ผักเขียด | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Monocots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | |
อันดับ: | Commelinales |
วงศ์: | Pontederiaceae |
สกุล: | |
สปีชีส์: | M. vaginalis |
ชื่อทวินาม | |
Monochoria vaginalis () ex |
ผักเขียด หรือ ขาเขียด (ชื่อวิทยาศาสตร์: Monochoria vaginalis) เป็นพืชชนิดหนึ่ง พบทั่วไปในบริเวณที่มีน้ำขัง หนอง คลอง บึง ชื่อเรียกอื่น ๆ ได้แก่ ขากบขาเขียด ผักเป็ด ผักเผ็ด ผักริ้น ผักหิน ผักฮิ้น ผักฮิ้นน้ำ ผักขี้เขียด กันจ้อง ผักลิ่น ผักลิ้น ริ้น ผักอีฮิน ผักอีฮินใหญ่ในภาษาอีสาน และขี้ใต้ในภาษาใต้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักเขียดเป็นพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มีลักษณะคล้ายผักตบชวาแต่ขนาดเล็กกว่า ลำต้นตั้งตรง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีไหลสั้น ๆ และรากฝอยสีน้ำตาลแดงจำนวนมาก ใบลักษณะเป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจคล้ายผักตบชวาแต่เล็กกว่า เส้นของใบโค้งขนานไปตามความยาวของใบ ใบกว้าง 2–45 มิลลิเมตร ยาว 9–85 มิลลิเมตร ออกสลับกันที่โคน สีเขียวอ่อน ก้านใบยาวและอวบน้ำ โคนก้านใบแผ่ออกเป็นกาบหุ้มใบที่อ่อนกว่า ด้านในของก้านใบมีเยื่อบางสีขาว ออกดอกเป็นช่อ กลีบสีม่วง ทางก้านใบ มีดอกย่อย 6–15 ดอก ผลมีขนาดยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เมล็ดสีน้ำตาล ขยายพันธุ์โดยใช้รากและเมล็ด
ประโยชน์
ทางเกษตร
เลี้ยงสัตว์ ทำปุ๋ยหมัก
ทางอาหาร
ยอดอ่อน ใบอ่อนและดอก จะออกในช่วงหน้าฝนใช้รับประทานเป็นผัก นิยมรับประทานทั้งต้น มักเก็บช่วง 2–3 อาทิตย์แรกเท่านั้น หลังจากนั้นต้นจะแก่ รับประทานไม่อร่อย วิธีรับประทานเป็นอาหาร จะรับประทานเป็นผักสดร่วมกับน้ำพริก หรือกับแกงรสจัดของภาคใต้ หรืออาหารรสจัดประเภท ลาบ ยำ ก้อย ส้มตำได้ นอกจากนี้ยังนำไปแกงส้ม แกงกับปลา หรือเนื้อหมู
ทางยา
ใบของผักเขียด นำมาคั้นน้ำรับประทาน แก้ไอ ขับปัสสาวะ ตำพอกฝี หรือรับประทานใบสดจะมีสรรพคุณ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย
รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผักเขียดมีรสจืด เย็น เหมาะรับประทานเพื่อลดความร้อนในร่างกาย
ผักเขียด 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 13 กิโลแคลอรีประกอบด้วย
เส้นใย | แคลเซียม | ฟอสฟอรัส | เหล็ก | วิตามินเอ | วิตามินบีหนึ่ง | วิตามินบีสอง | ไนอาซิน | วิตามินซี |
0.8 กรัม | 13 มิลลิกรัม | 6 มิลลิกรัม | 6 มิลลิกรัม | 3000 IU | 0.04 มิลลิกรัม | 0.10 มิลลิกรัม | 0.1 มิลลิกรัม | 18 มิลลิกรัม |
การแพร่ระบาดทางระบบนิเวศ
ระบาดในนาข้าวประเภทและ
การป้องกันกำจัด
เนื่องจากผักเขียดชอบสภาพน้ำขัง การล่อให้งอกจึงต้องให้มีน้ำขังเล็กน้อยและปล่อยให้งอก 1–2 สัปดาห์ แล้วจึงไถกลบทำลาย
อ้างอิง
- วิเคราะห์คอลัมนิสต์ 30 03 59
- บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่[1] 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- องค์ความรู้เรื่องข้าวสำนักวิจัยและพัฒนา กรมการข้าว 2016-07-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลอื่น
- PLANTS Profile — Monochoria vaginalis (Burm. f.) C. Presl ex Kunth โดย Natural Resources Conservation Service – United States Department of Agriculture
