นกโมอา (อังกฤษ: moa) เป็นกลุ่มสูญพันธุ์แล้วที่เคยอาศัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ใน-สมัยโฮโลซีน มี 9 ชนิด (ใน 6 สกุล) โดย และ 2 ชนิดที่ใหญ่ที่สุด มีความสูงถึงประมาณ 3.6 เมตร (12 ฟุต) (ยืดคอแล้ว) และหนักประมาณ 230 กิโลกรัม (510 ปอนด์) ส่วน (Anomalopteryx didiformis) ชนิดที่เล็กที่สุด มีขนาดประมาณเท่ากับไก่งวง ประชากรนกโมอาทั้งหมดในช่วงที่ชาวพอลินีเชียเข้าตั้งถิ่นฐานในนิวซีแลนด์ประมาณ ค.ศ. 1300 มีหลากหลาย ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่าง 58,000 ถึงประมาณ 2.5 ล้านตัว
นกโมอา ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: สมัยไมโอซีน – สมัยโฮโลซีน, 17–0.0006Ma | |
---|---|
โครงกระดูก | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์ปีก |
ชั้นฐาน: | |
เคลด: | |
อันดับ: | †Dinornithiformes , 1853 |
ชนิดต้นแบบ | |
† Owen, 1843 | |
กลุ่มย่อย | |
ดูข้อความ | |
ความหลากหลาย | |
ชื่อพ้อง | |
|
นกโมอาเดิมจัดอยู่ในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาทางพันธุกรรมพบว่าญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของนกโมอาคือ จากทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งเคยเป็นกับ ratites. นกโมอา 9 ชนิดบินไม่ได้ โดยเป็นสัตว์บนพื้นดินที่ใหญ่ที่สุดและเป็นสัตว์กินพืชชั้นสูงสุดในระบบนิเวศป่า ไม้พุ่ม และใต้เทือกเขาของนิวซีแลนด์ จนกระทั่งการเข้ามาของชาวมาวรี และพวกมันถูกล่าเฉพาะจากอินทรีฮาสท์ นกโมอาสูญพันธุ์หลังการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในนิวซีแลนด์ภายใน 100 ปี โดยหลักเนื่องจากการล่าสัตว์มากเกินไป
รายละเอียด
เดิมทีมีการจัดโครงกระดูกโมอาในแบบตั้งตรง เพื่อสร้างความสูงที่น่าประทับใจ แต่การวิเคราะห์ข้อต่อกระดูกสันหลังแสดงให้เห็นว่าพวกมันอาจยกศีรษะไปข้างหน้า คล้ายกับนกกีวี กระดูกสันหลังติดอยู่ที่หลังศีรษะมากกว่าฐาน แสดงถึงการจัดตำแหน่งในแนวนอน สิ่งนี้จะทำให้พวกมันกินหญ้าบนพืชเตี้ย แล้วสามารถเงยหน้าขึ้น และเดินดูต้นไม้ได้เมื่อจำเป็น ส่งผลให้มีการพิจารณาความสูงของโมอาที่ใหญ่กว่าอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ของชาวมาวรีแสดงภาพโมอาหรือนกคล้ายโมอา (น่าจะเป็นห่านหรือ) ที่มีคอตั้งตรง แสดงว่าโมอาสามารถยกคอเกินกว่าทั้งสองแบบได้
การจัดอันดับ
อนุกรมวิธาน
สกุลและชนิดที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน มีดังนี้:
- อันดับ †Dinornithiformes (Gadow 1893) Ridgway 1901 [Dinornithes Gadow 1893; Immanes Newton 1884] (นกโมอา)
- วงศ์ Owen 1843 [Palapteryginae Bonaparte 1854; Palapterygidae Haast 1874; Dinornithnideae Stejneger 1884] (นกโมอายักษ์)
- สกุล
- , Dinornis novaezealandiae (North Island, New Zealand)
- , Dinornis robustus (South Island, New Zealand)
- สกุล
- วงศ์ (Bonaparte 1854) [Emeinae Bonaparte 1854; Anomalopterygidae Oliver 1930; Anomalapteryginae Archey 1941] (นกโมอาน้อย)
- สกุล
- , Anomalopteryx didiformis (North and South Island, New Zealand)
- สกุล
- , Emeus crassus (South Island, New Zealand)
- สกุล
- , Euryapteryx curtus (North and South Island, New Zealand)
- สกุล
- , Pachyornis elephantopus (South Island, New Zealand)
- , Pachyornis geranoides (North Island, New Zealand)
- , Pachyornis australis (South Island, New Zealand)
- สกุล
- วงศ์
- สกุล
- , Megalapteryx didinus (South Island, New Zealand)
- สกุล
- วงศ์ Owen 1843 [Palapteryginae Bonaparte 1854; Palapterygidae Haast 1874; Dinornithnideae Stejneger 1884] (นกโมอายักษ์)
มีนกโมอาชนิดที่ไม่ได้รับการตั้งชื่อ 2 ชนิดจาก Saint Bathans Fauna.
