บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่
|
การล้มล้างระบอบสุลต่านออตโตมัน (ตุรกี: Saltanatın kaldırılması) โดย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งดำรงอยู่มาตั้งแต่ ค.ศ. 1299 ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 อำนาจอธิปไตยเหนือตรุกีของสมัชชาใหญ่แห่งชาติภายใต้การบริหารของรัฐบาลอังโกรา (ปัจจุบันคืออังการา) ได้รับการรับรองใน สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 สุลต่านออตโตมันพระองค์สุดท้ายเสด็จออกจาก (ปัจจุบันคืออิสตันบูล) ราชธานีของจักรวรรดิออตโตมันในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 และได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923 ด้วยการลงนามในสนธิสัญญาโลซาน ถูกยกเลิกตามไปในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1924 นับเป็นจุดสิ้นสุดของพระราชอำนาจแห่งราชวงศ์ออสมัน
ภูมิหลัง
ในฐานะสมาชิกของฝ่ายมหาอำนาจกลาง เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1914 นำไปสู่การรบในตะวันออกกลาง ซึ่งยุติลงด้วย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1918 และตามมาด้วย โดยกองกำลังบริติช ฝรั่งเศส และอิตาลีในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918
เริ่มมีการวางแผนมาตั้งแต่ในสนธิสัญญาลอนดอน และดำเนินการต่อไปควบคู่กับข้อตกลงหลายประการ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเห็นชอบฝ่ายเดียวของฝ่ายสัมพันธมิตร ทหารบริติชเริ่มเข้ายึดครองสถานที่สำคัญของจักรวรรรดิและทำการจับกุมนักชาตินิยม หลังจากที่ ในคืนของวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1920 ต่อมาในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ. 1920 รัฐสภาออตโตมันได้ประชุมกันและส่งคำประท้วงการเข้าจับกุมสมาชิกสภา 5 คนของกองกำลังสัมพันธมิตรเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ การประชุมครั้งนั้นนับเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายและนับเป็นจุดจบของระบอบการเมืองออตโตมัน สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 ทรงมีรับสั่งให้ยุบ ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1920 ซึ่งยังคงมีโครงสร้างระบบข้าราชการ แต่ขาดรัฐสภา ยังสามารถดำรงอยู่ได้โดยมีองค์สุลต่านเป็นผู้ใช้อำนาจการปกครอง
ซึ่งลงนามในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1920 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการการแบ่งจักรวรรดิ ในขณะนั้น นักการเมืองราว 150 คน ต่างถูกเนรเทศเป็นระลอก ๆ ไปยัง ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1920 นำโดย มุสทาฟา เคมัล ได้สถาปนาสมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกีขึ้นในอังการา
สมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกีได้เริ่มสงครามประกาศอิสรภาพตุรกี สงครามดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านรัฐบาลกษัตริย์นิยมคอนสแตนติโนเปิล รัฐบาลคอนสแตนติโนเปิลซึ่งดำรงอยู่โดยไม่มีรัฐสภา ได้จัดตั้งกองกำลัง (Kuva-yi Inzibatiye) หรือ "กองทัพเคาะลีฟะฮ์" ซึ่งมีที่มาจากการที่สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 ทรงมีสถานะเป็นเคาะลีฟะฮ์ด้วย เพื่อต่อกรกับกองกำลัง (Kuva-yi Milliye) ของฝ่ายสมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกี
