วัดหัสดาวาส หรือ วัดช้าง เป็นวัดร้าง ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา ถัดจากวัดหน้าพระเมรุ [เดิมเรียกวัด เมรุราชิการาม หรือ วัดที่ใช้ทำพระเมรุมาศ สำหรับพระราชา หรือ พระราชินี] ไปทางทิศตะวันออก เดิมเคยมีทางเดินติดต่อถึงกัน ในพงศาวดาร ฉบับกรมราชบัณฑิต พ.ศ. 2455 ที่แก้ไขจากฉบับหมอบรัดเลย์ และ ฉบับสมุดไทย เขียนว่า วัดหัษฏาวาส วัดหัสดาวาส [น่าจะมาจากคำสนธิ หัตถึ+อาวาส = หัตาวาส หรือ วัดช้าง แต่ ด และ ต ใช้แทนกันได้ นานๆ ไปจึงกลายเป็น หัสดาวาส]
วัดหัสดาวาส | |
---|---|
ที่ตั้ง | ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา |
ประเภท | วัดร้าง |
ส่วนหนึ่งของ |
ประวัติ
วัดหัสดาวาสเป็นวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับวัดหน้าพระเมรุ ในฐานะที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงใช้เป็นสถานที่เจรจาสงบศึกกับพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเมื่อ พ.ศ. 2092
หลังจากนั้นมีเรื่องราวปรากฏในพงศาวดารอีกว่า ใน พ.ศ. 2303 ทัพพม่าที่เข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาได้ตั้งปืนใหญ่ยิงพระราชวังที่วัดพระเมรุราชิการาม และวัดท่าช้าง วัดท่าช้างที่กล่าวถึงนี้ คงจะได้แก่ วัดหัสดาวาสนั่นเอง เพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณต่อเนื่องกับวัดหน้าพระเมรุ และยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดช้าง
ไม่มีหลักฐานระบุว่าวัดนี้สร้างขึ้นแต่เมื่อใด หากยึดถือเหตุการณ์ตามพระราชพงศาวดาร ซึ่งกล่าวชื่อวัดนี้มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ก็อาจกล่าวได้ว่า คงจะมีมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ก่อนรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ หรือรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเป็นอย่างช้า สภาพของวัดในปัจจุบันคงเหลือสิ่งก่อสร้างที่ยังคงสภาพอยู่น้อย ในจำนวนนั้นมีเจดีย์ 1 องค์ ซึ่งอาจกำหนดอายุให้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้นยุคที่ 2 นับแต่รัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถลงมา นับว่าค่อนข้างจะสอดคล้องกันกับหลักฐานการกล่าวถึงในพระราชพงศาวดาร
วัดหัสดาวาสคงจะร้างมาตั้งแต่คราวเสียกรุง และสภาพคงจะเสียหายมากจนยากที่จะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ เพราะมิฉะนั้นเมื่อพระยาไชยวิชิต (เผือก) ผู้รักษาพระนครศรีอยุธยาในรัชกาลที่ 3 มาทำการปฏิสังขรณ์วัดหน้าพระเมรุซึ่งตั้งอยู่ติดกัน ก็น่าจะได้สงเคราะห์ทำการปฏิสังขรณ์วัดนี้เสียด้วยแล้ว แต่กระนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรทำการสำรวจทำผังวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2500 วัดนี้ก็ยังมีซากปรักหักพังของเจดีย์ขนาดเล็ก นอกเหนือเจดีย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่อีก 4 องค์ (รวมเป็นเจดีย์ 6 องค์) และซากมณฑปอีก 2 องค์
สิ่งก่อสร้าง
เจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ขนาดค่อนข้างใหญ่ทรงกลมหรือที่มักเรียกกันว่า ทรงลังกาตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงจัดเจดีย์ทรงลังกาไว้ในกลุ่มของเจดีย์ที่ นิยมสร้างกันในสมัยอยุธยายุคที่ 2 คือ ช่วงเวลานับแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถเสด็จขึ้นครองราชย์ที่พิษณุโลก เมื่อ พ.ศ. 2006 ลงมาจนสิ้นรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม อย่างไรก็ดีเจดีย์ทรงลังหาหรือทรงกลมก็มีที่สร้างกันในสมัยอยุธยายุคที่ 1 ด้วย
ฐานเจดีย์องค์นี้เป็นฐานประทักษิณ ซึ่งหมายถึงฐานที่มีพื้นที่เป็นลานให้เดินเวียนประทักษิณ คือเดินเวียนขวานมัสการพระเจดีย์ 1 แต่สำหรับเจดีย์องค์นี้คงไม่ได้ตั้งใจสร้างให้เป็นที่เดินเวียนประทักษิณรอบเจดีย์ตามความหมายที่แท้จริง เพราะมีเนื้อที่แคบฐานประทักษิณนี้เดิมมีลูกกรงรอบ 2 แต่ปัจจุบันหักพังไปหมดแล้ว
เจดีย์แปดเหลี่ยม ถัดจากเจดีย์ประธานไปทางทิศตะวันตก มีเจดีย์อีก 1 องค์ สภาพชำรุดยอดหักเป็นโพรงเหลือแต่แกนอิฐ แต่ยังพอมองเห็นลักษณะได้คร่าวๆ ว่าเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยม อาจารย์ประยูร อุลุชาฎะ ได้กล่าวถึงลักษณะของเจดีย์องค์ไว้ในหนังสือชื่อ “ห้าเดือนกลางซากอิฐปูนที่อยุธยา” พอสรุปได้ว่าเป็นเจดีย์ทรงสูง องค์เจดีย์แปดเหลี่ยม บัลลังก์แปดเหลี่ยม มีพระพุทธรูปปูนปั้นประดับล้อมรอบบัลลังก์ประทับในซุ้มเรือนแก้ว จำนวนทั้งหมด 16 องค์
