นกเงือกดินเหนือ | |
---|---|
ตัวผู้ | |
ตัวเมีย ทั้งคู่ พบที่ อูกันดา | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Aves |
อันดับ: | Bucerotiformes |
วงศ์: | Bucorvidae |
สกุล: | Bucorvus |
สปีชีส์: | B. abyssinicus |
ชื่อทวินาม | |
Bucorvus abyssinicus (, 1783) |
นกเงือกดินเหนือ หรือ นกเงือกดินอะบิสซิเนีย (อังกฤษ: northern ground hornbill หรือ Abyssinian ground hornbill; ชื่อวิทยาศาสตร์: Bucorvus abyssinicus) เป็นนกเงือกขนาดใหญ่หนึ่งในสองชนิดในวงศ์นกเงือกดิน มีพฤติกรรมหากินและดำรงชีวิตบนพื้นดินเป็นหลัก พบเฉพาะในตอนเหนือของเส้นศูนย์สูตรของทวีปแอฟริกา นกเงือกดินเหนือต่างจากนกเงือกดินใต้ ตรงที่มีขนาดเล็กกว่า มีสีหนังขอบตาสีฟ้า และถุงคอสีฟ้า (ในนกตัวเมีย)
อนุกรมวิธาน
นกเงือกดินเหนือ (B. abyssinicus) ได้รับการระบุชนิดโดย (Georges-Louis Leclerc, Comte de Buffon) นักธรรมชาติวิทยาและพหุคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ใน ค.ศ. 1780 ในหนังสือ (Histoire Naturelle des Oiseaux) นกเงือกดินเหนือยังปรากฏใน (ด้วยมือ) โดยฟรองซัวร์-นิโคลา มาร์ติเนต (François-Nicolas Martinet) เป็นภาพประกอบหนึ่งในพันภาพของชุด (Planches Enluminées D'Histoire Naturelle) ซึ่งผลิตภายใต้การกำกับของเอดเมอ-ลุยส์ เดาเบ็นทง (Edme-Louis Daubenton) และประกอบกับคำอธิบายลักษณะของบูฟฟง
ทั้งภาพประกอบบรรยายและคำอธิบายของบูฟฟงดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อวิทยาศาสตร์ จนกระทั่ง ค.ศ. 1783 พิเอแทร์ โบดแดร์ท (Pieter Boddaert) นักธรรมชาติวิทยาชาวดัตช์ได้บัญญัติชื่อทวินาม Buceros abyssinicus ในบัญชีรายชื่อประกอบที่เขาสร้างเพิ่มเติมในชุดสมุดภาพประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ตัวอย่างชนิดต้นแบบเก็บจากประเทศเอธิโอเปีย (หรือที่เรียก) ปัจจุบันนกเงือกดินเหนือ (หรือนกเงือกดินอะบิสซิเนีย) อยู่ในสกุลนกเงือกดิน (Bucorvus) ซึ่งเดิมเป็นสกุลย่อยระบุโดยเรอเน เลซง (René Lesson) นักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1830 นกเงือกดินเหนือมีชนิดย่อยเดียว (monotypic)
ชื่อสามัญ (ชื่อสกุล Bucorvus) ของนกเงือกดินเหนือ (และนกเงือกดินใต้) ดัดแปลงมาจากชื่อสกุล Buceros ที่กาโรลุส ลินเนียส นำเสนอใน ค.ศ. 1758 สำหรับสกุลนกเงือกเอเชียขนาดใหญ่ โดยที่ corvus เป็นคำภาษาละตินสำหรับ เป็น "นกกา" จากลักษณะโดยรวมที่คล้ายอีกา
ลักษณะ
นกเงือกดินเหนือเป็นนกเงือกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในทวีปแอฟริกา รองจากนกเงือกดินใต้ที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย
เป็นนกขนาดใหญ่ (ปลายปากถึงรูทวาร) ยาวรวม 90 ถึง 110 เซนติเมตร (35 ถึง 43 นิ้ว) อาศัยบนพื้นเป็นหลัก มีขนบนลำตัวสีดำและสีขาวซึ่งมองเห็นได้ในขณะบิน ตัวผู้ที่โตเต็มวัยมีผิวเปลือยสีฟ้ารอบดวงตา มีถุงหนังเปลือยที่คอสีแดงและพองตัวได้ แต้มด้วยหนังเปลือยสีฟ้าที่คางซึ่งหนังคางสัฟ้านี้มีขนาดต่าง ๆ กันในแต่ละตัว จะงอยปากยาวสีดำ มีแถบสีแดงที่โคนจะงอยปากใต้โหนก ด้านบนของจะงอยปากมีโหนกแข็ง (casque) สีดำปลายเปิด ทู่ และสั้น นกตัวเมียมีแต่เล็กกว่า ผิวเปลือยทั้งหมด (รอบตา ถุงคอ และคาง) เป็นสีน้ำเงินเข้ม (ยังคงมีแถบสีแดงบนโคนจะงอยปาก) นกรุ่นมีขนสีน้ำตาลเข้ม มีปากที่เล็กกว่าและโหนกแข็งในระยะเริ่มต้น มักใช้เวลา 3 ปีในการเจริญเป็นตัวเต็มวัยซึ่งจะค่อย ๆ พัฒนาส่วนที่เป็นขนนก สีของผิวเปลือย และโหนกแข็ง
นกเงือกดินเหนือ มีขนยาวคล้ายขนตาที่ล้อมรอบดวงตา ช่วยปกป้องดวงตาจากการบาดเจ็บ
จากการศึกษาพบว่า เมื่อยืนนกสูงประมาณ 90 ถึง 100 เซนติเมตร (35 ถึง 39 นิ้ว) อาจสูงได้ 110 ซม. (43 นิ้ว) และหนักประมาณ 4 กิเลกรัม (8.8 ปอนด์) จากรายงานการศึกษาของสตีเวนสันและแฟนชอว์ ระบุว่านกเงือกดินเหนือเป็นชนิดที่มีขนาดเฉลี่ยที่ที่ 102 เซนติเมตร (40 นิ้ว) ใหญ่กว่านกเงือกดินใต้ แต่น้ำหนักและการวัดมาตรฐานในส่วนอื่นขัดแย้งกันซึ่งระบุว่านกเงือกดินใต้นั้นใหญ่กว่าเล็กน้อยจริง ๆ
เสียงร้อง
มีเสียงร้องที่ลึกต่ำและกังวาน "อุ-อุ" และ "อุ-อุ-อุ" ซึ่งได้ยินชัดจากระยะไกล มักร้องในตอนเช้าจากทั้งขณะเกาะคอนหรือขณะอยู่บนพื้นดิน โดยทั่วไปนกตัวผู้และตัวเมียจะร้องเพลงคู่กัน
การกระจายพันธุ์และถิ่นอาศัย
นกเงือกดินเหนือ พบได้ทางตอนเหนือของภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮารา (โดยเฉพาะช่วงตอนเหนือของเส้นศูนย์สูตรของภูมิภาคฯ) จากตอนใต้ของมอริเตเนีย เซเนกัล และกินีทางตะวันออกถึงเอริเทรีย เอธิโอเปีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของโซมาเลีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเคนยา และยูกันดา พบในแหล่งที่อยู่อาศัยแบบเปิด เช่น ทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย และบริเวณที่เป็นหิน โดยชอบพื้นที่ที่มีพืชพรรณต้นเตี้ยซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในพฤติกรรมการหาอาหารด้วยสายตา มักอาศัยในพื้นที่ที่แห้งแล้งกว่าถิ่นที่อยู่ที่นกเงือกใต้เลือก นกเงือกดินเหนือทนต่อพื้นที่ธรรมชาติที่ถูกรบกวน แต่ยังต้องการต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อใช้เป็นที่ทำรัง
มีประชากรนกเงือกดินเหนือหลบหนีหรือถูกปล่อยโดยเจตนาในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา แต่ไม่มีหลักฐานว่าประชากรนกเงือกเหล่านี้กำลังขยายพันธุ์และคงสืบพันธุ์อยู่ได้หลังการปล่อยหรือหลบหนี
พฤติกรรม
นกเงือกดินเหนืออาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าโล่ง อยู่เป็นคู่หรืออาศัยแบบครอบครัวเล็ก ๆ มักออกลาดตระเวนอาณาเขตของตนด้วยการเดินและมักไม่เลือกที่จะบิน โดยปกติแล้วจะบินขึ้นไปในอากาศเมื่อตื่นตระหนกเท่านั้น กลุ่มนกเงือกดิน (ฝูงครอบครัวขนาดเล็ก) ครอบครองพื้นที่ขนาด 2–100 ตารางไมล์ (5.2–259.0 km2) เป็นนกที่หากินกลางวัน นกที่เลี้ยงในกรงขังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 35–40 ปี