การสู้รบเกิดขึ้นที่โบลู (Bolu) ดึซแจ (Düzce) เฮนเดก (Hendek) และอดาปาซาริ (Adapazarı) ควบคู่ไปกับ กองกำลังคูวา-ยี อินซิบาติเย ซึ่งจงรักภักดีต่อรัฐเคาะลีฟะฮ์ และได้รับการติดอาวุธโดยสหราชอาณาจักร ผู้มีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์เดียวกันกับฝ่ายเคาะลีฟะฮ์ คือ สกัดกั้นมิให้ฝ่ายชาตินิยมข้ามช่องแคบบอสพอรัสได้ แต่ในท้ายที่สุดกองทัพเคาะลีฟะฮ์ก็พ่ายแพ้ให้กับกองกำลังคูวา-ยี มิลิเย กระนั้น แม้กองกำลังคูวา-ยี มิลิเย จะถือเป็นก้าวแรกของฝ่ายต่อต้านในสงครามประกาศอิสรภาพตุรกี การสงครามไม่สม่ำเสมอ (Irregular warfare) ยุติลงในภายหลัง ก่อนที่สงครามกับกรีซจะเริ่มขึ้น กองกำลังคูวา-ยี มิลิเยได้กลายมาเป็นรากฐานให้กับการจัดระเบียบกองกำลังตุรกี ซึ่งพัฒนาไปเป็นกองทัพตุรกี ภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐ
การสิ้นสุดจักรวรรดิออตโตมัน
อำนาจอธิปไตยของจักรวรรดิออตโตมันมีรากฐานมาจากราชวงศ์ของสุลต่านออสมันที่ 1 ผู้ก่อตั้งและเป็นที่มาของชื่อจักรวรรดิ ราชวงศ์ออสมันของพระองค์ทรงสืบทอดการปกครองจักรวรรดิจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่ขาดสายตลอดประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิมาตั้งแต่ ค.ศ. 1299 องค์สุลต่านทรงคงไว้ซึ่งพระราชอำนาจเหนือหน่วยการเมืองของจักรวรรดิ ถือเป็นผู้บริหารของจักรวรรดิอย่างเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ทรงเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล ทั้งมหาเสนาบดีและหน่วยการเมืองที่ถูกตั้งขึ้นมาตาม ดำรงอยู่ตามพระราชอัธยาศัยขององค์สุลต่าน
ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ส่งคำเชิญไปให้กับทั้งรัฐบาลคอนสแตนติโนเปิลและรัฐบาลอังการาเข้าร่วม มุสทาฟา เคมัล ยืนยันว่าควรมีการเชิญให้ตัวแทนจากรัฐบาลอังการาเข้าร่วมประชุมเพียงฝ่ายเดียวในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 สมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกีได้ออกประกาศว่ารัฐบาลสุลต่านที่คอนสแตนติโนเปิลไม่ใช่ผู้แทนของชาติตามกฎหมาย สมัชชาใหญ่ยังได้สรุปอีกว่าคอนสแตนติโนเปิลไม่ใช่เมืองหลวงของชาติอีกต่อไป นับตั้งแต่ถูกเข้ายึดครองโดยฝ่ายสัมพันธมิตรนอกจากนี้พวกเขายังประกาศอีกว่าสถาบันสุลต่านจะถูกล้มล้าง การประกาศล้มล้างระบอบสุลต่านถือเป็นจุดสิ้นสุดของจักรวรรดิออตโตมัน หลังจากทรงทราบข้อสรุปดังกล่าว สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 จึงเสด็จลี้ภัยไปกับ ของสหราชอาณาจักรในวันที่ 17 พฤศจิกายน ในขณะที่เหล่ารัฐมนตรีที่เหลือในคณะรัฐบาลของพระองค์ต่างยอมรับความเป็นจริงข้อใหม่ในทางการเมืองนี้ เนื่องจากไม่มีการออกเอกสารอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลออตโตมันหรือองค์สุลต่านว่าจักรวรรดิได้ยอมจำนนแล้ว ฝ่ายสมัชชาแห่งชาติจึงประกาศเอาเอง ในการประชุมที่โลซาน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 ที่ประชุมได้รับรองอำนาจอธิปไตยรัฐบาลสมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกีว่าได้เข้ามาแทนที่จักรวรรดิออตโตมัน
