา
- กิตติชัย อัครพิพัฒน์กุล (2014). "การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการตรวจคัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นจอตาจากการถ่ายภาพจอตาดิจิทัลโดยแพทย์ทั่วไป และการใช้กล้องจักษุจุลทรรศน์โดยจักษุแพทย์". EyeSEA. 9 (2). จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2019.
Digital fundus photography การถ่ายภาพจอตาดิจิตัล
- "Fundus Camera กล้องถ่ายภาพจอประสาทตา". โรงพยาบาลสุขุมวิท. จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2019.
- "ศูนย์จักษุกรุงเทพ". โรงพยาบาลกรุงเทพ. จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มีนาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม 2019.
เครื่องถ่ายภาพจอประสาทตาแบบไม่ต้องขยายม่านตา (Nonmydriatic fundus photography)
- "Fundus Photography Overview - Ophthalmic Photographers' Society". www.opsweb.org. จากแหล่งเดิมเมื่อ 15 สิงหาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2015.
- Abràmoff, Michael D.; Garvin, Mona K.; Sonka, Milan (1 มกราคม 2010). "Retinal Imaging and Image Analysis". IEEE Transactions on Medical Imaging. 3: 169–208. doi:10.1109/RBME.2010.2084567. ISSN 0278-0062. PMC 3131209. PMID 21743764.
- Panwar, Nishtha; Huang, Philemon; Lee, Jiaying; Keane, Pearse A.; Chuan, Tjin Swee; Richhariya, Ashutosh; Teoh, Stephen; Lim, Tock Han; Agrawal, Rupesh (26 สิงหาคม 2015). "Fundus Photography in the 21st Century-A Review of Recent Technological Advances and Their Implications for Worldwide Healthcare". Telemedicine Journal and E-Health. 22 (3): 198–208. doi:10.1089/tmj.2015.0068. ISSN 1556-3669. PMC 4790203. PMID 26308281.
- Bennett, Timothy J (26 กันยายน 2013). "Milestones, Rivalries and Controversy, Part III". History of Ophthalmic Photography Blog. Milestone. จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2019.
- Bennett (2013), The First Human Fundus Photograph
- Bennett (2013), Howe, Starr, and "Barr”
- "Museum of Vision: Exhibitions". www.museumofvision.org. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2015.
- Tran, Kenneth; Mendel, Thomas A.; Holbrook, Kristina L.; Yates, Paul A. (1 พฤศจิกายน 2012). "Construction of an Inexpensive, Hand-Held Fundus Camera through Modification of a Consumer "Point-and-Shoot" Camera". Investigative Ophthalmology & Visual Science. 53 (12): 7600–7607. doi:10.1167/iovs.12-10449. ISSN 0146-0404. PMC 3495602. PMID 23049089.
- Marmor, Michael F. (1 กรกฎาคม 2011). "Fluorescein angiography: Insight and serendipity a half century ago". Archives of Ophthalmology. 129 (7): 943–948. doi:10.1001/archophthalmol.2011.160. ISSN 0003-9950. PMC 1983794. PMID 20791604.
- Cassin B, Solomon S (1990). Dictionary of Eye Terminology. Gainesville, Florida: Triad Publishing Company.
- Saine, PJ. . Ophthalmic Photographers' Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 ธันวาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2006.
- Saine, PJ. . Ophthalmic Photographers' Society. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 ธันวาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 30 กันยายน 2006.
- Ng, E; และคณะ (2014). Ophthalmological Imaging and Applications. CRC Press. ISBN .
- Venkatesh, Pradeep; Sharma, Reetika; Vashist, Nagender; Vohra, Rajpal; Garg, Satpal (8 กันยายน 2012). "Detection of retinal lesions in diabetic retinopathy: comparative evaluation of 7-field digital color photography versus red-free photography". International Ophthalmology. 35 (5): 635–640. doi:10.1007/s10792-012-9620-7. ISSN 0165-5701. PMID 22961609.
- Ng, E (2014). Ophthalmological Imaging and Applications. CRC Press. ISBN .
- . www.aao.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 มิถุนายน 2016. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2015.
- "Historical Review of Stereoscopic Imaging". www.cybersight.org. 18 กันยายน 2015. จากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กรกฎาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2018.
- "nonmyd WX - Fundus Camera | KOWA Technology for Life Science". www.kowa.co.jp. จากแหล่งเดิมเมื่อ 9 มิถุนายน 2018. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2015.
- "Simultaneous stereo fundus camera Patent (Patent # 5,120,122 issued June 9, 1992) - Justia Patents Database". patents.justia.com. จากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2015.
- "Fundus Photography Overview - Ophthalmic Photographers' Society". www.opsweb.org. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2015.