ลักษณะ
นกโมอาเป็นนกที่มีขนาดใหญ่กว่านกปกติทั่วไป บินไม่ได้และมีรูปร่างคล้ายกับนกกระจอกเทศในปัจจุบันแต่ตัวใหญ่กว่า มีส่วนหัวที่ยาวกว่าเอาไว้กินพืชเตี้ย ๆ และตามต้นไม้สูง ๆ ขนาดและรูปร่างนกโมอานั้นเปลี่ยนไปตามสถานที่ต่าง ๆ เนื่องจากนกโมอาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพมาโดยตลอดซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม
การเปล่งเสียง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีการอัดเสียงของนกโมอาไว้ แต่จากการศึกษาดูกระดูกส่วนหัวและลำคอของนกโมอา ได้ทำให้พอจะรู้ว่าเสียงของนกโมอาเป็นยังไง กล่องเสียงของนกโมอานั้นมีวงแหวนอยู่หลายวง ซึ่งมีชื่อว่า Tracheal rings วงแหวนหนึ่งอันนั้น พอคลี่ออกมาแล้วจะมีความยาวถึงประมาณ 1 เมตร เพราะวงแหวนตัวนี้ทำให้เสียงของนกโมอานั้นมีความใกล้เคียงกับหงส์, นกกระเรียน และ ไก่ขนดำจุดขาวในวงศ์ Numididae และนกกระทานิวกินี เสียงนกโมอาสามารถไปได้ไกลมาก
อาหาร
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเคยเห็นนกโมอาอย่างแท้จริง แต่โดยการวิเคราะห์จากซากฟอสซิลของนกโมอา ได้ทำให้รู้ว่ามันกินพืชส่วนใหญ่และกิ่งไม้เล็ก ๆ จากต้นไม้ที่ไม่สูงมาก ตรงปากของนกโมอานั้นแข็งแรงมากและถูกใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวจากสัตว์อื่นได้
การขยายและสืบพันธุ์
จากการศึกษากระดูกของนกโมอา ทำให้รู้ได้ว่านกโมอามีการเจริญเติบโตที่ยาวนานมาก มันใช้เวลาประมาณ 10 ปีเพื่อที่จะพัฒนาจากเป็นเด็กสู่ตัวผู้ใหญ่เต็มตัว
ไข่
ชิ้นส่วนของไข่ ของนกโมอาถูกค้นพบอยู่เป็นประจำในแหล่งต่างๆที่ฟอสซิลถูกค้นพบและตามบริเวณทรายรอบๆชายฝั่งนิวซีแลนด์ในปัจจุบันมีไข่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ รอบ ๆ นิวซีแลนด์เป็นจำนวน 36 ใบ แต่ละอันมีขนาดที่แตกต่างกันไปตั้งแต่ 120 – 124 มิลลิเมตร ไปจนถึง 91 – 178 มิลลิเมตร เปลือกนอกของไข่จะมีเอกลักษณ์อยู่ที่มีรูเล็ก ๆ ไข่ส่วนใหญ่จะมีสีขาว แต่ยกเว้นชนิด จะมีไข่เป็นสีน้ำเงินรึเขียว
รัง
ไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าโมอาเป็นนกที่อาศัยอยู่กันเป็นฝูง ส่วนใหญ่จะถูกพบเป็นย่อม ๆ ตามถ้ำต่าง ๆ การสำรวจถ้ำต่าง ๆ ในเกาะเหนือ รังของนกโมอานั้นส่วนใหญ่จะถูกกดลงไปในดิน ส่วนที่แห้งและนิ่มในเขตพื้นที่ตอนกลางโอตาโก ของเกาะใต้ อากาศค่อนข้างแห้งจึงทำให้ใบไม้และวัสดุต่าง ๆ ที่นกโมอาใช้ในการทำรัง ยังคงอยู่ในสภาพใกล้เคียงเดิม เมล็ดของต้นไม้ต่าง ๆ ที่ถูกพบตามแหล่งเหล่านี้เป็นหลักฐานได้ว่าส่วนใหญ่นกโมอาจะทำรังในช่วงฤดูร้อน
การสูญพันธุ์
ศัตรูหลักของนกโมอาคือนกอินทรีฮาสท์จนกระทั่งมนุษย์ได้เข้ามาบนเกาะนิวซีแลนด์ ชาวมาวรีได้เริ่มเข้ามาในช่วง ค.ศ. 1300 และได้เริ่มการล่านกโมอาจนเริ่มสูญพันธุ์ ประมาณ ค.ศ. 1400 นกโมอาได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วรวมไปถึงนกอินทรีฮาสท์ซึ่งสูญพันธุ์ไปด้วยเนื่องจากไม่มีนกโมอาให้กิน
การสูญพันธุ์ของนกโมอานั้นเกิดขึ้นภายในไม่ถึง 100 ปี ซึ่งผิดไปจากการสันนิษฐานของนักวิทยาศาสตร์ในช่วงแรกที่บอกว่านกโมอาใช้เวลาหลายร้อยปีในการค่อย ๆ สูญพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษ 1800 มีการอ้างว่าพบเห็นนกโมอาในหลาย ๆ แถบของประเทศนิวซีแลนด์ แต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่านกโมอายังมีชีวิตอยู่จริง ในยุคปัจจุบันมีรายงานการพบเห็นนกโมอาในแถบ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะใต้ รวมถึงทางตอนเหนือของฟยอร์ดแลนด์ โดยบอกเล่ากันว่านกโมอาเป็นนกขนาดใหญ่ คอยาว มีความสูง 12 ฟุต มีขนสีสดใส ในปากเต็มไปด้วยฟันแหลมคม แต่ไม่มีปีก มีผู้อ้างว่าพบเห็นนกโมอาขณะที่กำลังปีนเขาอยู่ และได้ถ่ายรูปได้ แต่ทว่าเป็นรูปมัว ๆ และได้มีรายการโทรทัศน์ลงพื้นที่ไปตามหา พบรอยเท้าที่มีนิ้วเท้าสามนิ้วขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่รอยเท้าของนกแก้วคาคาโป นกแก้วขนาดใหญ่ที่บินไม่ได้และหากินในเวลากลางคืน เพราะมีขนาดใหญ่กว่า แต่ทว่าก็ไม่น่าจะใช่ของนกโมอา เพราะนิ้วเท้ากลางนั้นใหญ่ยาวกว่านิ้วอื่น
อ้างอิง
- Brands, S. (2008)
- Stephenson, Brent (2009)
- Brodkob, Pierce (1963). "Catalogue of fossil birds 1. Archaeopterygiformes through Ardeiformes". Biological Sciences, Bulletin of the Florida State Museum. 7 (4): 180–293. สืบค้นเมื่อ 30 December 2015.
