นกกะปูด

นกกะปูด
นกกะปูดใหญ่ (Centropus sinensis)
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร:	Animalia
ไฟลัม:	Chordata
ชั้น:	Aves
อันดับ:
วงศ์:
วงศ์ย่อย:	Centropodinae , 1823
สกุล:	Centropus , 1811
ชนิดต้นแบบ
L. (1766)
ชนิด
30 ชนิด (ดูในเนื้อหา)
ชื่อพ้อง
Centropodidae

นกกะปูด (อังกฤษ: Coucals, Crow pheasants) เป็นนกสกุลหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Centropodinae ใน (Cuculidae) โดยใช้ชื่อสกุลว่า Centropus แต่มิใช่เหมือนนกชนิดอื่น ๆ ในวงศ์เดียวกัน โดยเป็นนกเพียงวงศ์เดียวและสกุลเดียว

นกกะปูด จัดเป็นนกขนาดกลาง มีลำตัวเพรียวยาว ลักษณะคล้ายกา มีความยาวประมาณ 35.50 เซนติเมตร ปากสีดำแหลมสั้นหนาแข็งแรง ตาสีแดง หัวและคอ และลำตัวสีดำ ปีกสั้นสีน้ำตาลแดง ขายาวสีดำ นิ้วตีนและเล็บยาวแข็งแรง สามารถจับเหยื่อ เกาะยึดเหนียวไต่แทรกไปตามพงหญ้า, ต้นไม้ หรือ พุ่มไม้หนาทึบได้อย่างคล่องแคล่ว หางยาวประมาณ 15–25 เซนติเมตร หนังหนาเหนียวสีดำ

นกกะปูด ได้ชื่อมาจากเสียงร้อง "ปูด ๆ ๆ ๆ ๆ" อันเป็นเอกลักษณ์ มักอาศัยอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ชายน้ำหรือพื้นที่ชุ่มน้ำต่าง ๆ มีพฤติกรรมออกกินในตอนเช้าและตอนเย็น เมื่อตกใจแทนที่จะบินหนีเหมือนนกชนิดอื่น แต่กลับวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าซ่อนเร้นอยู่ในพุ่มไม้รกใกล้ ๆ บริเวณนั้น เมื่อจวนตัวจึงบินหนี นกกะปูดกินอาหารได้แก่ กบ, เขียด, หนู, อึ่งอ่าง, ปู, กุ้ง, หอย และปลา โดยหากินตามท้องนาหรือชายน้ำ แต่อาหารที่ชอบที่สุด คือ งู ทำรังอยู่ตามพงหญ้ารกตามริมน้ำ เช่น อ้อ หรือแขม วางไข่ครั้งหนึ่งราว 2 ถึง 6 ฟอง ตัวผู้กับตัวเมียจะผลัดเปลี่ยนกันฟักไข่

นกกะปูด กระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วไปทั้งทวีปเอเชียและแอฟริกา แบ่งออกเป็น 30 ชนิด ได้แก่

การจำแนก

• Beavan, 1867 – นกกะปูดอันดามัน
• Sharpe, 1874 – นกกะปูดกาบอง
• Lesson, 1826 – นกกะปูดลาย
• (Gmelin, 1788) – นกกะปูดเล็ก
• Schlegel, 1866 – นกกะปูดปากดำ
• Quoy & Gaimard, 1830 – นกกะปูดอ่าว
• (Salvadori, 1876) – นกกะปูดจะงอย
• Blyth, 1849 – นกกะปูดปากเขียว
• Reichenow, 1896 – นกกะปูดหางทองแดง
• Bonaparte, 1850 – นกกะปูดโกไลแอท
• Hartlaub, 1861 – นกกะปูดดำ
• (Leach, 1814) – นกกะปูดคอดำ
• Lesson, 1830 – นกกะปูดหน้าดำ
• Lesson & Garnot, 1828 – นกกะปูดปากสีงาช้าง
• Gould, 1856 – นกกะปูดหัวควาย
• Ruppell, 1837 – นกกะปูดหัวน้ำเงิน
• (Cuvier, 1816) – นกกะปูดซุนดา
• (Latham, 1802) – นกกะปูดพิราบ
• Strickland, 1847 – นกกะปูดนิ้วสั้น
• (Linnaeus, 1766) – นกกะปูดเซเนกัล
• Centropus sinensis (Stephens, 1815) – นกกะปูดใหญ่
• Gray, 1858 – นกกะปูดไค
• Bourns & Worcester, 1894 – นกกะปูดหลังหัวดำ
• Hemprich & Ehrenberg, 1829 – นกกะปูดคิ้วขาว
• (Statius Muller, 1776) – นกกะปูดมาลากาซี่
• (Cabanis & Heine, 1863) – นกกะปูดรูฟัส
• Quoy & Gaimard, 1830 – นกกะปูดสีม่วง
• (Scopoli, 1786) – นกกะปูดฟิลิปปิน

สำหรับในประเทศไทย พบ 2 ชนิด คือ นกกะปูดใหญ่ และนกกะปูดเล็ก ซึ่งพบได้ทุกจังหวัด และอาจจะพบนกกะปูดนิ้วสั้น ที่เป็นนกพลัดหลง หายากได้อีกด้วย

ในวัฒนธรรม

นกกะปูด ในวัฒนธรรมความเป็นอยู่พื้นบ้านของชาวไทย เมื่อนกกะปูดร้องในเวลาเช้าและเวลาเย็น อีกทั้งร้องเป็นเวลาคล้ายบอกโมงยาม ซึ่งตรงกับเวลาน้ำขึ้น ผู้คนในสมัยโบราณ จึงฟังเสียงนกกะปูดเป็นสัญญาณบอกเวลา เรียกกันว่า "ยามนกกะปูด" ได้แก่ ร้องครั้งที่ 1 เรียกว่า ยามหนึ่ง (ราว 01.00 น.) ร้องครั้งที่ 2 เรียกว่า ยามสอง (ราว 02.00 น.) ร้องครั้งที่ 3 เรียกว่า ยามสาม (ราว 03.00 น.) ร้องครั้งที่ 4 เรียกว่า ยามสี่ (ราว 04.00 น.)

นอกจากนี้แล้วจากเสียงร้อง คำว่า "นกกะปูด" ยังเป็นภาษาปากในภาษาไทย หมายถึง คนที่เก็บรักษาความลับไว้ไม่อยู่ และยังถูกอ้างอิงถึงในเพลง น้ำลงนกร้อง ซึ่งเป็นเพลงลูกทุ่งประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง มนต์รักลูกทุ่ง ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2513 ที่มีเนื้อร้องว่า

นกกะปูดตาแดง น้ำแห้งก็ตาย

นอกจากนี้แล้ว นกกะปูด ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีกเช่น "นกปูด", "นกกดปูด" หรือ "นกกด" เป็นต้น

อ้างอิง

1. "Centropus". .
2. ปูด จากสนุกดอตคอม
3. กะปูด คำแปล2 จากสนุกดอตคอม
4. Walters, Michael P. (1980). Complete Birds of the World. David & Charles PLC. .
5. นกกะปูด (ปาก) น.ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542
6. ตอบ Tag เพลงลูกทุ่งต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วย"นกกะปูดตาแดงน้ำแห้งก็ตาย"...ปูด ปูด ปูด
7. "วิเคราะห์คอลัมนิสต์ 19 02 58". ฟ้าวันใหม่. 19 February 2015. สืบค้นเมื่อ 20 February 2015.

แหล่งข้อมูลอื่น

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Centropus ที่วิกิสปีชีส์