- Barnett, K. C.; Keeler, C. R. (1 กุมภาพันธ์ 1968). "Retinal photography in animals". British Journal of Ophthalmology. 52 (2): 200–201. doi:10.1136/bjo.52.2.200. ISSN 1468-2079. PMC 506552. PMID 5642675.
- Rosolen, S. G.; และคณะ (2011). "Veterinary ophthalmology; new veterinary ophthalmology findings from S.G. rosolen and co-authors described". Veterinary Research Week. สืบค้นเมื่อ 16 สิงหาคม 2015.
- Yang-Williams, Kathy (สิงหาคม 2002). "Ophthalmic Photography: Retinal Photography, Angiography, an... : Optometry & Vision Science". Optometry and Vision Science. 79 (8): 478. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2015.
- Landon, S (1989). "Artifacts in fundus photographs". J Ophthalmic Nurs Technol. 8 (6): 229–35. PMID 2625702.
- De Boever, Patrick; Louwies, Tijs; Provost, Eline; Int Panis, Luc; Nawrot, Tim S. (1 มกราคม 2014). "Fundus photography as a convenient tool to study microvascular responses to cardiovascular disease risk factors in epidemiological studies". Journal of Visualized Experiments (92): e51904. doi:10.3791/51904. ISSN 1940-087X. PMC 4353376. PMID 25407823.
- "Fundus Photography". www.aetna.com. จากแหล่งเดิมเมื่อ 10 สิงหาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2015.
- Tyler, Marshall E. (1996). (PDF). Journal of Ophthalmic Photography. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 กันยายน 2015. สืบค้นเมื่อ 18 สิงหาคม 2015.
- . OptometryTimes. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 ธันวาคม 2014. สืบค้นเมื่อ 20 กันยายน 2015.
- "Accurate Eye Image Analysis with MatchedFlicker". www.eyeic.com. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2015.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Ophthalmic Photographers' Society
- "Fundus photography as a convenient tool to study microvascular response and cardiovascular risk factors"
- "An objective focusing method for fundus photography."
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 เมษายน 2017.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamnixangxingkhristskrach khristthswrrs khriststwrrs sungepnsarasakhykhxngenuxha karthayphaphcxprasathta hrux karthayphaphcxta xngkvs Fundus photography epnkarthayrupdanhlngta khuxknta fundus hruxcxprasathta klxngthithaodyechphaacamiklxngculthrrsnthisbsxntidkbaeflchephuxihsamarthichthaycxtaid okhrngsrangintathisamarthehnidinphaphrwmthngcxtathngswntrngklangaelarxb canprasathta optic disc aelacudphaphchd macula xacthayichfiletxrsi hruxichsichidrwmthngfluxxerssin fluorescein aela indocyanine green ephuxihehnkhwamphidpktitang ekhruxngaelaethkhonolyithiichthayphaphcxtaidphthnakhunxyangrwderwphayinstwrrsthiphanma enuxngcakepnekhruxngmuxthisbsxnaelaphlitihidmatrthanidyak cungmiwangkhayintladephiyngimkiyihx twxyangkhxngbristhphuphlitrwmthng Welch Allyn Digisight Volk Topcon Zeiss aekhnnxn Nidek Kowa CSO CenterVue aela Ezerkarthayphaphcxprasathta Fundus photography karaethrkaesng95 11phaphpktikhxngtakhwa rupsay aelatasay rupkhwa mxngcakdanhna dansayaetlaphaphcaepnkhangkhwakhxngkhnikh odyknta fundus impraktorkhid khnikhmxngmathiklxng dngnn cudphaphchd macula cungxyutrngklangrup aelacanprasathta optic disc kcaxyuipthangcmuk canprasathtathngsxngtangmisi pigmentation trngthikhxbdankhang sungcdwapkti khuximepnorkh kntathipraktepnsism epneruxngpktienuxngcakkhxmephlkswitaminexepn 11 cis retinaldehyde thiprakxbdwyoprtin opsin incxta khux rhodopsin phaphsay takhwa