ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุ หรือ น้ำขึ้นจากพายุ หรือนิยมเรียกว่า คลื่นพายุซัดฝั่ง (อังกฤษ: storm surge หรือ tidal surge) คือคลื่นที่เกิดจากการยกตัวขึ้นของน้ำทะเลนอกชายฝั่งด้วยอิทธิพลของความกดอากาศต่ำและอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อน ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุขั้นตอนแรกเกิดจากลมความเร็วสูงที่พัดผลักดันผิวมหาสมุทร ลมจะทำให้น้ำยกตัวสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลปกติ ขั้นตอนที่สองคือความกดอากาศต่ำที่ศูนย์กลางพายุ (ตาพายุ) มีผลเพิ่มยกระดับน้ำขึ้นอีกเล็กน้อย และอีกสาเหตุคือชั้นความลึก (bathymetry) ของน้ำทะเล ผลกระทบรวมจากปรากฏการณ์ความกดอากาศต่ำร่วมกับการพัดของลมพายุเหนือทะเลน้ำตื้นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของอุทกภัยจากระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุ คำว่า "storm surge" ในภาษาอังกฤษยังมีคำอื่น ๆ ที่ใช้แบบไม่เป็นทางการ (ไม่ใช่ศัพท์ทางวิทยาศาสตร์) คือ "storm tide" (น้ำขึ้นหนุนจากพายุ) นั่นเพราะมันเกี่ยวโยงกับการยกขึ้นของน้ำทะเลจากพายุ, ภาวะน้ำขึ้นหนุน (plus tide), คลื่นเคลื่อนยกตัว (wave run-up), และการท่วมหลากของน้ำจืด เมื่อเอ่ยถึงอ้างอิงความสูงของระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุ สิ่งสำคัญคือความชัดเจนของจุดอ้างอิง จากรายงานพายุหมุนเขตร้อนของศูนย์พายุหมุนแห่งชาติ (National Hurricane Center, NHC) รายงานอ้างอิงระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุจากความสูงของระดับน้ำที่สูงเหนือจากระดับน้ำขึ้นของอุตุพยากรณ์ และความสูงของระดับน้ำที่ถูกพายุยกขึ้นเหนือจากสถิติระดับน้ำทะเลที่อ้างอิงใน พ.ศ. 2472 (NGVD-29)
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpOHpMek15TDFOMWNtZGxMV1Z1TG5OMlp5OHpNREJ3ZUMxVGRYSm5aUzFsYmk1emRtY3VjRzVuLnBuZw==.png)
กลไก
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpODBMelF5TDFOMGIzSnRYM04xY21kbFgyZHlZWEJvYVdNdWMzWm5Mek0xTW5CNExWTjBiM0p0WDNOMWNtZGxYMmR5WVhCb2FXTXVjM1puTG5CdVp3PT0ucG5n.png)
อิทธิพลที่มีผลต่อการการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในระหว่างเกิดพายุมีอย่างน้อย 5 อิทธิพล ได้แก่ อิทธิพลความกดอากาศ, อิทธิพลโดยตรงจากลมพายุ, อิทธิพลของการหมุนตัวของโลก, อิทธิพลของคลื่น, และอิทธิพลของปริมาณน้ำฝนที่ตก
อิทธิพลความกดอากาศของพายุหมุนเขตร้อนจะทำให้ระดับของน้ำในทะเลเปิดยกตัวสูงขึ้นในเขตที่บรรยากาศมีความกดอากาศต่ำ และลดระดับต่ำลงในเขตบรรยากาศมีความกดอากาศสูง ระดับน้ำที่ยกตัวสูงขึ้นจะแปรผกผันกับความกดอากาศที่ต่ำลง เพื่อที่จะทำให้ความกดโดยรวมที่ระนาบของใต้ผิวน้ำคงที่ ผลกระทบนี้ทำให้ประมาณได้ว่าระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น 10 มิลลิเมตร (0.4 นิ้ว) ต่อทุก ๆ 1 มิลลิบาร์ที่ลดลงของความกดอากาศ
