วัฒนธรรมหลงชาน (จีน: 龙山文化,อังกฤษ: Longshan culture) หรือเรียกว่า วัฒนธรรมดินเผาสีดำ เป็นวัฒนธรรมในช่วงปลายยุคหินใหม่ที่พบในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำหวงตอนกลางและตอนปลายแม่น้ำ ในทางตอนเหนือของประเทศจีน ในช่วงประมาณ 3,000-1,900 ปีก่อนคริสตกาล การค้นพบทางโบราณคดีครั้งแรกของวัฒนธรรมนี้เกิดขึ้นที่แหล่งโบราณคดีเฉิงจื่อหยา (Chengziya, 城子崖) ในปีพ. ศ. 2471 เรื่มการขุดค้นในปี พ.ศ. 2473 และ พ.ศ. 2474 วัฒนธรรมนี้ตั้งชื่อตามหมู่บ้านหลงชานที่อยู่ใกล้เคียง (แปลว่า ''ภูเขามังกร'') ในเขตจางชิว ของนครระดับจังหวัดจี่หนาน มณฑลชานตง วัฒนธรรมนี้เป็นที่รู้จักดีจากเครื่องปั้นดินเผาสีดำขัดเงา (หรือเรียก เครื่องปั้นดินเผาเปลือกไข่ - จากความบางของภาชนะ) ช่วงเฟื่องฟูมีการขยายตัวของประชากรสูงสุดในช่วงประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล และสิ่งก่อสร้างหลายแห่งสร้างด้วยผนัง และเสื่อมลงในช่วงประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลจนกระทั่งพื้นที่ตอนกลางพัฒนาไปสู่ (Erlitou culture, 二里头文化) ในยุคสำริด
ชื่อภาษาท้องถิ่น | 龙山文化 |
---|---|
ภูมิภาค | ตอนกลางและตอนปลายแม่น้ำหวง, ประเทศจีน |
สมัย | ยุคหินใหม่ |
ช่วงเวลา | 3,000 ถึง 1,900 ปีก่อนคริสตกาล |
แหล่งโบราณคดีต้นแบบ | Chengziya |
แหล่งโบราณคดีสำคัญ | Taosi |
ก่อนหน้า | วัฒนธรรมหย่างเฉา |
ถัดไป | Erlitou culture, Yueshi culture |
ประวัติ
ลักษณะเด่นของวัฒนธรรมหลงชาน คือ ทักษะระดับสูงใน การทำเครื่องปั้นดินเผา รวมถึงรู้จักการใช้แป้นหมุนในการขึ้นรูป การผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่มีผนังบาง และการขัดเงาสีดำ เครื่องปั้นดินเผาสีดำรูปแบบนี้แพร่หลายในจีนตอนเหนือและยังพบในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซี และไกลถึงชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
กระทั่งคริสต์ทศวรรษที่ 1950 เครื่องปั้นดินเผาสีดำนี้จึงได้ถูกระบุให้เป็นตัวชี้วัดหลักในการวินิจฉัยว่าแหล่งโบราณคดีใดถูกจัดให้เป็นแหล่งวัฒนธรรมหลงชาน ในการตีพิมพ์ครั้งแรกของรายงานสำรวจThe Archaeology of Ancient China ของ ปีพ.ศ. 2506 ซึ่งเป็นฉบับที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดในขณะนั้นได้อธิบายถึงแหล่งโบราณคดีเครื่องปั้นดินเผาสีดำทั้งหมดว่าเป็น ขอบฟ้าแห่งหลงชาน (Longshanoid Horizon) โดยเสนอว่าการค้นพบในแหล่งโบราณคดีที่มีรูปแบบวัฒนธรรมที่ค่อนข้างเหมือนกันเหล่านั้นเกิดจากการขยายตัวของวัฒนธรรมจากศูนย์กลางคือบริเวณ (จงหยวน) ออกไป แต่จากการค้นพบล่าสุดพบว่ามีความหลากหลายของรูปแบบวัฒนธรรมในระดับภูมิภาคมากกว่าที่เคยคิดไว้ วัฒนธรรมท้องถิ่นจำนวนมากที่เคยรวมอยู่ในขอบฟ้าแห่งหลงชาน ถูกอธิบายใหม่ให้เป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน และคำว่า "วัฒนธรรมหลงชาน" จำกัดไว้เฉพาะพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเหลืองตอนกลางและตอนปลายแม่น้ำเท่านั้น ตัวอย่างเช่น วัฒนธรรมร่วมสมัยเดียวกันในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น้ำแยงซีถูกระบุเป็น ในขณะเดียวกันนักวิจัยโบราณคดีก็รับรู้ถึงความหลากหลายภายในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแม่น้ำเหลืองโดยการแยกแยะความแตกต่างของภูมิภาคในมณฑลเหอหนาน มณฑลชานซี และ มณฑลฉ่านซี ออกจากมณฑลชานตง (หรือ ที่รวมอยู้ในการจำกัดความของวัฒนธรรมหลงชานแบบเดิม) โดยในรายงานฉบับตีพิมพ์ครั้งที่สี่ของกวงจื้อ ชาง (พ.