miekhtsungmisicangkwaephraaiklkbesneluxdthiihykwa sungcdwapktiinbukhkhlthimixayunxyprawtiaenwkhideruxngkarthayrupkntaerimtntngaetklangkhriststwrrsthi 19 hlngcakkarthayruperimkhuninpi kh s 1839 sungkidklayepneruxngthiepnipidkhuneruxy inpi kh s 1851 cksuaephthychaweyxrmnaehrmn fxn ehlmhxlths idpradisthklxngsxngtrwcinta ophthalmoscope aelankfisikschawxngkvsecms ekhlirk aemksewll idesnxwithikarthayrupsiinpi kh s 1861 txmatnkhristthswrrs 1860 chawxemrikn Henry Noyes aelachawaekhnada Abner Mulholland Rosebrugh thngsxngidprakxbklxngthaycxtaaelwthdlxngkbstw aemwithithithaducamixnakht aetkarihidphaphcxtakhxngmnusysungdiphxkyngepneruxngxikyawikl ephraakarthayphaphinyukhtn idaesngimphx txngepidrbaesngnan mikarekhluxnta aelamirieflkskrackta corneal reflex thithaihphaphimchdecn txngichewlaxikhlaythswrrskwacaaekpyhaehlaniid epneruxngyngimyutiwa karthayphaphcxtamnusysaercepnkhrngaerkemuxir aetodymakihekhrditkb William Thomas Jackman aela J D Webster ephraaidephyaephrethkhnikhkarthayrupphrxmkbrupcxtaruphnunginwarsarsxngchbbinpi kh s 1886 mibukhkhlxun thimibthbathedninyukhtn tamnkprawtisastrbangthan aephthychawxemrikn Lucien Howe aelaphuchwy Elmer Starr xacepnbukhkhlaerksudthithayphaphcxtamnusy hmxepncksuaephthythiodngdngaelaidrwmmuxkbphuchwythaoprecktthayphaphcxtarahwangpi kh s 1886 88 hmxeriykphlngankhxngphwkekhawaepnphaphthaycxtaaerkthirabuwaepnphaphcxtaid sungepnkaryxmrb Jackman aela Webster waepnbukhkhlaerkthitiphimphphaphcxta tamhlkthanthangwrrnkrrm rupkhxnghmxkbphuchwyrabuidchdecnkwawaepncxta khwamphyayamthayphaphcxtaihchdiddaenintxipxik 75 pitxma miphuchanaykarepnrxy thiphyayamaekpyha sungchawxxsetriy Friedrich Dimmer thasaercemuxtnkhriststwrrsthi 20 phuephyaephrphaphkhxngtninpi kh s 1921 aetklxngthiphthnakhuninpi kh s 1904 epnxupkrnthisbsxnaelaichinnganwicyethann txngrxcnthungpi kh s 1926 thichawstxkohlm Johan Nordenson aelabristh Zeiss Camera Company idwangtladklxngthiaephthysamarthich cungepnklxngthayphaphcxtaaebbpccubnrunaerk tngaetnnma khunsmbtikhxngklxngphaphcxtakdikhunxyangmak rwmthngkarthayphaphthiimtxngkhyayrumanta non mydriatic imaging karkhwbkhumaesngdwyxielkthrxniks karwangaenwklxngihtrngkbtaxtonmti aelakarthayekbphaphdicithlmiraylaexiydsung sunglwnthaihkarthayphaphcxtaklayepnwithikarmatrthanthangcksuwithyaephuxbnthukxakarorkhcxta hlngcakkarpradisthklxngthayphaphcxta David Alvis aela Harold Novotny idthayrupcxtarwmkbkarchidsi fluorescein angiography FFA epnkhrngaerkinpi kh s 1959 odyichklxngphayphaphcxtakhxngbristh Zeiss aelaaeflchxielkthrxniks sungepnkhwamsaercxnyingihyinsakhacksuwithya mihlaypraethsthierimopraekrmtrwctarayaikl teleophthalmology khuxaephthyimtxngxyuikl kbkhnikh xasyklxngthayphaphcxtaerimtngaetraw pi kh s 2008klxngphaphcxtaklxngthayphaphcxtahlkkarthangaesng hlkkarthanganthangaesngkhxngklxngthayrupcxtaehmuxnkbklxngsxngtrwcinta monocular indirect ophthalmoscopy klxngcaihphaphcxtainaenwtngaelakhyay pkticaepncxtainkhnad 30 50 xngsa khyay 2 5 etha odysamarthepliynkhnadehlaniidodyichelnsesrim echnthiihphaphkhnad 15 xngsaaelakhyay 5 etha cnthungphaph 140 xngsa epnelnsmumkwang sungldkhnadrupepnkhrung rabbthangthsnsastrkhxngklxngthayphaphcxtakhlaykbklxngsxngtrwcinta ophthalmoscope aebb indirect trngthiwaaesngthichaysxngekhainta aelaaesngthiekhamainelnssxngdu camiwithidaeninthitangkn aesngthiichsxngducatxngofksphanelnscanwnhnungtamladb phanrurbaesngrupodnth phanrurbaesngtrngklang central aperture rwmepnaephnwngaehwn annulus