ไอยริศ | |
---|---|
พรรณไม้ในพระนามาภิไธยสมเด็จพระเทพฯ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Zingiberales |
วงศ์: | Zingiberaceae |
สกุล: | Zingiber |
สปีชีส์: | Zingiber sirindhorniae |
ชื่อทวินาม | |
Zingiber sirindhorniae Triboun & Keerat. |
ไอยริศ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Zingiber sirindhorniae Triboun & Keerat.) เป็นพรรณไม้ในวงศ์ขิง(Zingiberaceae) ค้นพบในปี พ.ศ. 2550 ที่มีอยู่แห่งเดียวในโลกเป็นพืชถิ่นเดียวของไทย สำรวจพบบนยอดเขาหินปูนในเขตอำเภอหนองหินและอำเภอผาขาว จังหวัดเลย จัดเป็น (rare plants) และเป็น (endemic plants) ของประเทศไทย ค้นพบโดย ดร. ผู้อำนวยการ สถานีวิจัยลำตะคอง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้ล้มลุกหลายฤดู ลำต้นเป็นเหง้ากลม รากสะสมอาหารทรงกระบอก 1 – 3 ราก เนื้อในสีเหลือง มีกลิ่นเช่นเดียวกับขิง มีลำต้นส่วนเหนือดินแตกกอ 3 – 6 ยอด แต่ละยอดยาว 40 – 70 ซม. มี 5 – 12 ใบ
ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับระนาบเดียว แผ่นใบรูปขอบขนาน กว้าง 3.5 – 4.5 เซนติเมตร ยาว 8 – 14 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนสอบรูปลิ่ม ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ลิ้นใบสีแดง ยาว 7 – 8 มิลลิเมตร แยกเป็น 2 แฉกอิสระก้านใบยาว 3 – 6 มิลลิเมตร
ช่อดอกเป็นช่อเชิงลด เกิดที่ปลายลำต้นส่วนเหนือดิน กว้างประมาณ 1 ซม. ยาว 5.5 – 7.5 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 1 – 2 เซนติเมตร ใบประดับสีเขียว มีขอบสีม่วงแดง ใบประดับย่อยขนาดเล็ก กลีบเลี้ยง 3 กลีบ โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกด้านเดียว ขอบเป็นหยัก 3 แฉก กลีบดอกสีขาว โคนเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 3 แฉก
เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 5 อัน สีม่วงเข้มมีลายประสีขาวเปลี่ยนรูปร่างไปมีลักษณะคล้ายกลีบดอก 2 อัน ข้างแยกกัน 3 อัน อยู่ตรงกลาง เชื่อมติดกันเป็นกลีบปาก รูปคล้ายไข่กลับ กว้างและยาวประมาณ 2 เซนติเมตร อับเรณูมี 2 พูยาวประมาณ 1 เซนติเมตร
ผลแบบผลแห้งแตก เมล็ดสีดำรูปกระสวย มีเยื้อหุ้มเมล็ดสีขาว
ไอยริศ สำรวจพบโดย ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ นักวิจัยจากกรมวิชาการเกษตร (ในขณะสำรวจพบ) และได้ขอพระบรมราชานุญาตตั้งชื่อเป็นพรรณไม้ในพระนามของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเป็นภาษาไทยว่า “ไอยริศ”
การตีพิมพ์ในวารสารเพื่อยืนยันพันธุ์พืชชนิดใหม่ที่พบ
ได้ตีพิมพ์ในวารสาร The Thailand Natural History Museum Journal 10(1): 1. 2016. การตีพิมพ์ในวารสารเพื่อยืนยัน พืชพันธุ์ใหม่ของโลกเพื่อนำไปใช้ใน การอ้างอิงในด้านอนุกรมวิธานพืช ข้อมูลที่ศึกษาและตัวอย่างอ้างอิงได้นำไปเก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑ์พืช เพื่อการศึกษาด้านอนุกรมวิธานต่อไป ข้อมูลที่ศึกษาสามารถเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานอื่นในประเทศและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยโดยมีส่วนร่วมในการจัดทำข้อมูลพรรณพฤกษชาติแห่งประเทศไทยของพืช วงศ์ขิง (Zingiberaceae)
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- ไอยริศ พรรณไม้ในวงศ์ขิง
- ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiberaceae
- พรรณไม้งามพระนามราชสกุลมหิดล ตอนที่ ๑๑
- หอพรรณไม้ไทย
- ไอยริศ พรรณไม้การปรับตัวสภาพแวดล้อม[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-01-11. สืบค้นเมื่อ 2018-07-26.