อาหารในธรรมชาติประกอบด้วยสัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด รวมทั้งเต่าบกขนาดเล็ก กิ้งก่า งู นก แมงมุม ด้วง และหนอนผีเสื้อ นอกจากนี้ยังอาจกินซากศพ ผลไม้ เมล็ดพืช และถั่วเปลือกแข็งที่พบที่พื้น
การผสมพันธุ์
ของนกเงือกดินเหนือแตกต่างกันไปตามช่วงการกระจายพันธุ์ ได้แก่ ประชากรนกในแอฟริกาตะวันตกผสมพันธุ์ในเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ประชากรในไนจีเรียและยูกันดาผสมพันธุ์ในเดือนมกราคม และประชากรในเคนยาผสมพันธุ์ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พวกมันชอบทำรังบนต้นไม้ใหญ่ โดยมักใช้โพรงในต้นและตอปาล์ม รวมทั้งได้รับการบันทึกว่าทำรังในโพรงประเภทอื่น ๆ ได้แก่ รูในหินและโพรงที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นในกล่องเลี้ยงผึ้งหรือตะกร้า
การทำรังของนกเงือกดิน นกตัวเมียจะฟักและดูแลในโพรงรังที่ปิดผนึกบางส่วนโดยใช้ส่วนผสมของโคลนและพืชพรรณ ซึ่งต่างกับนกเงือกชนิดอื่น ๆ ตัวเมียที่ทำรังจะสลัดขนปีกหลักออกทั้งหมด นกเงือกดินตัวผู้เตรียมรังโดยใช้ใบไม้แห้งบุก้นโพรงก่อนที่ตัวเมียจะเข้าไปและวางไข่หนึ่งหรือสองฟองในช่วงห่างประมาณห้าวัน ตัวเมียเริ่มฟักไข่ทันทีที่วางไข่เพื่อให้ลูกนกที่ฟักออกมาก่อนมีพัฒนาการที่เหนือลูกนกตัวถัดมา การฟักไข่แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 37 ถึง 41 วัน ตลอดช่วงฟักไข่นกไม่มีความพยายามที่จะรักษาโพรงให้สะอาดและนกตัวผู้มีหน้าที่จัดหาอาหารให้กับตัวเมียที่กำลังฟักไข่ น้ำหนักของลูกไก่ที่เพิ่งฟักออกมาใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 70 กรัม (2.5 ออนซ์) และลูกนกที่ฟักครั้งแรกจะโตอย่างรวดเร็วเพื่อแย่งทรัพยากรจากลูกนกที่ฟักออกตัวที่สองซึ่งปกติแล้วจะตายจากความอดอยากก่อนที่มันจะอายุสี่วัน โดยลูกนกตัวแรกอาจมีน้ำหนักมากถึง 350 กรัม (12 ออนซ์) (ในระยะเพียงช่วงระหว่างไข่ใบแรกและใบที่สองฟัก) เมื่อลูกนกที่รอดตายอายุ 21 ถึง 33 วัน แม่จะออกจากรังและเริ่มให้อาหารจากนอกรัง ลูกนกจะออกจากรังหลังจากวันที่ 80 ถึง 90
นกเงือกดินเหนือลงทุนทางทรัพยากรอย่างมากในลูกหลานของพวกมัน และลูกนกที่โตเต็มวัยจะอยู่กับพ่อแม่ได้นานถึงสามปี พวกมันมีอัตราการผสมพันธุ์ที่ต่ำ โดยเฉลี่ยแล้วนกหนึ่งตัวจะโตเต็มวัยเมื่ออายุ 9 ปี ดังนั้นการลงทุนในการเติบโตเต็มวัยในนกแต่ละตัวของพ่อแม่นกจึงสูงเป็นพิเศษ
การหาอาหาร
นกเงือกดินเหนือ เป็นนกที่หาอาหารตามโอกาส ไม่ว่าโดยการหาอาหารตามหลังฝูงสัตว์กีบและจากไฟป่า โดยใช้กลยุทธ์การรอโอกาสกินสัตว์เล็ก ๆ ที่ถูกรบกวนโดยฝูงสัตว์ขนาดใหญ่หรือเปลวไฟ นกเงือกดินเหนือแต่ละตัวสามารถเดินได้ไกลถึง 11 กิโลเมตร (6.8 ไมล์) ในแต่ละวัน เมื่อพบอาหารจะพุ่งกระโจนเข้าหาและกินสัตว์ขนาดเล็กทุกอย่างที่พวกมันเจอ มีการบันทึกว่านกเงือกดินเหนืออาจขุดหาสัตว์จำพวกแมลงและแมงในดินและโจมตีรังผึ้งเพื่อกินรังผึ้ง นกเงือกดินเหนือมักไม่ค่อยกินพืชใด ๆ อาจเนื่องจะงอยปากที่ยาวแข็งแรงเหมาะกับการใช้เพื่อจับและฆ่าเหยื่อในการกิน
ศัตรูในธรรมชาติ
สัตว์นักล่า