ศ. 2529) ได้เปลี่ยนจากแนวคิดแบบเดิมที่มีศูนย์กลางวัฒนธรรมจากที่ราบตอนกลางไปสู่แนวคิดที่ว่าวัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาคพัฒนาโดดเด่นขึ้นจากการได้รับการกระตุ้นจากปฏิสัมพันธ์กันระหว่างภูมิภาค ซึ่งเป็นสภาวการณ์ที่เรียกว่า "จักรวาลปฏิสัมพันธ์แบบจีน" นอกจากนี้ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 Yan Wenming ได้เสนอคำว่า "ยุคหลงชาน" เพื่อหมายรวมวัฒนธรรมช่วงปลายยุคหินใหม่ (3 พันปีก่อนคริสต์ศักราช) ทั้งหมดทั่วบริเวณที่ราบภาคกลางเข้าในยุคเดียวกัน
เกษตรกรรม
พืชที่สำคัญที่สุดคือ ข้าวฟ่างหางหมา แต่ยังพบร่องรอยของ ข้าว และ ข้าวสาลี พบเมล็ดข้าวในมณฑลชานตง และ มณฑลเหอหนานทางตอนใต้ พบนาข้าวขนาดเล็กบน คาบสมุทรเหลียวตง และเครื่องมือเฉพาะสำหรับขุด เก็บเกี่ยว และบดเมล็ด
เนื้อสัตว์ที่บริโภคส่วนใหญ่คือ หมู และพบว่ามีการเลี้ยงแกะและแพะในบริเวณ ในช่วง 4,000 - 3,000 ก่อนคริสต์ศักราช พบทางตะวันตกของมณฑลเหอหนานเมื่อ 2800 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองตอนกลางและตอนล่าง สุนัขก็ถูกใช้บริโภคเช่นกันโดยเฉพาะในบริเวณมณฑลชานตง วัวมีความสำคัญในการบริโภคน้อยกว่ามากในช่วงนั้น
และมีการผลิตผ้าไหมขนาดเล็กจากการเลี้ยงไหม ซึ่งอยู่ในยุคต้นการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
พิธีทางศาสนา
พบซากของสัตว์จำพวกวัว หมู แกะ และกวาง ถูกเผาเพื่อการในมณฑลฉ่านซีและเหอหนานทางตอนใต้ พบหลักฐานการในมณฑลฉ่านซีและที่ราบตอนกลางซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงปลายสมัยหลงชาน
ช่วงต้น
การขุดสำรวจในคริสต์ทศวรรษที่ 1950 ใน ทางตะวันตกของมณฑลเหอหนาน ระบุว่าระยะ เหมียวตี่โกวช่วงหลัง (Miaodigou II) (3000 ถึง 2600 BC) เป็นการเปลี่ยนผ่านจากวัฒนธรรมหย่างเฉาก่อนหน้า สู่วัฒนธรรมหลงชานในมณฑลเหอหนาน นักโบราณคดีส่วนน้อยเสนอว่าระยะช่วงปลายของวัฒนธรรม Dawenkou ในมณฑลชานตงควรกำหนดให้เป็นวัฒนธรรมหย่างเฉาแทน แต่ส่วนใหญ่อธิบายว่าเป็นช่วงแรกของวัฒนธรรมหลงชาน นักวิชาการบางคนยืนยันว่าวัฒนธรรม Dawenkou ตอนปลายควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของวัฒนธรรมหลงชาน
ในพื้นที่ระยะเหมียวตี่โกวช่วงหลังพบในมณฑลเหอหนานตอนกลางและตะวันตกมณฑลชานซีตอนใต้และหุบเขาแม่น้ำเว่ยในฉ่านซี เครื่องมือและเครื่องปั้นดินเผาที่พบในพื้นที่เหล่านี้ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญจากวัฒนธรรมหย่างเฉาก่อนหน้านี้ การกสิกรรมทวีความเข้มข้นขึ้น(ของการใช้แรงงานและผลิตผล) และการบริโภคเนื้อสัตว์ (หมู สุนัข แกะ และ วัว) เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความคล้ายคลึงกันในรูปแบบเครื่องปั้นดินเผาของ วัฒนธรรมหย่างเฉาระยะเหมียวตี่โกวช่วงหลัง กับ วัฒนธรรม Dawenkou ช่วงปลาย ในมณฑลเหอหนานทางตะวันออก และ ตอนปลาย ในทางใต้ของมณฑลเหอหนาน บ่งบอกถึงการติดต่อทางการค้าระหว่างภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีการขยายจากแหล่งโบราณคดี Dawenkou ตอนกลางและตอนปลาย (3500-2600 ปีก่อนคริสตกาล) ไปยังมณฑลเหอหนานตอนกลางและตอนเหนือของมณฑลอานฮุยซึ่งตรงกับยุคของขยายทางทะเลสูงสุด
ช่วงปลาย
ช่วงปลาย (2600 ถึง 2000 ปีก่อนคริสตกาล) ของวัฒนธรรมหลงชานในบริเวณแม่น้ำฮวงโหตอนกลางมีลักษณะร่วมกับวัฒนธรรมชานตงหลงชานแบบเดิม มีการระบุรูปแบบภูมิภาคหลายสายของแม่น้ำหวงตอนกลางว่าเป็น วัฒนธรรมหลงชาน รวมถึง Wangwan III ในมณฑลเหอหนานตะวันตก Hougang II ทางตอนเหนือของมณฑลเหอหนานและตอนใต้ของ Hebei Taosi ในลุ่มน้ำ Fen ทางตอนใต้ของ Shanxi และอีกหลายกลุ่มที่อยู่ทางตอนกลางของ Jing แม่น้ำและแม่น้ำ Wei เรียกรวมกันว่า Kexingzhuang II หรือ Shaanxi Longshan
เมื่อประชากรยุคหินใหม่ในจีนถึงจุดสูงสุด ลำดับชั้นของการตั้งถิ่นฐานก็พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะในภูมิประเทศส่วนที่มีขอบเขตทางกายภาพ เช่น แอ่งที่ลุ่มของ ทางตอนใต้ของมณฑลชานซี แม่น้ำเหลืองทางตะวันตกของมณฑลเหอหนาน (ถูกห้อมล้อมด้วย และ ) และที่ราบริมชายฝั่ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลชานตง ซึ่งสามารถพัฒนาศูนย์กลางชุมชนให้มีขนาดใหญ่มากได้ บางเแห่งมีขนาดมากกว่า 200 เฮกตาร์ (1300 ไร่) แต่ในพื้นที่ที่เปิดกว้างมากขึ้น เช่น ส่วนที่เหลือของมณฑลชานตง ที่ราบตอนกลาง (จงหยวน - ในมณฑลเหอหนาน) และที่ลุ่ม ในมณฑลฉ่านซี ศูนย์กลางชุมชนมีจำนวนมากขึ้น แต่มีขนาดเล็กลง (โดยทั่วไปคือ 20 ถึง 60 เฮกตาร์ - 130 ถึง 400 ไร่) และมีระยะห่างระหว่างกันพอสมควร กำแพง ของ 20 เมืองในมณฑลชานตง 9 แห่ง ในที่ราบตอนกลางและ อีกแห่ง ( ) ทางตอนใต้ของมณฑลชานซี บ่งบอกถึงความขัดแย้งระหว่างศูนย์กลางชุมชนในพื้นที่เหล่านี้
แกลเลอรี
- เครื่องปั้นดินเผาเปลือกไข่สีดำ วัฒนธรรมหลงชานช่วงปลายที่ชานตง (Shandong Longshan Culture)
- ถ้วยเครื่องปั้นดินเผาเปลือกไข่สีดำ วัฒนธรรมหลงชานช่วงปลายที่ชานตง (Shandong Longshan Culture)
- หม้อดินเผาวัฒนธรรมหลงชาน ที่บริติชมิวเซียม
- ถ้วยดินเผาทรงสูง
- ครกดินเผา วัฒนธรรมหลงชานจากเหอหนาน
- โถดินเผาเปลือกไข่สีดำ วัฒนธรรมหลงชานจากชานตง ค้นพบปีพ.ศ. 2518
- เหยือกดินเผาหลายขนาด ในพิพิธภัณฑ์เมืองจี่หนาน
- หม้อดินเผาสามขา ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจีน ปักกิ่ง
- หม้อดินเผาสามขาขัดผิว วัฒนธรรมหลงชาน ที่พิพิธภัณฑ์ Arthur M. Sackler มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
หมายเหตุ – ในการสะกดตามระบบเวด-ไจลส์ วัฒนธรรมหลงชาน (Longshan culture) สะกดว่า วัฒนธรรมลุงชาน (Lungshan culture) ซึ่งยังปรากฏในเอกสารสมัยเก่าบางชิ้น
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