- OSNZ (2009)
- Davies, S.J.J.F. (2003)
- "Little bush moa | New Zealand Birds Online". nzbirdsonline.org.nz. สืบค้นเมื่อ 24 July 2020.
- Perry, George L.W.; Wheeler, Andrew B.; Wood, Jamie R.; (1 December 2014). "A high-precision chronology for the rapid extinction of New Zealand moa (Aves, Dinornithiformes)". . 105: 126–135. Bibcode:2014QSRv..105..126P. doi:10.1016/j.quascirev.2014.09.025. สืบค้นเมื่อ 22 December 2014.
- Latham, A. David M.; Latham, M. Cecilia; Wilmshurst, Janet M.; Forsyth, David M.; Gormley, Andrew M.; Pech, Roger P.; Perry, George L. W.; Wood, Jamie R. (March 2020). "A refined model of body mass and population density in flightless birds reconciles extreme bimodal population estimates for extinct moa". Ecography (ภาษาอังกฤษ). 43 (3): 353–364. doi:10.1111/ecog.04917. ISSN 0906-7590.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อPhillips
- Worthy & Holdaway (2002)
- Schoon, Theo. "Cave drawing of a moa". Te Ara Encyclopedia of New Zealand. Te Ara.
- "Te Manunui Rock Art Site". Heritage New Zealand.
- อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อReferenceA
- ChannelHub (2016-05-01). "Destination Truth S03E15 Spirits of Easter Island & The Moa". Destination Truth. สืบค้นเมื่อ 2016-09-22.
บรรณานุกรม
- (1989). "On evidence for the survival of moa in European Fiordland" (PDF). New Zealand Journal of Ecology. 12 (Supplement): 39–44.
- Baker, Allan J.; Huynen, Leon J.; Haddrath, Oliver; Millar, Craig D.; Lambert, David M. (2005). "Reconstructing the tempo and mode of evolution in an extinct clade of birds with ancient DNA: The giant moas of New Zealand". . 102 (23): 8257–8262. Bibcode:2005PNAS..102.8257B. doi:10.1073/pnas.0409435102. PMC 1149408. PMID 15928096.
- Brands, Sheila (14 August 2008). . Project: The Taxonomicon. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 March 2009. สืบค้นเมื่อ 4 February 2009.
- Buller, W.L. (1888). A history of the birds of New Zealand. London: Buller.
- Bunce, Michael; ; Ford, Tom; Hoppitt, Will; Willerslev, Eske; Drummond, Alexei; Cooper, Alan (2003). (PDF). Nature. 425 (6954): 172–175. Bibcode:2003Natur.425..172B. doi:10.1038/nature01871. PMID 12968178. S2CID 1515413. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 28 January 2019.
- Burrows, C.; และคณะ (1981). "The diet of moas based on gizzard contents samples from Pyramid Valley, North Canterbury, and Scaifes Lagoon, Lake Wanaka, Otago". Records of the Canterbury Museum. 9: 309–336.
- Davies, S.J.J.F. (2003). "Moas". ใน Hutchins, Michael (บ.ก.). Grzimek's Animal Life Encyclopedia. Vol. 8 Birds I Tinamous and Ratites to Hoatzins (2 ed.). Farmington Hills, MI: Gale Group. pp. 95–98. ISBN .
- Dawkins, Richard (2004). A Pilgrimage to the Dawn of Life, The Ancestor's Tale. Boston: Houghton Mifflin. p. 292. ISBN .
- Dieffenbach, E. (1843). Travels in New Zealand. Vol. II. London: John Murray. p. 195. ISBN .
- Dutton, Dennis (1994). . New Zealand Skeptics Online. New Zealand: New Zealand Committee for the Scientific Investigation of Claims of the Paranormal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 March 2016. สืบค้นเมื่อ 14 February 2011.
- Forrest, R.M. (1987). "A partially mummified skeleton of Anomalopteryx didiformis from Southland". Journal of the Royal Society of New Zealand. 17 (4): 399–408. doi:10.1080/03036758.1987.10426481. ()
- Fuller, Errol (1987). Bunney, Sarah (บ.ก.). Extinct Birds. London, England: The Rainbird Publishing Group. ISBN .
- Gill, B.J. (2007). "Eggshell characteristics of moa eggs (Aves: Dinornithiformes)". Journal of the Royal Society of New Zealand. 37 (4): 139–150. doi:10.1080/03014220709510542. S2CID 85006853. ()
- Gould, Charles (1886). Mythical Monsters. W.H. Allen & Co.