สัตว์นักล่าของนกเงือกดินเหนือ ได้แก่สัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ เช่น เสือดาว การถูกล่าเป็นอาหารของมนุษย์เกิดขึ้นในบางประเทศ ได้แก่แคเมอรูนตอนเหนือและบูร์กินาฟาโซ รังอาจตกเป็นเหยื่อโดยสัตว์บกนักล่าแม้มีขนาดเล็กกว่า
ปรสิตและโรคต่าง ๆ
เป็นที่รู้จักดีว่ามักพบเหานก Bucorvellus docophorus, Bucerophagus productus และ Bucerophagus africanus ในนกเงือกดินเหนือ และยังพบปรสิตเช่นไส้เดือนฝอย (พยาธิตัวกลม) Histiocephalus bucorvi และพยาธิตัวตืด Chapmania unilateralis, Idiogenes bucorvi, Ophryocotyloides pinguis และ Paruterina daouensis นกเลี้ยงในกรงขังที่จับมาจากธรรมชาติมักตายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคทั่วไปในปลา แต่ไม่พบรายงานการติดเชื้อนี้ในนกเงือกดินเหนือในธรรมชาติ ในอเมริกาเหนือพบว่านกเงือกดินเหนือในกรงเลี้ยงตายเพราะไวรัสเวสต์ไนล์
ความสำคัญในวัฒนธรรม
นกเงือกดินเหนือ ไม่ใช่เหมืองนกที่ถูกล่าเพื่อการค้านกเชิงพาณิชย์ แม้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบพวกมันในสวนสัตว์
ในบางพื้นที่นกชนิดนี้มีความสำคัญทางวัฒนธรรม ใช้หัวและคอของนกเงือกดินห้อยรอบคอด้วยความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้พวกมันสะกดรอยตามฝูงสัตว์กีบเท้า ในบางหมู่บ้านมักจะเลียนแบบเสียงร้องของนกชนิดนี้ แม้กระทั่งบางเพลงที่แต่งขึ้นจากพื้นฐานเสียงร้องคู่ประสานของนกเงือกดินเหนือตัวผู้และตัวเมีย
สถานภาพและการอนุรักษ์
นกเงือกดินเหนืออยู่ภายใต้ภาวะการสูญเสียและความเสื่อมโทรมของถิ่นที่อยู่ และบางส่วนของการถูกล่า ในลักษณะเดียวกันกับญาติของมันคือ นกเงือกดินใต้ เป็นผลให้แนวโน้มประชากรของนกเงือกดินทั้งสองชนิดอาจเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ระบุให้มีสถานะเป็น (VU)
- คู่นก ที่สวนสัตว์ฟอร์ดเวิร์ธ
- คู่นกในธรรมชาติ
- นกเงือกดินใต้ตัวเมียในธรรมชาติ ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเมอร์ชิสัน
- นกชนิดนี้มีขนตาที่ยาว และตัวเมียมีถุงคอสีฟ้า ที่เห็นเด่นชัด
- ขนปีกหลัก (ขนปีกนอก) สีขาว
- ตีนของนกเงือกดินใต้ นิ้วสั้นทู่ ไม่เหมาะกับการจับคอน
- ไข่ของนกเงือกดินใต้ จากภาพของ
อ้างอิง
- BirdLife International (2018). "Bucorvus abyssinicus". IUCN Red List of Threatened Species. 2018: e.T22682632A132204438. doi:10.2305/IUCN.UK.2018-2.RLTS.T22682632A132204438.en.
- (1780). "Le cacao d'Abyssinie". Histoire Naturelle des Oiseaux (ภาษาฝรั่งเศส). Vol. 13. Paris: De L'Imprimerie Royale. p. 230.
- ; ; ; (1765–1783). "Grand calao, d'Abyssinie". Planches Enluminées D'Histoire Naturelle. Vol. 8. Paris: De L'Imprimerie Royale. Plate 779.
- (1783). Table des planches enluminéez d'histoire naturelle de M. D'Aubenton : avec les denominations de M.M. de Buffon, Brisson, Edwards, Linnaeus et Latham, precedé d'une notice des principaux ouvrages zoologiques enluminés (ภาษาฝรั่งเศส). Utrecht. p. 48, Number 779.