wthnthrrmhlngchan cin 龙山文化 xngkvs Longshan culture hruxeriykwa wthnthrrmdinephasida epnwthnthrrminchwngplayyukhhinihmthiphbinphunthilumaemnahwngtxnklangaelatxnplayaemna inthangtxnehnuxkhxngpraethscin inchwngpraman 3 000 1 900 pikxnkhristkal karkhnphbthangobrankhdikhrngaerkkhxngwthnthrrmniekidkhunthiaehlngobrankhdiechingcuxhya Chengziya 城子崖 inpiph s 2471 erumkarkhudkhninpi ph s 2473 aela ph s 2474 wthnthrrmnitngchuxtamhmubanhlngchanthixyuiklekhiyng aeplwa phuekhamngkr inekhtcangchiw khxngnkhrradbcnghwdcihnan mnthlchantng wthnthrrmniepnthiruckdicakekhruxngpndinephasidakhdenga hruxeriyk ekhruxngpndinephaepluxkikh cakkhwambangkhxngphachna chwngefuxngfumikarkhyaytwkhxngprachakrsungsudinchwngpraman 3 000 pikxnkhristkal aelasingkxsranghlayaehngsrangdwyphnng aelaesuxmlnginchwngpraman 2 000 pikxnkhristkalcnkrathngphunthitxnklangphthnaipsu Erlitou culture 二里头文化 inyukhsaridwthnthrrmhlngchanchuxphasathxngthin龙山文化phumiphakhtxnklangaelatxnplayaemnahwng praethscinsmyyukhhinihmchwngewla3 000 thung 1 900 pikxnkhristkalaehlngobrankhditnaebbChengziyaaehlngobrankhdisakhyTaosikxnhnawthnthrrmhyangechathdipErlitou culture Yueshi cultureprawtiekhruxngpndinepha epluxkikh sida wthnthrrmhlngchaninmnthlchantngekhruxngichthacakhinhykinwthnthrrmhlngchan lksnaednkhxngwthnthrrmhlngchan khux thksaradbsungin karthaekhruxngpndinepha rwmthungruckkarichaepnhmuninkarkhunrup karphlitekhruxngpndinephathimiphnngbang aelakarkhdengasida ekhruxngpndinephasidarupaebbniaephrhlayincintxnehnuxaelayngphbinphunthilumaemnaaeyngsi aelaiklthungchayfngthangtawnxxkechiyngitkhxngcin krathngkhristthswrrsthi 1950 ekhruxngpndinephasidanicungidthukrabuihepntwchiwdhlkinkarwinicchywaaehlngobrankhdiidthukcdihepnaehlngwthnthrrmhlngchan inkartiphimphkhrngaerkkhxngrayngansarwcThe Archaeology of Ancient China khxng piph s 2506 sungepnchbbthimixiththiphltxaenwkhidinkhnannidxthibaythungaehlngobrankhdiekhruxngpndinephasidathnghmdwaepn khxbfaaehnghlngchan Longshanoid Horizon odyesnxwakarkhnphbinaehlngobrankhdithimirupaebbwthnthrrmthikhxnkhangehmuxnknehlannekidcakkarkhyaytwkhxngwthnthrrmcaksunyklangkhuxbriewn cnghywn xxkip aetcakkarkhnphblasudphbwamikhwamhlakhlaykhxngrupaebbwthnthrrminradbphumiphakhmakkwathiekhykhidiw wthnthrrmthxngthincanwnmakthiekhyrwmxyuinkhxbfaaehnghlngchan thukxthibayihmihepnwthnthrrmthiaetktangkn aelakhawa wthnthrrmhlngchan cakdiwechphaaphunthilumaemnaehluxngtxnklangaelatxnplayaemnaethann twxyangechn wthnthrrmrwmsmyediywkninphunthitxnlangkhxnglumaemnaaeyngsithukrabuepn inkhnaediywknnkwicyobrankhdikrbruthungkhwamhlakhlayphayinphunthilumaemnaaemnaehluxngodykaraeykaeyakhwamaetktangkhxngphumiphakhinmnthlehxhnan mnthlchansi aela mnthlchansi xxkcakmnthlchantng hrux thirwmxyuinkarcakdkhwamkhxngwthnthrrmhlngchanaebbedim