รายชื่อจำนวน 600 ชื่อ ถูกนำขึ้นเสนอต่อที่ประชุม ณ โลซาน รายชื่อดังกล่าวคือ บุคคลไม่พึงปรารถนา ของรัฐบาลสมัชชาใหญ่แห่งชาติตุรกี รายชื่อดังกล่าวประกอบไปด้วยเหล่า ของจักรวรรดิออตโตมัน การออกรายชื่อดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อกำจัดชนชั้นปกครองของจักรวรรดิเดิม การเจรจาต่อรองที่โลซานลดจำนวนรายชื่อลง และสนธิสัญญาฉบับใหม่ (สนธิสัญญาโลซาน) ได้รับการลงนามในวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1923 โดยมีผลแทนที่สนธิสัญญาเซเวร์
ราชวงศ์ออสมันทรงเกี่ยวพันกับมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ในรัชสมัยของสุลต่านมูรัดที่ 1 ประมุขของราชวงศ์ออสมันทรงถือครองตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ ประมุขของชาวมุสลิมมาโดยตลอด หลังจากที่สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 6 เสด็จลี้ภัย พระราชภาดา (ลูกพี่ลูกน้องชาย) ของพระองค์จึงขึ้นเป็นเคาะลีฟะฮ์แทนในพระนาม แม้จักรวรรดิออตโตมันจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ราชวงศ์ออสมันก็ยังคงมีสถานะทางการเมือง-ศาสนาที่สืบทอดจากนบีมุฮัมมัด และถือเป็นประมุขของชาวมุสลิมทั้งมวล ตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ของราชวงศ์ออสมันเคยถูกอ้างสิทธิ์โดย ผู้นำของการกบฏอาหรับ ทรงออกมาประณามสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 5 แต่ราชอาณาจักรของพระองค์ก็พ่ายแพ้และถูกผนวกโดยสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลอะซีซ อิบน์ ซะอูด ใน ค.ศ. 1925
ชาวกรีก บัลแกเรีย และเซิร์บแยกตัวออกจากจักรวรรดิระหว่าง ในขณะที่ชาวอัลเบเนียและอาร์มีเนีย ( และต่อมาคือสาธารณรัฐอาร์มีเนียที่หนึ่ง) แยกตัวออกจากจักรวรรดิหรือถูกสังหารระหว่างช่วง เมื่อถึง ค.ศ. 1922 ประชากรส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบริเวณประเทศตุรกีปัจจุบันก็เหลือเพียงชาวมุสลิมเชื้อสายตุรกีหรือเคิร์ดเท่านั้น สมัชชาใหญ่แห่งชาติได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีในวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1923
แม้จะมีการประกาศสถาปนาสาธารณรัฐแล้ว แต่ก็ยังคงมีเชื้อพระวงศ์ออตโตมันบางส่วนประทับอยู่ในประเทศตุรกี รายชื่อผู้ถูกสั่งเนรเทศถูกร่างขึ้นและได้รับการประกาศให้มีผลบังคับใช้โดยรัฐบาลสาธารณรัฐ ในวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1924 (มีการแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1924) โดยมีรายชื่อผู้ภักดีต่อราชวงศ์ออสมันรวมอยู่ด้วย 120 ชื่อ
ดูเพิ่ม
หมายเหตุ
- การอภิปรายยกเลิกตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ในสมัชชาใหญ่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1924 หลังจากสถาปนาสาธารณรัฐมาแล้วหกเดือน
อ้างอิง
- D. K. Fieldhouse (2008), War and Partition of Ottoman Empire, 1914–1922 – Oxford Scholarship (ภาษาอังกฤษ), Oxford Scholarship Online, doi:10.1093/acprof:oso/9780199540839.001.0001/acprof-9780199540839-chapter-2
- "Mehmed VI" (ออนไลน์). สารานุกรมบริแทนนิกา (ภาษาอังกฤษ). . สืบค้นเมื่อ 2017-05-22.
- "Turkish War of Independence". allaboutturkey.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2013-08-12.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Finkel 2007, pp. 545
- Duffy, Michael (2009-08-22). "Who's Who – Sultan Mehmed VI". firstworldwar.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2013-08-12.