- , บ.ก. (1945). Check-list of Birds of the World. Vol. 5. Cambridge, Massachusetts: Harvard University Press. p. 272.
- (1830). Traité d'Ornithologie, ou Tableau Méthodique (ภาษาฝรั่งเศส). Paris: F.G. Levrault. p. 256 (livre 4).
- ; Donsker, David, บ.ก. (2019). "Mousebirds, Cuckoo Roller, trogons, hoopoes, hornbills". World Bird List Version 9.2. International Ornithologists' Union. สืบค้นเมื่อ 23 July 2019.
- Jobling, James A. (2010). The Helm Dictionary of Scientific Bird Names. London: Christopher Helm. p. 80. ISBN .
- Borrow, Nik; Demey, Ron (2001). Birds of Western Africa. A & C Black. ISBN .
- "Abyssinian ground hornbill". Smithsonian's National Zoo. สืบค้นเมื่อ 7 May 2019.
- Field Guide to the Birds of East Africa: Kenya, Tanzania, Uganda, Rwanda, Burundi by Stevenson & Fanshawe. Elsevier Science (2001), ISBN
- "Birds: Hornbill". San Diego Zoo. สืบค้นเมื่อ 16 July 2013.
- "Krause, B. 2009. "Bucorvus abyssinicus" (On-line), Animal Diversity Web". . Regents of the University of Michigan. สืบค้นเมื่อ 14 October 2016.
- "Northern Ground-hornbill (Bucorvus abyssinicus)". Lynx Edicions. สืบค้นเมื่อ 14 October 2016.
- "Bucorvus abyssinicus (Abyssinian Ground-Hornbill) - Avibase". avibase.bsc-eoc.org.
- . Florida Fish and Wildlife Conservation Commission. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-10-30. สืบค้นเมื่อ 9 January 2017.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Asefa, Addisu. "Exploration of human-bird relationships: Oromo proverbs associated with the Northern Ground-hornbill in Ethiopia." Social Sciences & Humanities Open 4, no. 1 (2021): 100-162.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkenguxkdinehnuxtwphutwemiy thngkhu phbthi xukndasthanakarxnurks IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Avesxndb Bucerotiformeswngs Bucorvidaeskul Bucorvusspichis B abyssinicuschuxthwinamBucorvus abyssinicus 1783 nkenguxkdinehnux hrux nkenguxkdinxabissieniy xngkvs northern ground hornbill hrux Abyssinian ground hornbill chuxwithyasastr Bucorvus abyssinicus epnnkenguxkkhnadihyhnunginsxngchnidinwngsnkenguxkdin miphvtikrrmhakinaeladarngchiwitbnphundinepnhlk phbechphaaintxnehnuxkhxngesnsunysutrkhxngthwipaexfrika nkenguxkdinehnuxtangcaknkenguxkdinit trngthimikhnadelkkwa misihnngkhxbtasifa aelathungkhxsifa innktwemiy xnukrmwithannkenguxkdinehnux B abyssinicus idrbkarrabuchnidody Georges Louis Leclerc Comte de Buffon nkthrrmchatiwithyaaelaphhukhnitsastrchawfrngess in kh s 1780 inhnngsux Histoire Naturelle des Oiseaux nkenguxkdinehnuxyngpraktin dwymux odyfrxngswr niokhla martient Francois Nicolas Martinet epnphaphprakxbhnunginphnphaphkhxngchud Planches Enluminees D Histoire Naturelle sungphlitphayitkarkakbkhxngexdemx luys edaebnthng Edme Louis Daubenton aelaprakxbkbkhaxthibaylksnakhxngbuffng thngphaphprakxbbrryayaelakhaxthibaykhxngbuffngdngklawimidrabuchuxwithyasastr cnkrathng kh s 1783 phiexaethr obdaedrth Pieter Boddaert nkthrrmchatiwithyachawdtchidbyytichuxthwinam Buceros abyssinicus inbychiraychuxprakxbthiekhasrangephimetiminchudsmudphaphprawtisastrthrrmchati twxyangchnidtnaebbekbcakpraethsexthioxepiy hruxthieriyk pccubnnkenguxkdinehnux