- Hamilton, A. (1894). "On the feathers of a small species of moa (Megalapteryx didinus) found in a cave at the head of the Waikaia River, with a notice of a moa-hunters camping place on the Old Man Range". Transactions and Proceedings of the New Zealand Institute. 27: 232–238.
- Hartree, W.H. (1999). (PDF). Notornis. 46 (4): 457–460. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-05-19. สืบค้นเมื่อ 2023-03-07.
- (1959). On the Track of Unknown Animals (3rd [1995] ed.). London: Kegan Paul International Ltd. Chapter 10. ISBN .
- Hill, H. (1913). "The Moa – Legendary, Historical and Geographical: Why and When the Moa disappeared". Transactions and Proceedings of the Royal Society of New Zealand. 46: 330.
- ; Jacomb, C. (2000). "Rapid Extinction of the Moas (Aves: Dinornithiformes): Model, Test, and Implications". Science. 287 (5461): 2250–2254. Bibcode:2000Sci...287.2250H. doi:10.1126/science.287.5461.2250. PMID 10731144.
- ; (1997). "A reappraisal of the late Quaternary fossil vertebrates of Pyramid Valley Swamp, North Canterbury". New Zealand Journal of Zoology. 24: 69–121. doi:10.1080/03014223.1997.9518107. ()
- Horrocks, M.; และคณะ (2004). "Plant remains in coprolites: diet of a subalpine moa (Dinornithiformes) from southern New Zealand". Emu. 104 (2): 149–156. doi:10.1071/MU03019. S2CID 86345660.
- Hutton, F.W.; Coughtrey, M. (1874). "Notice of the Earnscleugh Cave". Transactions and Proceedings of the New Zealand Institute. 7: 138–144.
- Huynen, Leon; Gill, Brian J.; Millar, Craig D.; Lambert, David M. (30 August 2010). "Ancient DNA Reveals Extreme Egg Morphology and Nesting Behavior in New Zealand's Extinct Moa". Proceedings of the National Academy of Sciences. 107 (30): 16201–16206. Bibcode:2010PNAS..10716201H. doi:10.1073/pnas.0914096107. PMC 2941315. PMID 20805485.
- Huynen, Leon J.; Millar, Craig D.; Scofield, R.P.; Lambert, David M. (2003). "Nuclear DNA sequences detect species limits in ancient moa". Nature. 425 (6954): 175–178. Bibcode:2003Natur.425..175H. doi:10.1038/nature01838. PMID 12968179. S2CID 4413995.
- Laing, Doug (5 January 2008). . Hawkes Bay Today. APN News & Media Ltd. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 July 2011. สืบค้นเมื่อ 14 February 2011.
- Millener, P.R. (1982). (PDF). . 29 (1): 165–170. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2015-07-18. สืบค้นเมื่อ 2023-03-07.
- OSNZ (Jan 2009). . Ornithological Society of New Zealand Inc. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2015. สืบค้นเมื่อ 14 February 2011.
- Owen, Richard (1879). Memoirs on the Extinct Wingless Birds of New Zealand, with an Appendix of Those of England, Australia, Newfoundland, Mauritius and Rodriguez. London: John van Voorst. :2152/16251.
- Phillips, Matthew J.; Gibb, Gillian C.; Crimp, Elizabeth A.; Penny, David (2010). "Tinamous and Moa Flock Together: Mitochondrial Genome Sequence Analysis Reveals Independent Losses of Flight among Ratites". Systematic Biology. 59 (1): 90–107. doi:10.1093/sysbio/syp079. PMID 20525622. ()
- Polack, J.S. (1838). New Zealand: Being a Narrative of Travels and Adventures During a Residence in that Country Between the Years 1831 and 1837. Vol. I. London: Richard Bentley. pp. 303, 307.
- Purcell, Rosamond (1999). Swift as a Shadow. Mariner Books. p. 32. ISBN .
- Stephenson, Brent (5 January 2009). . New Zealand: Ornithological Society of New Zealand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 April 2015. สืบค้นเมื่อ 10 May 2010.
- Turvey, Samuel T.; Green, Owen R.; (2005). "Cortical growth marks reveal extended juvenile development in New Zealand moa". Nature. 435 (7044): 940–943. Bibcode:2005Natur.435..940T. doi:10.1038/nature03635. PMID 15959513. S2CID 4308841.
- Vickers-Rich, P; Trusler, P; Rowley, MJ; Cooper, A; Chambers, GK; Bock, WJ; Millener, PR; ; Yaldwyn, JC (1995). (PDF). Tuhinga: Records of the Museum of New Zealand Te Papa Tongarewa. 4: 1–26. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 22 May 2010.
- Wood, J.R. (2007). "Moa gizzard content analyses: further information on the diet of Dinornis robustus and Emeus crassus, and the first evidence for the diet of Pachyornis elephantopus (Aves: Dinornithiformes)". Records of the Canterbury Museum. 21: 27–39.
- Wood, J.R. (2008). "Moa (Aves: Dinornithiformes) nesting material from rockshelters in the semi-arid interior of South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 38 (3): 115–129. doi:10.1080/03014220809510550. S2CID 129645654. ()
- Wood, J.R.; ; Rawlence, N.J.; Jones, S.M.; Read, S.E. (2008). "A deposition mechanism for Holocene miring bone deposits, South Island, New Zealand". Journal of Taphonomy. 6: 1–20. :2440/62495.