- Jepson Manual Treatment
- USDA Plants Profile
- Pacific Island Ecosystems at Risk 2016-03-03 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Flora of North America
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phkekhiydkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Plantaeimidcdladb Angiospermsimidcdladb Monocotsimidcdladb xndb Commelinaleswngs Pontederiaceaeskul spichis M vaginalischuxthwinamMonochoria vaginalis ex tnkhaekhiyd phkekhiyd hrux khaekhiyd chuxwithyasastr Monochoria vaginalis epnphuchchnidhnung phbthwipinbriewnthiminakhng hnxng khlxng bung chuxeriykxun idaek khakbkhaekhiyd phkepd phkephd phkrin phkhin phkhin phkhinna phkkhiekhiyd kncxng phklin phklin rin phkxihin phkxihinihyinphasaxisan aelakhiitinphasaitlksnathangphvkssastrphkekhiydepnphuchthikhunexngtamthrrmchati milksnakhlayphktbchwaaetkhnadelkkwa latntngtrng miehngaxyuitdin miihlsn aelarakfxysinatalaedngcanwnmak iblksnaepnibediywruphwickhlayphktbchwaaetelkkwa esnkhxngibokhngkhnaniptamkhwamyawkhxngib ibkwang 2 45 milliemtr yaw 9 85 milliemtr xxkslbknthiokhn siekhiywxxn kanibyawaelaxwbna okhnkanibaephxxkepnkabhumibthixxnkwa daninkhxngkanibmieyuxbangsikhaw xxkdxkepnchx klibsimwng thangkanib midxkyxy 6 15 dxk phlmikhnadyawpraman 1 esntiemtr emldsinatal khyayphnthuodyichrakaelaemldpraoychnthangekstr eliyngstw thapuyhmk thangxahar yxdxxn ibxxnaeladxk caxxkinchwnghnafnichrbprathanepnphk niymrbprathanthngtn mkekbchwng 2 3 xathityaerkethann hlngcaknntncaaek rbprathanimxrxy withirbprathanepnxahar carbprathanepnphksdrwmkbnaphrik hruxkbaekngrscdkhxngphakhit hruxxaharrscdpraephth lab ya kxy smtaid nxkcakniyngnaipaekngsm aekngkbpla hruxenuxhmu thangya ibkhxngphkekhiyd namakhnnarbprathan aekix khbpssawa taphxkfi hruxrbprathanibsdcamisrrphkhun chwyldkhwamrxninrangkay rsaelapraoychntxsukhphaph phkekhiydmirscud eyn ehmaarbprathanephuxldkhwamrxninrangkay phkekhiyd 100 krm ihphlngngantxrangkay 13 kiolaekhlxriprakxbdwy esniy aekhlesiym fxsfxrs ehlk witaminex witaminbihnung witaminbisxng inxasin witaminsi0 8 krm 13 millikrm 6 millikrm 6 millikrm 3000 IU 0 04 millikrm 0 10 millikrm 0 1 millikrm 18 millikrmkaraephrrabadthangrabbniewsrabadinnakhawpraephthaelakarpxngknkacdenuxngcakphkekhiydchxbsphaphnakhng karlxihngxkcungtxngihminakhngelknxyaelaplxyihngxk 1 2 spdah aelwcungithklbthalayxangxingwiekhraahkhxlmnist 30 03 59 bthkhwamwithyuraykarsarakhwamruthangkarekstr mhawithyalysngkhlankhrinthr withyaekhthadihy 1 2016 03 04 thi ewyaebkaemchchin xngkhkhwamrueruxngkhawsankwicyaelaphthna krmkarkhaw 2016 07 09 thi ewyaebkaemchchinaehlngkhxmulxunPLANTS Profile Monochoria vaginalis Burm f C Presl ex Kunth ody Natural Resources Conservation Service United States Department of Agriculture Jepson Manual Treatment USDA Plants Profile Pacific Island Ecosystems at Risk 2016 03 03 thi ewyaebkaemchchin Flora of North America