hruxnkenguxkdinxabissieniy xyuinskulnkenguxkdin Bucorvus sungedimepnskulyxyrabuodyerxen elsng Rene Lesson nkthrrmchatiwithyachawfrngessin kh s 1830 nkenguxkdinehnuxmichnidyxyediyw monotypic chuxsamy chuxskul Bucorvus khxngnkenguxkdinehnux aelankenguxkdinit ddaeplngmacakchuxskul Buceros thikaorlus lineniys naesnxin kh s 1758 sahrbskulnkenguxkexechiykhnadihy odythi corvus epnkhaphasalatinsahrb epn nkka caklksnaodyrwmthikhlayxikalksnahwkhxngnkenguxkdinehnuxtwphu nkenguxkdinehnuxepnnkenguxkthimikhnadihythisudepnxndbsxnginthwipaexfrika rxngcaknkenguxkdinitthimikhnadihykwaelknxy epnnkkhnadihy playpakthungruthwar yawrwm 90 thung 110 esntiemtr 35 thung 43 niw xasybnphunepnhlk mikhnbnlatwsidaaelasikhawsungmxngehnidinkhnabin twphuthiotetmwymiphiwepluxysifarxbdwngta mithunghnngepluxythikhxsiaedngaelaphxngtwid aetmdwyhnngepluxysifathikhangsunghnngkhangsfanimikhnadtang kninaetlatw cangxypakyawsida miaethbsiaedngthiokhncangxypakitohnk danbnkhxngcangxypakmiohnkaekhng casque sidaplayepid thu aelasn nktwemiymiaetelkkwa phiwepluxythnghmd rxbta thungkhx aelakhang epnsinaenginekhm yngkhngmiaethbsiaedngbnokhncangxypak nkrunmikhnsinatalekhm mipakthielkkwaaelaohnkaekhnginrayaerimtn mkichewla 3 piinkarecriyepntwetmwysungcakhxy phthnaswnthiepnkhnnk sikhxngphiwepluxy aelaohnkaekhng nkenguxkdinehnux mikhnyawkhlaykhntathilxmrxbdwngta chwypkpxngdwngtacakkarbadecb cakkarsuksaphbwa emuxyunnksungpraman 90 thung 100 esntiemtr 35 thung 39 niw xacsungid 110 sm 43 niw aelahnkpraman 4 kielkrm 8 8 pxnd cakrayngankarsuksakhxngstiewnsnaelaaefnchxw rabuwankenguxkdinehnuxepnchnidthimikhnadechliythithi 102 esntiemtr 40 niw ihykwankenguxkdinit aetnahnkaelakarwdmatrthaninswnxunkhdaeyngknsungrabuwankenguxkdinitnnihykwaelknxycring esiyngrxng miesiyngrxngthiluktaaelakngwan xu xu aela xu xu xu sungidyinchdcakrayaikl mkrxngintxnechacakthngkhnaekaakhxnhruxkhnaxyubnphundin odythwipnktwphuaelatwemiycarxngephlngkhuknkarkracayphnthuaelathinxasynkenguxkdinehnux phbidthangtxnehnuxkhxngphumiphakhaexfrikaitsahara odyechphaachwngtxnehnuxkhxngesnsunysutrkhxngphumiphakh caktxnitkhxngmxrieteniy esenkl aelakinithangtawnxxkthungexriethriy exthioxepiy thangtawntkechiyngehnuxkhxngosmaeliy thangtawntkechiyngehnuxkhxngekhnya aelayuknda phbinaehlngthixyuxasyaebbepid echn thunghyasawnna thunghyakungthaelthray aelabriewnthiepnhin odychxbphunthithimiphuchphrrntnetiysungchwyephimprasiththiphaphinphvtikrrmkarhaxahardwysayta mkxasyinphunthithiaehngaelngkwathinthixyuthinkenguxkiteluxk nkenguxkdinehnuxthntxphunthithrrmchatithithukrbkwn aetyngtxngkartnimkhnadihyephuxichepnthitharng miprachakrnkenguxkdinehnuxhlbhnihruxthukplxyodyectnainrthflxrida shrthxemrika aetimmihlkthanwaprachakrnkenguxkehlanikalngkhyayphnthuaelakhngsubphnthuxyuidhlngkarplxyhruxhlbhniphvtikrrmnkenguxkdinehnuxxasyxyuinthunghyaolng xyuepnkhuhruxxasyaebbkhrxbkhrwelk mkxxkladtraewnxanaekhtkhxngtndwykaredinaelamkimeluxkthicabin odypktiaelwcabinkhunipinxakasemuxtuntrahnkethann klumnkenguxkdin fungkhrxbkhrwkhnadelk khrxbkhrxngphunthikhnad 2 100 tarangiml 5 2 259 0 km2 epnnkthihakinklangwn nkthieliynginkrngkhngsamarthmichiwitxyuid 35 40 pi xaharinthrrmchatiprakxbdwystwmikraduksnhlngkhnadelkaelastwimmikraduksnhlnghlaychnid