kxnphanelnsiklwtthu objective lens aelwcungphankracktaipchaythicxta aesngthisathxncakcxtacaphanruthiimidsxngaesngkhxngokhrngsrangrupodnthkhxngrabbsxngaesng ephraathangedinkhxngaesngkhxngsxngrabbaeykcakkn cungmiaesngkwncakaehlngkaenidnxymakinruptathiehn aesngthimiphaphtacawingphanelnsikltasungkhyayphaphinradbta emuxkdpumbnthukphaph camikracktdkhwangthangedinkhxngrabbihaesng illumination ephuxihaesngcakaeflchphanekhaipintaid inkhnaediywkn kcamikracktdaesngelnsdukhxngklxngephuxepliynthisaesngthimiphaphtaipyngsuxbnthuk imwacaepnfilmhruxxupkrnthayethpracu CCD ephraatamkcaprbduikliklemuxmxngduphanklxng cungcaepntxngihtaebnmxngxyangkhnankn parallel exiting vergence ephuxihphaphthiidofkstkthisuxbnthukphaph drusen aebbxxnthicudphaphchd takhwakhxngchayxayu 70 piaebb Modes klxngthayrupcxtathwipcasamarththangantamaebb modes txipni Colour si cxtacasxngdwyaesngsikhawaelathayphaphetmsi Red free fundus photography karthayphaphcxtairsiaedng ichfiletxrephuxihsamarthdurxyorkhtamphiw aelakhwamphidpktikhxngesneluxdthicxtahruxthienuxeyuxrxb filetxrekhiyw 540 570 naonemtr nm caichpidaesngkhwamyawkhlunsiaedng sungthaihidkhwamepriybtangthidikwaephuxduesneluxdaelakartkeluxdthicxta durxyorkhthisidechn drusen aelanathisumxxk dulksnathilaexiyd echn khwamphidpktiinchniyprasath fibre layer defect aela epiretinal membrane khwamphidpktithicxtaenuxngcakkhwamepliynaeplngkhxngwuntaaelacakorkhebahwan nicdepnwithitrwc intraretinal microvascular abnormalities IRMA hruxkarngxkesneluxdihm neovascularization imwacathicanprasathta NVD hruxthixun NVE thidikwakarthayphaphsiephuxpraeminkhwamkhubhnakhxngorkhcxtaehtuebahwan karthayphaphirsiaedngxyangniyngichepnphaphbrrthdthan base line kxnbnthukphaphcxtarwmkbkarchidsi karthayphaphcxtarwmkbkarchidsi angiography epnkrabwnkarthayphaph bnthukkarihlkhxngeluxdphayincxtaaelaenuxeyuxrxb odychidsieruxngaesng fluorescent dye ekhaipineluxd sicaeruxngaesngepnsixikxyanghnungemuxmiaesngthimikhwamyawkhlunodyechphaa excitation colour makrathb filetxraebb Barrier kcathaihthayidphaphsithieruxngaesngethann withinithaihsamarththayrupepnladbsungaesdngkarekhluxnihwaelakarrwmtwkhxngeluxdinchwrayahnung Phases emuxsidaeninphancxtaaelakhxrxyd choroid Sodium Fluorescein Angiography twyx FFA FA hrux FAG ichthayphaphorkhesneluxdincxtaaelaichaesngkratun excitation light thikhwamyawkhlun 490 naonemtr nm odycathaiheruxngaesngepnsiehluxngthikhwamyawkhlun 530 nm epnwithithipktiichthayphaphorkhcudphaphchdbwmehtusis Cystoid Macular Oedema aelaorkhcxtaehtuebahwaninbrrdaorkhtang Indocyanine Green Angiography twyx ICG ichsahrbthayphaphorkhkhxrxydthixyulukkwa aelaichelesxriklkhwamyawkhlunrngsixinfraerdthi 805 nm aelafiletxr barrier thiihaesngkhwamyawkhlun 500 aela 810 nm phanephuxthayrup ICG chwyihehnesneluxdkhxrxydthipxngxxkinkrni idiopathic polypoidal choroidal vasculopathy esneluxdphidpktithisngeluxdipyngenuxngxkta esneluxdthiihlsumxxkidekin sungthaihkxorkh central serous chorioretinopathy CSC hrux CSCR inbrrdaorkhtang Simultaneous stereo fundus photos phaphcxtathithayphrxmknihehnepn 3 miti ethkhnikniidephyaephrtngaetkxnpi 1909 aetkarichephuxwinicchyorkhkimaephrhlay aetkhwamkawhnathangkarthayphaphdicitlaelacxphaph 3 mitithaihbristhphuphlitbangaehngerimichethkhnikniinekhruxngmuxkhxngtnxik withikarpccubnkhuxkarthayphaphcxtacakmumthitangknelknxyphrxm kn sungphayhlngichsrangphaphsammiti sungthaihsamarthwiekhraahidkhxmulthidikwaekiywkblksnaphunphiwkhxngcxta