ความแรงที่พื้นผิวลมเป็นสาเหตุโดยตรงของความสูงชันของพายุลม ปรากฏการณ์นี้รู้จักกันในชื่อ "เกลียวเอ็กมาน" (Ekman spiral) มีข้อเท็จจริงที่ว่าความกดดันของลม (wind stress) เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์การก่อตัวของลม นั่นคือมีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะยกเพิ่มในด้านทิศเดียวกับกระแสลมที่พัดเข้าฝั่ง และระดับน้ำจะลดลงในด้านตรงกันข้าม เพราะเหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่พายุจะพัดน้ำซัดอ่าวในทิศทางไปของพายุ เพราะเหตุว่าเกลียวเอ็กมานมีผลจากการแผ่ในแนวฉากของลมที่ผ่านน้ำ และผลกระทบนี้จะแปรผกผันกับความลึกของน้ำ อิทธิพลความดันและการก่อตัวของลมในทะเลเปิดจะผลักดันน้ำเข้าสู่อ่าวในแนวเดียวกับอิทธิพลของน้ำขึ้นน้ำลง
อิทธิพลของการหมุนของโลกเป็นสาเหตุของปรากฏการณ์คอริออลิส (Coriolis effect) ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะทำให้ทิศทางกระแสน้ำเบี่ยงโค้งไปทางขวาในซีกโลกเหนือ และเบี่ยงโค้งไปทางซ้ายในซีกโลกใต้จากอิทธิพลของการหมุนของโลก เมื่อโค้งของกระแสน้ำเข้าพุ่งปะทะกับชายฝั่งในแนวตั้งฉากจะไปเพิ่มขยายคลื่นที่ยกตัวให้เพิ่มขึ้น และหากโค้งของกระแสน้ำหันออกจากชายฝั่งมีผลให้คลื่นที่ยกตัวนั้นลดลง
อิทธิพลของคลื่น ขณะที่คลื่นได้รับกำลังจากลม โดยเฉพาะจากพลังของลมพายุ ลมที่มีพลังจะยกคลื่นให้ใหญ่และแรงในทิศทางเดียวกันกับแนวการเคลื่อนที่ของลม แม้กระนั้นก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ผิวคลื่นเพียงเล็กน้อยในทะเลเปิด (ทะเลลึก) แต่มันจะมีผลให้คลื่นขยายตัวใหญ่และแรงขึ้นคลื่นนั้นเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง เมื่อแนวคลื่นที่กำลังแตกตัวขนานกับหาดมันนำน้ำจำนวนมากซัดตรงเข้าสู่ฝั่ง ขณะที่คลื่นแตกตัวอนุภาคของน้ำที่เคลื่อนเข้าฝั่งนั้นมีโมเมนตัมจำนวนมาก จนอาจซัดกระเซ็นขึ้นไปตามความชันของหาดจนสูงเหนือระดับน้ำทะเลและคลื่นที่ตามมาในลูกที่สองถูกซัดสูงขึ้นก่อนที่มันจะแตกกระจาย
ปริมาณน้ำฝนที่ตกมีอิทธิพลมากตรงบริเวณชะวากทะเล (บริเวณที่น้ำจืดกับน้ำเค็มบรรจบกัน) ในพื้นที่เปิดเฮอริเคนสามารถสร้างปริมาณน้ำฝนได้ถึง 12 นิ้วใน 24 ชั่วโมง และอาจจะสูงกว่าในพื้นที่ปิด ผลที่ตามมาคือ สันปันน้ำ (watersheds) (ร่องเขาที่เป็นแนวร่องน้ำ) น้ำจะไหลบ่าอย่างเร็วระบายสู่แม่น้ำ นี่ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงในระดับสูงสุดของระดับน้ำขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ เป็นเพราะพายุขับดันคลื่นยกตัวจากมหาสมุทรและน้ำฝนที่ไหลมาจากชะวากทะเล
การวัดการยกตัว
การวัดการยกตัวสามารถทำได้โดยตรงที่สถานีวัดน้ำขึ้นน้ำลงชายฝั่ง (coastal tidal stations) โดยวัดความแตกต่างของระดับน้ำขึ้นพยากรณ์การระดับยกตัวที่สังเกตได้ ข้อสารสนเทศนี้สามารถดูในขณะเกิดจริงได้ที่เว็บไซต์น้ำขึ้นน้ำลงและกระแสน้ำของ NOAA (NOAA Tides and Currents website) ตลอดเวลาที่ทำการรายงาน