rwmthngetabkkhnadelk kingka ngu nk aemngmum dwng aelahnxnphiesux nxkcakniyngxackinsaksph phlim emldphuch aelathwepluxkaekhngthiphbthiphun karphsmphnthu khxngnkenguxkdinehnuxaetktangkniptamchwngkarkracayphnthu idaek prachakrnkinaexfrikatawntkphsmphnthuineduxnmithunaynthungeduxnsinghakhm prachakrinincieriyaelayukndaphsmphnthuineduxnmkrakhm aelaprachakrinekhnyaphsmphnthuinchwngplayeduxnphvscikayn phwkmnchxbtharngbntnimihy odymkichophrngintnaelatxpalm rwmthngidrbkarbnthukwatharnginophrngpraephthxun idaek ruinhinaelaophrngthimnusysrangkhun echninklxngeliyngphunghruxtakra kartharngkhxngnkenguxkdin nktwemiycafkaeladuaelinophrngrngthipidphnukbangswnodyichswnphsmkhxngokhlnaelaphuchphrrn sungtangkbnkenguxkchnidxun twemiythitharngcasldkhnpikhlkxxkthnghmd nkenguxkdintwphuetriymrngodyichibimaehngbuknophrngkxnthitwemiycaekhaipaelawangikhhnunghruxsxngfxnginchwnghangpramanhawn twemiyerimfkikhthnthithiwangikhephuxihluknkthifkxxkmakxnmiphthnakarthiehnuxluknktwthdma karfkikhaetlakhrngichewlapraman 37 thung 41 wn tlxdchwngfkikhnkimmikhwamphyayamthicarksaophrngihsaxadaelanktwphumihnathicdhaxaharihkbtwemiythikalngfkikh nahnkkhxnglukikthiephingfkxxkmaihmcaxyuthipraman 70 krm 2 5 xxns aelaluknkthifkkhrngaerkcaotxyangrwderwephuxaeyngthrphyakrcakluknkthifkxxktwthisxngsungpktiaelwcataycakkhwamxdxyakkxnthimncaxayusiwn odyluknktwaerkxacminahnkmakthung 350 krm 12 xxns inrayaephiyngchwngrahwangikhibaerkaelaibthisxngfk emuxluknkthirxdtayxayu 21 thung 33 wn aemcaxxkcakrngaelaerimihxaharcaknxkrng luknkcaxxkcakrnghlngcakwnthi 80 thung 90 nkenguxkdinehnuxlngthunthangthrphyakrxyangmakinlukhlankhxngphwkmn aelaluknkthiotetmwycaxyukbphxaemidnanthungsampi phwkmnmixtrakarphsmphnthuthita odyechliyaelwnkhnungtwcaotetmwyemuxxayu 9 pi dngnnkarlngthuninkaretibotetmwyinnkaetlatwkhxngphxaemnkcungsungepnphiess karhaxahar nkenguxkdinehnux epnnkthihaxahartamoxkas imwaodykarhaxahartamhlngfungstwkibaelacakifpa odyichklyuththkarrxoxkaskinstwelk thithukrbkwnodyfungstwkhnadihyhruxeplwif nkenguxkdinehnuxaetlatwsamarthedinidiklthung 11 kiolemtr 6 8 iml inaetlawn emuxphbxaharcaphungkraocnekhahaaelakinstwkhnadelkthukxyangthiphwkmnecx mikarbnthukwankenguxkdinehnuxxackhudhastwcaphwkaemlngaelaaemngindinaelaocmtirngphungephuxkinrngphung nkenguxkdinehnuxmkimkhxykinphuchid xacenuxngcangxypakthiyawaekhngaerngehmaakbkarichephuxcbaelakhaehyuxinkarkinstruinthrrmchatistwnkla stwnklakhxngnkenguxkdinehnux idaekstwkinenuxkhnadihy echn esuxdaw karthuklaepnxaharkhxngmnusyekidkhuninbangpraeths idaekaekhemxruntxnehnuxaelaburkinafaos rngxactkepnehyuxodystwbknklaaemmikhnadelkkwa prsitaelaorkhtang epnthiruckdiwamkphbehank Bucorvellus docophorus Bucerophagus productus aela Bucerophagus africanus innkenguxkdinehnux aelayngphbprsitechniseduxnfxy phyathitwklm Histiocephalus bucorvi aelaphyathitwtud Chapmania unilateralis Idiogenes bucorvi Ophryocotyloides pinguis aela Paruterina daouensis nkeliynginkrngkhngthicbmacakthrrmchatimktaycakkartidechuxaebkhthieriy sungepnechuxkxorkhthwipinpla aetimphbrayngankartidechuxniinnkenguxkdinehnuxinthrrmchati inxemrikaehnuxphbwankenguxkdinehnuxinkrngeliyngtayephraaiwrsewstinlkhwamsakhyinwthnthrrmnkenguxkdinehnux