karthayphaphcxtainstw Fundus photography in animals ichinnganwicystwaephthysastr stwcksuwithya aelakarsuksa ngansuksamakmayidichmnepnwithikarsuksaeruxngtaaelaeruxngorkhthiepnthngrabbinstwphaphimepncring artifact phaphimepncring artifact inrupthayekidcakpyhakarwangtaaehnngkhnikh pyhaphuthay aelapyhaklxng karrwmmuxaelakhwamekhaickhxngkhnikhsakhyephuxldpyhaechnni dngnn ecahnathicungtxngxthibayihkhnikhekhaic ecahnathiyngtxngtngaenwklxng tngrabbklxng aelaichfilmxyangthuktxng xnung emuxduphaphcxtaktxngekhaicthungpccyehlani xyangirkdi phaphimepncringxaccaimpraktcnkrathngthaydwyfilm pktinixacmiehtucakpyhathangklikkhxngklxng khnadrumantakhxngkhnikh hruxkarkaphribta karkaphribtacathaihidphaphcxtathiimchdaelaimsmburn karbxkkhnikhihimkaphribtaemuxkalngthayphaphcungcaepnmak aetkhnikhxackaphribtainchwngxunephuximihtaaehng ephraakcathaihphaphcxtaimchdehmuxnkn thasngsywataaehng khwrbxkkhnikhihkaphribtahlaykhrngkxnthicadaeninkartx phaphthithayimthukwithikxacimchdechnkn ecahnathicungtxngramdrawngmakephuxtngaenwklxngihthuktxng ephuxihidphaphcxtathichdkxnthicabnthukphaph cudkhaw 3 cudkhwrcachdaelatrngaenwkbrupmantakxnthikdpumtngaenw alignment button thacxtaimchd ihkhybkankhwbkhumipthanghnahlngephuxihidphaphthichd emuxphaphchdaelw ksamarthdaeninkartngaenwtxipkxnthicathayphaphtwbngchiaephthywdsayta cksuaephthy aelaecahnathirksataehl orthoptics epnmuxxachiphthixacichphaphcxtaephuxbnthukkhwamphidpktikhxngtaenuxngcakorkh aelaephuxtidtamkhwamekhluxnihw kardaeninkhxngorkhechn orkhebahwan orkhcudphaphchdkhxngcxtaesuxm AMD txhin enuxngxkthikhxrxyd orkhthiesnprasathsmxng orkhcxta aelaorkhlukta epntn inkhnikhorkhebahwan kartrwccxtaepnpraca thuk 6 eduxncnthungthukpi epneruxngsakhyephuxtrwckhdorkhcxtaehtuebahwan ephraakaresiykarehnenuxngkbebahwansamarthpxngkniddwykaryingelesxrthicxtathaphbtngaettn nxkehnuxcakorkhtathisamyehlani phaphcxtayngsamarthichtidtamkarrksamalaeriy ephraaorkhthikhumimidcathaihcxtaesiyhay phaphcxtayngichkbkhnikhchukechinechnthipwdhwtlxdewla mikhwamdnrayahwickhlaytw diastolic ekinhruxethakb 120 milliemtrprxth aelakhnikhthiesiykarehnxyangchbphln inkhnikhthipwdhw karphbcanprasathtabwm hrux papilloedema inphaphthayepnxakarhlkthibngkhwamdninkaohlksirsa ICP enuxngcakphawaophrngsmxngkhngna hydrocephalus khwamdninkaohlksirsathiimxntray benign intracranial hypertension pseudotumour cerebri hruxenuxngxkinsmxng inbrrdaxakartang inorkhtxhin canprasathtaxacklayepnrupthwy sahrbkhwamdnolhit karepliynaeplngthicxtacakhlaykbthiphbinsmxng aeladngnn xacichphyakrnpyhaorkhlminsmxng cerebrovascular accidents id inbangkrni phaphcxtaxacichinnganwicykarbnthukaelakaraeplphlphaphthaycxtayngichbnthuklksnatang khxngorkhcxtaehtuebahwan echn cudphaphchdbwm macular edema hrux microaneurysm hlxdeluxdopngphxngradbimokhr ephraaraylaexiydcxtaxacehninphaphthayidchdkwakarsxngduodytrng phaphcxtachwybnthuklksnatang khxngcxtakhnikh thaihaephthysamarthtrwcducxta epriybethiybdukhwamepliynaeplng aelapruksaaephthyxun id dngnn cungxacichepnpktisahrbxakarthangtatang phaphcxtaichtrwckhwamphidpktiekiywkborkhthimiphltxtaaelaephuxtidtamkardaeninkhxngorkh epnekhruxngmuxsakhysahrborkh echn cudphaphchdkhxngcxtaesuxm enuxngxkthicxta pyhaekiywkbkhxrxyd aelaorkhcxtaehtuebahwan xnung mnchwyrabuorkhtxhin orkhplxkprasathesuxmaekhng MS aelakhwamphidpktikhxngrabbprasathklangxun mnchwypraeminkhwamphidpktikhxngcxta tidtamkardaeninkhxngorkh aelatrwcduphlkarrksa samarthichepncuderimtnephuxihekhaicwithikardaeninkhxngorkhiddikhun phaphcxtaxacmipraoychnsahrborkhihm thimiphltxcxta aelaephuxwangaephnkarrksatang aetkarbnthukkhxmulkhnikhimwacaepnphaphcxtahruxkarsrangphaphxun kcaepntxngmiraebiybthidiephuxihsamarthepriybethiybwdkbewlaid bnthukkhnikhkhwrcamiprawtithiekiywkhxngerw ni mikardaeninkhxngorkhaelakarrksa aelamiphaphcxtaephuxepnhlkthankarwinicchythiekiywkhxngkn phaphkhwrcamichlakthithuktxngwaepntakhangihn thayrupemuxir aelakhxmulekiywkbkhnikh bnthukkhnikhkhwrcamiphlthiidenuxngkbphaphcxta aelaaesdngkhwamaetktangkbphaphthiekhyidmakxn khwrcamikarwinicchyphlthiid karepliynaeplngthimnxacmitxkarrksa phaphcxtathiimidtikhwam winicchycdwalasmy obsolete bnthukkhwrcaepnlaymuxthixanid mikhxmulkhnikhthiehmaasm aelamiraylaexiydekiywkbkarwinicchyaelarksa karaeplphlphaphcxtaekiywkbtxhinkhwrcamibnthukineruxng vertical and horizontal cup to disc ratio rupaebbesneluxd vessel pattern khwamsidcxtathikracayhruxepncud diffuse or focal khwamxsmmatraelawithidaeninkhxngpccythiwathnghmd chniyprasathkhxngcxta retinal nerve fibre layer kkhwrtrwcduaelabnthukraylaexiydiwdwy xyangirkdi karwd torsion karhmun xyangwtthuwisy odyichekhruxngwdxacmipraoychn aelaphaphcxtakimsamarththdaethnkarsxngtrwcinta binocular indirect ophthalmoscopy id epnephiyngxupkrnesrimkhxmulthimixyuaelachwyinkarbnthukwithikardaeninkhxngorkh odyhlkichinkarbnthukwithikardaeninkhxngorkhcxtahruxorkhprasathta aelayngmipraoychnephuxbnthukphlkarrksaaelatidtamsphawathangtakhxngkhnikhkhxdiaelakhxesiycxtaprakxbdwychnkungoprngis 10 chnsungmihnathiodyechphaa inkarehn phaphcxtaaesdngrupkhraw khxngchnbnsud khux inner limiting membrane aelachnkhangitxun ephraakhwamphidpktikhxngcxtamkerimthichnidchnhnungkxncakracayipyngchnxun echn karekid cotton wool spots inchniyprasathta cungcaepntxngrukhwamtunlukemuxtrwcephuxihwinicchysphaphcxtaidthuktxng aetaemcamiphthnakarthangethkhonolyimiklxngthayphaphcxtaaesdngphaph 3 miti odychayphaph 2 phaphsxnthbkn klxngthiyngmkichknxyukaesdngphaphcxtaepn 2 mitiethann khxcakdechnnicungthaihmnimepnkartrwcmatrthansungsud gold standard sungpccubnkyngkhngepnkarsxngtrwcinta indirect binocular ophthalmoscopy txipniepnkhxdiaelakhxesiykhxngphaphthaycxta khxdi khxesiyepnkarthdsxbthithaidngayaelaerw samarthehncxtaidinmumkwangkwaethiybkbkarsxngklxng karkhyayrumantaimcaepn khnikhcungsbaykwawithikarthrrmda khnikhthatamidngay phaphsamarthekbaelanaipichphayhlngodyaephthyxun id samarthtidtamwithikardaeninkhxngorkhtamewla chwyihwinicchyaelarksaorkhiddikwa mikarthdsxbrupaebbtang odyichfiletxraelasichid phaphthiidepn 2 miti imehmuxnkbphaph 3 mitiemuxsxngklxng ehnaelapraeminkhwamphidpktibangxyang echn cotton wool spots idyakephraarukhwamtunlukimid samarthkhyayphaphidnxykwa aelaphaphchdnxykwakarsxngklxng indirect ophthalmoscopy pyhabangxyangechn txkrack cathaihphaphchdnxylng xacmiphaphimepncring artifact xupkrnekhluxnyayidyak mikhaichcaysunginxnakhtkarthayphaphcxtaepnwithikarwinicchyaelarksakhnikhthisakhythangcksuwithya odyechphaapyhaekiywkbcxtaechn orkhcudphaphchdkhxngcxtaesuxmaelaorkhcxtaehtuebahwan tngaetkhristthswrrs 1920 aelakarchidsithayphaphcxta fluorescein angiography kklayepnwithikarsakhytngaetplaykhristthswrrs 1950 aem optical coherence tomography OCT caldkhwamcaepnkhxngkarthayphaphcxtathngsxngaebb aetkyngimmiethkhnikxairihm thimathdaethnwithiehlaniid karthaphaphekhluxnihwodyichkhxmphiwetxrchwyaelakarwiekhraahphaphcxtaepnxnukrm siris esnxwa samarthichtrwcphawakhxngcxtaid xupkrnyihx MatchedFlicker