การวัดการยกตัวอีกวิธีหนึ่งที่เริ่มนำมาใช้โดย NHC เมื่อ พ.ศ. 2548 โดยทีมงาน USGS ที่ใช้การติดจั้งตัวแปรสัญญาณความกดอากาศไปตามชายฝั่งทะเลก่อนที่พายุหมุนจะมาถึง ซึ่งเป็นการทดลองใช้ครั้งแรกกับพายุหมุนริตา (Hurricane Rita) กรรมวิธีนี้ได้นำมาตรวจสอบความถูกต้องกับกรรมวิธีอื่นที่ใช้กับริตาด้วย และต่อมาได้ใช้กีบพายุหมุนเออร์เนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2549 อีกครั้ง เครื่องรับรู้ประเภทนี้สามารถนำไปติดตั้งไว้ในตำแหน่งที่จะถูกน้ำท่วมโดยสามารถวัดความสูงของน้ำส่วนบนได้
บันทึก
ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุที่สูงที่สุดที่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เกิดจากพายุหมุนมาฮินา (Cyclone Mahina) ที่อ่าวแบเทิสต์ (Bathurst Bay) ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2442 ซึ่งประมาณว่าสูงถึง 13 เมตร แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2543 ให้ข้อสังเกตว่าสาเหตุเหตุหลัก ๆ น่าจะเกิดจากคลื่นเคลื่อนยกตัวมากกว่าเนื่องจากความชันของพื้นใต้ชายฝั่งทะเล บันทึกของระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุที่สูงที่สุดเกิดจากพายุหมุนแคทรินาเมื่อ พ.ศ. 2548 ซึ่งทำให้คลื่นยกตัวสูงขึ้นถึงระดับ 7.6 เมตร รอบ ๆ อ่าวเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซิสซิปปี, ในชุมชนเวฟแลนด์, ตัวอ่าวเซนต์หลุยส์, ไดมอนด์เฮด, และช่องแคบคริสเตียน โดยมีคลื่นยกตัวสูงถึง 8.5 เมตรที่ช่องแคบคริสเตียน บันทึกระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุอีกรายหนึ่งเกิดในบริเวณเดียวกันจากพายุหมุนคามิลเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2512 โดยมีคลื่นยกตัวสูงสุดถึง 7.5 เมตรจากระดับน้ำทะเลสูงสุดซึ่งเกิดที่ช่องแคบคริสเตียนเช่นกัน ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุที่เลวร้ายที่สุดในแง่ของการเสียชีวิตของผู้คนเกิดจาก (Bhola cyclone) เมื่อ พ.ศ. 2513 ที่อ่าวเบงกอลและโดยทั่วไป อ่าวเบงกอล ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่เกิดภัยจากระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุชุกมากกว่าพื้นที่อื่น ๆ
เหตุการณ์ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุในประเทศไทย
ในอดีตประเทศไทยก็เคยเกิดปรากฏการณ์ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุเมื่อวันที่ 25–26 ตุลาคม พ.ศ. 2505 บริเวณแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในภาคใต้ของประเทศไทย จากพายุโซนร้อนแฮเรียต มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 300 กิโลเมตร ความเร็วลม 180–200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วในการเคลื่อนที่ 92.622 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกิดคลื่นยักษ์สูงประมาณยอดต้นสน (20 เมตร) สร้างความเสียหายให้ 9 จังหวัดในภาคใต้เป็นอย่างมาก สถานที่ราชการ อาคารบ้านเรือน โรงเรียน วัด ถูกพายุพัดพังระเนระนาด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ไม่สามารถติดต่อกันได้ เรือที่ออกทะเลเสียหายมากมาย ต้นยาง ต้นมะพร้าว และต้นไม้อื่น ๆ ล้มพินาศมหาศาล สวนยางนับแสน ๆ ต้นโค่นล้มขวางเป็นสิบ ๆ กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 911 คน, สูญหาย 142 คน, บาดเจ็บสาหัส 252 คน,ไม่มีที่อยู่อาศัย 10,314 คน, บ้านเสียหาย 42,409 หลังคาเรือน,โรงเรียน 435 หลัง