{{}}
: CS1 maint: url-status () - Finkel 2007, p. 546
บรรณานุกรม
- ฟิงเกิล, แคโรไลน์ (2007). Osman's Dream: The History of the Ottoman Empire. Basic Books.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniidrbaecngihprbprunghlaykhx krunachwyprbprungbthkhwam hruxxphipraypyhathihnaxphipray bthkhwamnitxngkartrwcsxbkhwamthuktxngcakphuechiywchay bthkhwamnitxngkaraehlngxangxingephimephuxphisucnkhxethccring karlmlangrabxbsultanxxtotmn turki Saltanatin kaldirilmasi ody inwnthi 1 phvscikayn kh s 1922 thuxepncudsinsudkhxngckrwrrdixxtotmn sungdarngxyumatngaet kh s 1299 txmainwnthi 11 phvscikayn kh s 1922 xanacxthipityehnuxtrukikhxngsmchchaihyaehngchatiphayitkarbriharkhxngrthbalxngokra pccubnkhuxxngkara idrbkarrbrxngin sultanemhehmdthi 6 sultanxxtotmnphraxngkhsudthayesdcxxkcak pccubnkhuxxistnbul rachthanikhxngckrwrrdixxtotmninwnthi 17 phvscikayn kh s 1922 aelaidrbkarrbrxngsthanathangkdhmayinwnthi 24 krkdakhm kh s 1923 dwykarlngnaminsnthisyyaolsan thukykeliktamipineduxnminakhm kh s 1924 nbepncudsinsudkhxngphrarachxanacaehngrachwngsxxsmnsultanemhehmdthi 6 esdcphrarachdaeninxxkthangpratuhlngkhxngphumihlnginthanasmachikkhxngfaymhaxanacklang emuxwnthi 11 phvscikayn kh s 1914 naipsukarrbintawnxxkklang sungyutilngdwy emuxwnthi 30 tulakhm kh s 1918 aelatammadwy odykxngkalngbritich frngess aelaxitaliinwnthi 13 phvscikayn kh s 1918 erimmikarwangaephnmatngaetinsnthisyyalxndxn aeladaeninkartxipkhwbkhukbkhxtklnghlayprakar sungodyswnihyaelwcaepnkarehnchxbfayediywkhxngfaysmphnthmitr thharbriticherimekhayudkhrxngsthanthisakhykhxngckrwrrrdiaelathakarcbkumnkchatiniym hlngcakthi inkhunkhxngwnthi 15 minakhm kh s 1920 txmainwnthi 18 minakhm kh s 1920 rthsphaxxtotmnidprachumknaelasngkhaprathwngkarekhacbkumsmachikspha 5 khnkhxngkxngkalngsmphnthmitrepnsingthiyxmrbimid karprachumkhrngnnnbepnkarprachumkhrngsudthayaelanbepncudcbkhxngrabxbkaremuxngxxtotmn sultanemhehmdthi 6 thrngmirbsngihyub inwnthi 11 emsayn kh s 1920 sungyngkhngmiokhrngsrangrabbkharachkar aetkhadrthspha yngsamarthdarngxyuidodymixngkhsultanepnphuichxanackarpkkhrxng sunglngnaminwnthi 10 singhakhm kh s 1920 thuxepncudsinsudkhxngkrabwnkarkaraebngckrwrrdi inkhnann nkkaremuxngraw 150 khn tangthukenrethsepnralxk ipyng inwnthi 23 emsayn kh s 1920 naody musthafa ekhml idsthapnasmchchaihyaehngchatiturkikhuninxngkara smchchaihyaehngchatiturkiiderimsngkhramprakasxisrphaphturki sngkhramdngklawmiepahmayephuxtxtanrthbalkstriyniymkhxnsaetntionepil rthbalkhxnsaetntionepilsungdarngxyuodyimmirthspha idcdtngkxngkalng Kuva yi Inzibatiye hrux kxngthphekhaalifah sungmithimacakkarthisultanemhehmdthi 6 thrngmisthanaepnekhaalifahdwy ephuxtxkrkbkxngkalng