sungsamarthcdaenwaelabnthukphaphcxtaediywknthithayinchwngsxngewla aelwaesdngphaphsxnthaihsamarthrabukhwamepliynaeplngrahwangphaphthngsxng sungthaihpraeminwinicchyphacxtaiderwaelaaemnyayingkhun chwyephimprasiththiphaphkrabwnkarthangan aelathaihbnthukkhxmulidngaykhun mingansuksathiepriybethiybkarthaphaphekhluxnihwodyichkhxmphiwetxrchwykbkarwiekhraahphaphcxtaepnxnukrmsahrborkhcxtatang echn txhin orkhcxtaehtuebahwan orkhcudphaphchdkhxngcxtaesuxm aelakartrwckhdorkhcxtaebuxngtnsahrbtharkthiekidkxnkahnd phlsrupidwa karthaphaphekhluxnihwichkhxmphiwetxrchwyihwinicchyorkhidaemnyaaelatrwcphborkhidkxnkwa thnginorkhtxhinaelaorkhcxtasahrbtharkekidkxnkahnd aexpsahrbixofnrun 2017 khux Ullman Indirect thaihphuichsamarthkhwbkhumofks karepidrbaesng aelaifsxngexngidephuxihthayrupcxtaiddikhun aexpsamarthdawnohldidfri aelaidxxkaebbephuxephimkhunphaphaelakhwamsadwkinkarthayrupcxtadwysmartofn ewbistthangkarxyuthi UllmanIndirect com http www UllmanIndirect com 2019 09 16 thi ewyaebkaemchchin khlngphaphphaphthithayikl khxngaephngbngkhbklxngthaycxta Topconechingxrrthaelaxangxing thaimtxngtrwccxprasathta phrxmdwyethkhonolyithithnsmy orngphyabalramkhaaehng 12 tulakhm 2015 cakaehlngedimemux 9 minakhm 2019 subkhnemux 9 minakhm 2019 Fundus Photography ephuxtrwcaelathayrupcxprasathta kittichy xkhrphiphthnkul 2014 karepriybethiybprasiththiphaphkhxngkartrwckhdkrxngphawaebahwankhuncxtacakkarthayphaphcxtadicithlodyaephthythwip aelakarichklxngcksuculthrrsnodycksuaephthy EyeSEA 9 2 cakaehlngedimemux 9 minakhm 2019 subkhnemux 9 minakhm 2019 Digital fundus photography karthayphaphcxtadicitl Fundus Camera klxngthayphaphcxprasathta orngphyabalsukhumwith cakaehlngedimemux 9 minakhm 2019 subkhnemux 9 minakhm 2019 sunycksukrungethph orngphyabalkrungethph cakaehlngedimemux 9 minakhm 2019 subkhnemux 9 minakhm 2019 ekhruxngthayphaphcxprasathtaaebbimtxngkhyaymanta Nonmydriatic fundus photography Fundus Photography Overview Ophthalmic Photographers Society www opsweb org cakaehlngedimemux 15 singhakhm 2018 subkhnemux 17 knyayn 2015 Abramoff Michael D Garvin Mona K Sonka Milan 1 mkrakhm 2010 Retinal Imaging and Image Analysis IEEE Transactions on Medical Imaging 3 169 208 doi 10 1109 RBME 2010 2084567 ISSN 0278 0062 PMC 3131209 PMID 21743764 Panwar Nishtha Huang Philemon Lee Jiaying Keane Pearse A Chuan Tjin Swee Richhariya Ashutosh Teoh Stephen Lim Tock Han Agrawal Rupesh 26 singhakhm 2015 Fundus Photography in the 21st Century A Review of Recent Technological Advances and Their Implications for Worldwide Healthcare Telemedicine Journal and E Health 22 3 198 208 doi 10 1089 tmj 2015 0068 ISSN 1556 3669 PMC 4790203 PMID 26308281 Bennett Timothy J 26 knyayn 2013 Milestones Rivalries and Controversy Part III History of Ophthalmic Photography Blog Milestone cakaehlngedimemux 4 minakhm 2016 subkhnemux 10 minakhm 2019 Bennett 2013 The First Human Fundus Photograph Bennett 2013 Howe Starr and Barr Museum of Vision Exhibitions www museumofvision org subkhnemux 18 knyayn 2015 Tran Kenneth Mendel Thomas A Holbrook Kristina L Yates Paul A 1 phvscikayn 2012 Construction of an Inexpensive Hand Held Fundus Camera through Modification of a Consumer Point and Shoot Camera Investigative Ophthalmology amp Visual Science 53 12 7600 7607 doi 10 1167 iovs 12 10449 ISSN 0146 0404 PMC 3495602 PMID 23049089 Marmor Michael F 1 krkdakhm 2011 Fluorescein angiography Insight and serendipity a half