สโลช (SLOSH)
![image](https://www.wiki3.th-th.nina.az/image/aHR0cHM6Ly93d3cud2lraTMudGgtdGgubmluYS5hei9pbWFnZS9hSFIwY0hNNkx5OTFjR3h2WVdRdWQybHJhVzFsWkdsaExtOXlaeTkzYVd0cGNHVmthV0V2WTI5dGJXOXVjeTkwYUhWdFlpOWxMMlU0TDFOc2IzTm9jblZ1TG1kcFppOHlNakJ3ZUMxVGJHOXphSEoxYmk1bmFXWT0uZ2lm.gif)
ศูนย์พายุหมุนแห่งชาติได้พยากรณ์ไว้ว่าระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุโดยใช้แบบจำลองสโลช หรือ SLOSH ซึ่งย่อมาจาก "ระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุในทะเลสาบและบนแผ่นดิน" ในภาษาอังกฤษ คือ Lake and Overland Surges from Hurricanes. แบบจำลองนี้มีความแม่นยำภายใน 20 percent. ข้อมูลสโลชรับเข้า (input) รวมถึงความกดอากาศส่วนกลางของพายุหมุนเขตร้อน, ขนาดของพายุ, การเคลื่อนตัวของพายุ, เส้นทางการเคลื่อนตัว, และความเร็วลมคงที่สูงสุด นอกจากนี้ยังต้องนำเอาลักษณะภูมิประเทศท้องถิ่น, การหันเหทิศทางของอ่าวและแม่น้ำ, ความลึกของก้นทะเล, การขึ้นลงเชิงดาราศาสตร์ของน้ำ (น้ำขึ้นน้ำลง) , รวมทั้งรูปโฉมทางกายภาพอื่น ๆ เข้ามานับร่วมกันเพื่อการกำหนดกริดหรือตารางล่วงหน้าที่เรียกว่า "แอ่งสโลช" (SLOSH basin) แล้วจึงนำแอ่งสโลชมาทับซ้อนสำหรับเส้นแนวชายฝั่งทะเลด้านใต้และตะวันออกของแผ่นทวีปอเมริกา ในการจำลองพายุบางครั้งอาจใช้แอ่งสโลชมากว่า 1 แอ่ง เช่นการเดินแบบจำลองสโลชแคทรินาซึ่งใช้ทั้งแอ่งทะเลสาบพอนชาร์เทรน/นิวออร์ลีนส์ และ แอ่งมิสซิสซิบปีซาวด์ร่วมกันเพื่อใช้กับ (landfall) ของอ่าวเม็กซิโก
การบรรเทา
แม้การสำรวจทางอุตุนิยมวิทยาจะเตือนภัยพายุหมุนหรือพายุร้ายแรงทั่ว ๆ ไปแล้วก็ตาม ในบางกรณีบางพื้นที่ที่มีความเสียงต่อน้ำท่วมชายฝั่งสูงเฉพาะที่บางแห่งจะมีการเตือนเกี่ยวกับระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุเฉพาะเป็นครั้ง ๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน ได้มีการปฏิบัติจริงอยู่แล้วหลายแห่ง เช่นประเทศเนเธอร์แลนด์สเปน,สหรัฐ, และสหราชอาณาจักร
กรรมวิธีเพื่อป้องกันระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุเริ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทะเลเหนือ เมื่อ พ.ศ. 2496 โดยการสร้างเขื่อนและประตูกั้นน้ำท่วม (สันดอนกั้นระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุ) ปกติจะเปิดให้น้ำและเรือผ่านเข้าออก แต่จะปิดเมื่อมีทีท่าว่าอาจถูกคุกคามจากระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุ สันดอนกั้นพายุยกที่สำคัญได้แก่ (Oosterscheldekering) และ (Maeslantkering) ในเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการงานดินดอนสามเหลี่ยม (Delta Works project) และ (Thames Barrier) ที่ใช้ป้องกันกรุงลอนดอน
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
- สำนักงานราชบัณฑิตยสภา. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, 2563, หน้า 527.
- ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, 2549, หน้า 504.
- Harris 1963
- John Boon (2007). (PDF). Virginia Institute of Marine Science, College of William and Mary. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-07-06. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- National Ocean Service (2008). "Tide Data - Station Selection". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- U.S. Geological Survey (2006-10-11). "Hurricane Rita Surge Data, Southwestern Louisiana and Southeastern Texas, September to November 2005". U.S. Department of the Interior. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- Automated (2008). . Onset Corp. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-08. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
- Jonathan Nott and Matthew Hayne (2000). ~How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf/$file/How_high_was_the_storm_surge_from_Tropical_Cyclone_Mahina.pdf "How high was the storm surge from Tropical Cyclone Mahina? North Queensland, 1899" (PDF). Emergency Management Australia. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
{{}}
: ตรวจสอบค่า|url=
()[] - FEMA (2005-11-01). "Mississippi Hurricane Katrina Surge Inundation and Advisory Base Flood Elevation Map Panel Overview" (PDF). Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- FEMA (2006-05-30). "Hurricane Katrina Flood Recovery (Mississippi)". Federal Emergency Management Agency (FEMA). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- Knabb, Richard D (2005-12-20; updated 2006-08-10). "Tropical Cyclone Report: Hurricane Katrina: 23-30 August 2005" (PDF). . สืบค้นเมื่อ 2008-10-11.
{{}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|date=
(); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Simpson, 1969
- (2008). "SLOSH Model". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
- NOAA (1999-04-19). "SLOSH Model Coverage". National Oceanic and Atmospheric Administration. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- Rijkswaterstaat (2008-07-21). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-03-10. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
- Ports of the State (1999-03-01). . Government of Spain. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-04-14.
- Puertos del Estado (1999-03-01). (ภาษาสเปน). Gobierno de España. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-08. สืบค้นเมื่อ 2008-08-10.
- Stevens Institute of Technology (2008-08-10). . New Jersey Office of Emergency Management. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-15. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- Donna Franklin (2008-08-11). . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-08-09. สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
- National Flood Risk Systems Team (2007-04-14). "Current Flooding Situation". Environment Agency. สืบค้นเมื่อ 2007-07-07.
อ้างอิง
- Anthes, Richard A. (1982). "Tropical Cyclones; Their Evolution, Structure and Effects, Meteorological Monographs". . Ephrata, PA. 19 (41): 208.
- Cotton, W.R. (1990). Storms. Fort Collins, Colorado: *ASTeR Press. p. 158. ISBN .
- Dunn, Gordon E. (1964). Atlantic Hurricanes. Baton Rouge, LA: . p. 377.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Finkl, C.W. Jnr. (1994). "Disaster Mitigation in the South Atlantic Coastal Zone (SACZ) : A Prodrome for Mapping Hazards and Coastal Land Systems Using the Example of Urban subtropical Southeastern Florida. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research. , Virginia: Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 339–366.
- National Hurricane Center (1995). Lake Okeechobee Storm Surge Atlas for 17.5' & 21. 5' Lake Elevations. , Florida: Southwest Florida Regional Planning Council.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Gornitz, V. (1994). "The development of a coastal risk assessment database: Vulnerability to sea level rise in the U.S. southeast". Journal of Coastal Research. Coastal Education & Research Foundation (Special Issue No. 12): 327–338.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Granthem, K. N. (1953-10-01). "Wave Run-up on Sloping Structures". Transactions of the American Geophysical Union. 34 (5): 720–724.