Kuva yi Milliye khxngfaysmchchaihyaehngchatiturki karsurbekidkhunthioblu Bolu dusaec Duzce ehnedk Hendek aelaxdapasari Adapazari khwbkhuipkb kxngkalngkhuwa yi xinsibatiey sungcngrkphkditxrthekhaalifah aelaidrbkartidxawuthodyshrachxanackr phumiepahmaythangyuththsastrediywknkbfayekhaalifah khux skdknmiihfaychatiniymkhamchxngaekhbbxsphxrsid aetinthaythisudkxngthphekhaalifahkphayaephihkbkxngkalngkhuwa yi miliey krann aemkxngkalngkhuwa yi miliey cathuxepnkawaerkkhxngfaytxtaninsngkhramprakasxisrphaphturki karsngkhramimsmaesmx Irregular warfare yutilnginphayhlng kxnthisngkhramkbkriscaerimkhun kxngkalngkhuwa yi milieyidklaymaepnrakthanihkbkarcdraebiybkxngkalngturki sungphthnaipepnkxngthphturki phayhlngkarkxtngsatharnrth kxngkalngfaysultansungtxsukbphrachayalksnsultanemhehmdthi 6 khnaprathbphrarachbllngk thayemuxpraman kh s 1920phubngkhbbychakhxngkarsinsudckrwrrdixxtotmnxanacxthipitykhxngckrwrrdixxtotmnmirakthanmacakrachwngskhxngsultanxxsmnthi 1 phukxtngaelaepnthimakhxngchuxckrwrrdi rachwngsxxsmnkhxngphraxngkhthrngsubthxdkarpkkhrxngckrwrrdicakrunsurunxyangimkhadsaytlxdprawtisastrkhxngckrwrrdimatngaet kh s 1299 xngkhsultanthrngkhngiwsungphrarachxanacehnuxhnwykaremuxngkhxngckrwrrdi thuxepnphubriharkhxngckrwrrdixyangeddkhadaetephiyngphuediyw thrngepnthngpramukhaehngrthaelahwhnarthbal thngmhaesnabdiaelahnwykaremuxngthithuktngkhunmatam darngxyutamphrarachxthyasykhxngxngkhsultan faysmphnthmitridsngkhaechiyipihkbthngrthbalkhxnsaetntionepilaelarthbalxngkaraekharwm musthafa ekhml yunynwakhwrmikarechiyihtwaethncakrthbalxngkaraekharwmprachumephiyngfayediywinwnthi 1 phvscikayn kh s 1922 smchchaihyaehngchatiturkiidxxkprakaswarthbalsultanthikhxnsaetntionepilimichphuaethnkhxngchatitamkdhmay smchchaihyyngidsrupxikwakhxnsaetntionepilimichemuxnghlwngkhxngchatixiktxip nbtngaetthukekhayudkhrxngodyfaysmphnthmitrnxkcakniphwkekhayngprakasxikwasthabnsultancathuklmlang karprakaslmlangrabxbsultanthuxepncudsinsudkhxngckrwrrdixxtotmn hlngcakthrngthrabkhxsrupdngklaw sultanemhehmdthi 6 cungesdcliphyipkb khxngshrachxanackrinwnthi 17 phvscikayn inkhnathiehlarthmntrithiehluxinkhnarthbalkhxngphraxngkhtangyxmrbkhwamepncringkhxihminthangkaremuxngni enuxngcakimmikarxxkexksarxyangepnthangkarcakrthbalxxtotmnhruxxngkhsultanwackrwrrdiidyxmcannaelw faysmchchaaehngchaticungprakasexaexng inkarprachumthiolsan emuxwnthi 11 phvscikayn kh s 1922 thiprachumidrbrxngxanacxthipityrthbalsmchchaihyaehngchatiturkiwaidekhamaaethnthickrwrrdixxtotmn raychuxcanwn 600 chux thuknakhunesnxtxthiprachum n olsan raychuxdngklawkhux bukhkhlimphungprarthna khxngrthbalsmchchaihyaehngchatiturki raychuxdngklawprakxbipdwyehla