เนินวิหาร ระหว่างเจดีย์ทั้งสององค์นี้ มีเนินดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเนินดินฐานวิหารซึ่งพังทลายหมดสภาพไปแล้ว
อ้างอิง
- "วัดหัสดาวาส". ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wdhsdawas hrux wdchang epnwdrang tngxyuthitablthawasukri xaephxphrankhrsrixyuthya thdcakwdhnaphraemru edimeriykwd emrurachikaram hrux wdthiichthaphraemrumas sahrbphraracha hrux phrarachini ipthangthistawnxxk edimekhymithangedintidtxthungkn inphngsawdar chbbkrmrachbnthit ph s 2455 thiaekikhcakchbbhmxbrdely aela chbbsmudithy ekhiynwa wdhstawas wdhsdawas nacamacakkhasnthi htthu xawas htawas hrux wdchang aet d aela t ichaethnknid nan ipcungklayepn hsdawas wdhsdawasthitngtablthawasukri xaephxphrankhrsrixyuthya cnghwdphrankhrsrixyuthyapraephthwdrangswnhnungkhxngsaranukrmphraphuththsasnaprawtiwdhsdawasepnwdthimikhwamsakhyinthangprawtisastrechnediywkbwdhnaphraemru inthanathismedcphramhackrphrrdithrngichepnsthanthiecrcasngbsukkbphraecahngsawdibuerngnxngemux ph s 2092 hlngcaknnmieruxngrawpraktinphngsawdarxikwa in ph s 2303 thphphmathiekhamalxmkrungsrixyuthyaidtngpunihyyingphrarachwngthiwdphraemrurachikaram aelawdthachang wdthachangthiklawthungni khngcaidaek wdhsdawasnnexng ephraaepnwdthitngxyuinbriewntxenuxngkbwdhnaphraemru aelayngmichuxeriykxikxyanghnungwa wdchang immihlkthanrabuwawdnisrangkhunaetemuxid hakyudthuxehtukarntamphrarachphngsawdar sungklawchuxwdnimatngaetsmysmedcphramhackrphrrdi kxacklawidwa khngcamimaaelwtngaetsmyxyuthyatxntn kxnrchkalsmedcphramhackrphrrdi hruxrchkalsmedcphramhackrphrrdiepnxyangcha sphaphkhxngwdinpccubnkhngehluxsingkxsrangthiyngkhngsphaphxyunxy incanwnnnmiecdiy 1 xngkh sungxackahndxayuihxyuinsmyxyuthyatxntnyukhthi 2 nbaetrchsmysmedcphrabrmitrolknathlngma nbwakhxnkhangcasxdkhlxngknkbhlkthankarklawthunginphrarachphngsawdar wdhsdawaskhngcarangmatngaetkhrawesiykrung aelasphaphkhngcaesiyhaymakcnyakthicathakarburnptisngkhrn ephraamichannemuxphrayaichywichit ephuxk phurksaphrankhrsrixyuthyainrchkalthi 3 mathakarptisngkhrnwdhnaphraemrusungtngxyutidkn knacaidsngekhraahthakarptisngkhrnwdniesiydwyaelw aetkrann emuxecahnathikrmsilpakrthakarsarwcthaphngwdniemux ph s 2500 wdnikyngmisakprkhkphngkhxngecdiykhnadelk nxkehnuxecdiythiynghlngehluxxyuinpccubn sungepnecdiykhnadihyxik 4 xngkh rwmepnecdiy 6 xngkh aelasakmnthpxik 2 xngkhsingkxsrangecdiyprathan epnecdiykhnadkhxnkhangihythrngklmhruxthimkeriykknwa thrnglngkatngxyubnthansiehliym smedc krmphrayadarngrachanuphaph thrngcdecdiythrnglngkaiwinklumkhxngecdiythi niymsrangkninsmyxyuthyayukhthi 2 khux chwngewlanbaetsmysmedcphrabrmitrolknathesdckhunkhrxngrachythiphisnuolk emux ph s 2006 lngmacnsinrchkalsmedcphraecathrngthrrm xyangirkdiecdiythrnglnghahruxthrngklmkmithisrangkninsmyxyuthyayukhthi 1 dwy thanecdiyxngkhniepnthanprathksin sunghmaythungthanthimiphunthiepnlanihedinewiynprathksin khuxedinewiynkhwanmskarphraecdiy 1 aetsahrbecdiyxngkhnikhngimidtngicsrangihepnthiedinewiynprathksinrxbecdiytamkhwamhmaythiaethcring ephraamienuxthiaekhbthanprathksinniedimmilukkrngrxb 2 aetpccubnhkphngiphmdaelw ecdiyaepdehliym thdcakecdiyprathanipthangthistawntk miecdiyxik 1 xngkh sphaphcharudyxdhkepnophrngehluxaetaeknxith aetyngphxmxngehnlksnaidkhraw waepnecdiyaepdehliym xacaryprayur xuluchada idklawthunglksnakhxngecdiyxngkhiwinhnngsuxchux haeduxnklangsakxithpunthixyuthya phxsrupidwaepnecdiythrngsung xngkhecdiyaepdehliym bllngkaepdehliym miphraphuththruppunpnpradblxmrxbbllngkprathbinsumeruxnaekw canwnthnghmd 16 xngkh eninwihar rahwangecdiythngsxngxngkhni mienindinrupsiehliymphunpha epnenindinthanwiharsungphngthlayhmdsphaphipaelwxangxing wdhsdawas sunyethkhonolyisarsnethsmrdksilpwthnthrrm krmsilpakr krathrwngwthnthrrm