- Harris, D.L. (1963). (PDF). Technical Paper No. 48. Washington, D.C.: U.S. Dept. of Commerce, Weather Bureau: 139. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-05-16. สืบค้นเมื่อ 2008-08-14.
- Hebert, Paul J. (1983). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)" (PDF). NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Miami, Florida: National Hurricane Center: 33.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Hebert, P.J. (1995). "The Deadliest, Costliest, and Most Intense United States Hurricanes of This Century (and other Frequently Requested Hurricane Facts)". NOAA Technical Memorandum NWS NHC 31. Coral Gables, Fla., In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes...Different Faces In Different Places, (proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference, Atlantic City, N.J.: 10–50.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) ()CS1 maint: location () - Jarvinen, B.R. (1985). "An evaluation of the SLOSH storm-surge model". Bulletin. 66 (11): 1408–1411.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Jelesnianski, Chester P. (1972). "SPLASH (Special Program To List Amplitudes of Surges From Hurricanes) I. Landfall Storms". NOAA Technical Memorandum NWS TDL-46. , Maryland: National Weather Service Systems Development Office: 56.
- Jelesnianski, Chester P. (1992). "SLOSH: Sea, Lake, and Overland Surges from Hurricanes". NOAA Technical Report NWS 48. Silver Spring, Maryland: National Weather Service: 71.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Lane, E.D. (1981). Environmental Geology Series, West Palm Beach Sheet; Map Series 101. Tallahassee, Florida: Florida Bureau of Geology. p. 1.
- Murty, T.S. (1994). "Impact of Storm Surges in the Bay of Bengal. In: Finkl, C.W., Jnr. (ed.) , Coastal Hazards: Perception, Susceptibility and Mitigation". Journal of Coastal Research (Special Issue No. 12): 149–161.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - United States National Weather Service (1993). Hurricane!: A Familiarization Booklet. NOAA PA 91001: U.S. Dept. of Commerce, National Oceanic and Atmospheric Administration, National Weather Service. p. 36.
{{}}
: CS1 maint: location () - Newman, C.J. (1993). "Tropical Cyclones of the North Atlantic Ocean, 1871-1992". , North Carolina and , , Florida: National Climatic Data Center in cooperation with the National Hurricane Center: 193.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(); ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) () - Sheets, Dr. Robert C. (1995). "Stormy Weather, In: Tait, Lawrence, (Ed.) Hurricanes... Different Faces In Different Places, (Proceedings) 17th Annual National Hurricane Conference". , N.J.: 52–62.
{{}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
() - Simpson, R.H. (1970-04-01). "The Atlantic Hurricane Season of 1969" (PDF). . Boston, Massachusetts: . 98 (4). doi:10.1175/1520-0493(1970)098<0293:TAHSO>2.3.CO;2 (inactive 2008-08-11). สืบค้นเมื่อ 2008-08-11.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) ()CS1 maint: DOI inactive as of สิงหาคม 2008 () - Simpson, R.H. (1971). A Proposed Scale for Ranking Hurricanes by Intensity (Speech). Minutes of the Eighth NOAA, NWS Hurricane Conference. Miami, Florida.
- Tannehill, I.R. (1956). Hurricanes. Princeton, New Jersey: Princeton University Press. p. 308.
- Will, Lawrence E. (1978). Okeechobee Hurricane; Killer Storms in the Everglades. Belle Glade, Florida: Glades Historical Society. p. 204.
แหล่งข้อมูลอื่น
- วีดิทัศน์ระดับน้ำสูงขึ้น 8 เมตรโดยพายุหมุนแคทรินาจาก YouTube
- ความหายนะของบังกลาเทศจากองค์การตอบรับภัยพิบัติ NIRAPAD 2006-04-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- NOAA National Hurricane Center storm surge page 2012-01-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- "The 1953 English East Coast Floods"
- ข้อมูลแบบจำลองระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุและข้อมูลการวัดคลื่นเวลาจริงของ National Tidal and Sea Level Facility แห่งสหราชอาณาจักร 2006-07-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์