odyinraynganchbbtiphimphkhrngthisikhxngkwngcux chang ph s 2529 idepliyncakaenwkhidaebbedimthimisunyklangwthnthrrmcakthirabtxnklangipsuaenwkhidthiwawthnthrrminaetlaphumiphakhphthnaoddednkhuncakkaridrbkarkratuncakptismphnthknrahwangphumiphakh sungepnsphawkarnthieriykwa ckrwalptismphnthaebbcin nxkcakniinchwngkhristthswrrsthi 1980 Yan Wenming idesnxkhawa yukhhlngchan ephuxhmayrwmwthnthrrmchwngplayyukhhinihm 3 phnpikxnkhristskrach thnghmdthwbriewnthirabphakhklangekhainyukhediywknekstrkrrmphuchthisakhythisudkhux khawfanghanghma aetyngphbrxngrxykhxng khaw aela khawsali phbemldkhawinmnthlchantng aela mnthlehxhnanthangtxnit phbnakhawkhnadelkbn khabsmuthrehliywtng aelaekhruxngmuxechphaasahrbkhud ekbekiyw aelabdemld enuxstwthibriophkhswnihykhux hmu aelaphbwamikareliyngaekaaelaaephainbriewn inchwng 4 000 3 000 kxnkhristskrach phbthangtawntkkhxngmnthlehxhnanemux 2800 pikxnkhristkal caknnaephrkracayipthwbriewnlumaemnaehluxngtxnklangaelatxnlang sunkhkthukichbriophkhechnknodyechphaainbriewnmnthlchantng wwmikhwamsakhyinkarbriophkhnxykwamakinchwngnn aelamikarphlitphaihmkhnadelkcakkareliyngihm sungxyuinyukhtnkarplukhmxneliyngihmphithithangsasnaphbsakkhxngstwcaphwkww hmu aeka aelakwang thukephaephuxkarinmnthlchansiaelaehxhnanthangtxnit phbhlkthankarinmnthlchansiaelathirabtxnklangsungepneruxngpktiinchwngplaysmyhlngchanchwngtnkarkhudsarwcinkhristthswrrsthi 1950 in thangtawntkkhxngmnthlehxhnan rabuwaraya ehmiywtiokwchwnghlng Miaodigou II 3000 thung 2600 BC epnkarepliynphancakwthnthrrmhyangechakxnhna suwthnthrrmhlngchaninmnthlehxhnan nkobrankhdiswnnxyesnxwarayachwngplaykhxngwthnthrrm Dawenkou inmnthlchantngkhwrkahndihepnwthnthrrmhyangechaaethn aetswnihyxthibaywaepnchwngaerkkhxngwthnthrrmhlngchan nkwichakarbangkhnyunynwawthnthrrm Dawenkou txnplaykhwridrbkarphicarnawaepnchwngerimtnkhxngwthnthrrmhlngchan inphunthirayaehmiywtiokwchwnghlngphbinmnthlehxhnantxnklangaelatawntkmnthlchansitxnitaelahubekhaaemnaewyinchansi ekhruxngmuxaelaekhruxngpndinephathiphbinphunthiehlaniidrbkarprbprungxyangminysakhycakwthnthrrmhyangechakxnhnani karksikrrmthwikhwamekhmkhnkhun khxngkarichaerngnganaelaphlitphl aelakarbriophkhenuxstw hmu sunkh aeka aela ww ephimkhunxyangmak khwamkhlaykhlungkninrupaebbekhruxngpndinephakhxng wthnthrrmhyangecharayaehmiywtiokwchwnghlng kb wthnthrrm Dawenkou chwngplay inmnthlehxhnanthangtawnxxk aela txnplay inthangitkhxngmnthlehxhnan bngbxkthungkartidtxthangkarkharahwangphumiphakh nxkcakniyngmikarkhyaycakaehlngobrankhdi Dawenkou txnklangaelatxnplay 3500 2600 pikxnkhristkal ipyngmnthlehxhnantxnklangaelatxnehnuxkhxngmnthlxanhuysungtrngkbyukhkhxngkhyaythangthaelsungsudchwngplaychwngplay 