พัทธสีมา คือ ลักษณะหนึ่งของสีมาหรือเขตแดนที่สำหรับภิกษุทำสังฆกรรม โดยสีมาหรือเขตแดนสำหรับกำหนดสถานที่ประชุมสงฆ์นั้น มีอยู่ 2 ประเภท คือ "พัทธสีมา" คือ เขตแดนที่พระสงฆ์ผูกไว้แล้ว อีกประเภทคือ "อพัทธสีมา" คือ เขตที่กำหนดไว้ตามปกติของบ้านเมือง เช่น เขตตำบล
สำหรับพัทธสีมา คือ เขตที่สงฆ์กำหนดเอาเองนั้น โดยที่การกำหนดเขตสีมาต้องมีเครื่องหมายที่จะให้บุคคลทั่วไปหรือผู้ที่เข้าประชุมได้รับรู้ทั่วกัน พระพุทธองค์ได้ทรงอนุญาต 8 ชนิด คือ ภูเขา ศิลา ไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และสระน้ำ
ในการกำหนดเขตพัทธสีมานั้น ในเขตนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นอาคารก็ได้ เพราะเป็นเขตสำหรับการประชุมสังฆกรรม แต่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาตให้มีตัวอาคารสำหรับประชุมได้ เรียกว่า อุโปสถัคคะ หรือ โบสถ์ ซึ่งต่อมาการสร้างโบสถ์จะสร้างภายในสีมาหรือเท่ากับสีมา การผูกสีมาจึงมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการสร้างโบสถ์ ซึ่งในปัจจุบันในประเทศไทยวัดที่ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาจะต้องมีโบสถ์เรียบร้อยแล้วหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ผูกพัทธสีมา
การกำหนดเขตพื้นที่ผูกนั้น พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้สงฆ์กำหนดเขตเอาเอง แต่กำหนดให้สมมติสีมาไม่เล็กกว่าการจุภิกษุ 21 รูป ให้นั่งหัตถบาสกันได้ เพราะสังฆกรรมที่ต้องการสงฆ์มีจำนวนมากที่สุด 20 รูป (อัพภานกรรม) และห้ามมิให้สมมติสีมาใหญ่เกินกว่าสามโยชน์
พัทธสีมามีอยู่ 3 ชนิด (คัมภีร์มหาวรรคระบุว่ามี 4 ชนิด) คือ
- ขัณฑสีมา คือ สีมาผูกเฉพาะโรงอุโบสถ
- มหาสีมา คือ สีมาผูกรอบวัด
- สีมาสองชั้น คือ สีมาที่มีขัณฑสีมาอยู่ภายในมหาสีมา
- นทีปารสีมา คือ สีมาที่สมมติคร่อมฝั่งน้ำ
ในยุคหลังมักจะผูกเฉพาะขัณฑสีมาหรือผูกเฉพาะอุโบสถ วัดที่ผูกมหาสีมามี 2 วัด คือ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดที่มีสีมาสองชั้น เช่น วัดโสมนัสราชวรวิหาร ส่วนนทีปารสีมามีปรากฏในตำนานทางภาคเหนือ คือ นิยมบวชโดยใช้สมมุติสีมาน้ำที่เรียกว่า นทีสีมา หรือ อุทกสีมา นทีปารสีมา ทรงอนุญาตให้สมมติได้เฉพาะในตำบลทีมีเรือไปมาอยู่ตลอด เป็นท่าสำหรับจอดเรือ หรือมีสะพานถาวรยื่นออก เพื่อเรือจะได้จอดเทียบได้
วิธีการผูกพัทธสีมา ในปัจจุบันเริ่มจากพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันที่อุโบสถ เพื่อทำพิธีสวดถอนเพื่อให้แน่ใจว่าอาณาบริเวณนี้ไม่เคยเป็นสีมาเดิมหรือสีมาเก่ามาก่อน เพื่อพระสงฆ์สวดถอนเป็นแห่ง ๆ ไปตลอดสถานที่ที่กำหนดเขตแดนทำสังฆกรรมแล้วว่ามีอาณาเขตเท่าใด จากนั้นจึงจัดเตรียมลูกนิมิตไว้ตามทิศ เมื่อจะสมมติสีมา ต้องประชุมภิกษุอยู่ในภายในนิมิตทั้งหมด แล้วมีภิกษุทักนิมิต เริ่มต้นตั้งแต่ทิศบูรพาเป็นต้นไป โดยเวียนขวา ไปจนถึงทิศอีสานแล้วจึงกลับมาทักทิศบูรพาอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นสวดกรรมวาจาสมมติสีมา ส่วนปัจฉิมกิจแห่งการผูกพัทธสีมานั้นไม่มี
ในการสร้างวัดแม้วัดจะยังไม่ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมา แต่หากราษฎรได้จัดสร้างและยกถวายให้แก่สงฆ์และสงฆ์ได้มีพิธีผูกพัทธสีมาแล้ว ก็ถือว่ามีฐานะเป็นวัดทางพระพุทธศาสนาที่ชอบด้วยพุทธบัญญัติและจารีตประเพณี ส่วนการพระราชทานวิสุงคามสีมาถือเป็นโบราณพระราชพิธีสำหรับองค์พระมหากษัตริย์เท่านั้น
อ้างอิง
- พระพรหมคุณาภรณ์, (ป.อ. ปยุตโต), ฝังลูกนิมิต-ผูกสีมา: ปุจฉา วิสัชนา, พิมพ์ครั้งที่ 4, (กรุงเทพมหานคร: ประพันธ์สาส์น, 2555), 4–7.