- (1989). (PDF). Notornis. 36: 36–38. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-12-13. สืบค้นเมื่อ 2023-03-07.
- (1998a). "Quaternary fossil faunas of Otago, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 28 (3): 421–521. doi:10.1080/03014223.1998.9517573. ()
- (1998b). "The Quaternary fossil avifauna of Southland, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 28 (4): 537–589. doi:10.1080/03014223.1998.9517575. ()
- ; (1993). "Quaternary fossil faunas from caves in the Punakaiki area, West Coast, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 23 (3): 147–254. doi:10.1080/03036758.1993.10721222. ()
- ; (1994). "Quaternary fossil faunas from caves in Takaka Valley and on Takaka Hill, northwest Nelson, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 24 (3): 297–391. doi:10.1080/03014223.1994.9517474. ()
- ; (1995). "Quaternary fossil faunas from caves on Mt. Cookson, North Canterbury, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 25 (3): 333–370. doi:10.1080/03014223.1995.9517494. ()
- ; (1996). "Quaternary fossil faunas, overlapping taphonomies, and paleofaunal reconstructions in North Canterbury, South Island, New Zealand". Journal of the Royal Society of New Zealand. 26 (3): 275–361. doi:10.1080/03014223.1996.9517514. ()
- ; (2002). The Lost World of the Moa. Bloomington: Indiana University Press. ISBN .
- (Mar 2009). "A moa sighting?". Te Ara – the Encyclopedia of New Zealand. สืบค้นเมื่อ 14 February 2011.
- Yong, Ed (Mar 2010). . Discover Magazine. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-11-13. สืบค้นเมื่อ 14 February 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
- TerraNature list of New Zealand's extinct birds
- TerraNature page on Moa
- Tree of Life classification and references
- Moa article in Te Ara – the Encyclopedia of New Zealand
- 3D model of a moa skull
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkomxa xngkvs moa epnklumsuyphnthuaelwthiekhyxasyxyuinpraethsniwsiaelndin smyoholsin mi 9 chnid in 6 skul ody aela 2 chnidthiihythisud mikhwamsungthungpraman 3 6 emtr 12 fut yudkhxaelw aelahnkpraman 230 kiolkrm 510 pxnd swn Anomalopteryx didiformis chnidthielkthisud mikhnadpramanethakbikngwng prachakrnkomxathnghmdinchwngthichawphxliniechiyekhatngthinthaninniwsiaelndpraman kh s 1300 mihlakhlay sungxyuinchwngrahwang 58 000 thungpraman 2 5 lantwnkomxa chwngewlathimichiwitxyu smyimoxsin smyoholsin 17 0 0006Ma PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg Nokhrngkradukkarcaaenkchnthangwithyasastrodemn yuaekhrioxtxanackr stwiflm stwmiaeknsnhlngchn stwpikchnthan ekhld xndb Dinornithiformes 1853chnidtnaebb Owen 1843klumyxydukhxkhwamkhwamhlakhlaychuxphxngDinornithes Gadow 1893 Immanes Newton 1884 nkomxaedimcdxyuinklum xyangirktam cakkarsuksathangphnthukrrmphbwayatithiiklchidthisudkhxngnkomxakhux cakthwipxemrikait sungekhyepnkb ratites nkomxa 9 chnidbinimid odyepnstwbnphundinthiihythisudaelaepnstwkinphuchchnsungsudinrabbniewspa imphum aelaitethuxkekhakhxngniwsiaelnd cnkrathngkarekhamakhxngchawmawri aelaphwkmnthuklaechphaacakxinthrihasth nkomxasuyphnthuhlngkartngthinthankhxngmnusyinniwsiaelndphayin 100 pi odyhlkenuxngcakkarlastwmakekinipraylaexiydepriybethiybkhnadrahwangnhomxa 4 chnidkbmnusy1 2 3 4 edimthimikarcdokhrngkradukomxainaebbtngtrng ephuxsrangkhwamsungthinaprathbic aetkarwiekhraahkhxtxkraduksnhlngaesdngihehnwaphwkmnxacyksirsaipkhanghna khlaykbnkkiwi kraduksnhlngtidxyuthihlngsirsamakkwathan aesdngthungkarcdtaaehnnginaenwnxn singnicathaihphwkmnkinhyabnphuchetiy aelwsamarthengyhnakhun aelaedindutnimidemuxcaepn sngphlihmikarphicarnakhwamsungkhxngomxathiihykwaxikkhrng xyangirktam khxngchawmawriaesdngphaphomxahruxnkkhlayomxa nacaepnhanhrux thimikhxtngtrng aesdngwaomxasamarthykkhxekinkwathngsxngaebbidkarcdxndbxnukrmwithan okhrngkradukkhxng Anomalopteryx didiformisfxssilokhrngkraduknkomxatinhnk Pachyornis elephantopus skulaelachnidthiidrbkaryxmrbinpccubn midngni xndb Dinornithiformes Gadow 1893 Ridgway 1901 Dinornithes Gadow 1893 Immanes Newton 1884 nkomxa wngs Owen 1843 Palapteryginae Bonaparte 1854 Palapterygidae Haast 1874 Dinornithnideae Stejneger 1884 nkomxayks skul Dinornis novaezealandiae North Island New Zealand Dinornis robustus South Island New Zealand wngs Bonaparte 1854 Emeinae Bonaparte 1854 Anomalopterygidae Oliver 1930 Anomalapteryginae Archey 1941 nkomxanxy skul Anomalopteryx didiformis North and South Island New Zealand skul Emeus crassus