imichehmuxngnkthithuklaephuxkarkhankechingphanichy aemwaimicheruxngaeplkthicaphbphwkmninswnstw inbangphunthinkchnidnimikhwamsakhythangwthnthrrm ichhwaelakhxkhxngnkenguxkdinhxyrxbkhxdwykhwamechuxthiwacachwyihphwkmnsakdrxytamfungstwkibetha inbanghmubanmkcaeliynaebbesiyngrxngkhxngnkchnidni aemkrathngbangephlngthiaetngkhuncakphunthanesiyngrxngkhuprasankhxngnkenguxkdinehnuxtwphuaelatwemiysthanphaphaelakarxnurksnkenguxkdinehnuxxyuphayitphawakarsuyesiyaelakhwamesuxmothrmkhxngthinthixyu aelabangswnkhxngkarthukla inlksnaediywknkbyatikhxngmnkhux nkenguxkdinit epnphlihaenwonmprachakrkhxngnkenguxkdinthngsxngchnidxacerimldlngxyangrwderw xngkhkarrahwangpraethsephuxkarxnurksthrrmchati IUCN rabuihmisthanaepn VU khunk thiswnstwfxrdewirth khunkinthrrmchati nkenguxkdinittwemiyinthrrmchati thixuthyanaehngchatinatkemxrchisn nkchnidnimikhntathiyaw aelatwemiymithungkhxsifa thiehnednchd khnpikhlk khnpiknxk sikhaw tinkhxngnkenguxkdinit niwsnthu imehmaakbkarcbkhxn ikhkhxngnkenguxkdinit cakphaphkhxngxangxingBirdLife International 2018 Bucorvus abyssinicus IUCN Red List of Threatened Species 2018 e T22682632A132204438 doi 10 2305 IUCN UK 2018 2 RLTS T22682632A132204438 en 1780 Le cacao d Abyssinie Histoire Naturelle des Oiseaux phasafrngess Vol 13 Paris De L Imprimerie Royale p 230 1765 1783 Grand calao d Abyssinie Planches Enluminees D Histoire Naturelle Vol 8 Paris De L Imprimerie Royale Plate 779 1783 Table des planches enlumineez d histoire naturelle de M D Aubenton avec les denominations de M M de Buffon Brisson Edwards Linnaeus et Latham precede d une notice des principaux ouvrages zoologiques enlumines phasafrngess Utrecht p 48 Number 779 b k 1945 Check list of Birds of the World Vol 5 Cambridge Massachusetts Harvard University Press p 272 1830 Traite d Ornithologie ou Tableau Methodique phasafrngess Paris F G Levrault p 256 livre 4 Donsker David b k 2019 Mousebirds Cuckoo Roller trogons hoopoes hornbills World Bird List Version 9 2 International Ornithologists Union subkhnemux 23 July 2019 Jobling James A 2010 The Helm Dictionary of Scientific Bird Names London Christopher Helm p 80 ISBN 978 1 4081 2501 4 Borrow Nik Demey Ron 2001 Birds of Western Africa A amp C Black ISBN 0 7136 3959 8 Abyssinian ground hornbill Smithsonian s National Zoo subkhnemux 7 May 2019 Field Guide to the Birds of East Africa Kenya Tanzania Uganda Rwanda Burundi by Stevenson amp Fanshawe Elsevier Science 2001 ISBN 978 0856610790 Birds Hornbill San Diego Zoo subkhnemux 16 July 2013 Krause B 2009 Bucorvus abyssinicus On line Animal Diversity Web Regents of the University of Michigan subkhnemux 14 October 2016 Northern Ground hornbill Bucorvus abyssinicus Lynx Edicions subkhnemux 14 October 2016 Bucorvus abyssinicus Abyssinian Ground Hornbill Avibase avibase bsc eoc org Florida Fish and Wildlife Conservation Commission khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2018 10 30 subkhnemux 9 January 2017 aehlngkhxmulxunAsefa Addisu Exploration of human bird relationships Oromo proverbs associated with the Northern Ground hornbill in Ethiopia Social Sciences amp Humanities Open 4 no 1 2021 100 162