2600 thung 2000 pikxnkhristkal khxngwthnthrrmhlngchaninbriewnaemnahwngohtxnklangmilksnarwmkbwthnthrrmchantnghlngchanaebbedim mikarraburupaebbphumiphakhhlaysaykhxngaemnahwngtxnklangwaepn wthnthrrmhlngchan rwmthung Wangwan III inmnthlehxhnantawntk Hougang II thangtxnehnuxkhxngmnthlehxhnanaelatxnitkhxng Hebei Taosi inlumna Fen thangtxnitkhxng Shanxi aelaxikhlayklumthixyuthangtxnklangkhxng Jing aemnaaelaaemna Wei eriykrwmknwa Kexingzhuang II hrux Shaanxi Longshan emuxprachakryukhhinihmincinthungcudsungsud ladbchnkhxngkartngthinthankphthnakhun odyechphaainphumipraethsswnthimikhxbekhtthangkayphaph echn aexngthilumkhxng thangtxnitkhxngmnthlchansi aemnaehluxngthangtawntkkhxngmnthlehxhnan thukhxmlxmdwy aela aelathirabrimchayfng thangtawnxxkechiyngitkhxngmnthlchantng sungsamarthphthnasunyklangchumchnihmikhnadihymakid bangeaehngmikhnadmakkwa 200 ehktar 1300 ir aetinphunthithiepidkwangmakkhun echn swnthiehluxkhxngmnthlchantng thirabtxnklang cnghywn inmnthlehxhnan aelathilum inmnthlchansi sunyklangchumchnmicanwnmakkhun aetmikhnadelklng odythwipkhux 20 thung 60 ehktar 130 thung 400 ir aelamirayahangrahwangknphxsmkhwr kaaephng khxng 20 emuxnginmnthlchantng 9 aehng inthirabtxnklangaela xikaehng thangtxnitkhxngmnthlchansi bngbxkthungkhwamkhdaeyngrahwangsunyklangchumchninphunthiehlaniaeklelxriekhruxngpndinephaepluxkikhsida wthnthrrmhlngchanchwngplaythichantng Shandong Longshan Culture thwyekhruxngpndinephaepluxkikhsida wthnthrrmhlngchanchwngplaythichantng Shandong Longshan Culture hmxdinephawthnthrrmhlngchan thibritichmiwesiym thwydinephathrngsung khrkdinepha wthnthrrmhlngchancakehxhnan othdinephaepluxkikhsida wthnthrrmhlngchancakchantng khnphbpiph s 2518 ehyuxkdinephahlaykhnad inphiphithphnthemuxngcihnan hmxdinephasamkha thiphiphithphnthaehngchaticin pkking hmxdinephasamkhakhdphiw wthnthrrmhlngchan thiphiphithphnth Arthur M Sackler mhawithyalyharward hmayehtu inkarsakdtamrabbewd icls wthnthrrmhlngchan Longshan culture sakdwa wthnthrrmlungchan Lungshan culture sungyngpraktinexksarsmyekabangchinduephimraychuxwthnthrrmyukhhinihmkhxngcin wthnthrrmhyangechaxangxingLi 2013 harv error no target CITEREFLi2013 Fairbank amp Goldman 2006 harv error no target CITEREFFairbankGoldman2006 Sun 2013 harv error no target CITEREFSun2013 Liu 2005 harv error no target CITEREFLiu2005 Shelach Lavi 2015 harv error no target CITEREFShelach Lavi2015 Zhao 2013 harv error no target CITEREFZhao2013 Shao 2005 harv error no target CITEREFShao2005 Liu amp Chen 2012 harv error no target CITEREFLiuChen2012 Cohen amp Murowchick 2014 harv error no target CITEREFCohenMurowchick2014