South Island New Zealand skul Euryapteryx curtus North and South Island New Zealand skul Pachyornis elephantopus South Island New Zealand Pachyornis geranoides North Island New Zealand Pachyornis australis South Island New Zealand wngs skul Megalapteryx didinus South Island New Zealand minkomxachnidthiimidrbkartngchux 2 chnidcak Saint Bathans Fauna lksnankomxaepnnkthimikhnadihykwankpktithwip binimidaelamiruprangkhlaykbnkkracxkethsinpccubnaettwihykwa miswnhwthiyawkwaexaiwkinphuchetiy aelatamtnimsung khnadaelaruprangnkomxannepliyniptamsthanthitang enuxngcaknkomxaidphankarepliynaeplngthangdankayphaphmaodytlxdsungkhunxyukbsphaphxakasaelasingaewdlxm kareplngesiyng thungaemwacaimmikarxdesiyngkhxngnkomxaiw aetcakkarsuksadukradukswnhwaelalakhxkhxngnkomxa idthaihphxcaruwaesiyngkhxngnkomxaepnynging klxngesiyngkhxngnkomxannmiwngaehwnxyuhlaywng sungmichuxwa Tracheal rings wngaehwnhnungxnnn phxkhlixxkmaaelwcamikhwamyawthungpraman 1 emtr ephraawngaehwntwnithaihesiyngkhxngnkomxannmikhwamiklekhiyngkbhngs nkkraeriyn aela ikkhndacudkhawinwngs Numididae aelankkrathaniwkini esiyngnkomxasamarthipidiklmakxaharthungaemwacaimmiikhrekhyehnnkomxaxyangaethcring aetodykarwiekhraahcaksakfxssilkhxngnkomxa idthaihruwamnkinphuchswnihyaelakingimelk caktnimthiimsungmak trngpakkhxngnkomxannaekhngaerngmakaelathukichepnxawuthpxngkntwcakstwxunidkarkhyayaelasubphnthucakkarsuksakradukkhxngnkomxa thaihruidwankomxamikarecriyetibotthiyawnanmak mnichewlapraman 10 piephuxthicaphthnacakepnedksutwphuihyetmtw ikh chinswnkhxngikh khxngnkomxathukkhnphbxyuepnpracainaehlngtangthifxssilthukkhnphbaelatambriewnthrayrxbchayfngniwsiaelndinpccubnmiikhthixyuinsphaphsmburn cdaesdngxyuinphiphithphnthtang rxb niwsiaelndepncanwn 36 ib aetlaxnmikhnadthiaetktangkniptngaet 120 124 milliemtr ipcnthung 91 178 milliemtr epluxknxkkhxngikhcamiexklksnxyuthimiruelk ikhswnihycamisikhaw aetykewnchnid camiikhepnsinaenginruekhiyw rng immihlkthanthibngbxkwaomxaepnnkthixasyxyuknepnfung swnihycathukphbepnyxm tamthatang karsarwcthatang inekaaehnux rngkhxngnkomxannswnihycathukkdlngipindin swnthiaehngaelaniminekhtphunthitxnklangoxtaok khxngekaait xakaskhxnkhangaehngcungthaihibimaelawsdutang thinkomxaichinkartharng yngkhngxyuinsphaphiklekhiyngedim emldkhxngtnimtang thithukphbtamaehlngehlaniepnhlkthanidwaswnihynkomxacatharnginchwngvdurxnkarsuyphnthuphaphcalxngkarlankomxakhxngchawmawri struhlkkhxngnkomxakhuxnkxinthrihasthcnkrathngmnusyidekhamabnekaaniwsiaelnd chawmawriiderimekhamainchwng kh s 1300 aelaiderimkarlankomxacnerimsuyphnthu praman kh s 1400 nkomxaidsuyphnthuiphmdaelwrwmipthungnkxinthrihasthsungsuyphnthuipdwyenuxngcakimminkomxaihkin karsuyphnthukhxngnkomxannekidkhunphayinimthung 100 pi sungphidipcakkarsnnisthankhxngnkwithyasastrinchwngaerkthibxkwankomxaichewlahlayrxypiinkarkhxy suyphnthu xyangirktam inchwngthswrrs 1800 mikarxangwaphbehnnkomxainhlay aethbkhxngpraethsniwsiaelnd aetimmihlkthanxairthichdecnthibngbxkwankomxayngmichiwitxyucring inyukhpccubnmirayngankarphbehnnkomxainaethb sungxyuthangthistawntkkhxngekaait rwmthungthangtxnehnuxkhxngfyxrdaelnd odybxkelaknwankomxaepnnkkhnadihy khxyaw mikhwamsung 12 fut mikhnsisdis inpaketmipdwyfnaehlmkhm aetimmipik miphuxangwaphbehnnkomxakhnathikalngpinekhaxyu aelaidthayrupid aetthwaepnrupmw aelaidmiraykarothrthsnlngphunthiiptamha phbrxyethathiminiwethasamniwkhnadihy sungimichrxyethakhxngnkaekwkhakhaop nkaekwkhnadihythibinimidaelahakininewlaklangkhun ephraamikhnadihykwa aetthwakimnacaichkhxngnkomxa ephraaniwethaklangnnihyyawkwaniwxunxangxingBrands S 2008 Stephenson Brent 2009 Brodkob Pierce 1963 Catalogue of fossil birds 1 Archaeopterygiformes through Ardeiformes Biological Sciences Bulletin of the Florida State Museum 7 4 180 293 subkhnemux 30 December 2015 OSNZ 2009 Davies S J J F 2003 Little bush moa New Zealand Birds Online nzbirdsonline org nz subkhnemux 24 July 2020 Perry George L W Wheeler Andrew B Wood Jamie R 1 December 2014 A high precision chronology for the rapid extinction of New Zealand moa Aves Dinornithiformes 105 126 135 Bibcode 2014QSRv 105 126P doi 10 1016 j quascirev 2014 09 025 subkhnemux 22 December 2014 Latham A David M Latham M Cecilia Wilmshurst Janet M Forsyth David M Gormley Andrew M Pech Roger P Perry George L W Wood Jamie R March 2020 A refined model of body mass and population density in flightless birds reconciles extreme bimodal population estimates for extinct moa Ecography phasaxngkvs 43 3 353 364 doi 10 1111 ecog 04917 ISSN 