century ago Archives of Ophthalmology 129 7 943 948 doi 10 1001 archophthalmol 2011 160 ISSN 0003 9950 PMC 1983794 PMID 20791604 Cassin B Solomon S 1990 Dictionary of Eye Terminology Gainesville Florida Triad Publishing Company Saine PJ Ophthalmic Photographers Society khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 9 thnwakhm 2006 subkhnemux 30 knyayn 2006 Saine PJ Ophthalmic Photographers Society khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 10 thnwakhm 2006 subkhnemux 30 knyayn 2006 Ng E aelakhna 2014 Ophthalmological Imaging and Applications CRC Press ISBN 978 1 4665 5915 8 Venkatesh Pradeep Sharma Reetika Vashist Nagender Vohra Rajpal Garg Satpal 8 knyayn 2012 Detection of retinal lesions in diabetic retinopathy comparative evaluation of 7 field digital color photography versus red free photography International Ophthalmology 35 5 635 640 doi 10 1007 s10792 012 9620 7 ISSN 0165 5701 PMID 22961609 Ng E 2014 Ophthalmological Imaging and Applications CRC Press ISBN 978 1 4665 5915 8 www aao org khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 3 mithunayn 2016 subkhnemux 18 knyayn 2015 Historical Review of Stereoscopic Imaging www cybersight org 18 knyayn 2015 cakaehlngedimemux 1 krkdakhm 2016 subkhnemux 8 minakhm 2018 nonmyd WX Fundus Camera KOWA Technology for Life Science www kowa co jp cakaehlngedimemux 9 mithunayn 2018 subkhnemux 18 knyayn 2015 Simultaneous stereo fundus camera Patent Patent 5 120 122 issued June 9 1992 Justia Patents Database patents justia com cakaehlngedimemux 4 minakhm 2016 subkhnemux 18 knyayn 2015 Fundus Photography Overview Ophthalmic Photographers Society www opsweb org subkhnemux 18 knyayn 2015 Barnett K C Keeler C R 1 kumphaphnth 1968 Retinal photography in animals British Journal of Ophthalmology 52 2 200 201 doi 10 1136 bjo 52 2 200 ISSN 1468 2079 PMC 506552 PMID 5642675 Rosolen S G aelakhna 2011 Veterinary ophthalmology new veterinary ophthalmology findings from S G rosolen and co authors described Veterinary Research Week subkhnemux 16 singhakhm 2015 Yang Williams Kathy singhakhm 2002 Ophthalmic Photography Retinal Photography Angiography an Optometry amp Vision Science Optometry and Vision Science 79 8 478 subkhnemux 20 knyayn 2015 Landon S 1989 Artifacts in fundus photographs J Ophthalmic Nurs Technol 8 6 229 35 PMID 2625702 De Boever Patrick Louwies Tijs Provost Eline Int Panis Luc Nawrot Tim S 1 mkrakhm 2014 Fundus photography as a convenient tool to study microvascular responses to cardiovascular disease risk factors in epidemiological studies Journal of Visualized Experiments 92 e51904 doi 10 3791 51904 ISSN 1940 087X PMC 4353376 PMID 25407823 Fundus Photography www aetna com cakaehlngedimemux 10 singhakhm 2017 subkhnemux 17 knyayn 2015 Tyler Marshall E 1996 PDF Journal of Ophthalmic Photography khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 6 knyayn 2015 subkhnemux 18 singhakhm 2015 OptometryTimes khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 31 thnwakhm 2014 subkhnemux 20 knyayn 2015 Accurate Eye Image Analysis with MatchedFlicker www eyeic com subkhnemux 17 knyayn 2015 aehlngkhxmulxunOphthalmic Photographers Society Fundus photography as a convenient tool to study microvascular response and cardiovascular risk factors An objective focusing method for fundus photography khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 4 emsayn 2017