- พระสิทธินิติธาดา, 71.
- "พัทธสีมา". วัดป่ามหาชัย.
- พระสิทธินิติธาดา, 233.
- พระสิทธินิติธาดา, 246.
บรรณานุกรม
- พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต. พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด. กรุงเทพฯ : วัดราชโอรสาราม, พ.ศ. 2548.
- ดร. พระสิทธินิติธาดา. (PDF). มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกiณราชวิทยาลัย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2021-11-05. สืบค้นเมื่อ 2021-11-05.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
phththsima khux lksnahnungkhxngsimahruxekhtaednthisahrbphiksuthasngkhkrrm odysimahruxekhtaednsahrbkahndsthanthiprachumsngkhnn mixyu 2 praephth khux phththsima khux ekhtaednthiphrasngkhphukiwaelw xikpraephthkhux xphththsima khux ekhtthikahndiwtampktikhxngbanemuxng echn ekhttabl sahrbphththsima khux ekhtthisngkhkahndexaexngnn odythikarkahndekhtsimatxngmiekhruxnghmaythicaihbukhkhlthwiphruxphuthiekhaprachumidrbruthwkn phraphuththxngkhidthrngxnuyat 8 chnid khux phuekha sila im tnim cxmplwk hnthang aemna aelasrana inkarkahndekhtphththsimann inekhtniimcaepntxngepnxakharkid ephraaepnekhtsahrbkarprachumsngkhkrrm aetphraphuththxngkhthrngmiphuththanuyatihmitwxakharsahrbprachumid eriykwa xuopsthkhkha hrux obsth sungtxmakarsrangobsthcasrangphayinsimahruxethakbsima karphuksimacungmikhwamsmphnthodytrngkbkarsrangobsth sunginpccubninpraethsithywdthikhxphrarachthanwisungkhamsimacatxngmiobstheriybrxyaelwhruxxyurahwangkarkxsrangphukphththsimakarkahndekhtphunthiphuknn phraphuththxngkhthrngxnuyatihsngkhkahndekhtexaexng aetkahndihsmmtisimaimelkkwakarcuphiksu 21 rup ihnnghtthbasknid ephraasngkhkrrmthitxngkarsngkhmicanwnmakthisud 20 rup xphphankrrm aelahammiihsmmtisimaihyekinkwasamoychn phththsimamixyu 3 chnid khmphirmhawrrkhrabuwami 4 chnid khux khnthsima khux simaphukechphaaorngxuobsth mhasima khux simaphukrxbwd simasxngchn khux simathimikhnthsimaxyuphayinmhasima nthiparsima khux simathismmtikhrxmfngna inyukhhlngmkcaphukechphaakhnthsimahruxphukechphaaxuobsth wdthiphukmhasimami 2 wd khux wdrachbphithsthitmhasimaramrachwrwihar aelawdrachpradisthsthitmhasimaramrachwrwihar wdthimisimasxngchn echn wdosmnsrachwrwihar swnnthiparsimamipraktintananthangphakhehnux khux niymbwchodyichsmmutisimanathieriykwa nthisima hrux xuthksima nthiparsima thrngxnuyatihsmmtiidechphaaintablthimieruxipmaxyutlxd epnthasahrbcxderux hruxmisaphanthawryunxxk ephuxeruxcaidcxdethiybid withikarphukphththsima inpccubnerimcakphrasngkhprachumphrxmknthixuobsth ephuxthaphithiswdthxnephuxihaenicwaxanabriewnniimekhyepnsimaedimhruxsimaekamakxn ephuxphrasngkhswdthxnepnaehng iptlxdsthanthithikahndekhtaednthasngkhkrrmaelwwamixanaekhtethaid caknncungcdetriymluknimitiwtamthis emuxcasmmtisima txngprachumphiksuxyuinphayinnimitthnghmd aelwmiphiksuthknimit erimtntngaetthisburphaepntnip odyewiynkhwa ipcnthungthisxisanaelwcungklbmathkthisburphaxikkhrnghnung caknnswdkrrmwacasmmtisima swnpcchimkicaehngkarphukphththsimannimmi inkarsrangwdaemwdcayngimidkhxphrarachthanwisungkhamsima aethakrasdridcdsrangaelaykthwayihaeksngkhaelasngkhidmiphithiphukphththsimaaelw kthuxwamithanaepnwdthangphraphuththsasnathichxbdwyphuththbyytiaelacaritpraephni swnkarphrarachthanwisungkhamsimathuxepnobranphrarachphithisahrbxngkhphramhakstriyethannxangxingphraphrhmkhunaphrn p x pyutot fngluknimit phuksima puccha wischna phimphkhrngthi 4 krungethphmhankhr praphnthsasn 2555 4 7 phrasiththinitithada 71 phththsima wdpamhachy phrasiththinitithada 233 phrasiththinitithada 246 brrnanukrm phrathrrmkittiwngs thxngdi suretoch p th 9 rachbnthit phcnanukrmephuxkarsuksaphuththsasn chud khawd krungethph wdrachoxrsaram ph s 2548 dr phrasiththinitithada PDF mhawithyalymhaculalngkinrachwithyaly khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2021 11 05 subkhnemux 2021 11 05