0906 7590 xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux Phillips Worthy amp Holdaway 2002 Schoon Theo Cave drawing of a moa Te Ara Encyclopedia of New Zealand Te Ara Te Manunui Rock Art Site Heritage New Zealand xangxingphidphlad payrabu lt ref gt imthuktxng immikarkahndkhxkhwamsahrbxangxingchux ReferenceA ChannelHub 2016 05 01 Destination Truth S03E15 Spirits of Easter Island amp The Moa Destination Truth subkhnemux 2016 09 22 brrnanukrm 1989 On evidence for the survival of moa in European Fiordland PDF New Zealand Journal of Ecology 12 Supplement 39 44 Baker Allan J Huynen Leon J Haddrath Oliver Millar Craig D Lambert David M 2005 Reconstructing the tempo and mode of evolution in an extinct clade of birds with ancient DNA The giant moas of New Zealand 102 23 8257 8262 Bibcode 2005PNAS 102 8257B doi 10 1073 pnas 0409435102 PMC 1149408 PMID 15928096 Brands Sheila 14 August 2008 Project The Taxonomicon khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 7 March 2009 subkhnemux 4 February 2009 Buller W L 1888 A history of the birds of New Zealand London Buller Bunce Michael Ford Tom Hoppitt Will Willerslev Eske Drummond Alexei Cooper Alan 2003 PDF Nature 425 6954 172 175 Bibcode 2003Natur 425 172B doi 10 1038 nature01871 PMID 12968178 S2CID 1515413 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 28 January 2019 Burrows C aelakhna 1981 The diet of moas based on gizzard contents samples from Pyramid Valley North Canterbury and Scaifes Lagoon Lake Wanaka Otago Records of the Canterbury Museum 9 309 336 Davies S J J F 2003 Moas in Hutchins Michael b k Grzimek s Animal Life Encyclopedia Vol 8 Birds I Tinamous and Ratites to Hoatzins 2 ed Farmington Hills MI Gale Group pp 95 98 ISBN 978 0 7876 5784 0 Dawkins Richard 2004 A Pilgrimage to the Dawn of Life The Ancestor s Tale Boston Houghton Mifflin p 292 ISBN 978 0 618 00583 3 Dieffenbach E 1843 Travels in New Zealand Vol II London John Murray p 195 ISBN 978 1 113 50843 0 Dutton Dennis 1994 New Zealand Skeptics Online New Zealand New Zealand Committee for the Scientific Investigation of Claims of the Paranormal khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 8 March 2016 subkhnemux 14 February 2011 Forrest R M 1987 A partially mummified skeleton of Anomalopteryx didiformis from Southland Journal of the Royal Society of New Zealand 17 4 399 408 doi 10 1080 03036758 1987 10426481 Fuller Errol 1987 Bunney Sarah b k Extinct Birds London England The Rainbird Publishing Group ISBN 978 0 8160 1833 8 Gill B J 2007 Eggshell characteristics of moa eggs Aves Dinornithiformes Journal of the Royal Society of New Zealand 37 4 139 150 doi 10 1080 03014220709510542 S2CID 85006853 Gould Charles 1886 Mythical Monsters W H Allen amp Co Hamilton A 1894 On the feathers of a small species of moa Megalapteryx didinus found in a cave at the head of the Waikaia River with a notice of a moa hunters camping place on the Old Man Range Transactions and Proceedings of the New Zealand Institute 27 232 238 Hartree W H 1999 PDF Notornis 46 4 457 460 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2017 05 19 subkhnemux 2023 03 07 1959 On the Track of Unknown Animals 3rd 1995 ed London Kegan Paul International Ltd Chapter 10 ISBN 978 0710304988 Hill H 1913 The Moa Legendary Historical and Geographical Why and When the Moa disappeared Transactions and Proceedings of the Royal Society of New Zealand 46 330 Jacomb C 2000 Rapid Extinction of the Moas Aves Dinornithiformes Model Test and Implications Science 287 5461 2250 2254 Bibcode 2000Sci 287 2250H doi 10 1126 science 287 5461 2250 PMID 10731144 1997 A reappraisal of the late Quaternary fossil vertebrates of Pyramid Valley Swamp North Canterbury New Zealand Journal of Zoology 24 69 121 doi 10 1080 03014223 1997 9518107 Horrocks M aelakhna 2004 Plant remains in coprolites diet of a subalpine moa Dinornithiformes from southern New Zealand Emu 104 2 149 156 doi 10 1071 MU03019 S2CID 86345660 Hutton F W Coughtrey M 1874 Notice of the Earnscleugh Cave Transactions and Proceedings of the New Zealand Institute 7 138 144 Huynen Leon Gill Brian J Millar Craig D Lambert David M 30 August 2010 Ancient DNA Reveals Extreme Egg Morphology and Nesting Behavior in New Zealand s Extinct Moa Proceedings of the National Academy of Sciences 107 30 16201 16206 Bibcode 2010PNAS 10716201H doi 10 1073 pnas 0914096107 PMC 2941315 PMID 20805485 Huynen Leon J Millar