- The Thailand Natural History Museum Journal 10(1): 1. 2016.
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
ixyrisphrrniminphranamaphiithysmedcphraethphkarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Plantaehmwd Magnoliophytachn Magnoliopsidaxndb Zingiberaleswngs Zingiberaceaeskul Zingiberspichis Zingiber sirindhorniaechuxthwinamZingiber sirindhorniae Triboun amp Keerat ixyris chuxwithyasastr Zingiber sirindhorniae Triboun amp Keerat epnphrrniminwngskhing Zingiberaceae khnphbinpi ph s 2550 thimixyuaehngediywinolkepnphuchthinediywkhxngithy sarwcphbbnyxdekhahinpuninekhtxaephxhnxnghinaelaxaephxphakhaw cnghwdely cdepn rare plants aelaepn endemic plants khxngpraethsithy khnphbody dr phuxanwykar sthaniwicylatakhxng sthabnwicywithyasastraelaethkhonolyiaehngpraethsithylksnathangphvkssastrepnimlmlukhlayvdu latnepnehngaklm raksasmxaharthrngkrabxk 1 3 rak enuxinsiehluxng miklinechnediywkbkhing milatnswnehnuxdinaetkkx 3 6 yxd aetlayxdyaw 40 70 sm mi 5 12 ib ibepnibediyw eriyngslbranabediyw aephnibrupkhxbkhnan kwang 3 5 4 5 esntiemtr yaw 8 14 esntiemtr playaehlm okhnsxbruplim phiwibekliyngthngsxngdan linibsiaedng yaw 7 8 milliemtr aeykepn 2 aechkxisrakanibyaw 3 6 milliemtr chxdxkepnchxechingld ekidthiplaylatnswnehnuxdin kwangpraman 1 sm yaw 5 5 7 5 esntiemtr kanchxdxkyaw 1 2 esntiemtr ibpradbsiekhiyw mikhxbsimwngaedng ibpradbyxykhnadelk klibeliyng 3 klib okhnechuxmtidknepnhlxd playaeykdanediyw khxbepnhyk 3 aechk klibdxksikhaw okhnechuxmtidknepnhlxd playaeykepn 3 aechk eksrephsphuthiepnhmn 5 xn simwngekhmmilayprasikhawepliynruprangipmilksnakhlayklibdxk 2 xn khangaeykkn 3 xn xyutrngklang echuxmtidknepnklibpak rupkhlayikhklb kwangaelayawpraman 2 esntiemtr xbernumi 2 phuyawpraman 1 esntiemtr phlaebbphlaehngaetk emldsidarupkraswy mieyuxhumemldsikhaw ixyris sarwcphbody dr praomthy itrbuy nkwicycakkrmwichakarekstr inkhnasarwcphb aelaidkhxphrabrmrachanuyattngchuxepnphrrniminphranamkhxngsmedcphraknisthathiracheca krmsmedcphraethphrtnrachsuda syambrmrachkumari xikthngyngthrngphrakrunaoprdekla phrarachthanchuxepnphasaithywa ixyris kartiphimphinwarsarephuxyunynphnthuphuchchnidihmthiphbidtiphimphinwarsar The Thailand Natural History Museum Journal 10 1 1 2016 kartiphimphinwarsarephuxyunyn phuchphnthuihmkhxngolkephuxnaipichin karxangxingindanxnukrmwithanphuch khxmulthisuksaaelatwxyangxangxingidnaipekbrwbrwmiwinphiphithphnthphuch ephuxkarsuksadanxnukrmwithantxip khxmulthisuksasamarthekidpraoychntxhnwynganxuninpraethsaelasrangchuxesiyngihkbpraethsithyodymiswnrwminkarcdthakhxmulphrrnphvkschatiaehngpraethsithykhxngphuch wngskhing Zingiberaceae duephimphumiphlinthr nkhrinthra rktsirin sirinthrwlli capisirinthrxangxingixyris phrrniminwngskhing chuxwithyasastr Zingiberaceae phrrnimngamphranamrachskulmhidl txnthi 11 hxphrrnimithy ixyris phrrnimkarprbtwsphaphaewdlxm lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2019 01 11 subkhnemux 2018 07 26 The Thailand Natural History Museum Journal 10 1 1 2016 bthkhwamphichniyngepnokhrng khunsamarthchwywikiphiediyidodykarephimetimkhxmuldkhk