khxngckrwrrdixxtotmn karxxkraychuxdngklawmicudprasngkhephuxkacdchnchnpkkhrxngkhxngckrwrrdiedim karecrcatxrxngthiolsanldcanwnraychuxlng aelasnthisyyachbbihm snthisyyaolsan idrbkarlngnaminwnthi 24 krkdakhm kh s 1923 odymiphlaethnthisnthisyyaesewr rachwngsxxsmnthrngekiywphnkbmatngaetkhriststwrrsthi 14 inrchsmykhxngsultanmurdthi 1 pramukhkhxngrachwngsxxsmnthrngthuxkhrxngtaaehnngekhaalifah pramukhkhxngchawmuslimmaodytlxd hlngcakthisultanemhehmdthi 6 esdcliphy phrarachphada lukphiluknxngchay khxngphraxngkhcungkhunepnekhaalifahaethninphranam aemckrwrrdixxtotmncasinsudlngipaelw aetrachwngsxxsmnkyngkhngmisthanathangkaremuxng sasnathisubthxdcaknbimuhmmd aelathuxepnpramukhkhxngchawmuslimthngmwl taaehnngekhaalifahkhxngrachwngsxxsmnekhythukxangsiththiody phunakhxngkarkbtxahrb thrngxxkmapranamsultanemhehmdthi 5 aetrachxanackrkhxngphraxngkhkphayaephaelathukphnwkodysmedcphrarachathibdixbdulxasis xibn saxud in kh s 1925 chawkrik blaekeriy aelaesirbaeyktwxxkcakckrwrrdirahwang inkhnathichawxlebeniyaelaxarmieniy aelatxmakhuxsatharnrthxarmieniythihnung aeyktwxxkcakckrwrrdihruxthuksngharrahwangchwng emuxthung kh s 1922 prachakrswnihythixasyxyuinbriewnpraethsturkipccubnkehluxephiyngchawmuslimechuxsayturkihruxekhirdethann smchchaihyaehngchatiidprakassthapnasatharnrthturkiinwnthi 29 tulakhm kh s 1923 aemcamikarprakassthapnasatharnrthaelw aetkyngkhngmiechuxphrawngsxxtotmnbangswnprathbxyuinpraethsturki raychuxphuthuksngenrethsthukrangkhunaelaidrbkarprakasihmiphlbngkhbichodyrthbalsatharnrth inwnthi 23 emsayn kh s 1924 mikaraekikhephimetiminwnthi 1 mithunayn kh s 1924 odymiraychuxphuphkditxrachwngsxxsmnrwmxyudwy 120 chuxduephimhmayehtukarxphiprayykeliktaaehnngekhaalifahinsmchchaihyekidkhunineduxnminakhm kh s 1924 hlngcaksthapnasatharnrthmaaelwhkeduxnxangxingD K Fieldhouse 2008 War and Partition of Ottoman Empire 1914 1922 Oxford Scholarship phasaxngkvs Oxford Scholarship Online doi 10 1093 acprof oso 9780199540839 001 0001 acprof 9780199540839 chapter 2 Mehmed VI xxniln saranukrmbriaethnnika phasaxngkvs subkhnemux 2017 05 22 Turkish War of Independence allaboutturkey com phasaxngkvs subkhnemux 2013 08 12 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Finkel 2007 pp 545harvnb error no target CITEREFFinkel2007 Duffy Michael 2009 08 22 Who s Who Sultan Mehmed VI firstworldwar com phasaxngkvs subkhnemux 2013 08 12 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite web title aemaebb Cite web cite web a CS1 maint url status lingk Finkel 2007 p 546harvnb error no target CITEREFFinkel2007 brrnanukrmfingekil aekhoriln 2007 Osman s Dream The History of the Ottoman Empire Basic Books