Craig D Scofield R P Lambert David M 2003 Nuclear DNA sequences detect species limits in ancient moa Nature 425 6954 175 178 Bibcode 2003Natur 425 175H doi 10 1038 nature01838 PMID 12968179 S2CID 4413995 Laing Doug 5 January 2008 Hawkes Bay Today APN News amp Media Ltd khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 24 July 2011 subkhnemux 14 February 2011 Millener P R 1982 PDF 29 1 165 170 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2015 07 18 subkhnemux 2023 03 07 OSNZ Jan 2009 Ornithological Society of New Zealand Inc khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 April 2015 subkhnemux 14 February 2011 Owen Richard 1879 Memoirs on the Extinct Wingless Birds of New Zealand with an Appendix of Those of England Australia Newfoundland Mauritius and Rodriguez London John van Voorst 2152 16251 Phillips Matthew J Gibb Gillian C Crimp Elizabeth A Penny David 2010 Tinamous and Moa Flock Together Mitochondrial Genome Sequence Analysis Reveals Independent Losses of Flight among Ratites Systematic Biology 59 1 90 107 doi 10 1093 sysbio syp079 PMID 20525622 Polack J S 1838 New Zealand Being a Narrative of Travels and Adventures During a Residence in that Country Between the Years 1831 and 1837 Vol I London Richard Bentley pp 303 307 Purcell Rosamond 1999 Swift as a Shadow Mariner Books p 32 ISBN 978 0 395 89228 2 Stephenson Brent 5 January 2009 New Zealand Ornithological Society of New Zealand khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 25 April 2015 subkhnemux 10 May 2010 Turvey Samuel T Green Owen R 2005 Cortical growth marks reveal extended juvenile development in New Zealand moa Nature 435 7044 940 943 Bibcode 2005Natur 435 940T doi 10 1038 nature03635 PMID 15959513 S2CID 4308841 Vickers Rich P Trusler P Rowley MJ Cooper A Chambers GK Bock WJ Millener PR Yaldwyn JC 1995 PDF Tuhinga Records of the Museum of New Zealand Te Papa Tongarewa 4 1 26 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 22 May 2010 Wood J R 2007 Moa gizzard content analyses further information on the diet of Dinornis robustus and Emeus crassus and the first evidence for the diet of Pachyornis elephantopus Aves Dinornithiformes Records of the Canterbury Museum 21 27 39 Wood J R 2008 Moa Aves Dinornithiformes nesting material from rockshelters in the semi arid interior of South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 38 3 115 129 doi 10 1080 03014220809510550 S2CID 129645654 Wood J R Rawlence N J Jones S M Read S E 2008 A deposition mechanism for Holocene miring bone deposits South Island New Zealand Journal of Taphonomy 6 1 20 2440 62495 1989 PDF Notornis 36 36 38 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2017 12 13 subkhnemux 2023 03 07 1998a Quaternary fossil faunas of Otago South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 28 3 421 521 doi 10 1080 03014223 1998 9517573 1998b The Quaternary fossil avifauna of Southland South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 28 4 537 589 doi 10 1080 03014223 1998 9517575 1993 Quaternary fossil faunas from caves in the Punakaiki area West Coast South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 23 3 147 254 doi 10 1080 03036758 1993 10721222 1994 Quaternary fossil faunas from caves in Takaka Valley and on Takaka Hill northwest Nelson South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 24 3 297 391 doi 10 1080 03014223 1994 9517474 1995 Quaternary fossil faunas from caves on Mt Cookson North Canterbury South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 25 3 333 370 doi 10 1080 03014223 1995 9517494 1996 Quaternary fossil faunas overlapping taphonomies and paleofaunal reconstructions in North Canterbury South Island New Zealand Journal of the Royal Society of New Zealand 26 3 275 361 doi 10 1080 03014223 1996 9517514 2002 The Lost World of the Moa Bloomington Indiana University Press ISBN 978 0 253 34034 4 Mar 2009 A moa sighting Te Ara the Encyclopedia of New Zealand subkhnemux 14 February 2011 Yong Ed Mar 2010 Discover Magazine khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2011 11 13 subkhnemux 14 February 2011 aehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb nkomxa wikispichismikhxmulphasaxngkvsekiywkb nkomxa TerraNature list of New Zealand s extinct birds TerraNature page on Moa Tree of Life classification and references Moa article in Te Ara the Encyclopedia of New Zealand 3D model of a moa skull