Azərbaycanca
Беларускі
Dansk
Deutsch
Española
Français
Indonesia
Italiana
日本語
Қазақ
Lietuvos
Nederlands
Português
Русский
සිංහල
แบบไทย
Türkçe
Українська
中國人
United State
Afrikaans
| นกขุนแผน | |
|---|---|
 | |
| สถานะการอนุรักษ์ | |
| การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
| อาณาจักร: | Animalia |
| ไฟลัม: | Chordata |
| ชั้น: | Aves |
| อันดับ: | Passeriformes |
| วงศ์: | Corvidae |
| สกุล: | Urocissa |
| สปีชีส์: | U. erythrorhyncha |
| ชื่อทวินาม | |
| Urocissa erythrorhyncha (, 1783) | |
 | |
| แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของนกขุนแผน | |
| ชื่อพ้อง | |
| |
สำหรับนกขุนแผนจำพวกอื่น ดูที่:
นกขุนแผน หรือ นกสาลิกาดง (อังกฤษ: Red-billed blue magpie; ชื่อวิทยาศาสตร์: Urocissa erythrorhyncha) จัดเป็นนกขนาดเล็กชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Corvidae อันเป็นวงศ์เดียวกับกา
นกขุนแผนเป็นนกที่มีสีสันสวยงามมาก กล่าวคือ โดยมีบริเวณหัวถึงลำคอสีดำ ขนบริเวณลำตัวมีสีฟ้าแกมม่วง ส่วนโคนปีกมีสีฟ้าแกมม่วง ด้านปลายปีกสีขาว มีหางสวยงามและยาวมาก มีสีฟ้าแกมม่วงส่วนบริเวณปลายหางมีสีขาว มีขนหางคู่บนยาวกว่าคู่อื่น ๆ ปากสีแดง ขาสีแดงส้มและตาสีดำ ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาก จนยากที่จะแยกได้ออกจากการมองแค่ภายนอก
ความยาวจากปลายปากถึงปลายหางประมาณ 65-68 เซนติเมตร และมีขนหางยาวมากราว 37-42 เซนติเมตร หรือ 2 ใน 3 ของความยาวจากปากถึงปลายหาง ขนหางค่อนข้างแข็ง มี 12 เส้น ซึ่งแต่ละคู่ยาวลดหลั่นกันลงไป โดยมีขนหางคู่บนสุดยาวที่สุด ซึ่งยาวกว่าขนหางคู่ที่ 5 อย่างเห็นได้ชัด ปลายขนหางแต่ละเส้นมีลักษณะมน ขนหางทุกเส้นมีสีฟ้าอมม่วง แต่ปลายขนหางแต่ละเส้นเป็นแถบสีขาว และเฉพาะปลายขนหางคู่ที่ 1 ถึงคู่ที่ 5 มีแถบสีดำถัดจากแถบสีขาวด้วย ปลายขนหางคู่ที่ 6 ซึ่งเป็นคู่บนสุดโค้งลงมาเล็กน้อย
พบกระจายพันธุ์ตั้งแต่เชิงเขาหิมาลัยจนถึงจีน, พม่า และภูมิภาคอินโดจีน ในประเทศไทยพบเกือบทุกภาคยกเว้นภาคใต้
มีพฤติกรรมชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ตามป่าละเมาะ, ป่าโปร่ง มักส่งเสียงร้องขณะที่มันเริ่มออกหากิน บางเวลาอาจลงมาหากินตามพื้นดินหรือซอกก้อนหิน ซอกไม้ผุ ๆ อาหารได้แก่ แมลงชนิดต่าง ๆ เช่น ด้วง, ปลวก, , หอยทาก, กิ้งก่า, จิ้งจก, จิ้งเหลน, งู รวมทั้งปาด, ตะขาบ และหนู แม้แต่ไข่นกและลูกนกชนิดอื่นในรัง รวมทั้งซากสัตว์ด้วย
ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคม จะทำรังโดยนำเล็กมาขัดสานกันเป็นแอ่งตรงกลาง และรองพื้นด้วยรากไม้หรือใบไม้ที่พอจะหาได้ในบริเวณนั้น ตัวเมียจะวางไข่ครั้งละ 3-6 ฟอง อยู่สูงจากพื้น 6-8 เมตร มีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม แต่ก็นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเพราะสีสันและหางที่สวยงาม
อ้างอิง
- (2012). "Urocissa erythrorhyncha". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2013.2. สืบค้นเมื่อ 26 November 2013.
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-09-01. สืบค้นเมื่อ 2010-06-22.
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Urocissa erythrorhyncha ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
nkkhunaephnsthanakarxnurkskhwamesiyngta IUCN 3 1 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Avesxndb Passeriformeswngs Corvidaeskul Urocissaspichis U erythrorhynchachuxthwinamUrocissa erythrorhyncha 1783 aephnthiaesdngkarkracayphnthukhxngnkkhunaephnchuxphxngCissa erythrorhyncha wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Urocissa erythrorhyncha sahrbnkkhunaephncaphwkxun duthi nkkhunaephn hrux nksalikadng xngkvs Red billed blue magpie chuxwithyasastr Urocissa erythrorhyncha cdepnnkkhnadelkchnidhnung xyuinwngs Corvidae xnepnwngsediywkbka nkkhunaephnepnnkthimisisnswyngammak klawkhux odymibriewnhwthunglakhxsida khnbriewnlatwmisifaaekmmwng swnokhnpikmisifaaekmmwng danplaypiksikhaw mihangswyngamaelayawmak misifaaekmmwngswnbriewnplayhangmisikhaw mikhnhangkhubnyawkwakhuxun paksiaedng khasiaedngsmaelatasida thngtwphuaelatwemiymilksnathikhlaykhlungknmak cnyakthicaaeykidxxkcakkarmxngaekhphaynxk khwamyawcakplaypakthungplayhangpraman 65 68 esntiemtr aelamikhnhangyawmakraw 37 42 esntiemtr hrux 2 in 3 khxngkhwamyawcakpakthungplayhang khnhangkhxnkhangaekhng mi 12 esn sungaetlakhuyawldhlnknlngip odymikhnhangkhubnsudyawthisud sungyawkwakhnhangkhuthi 5 xyangehnidchd playkhnhangaetlaesnmilksnamn khnhangthukesnmisifaxmmwng aetplaykhnhangaetlaesnepnaethbsikhaw aelaechphaaplaykhnhangkhuthi 1 thungkhuthi 5 miaethbsidathdcakaethbsikhawdwy playkhnhangkhuthi 6 sungepnkhubnsudokhnglngmaelknxy phbkracayphnthutngaetechingekhahimalycnthungcin phma aelaphumiphakhxinodcin inpraethsithyphbekuxbthukphakhykewnphakhit miphvtikrrmchxbxasyxyurwmknepnfungelk tampalaemaa paoprng mksngesiyngrxngkhnathimnerimxxkhakin bangewlaxaclngmahakintamphundinhruxsxkkxnhin sxkimphu xaharidaek aemlngchnidtang echn dwng plwk hxythak kingka cingck cingehln ngu rwmthngpad takhab aelahnu aemaetikhnkaelaluknkchnidxuninrng rwmthngsakstwdwy vduphsmphnthuxyuinchwngpramaneduxnminakhm phvsphakhm catharngodynaelkmakhdsanknepnaexngtrngklang aelarxngphundwyrakimhruxibimthiphxcahaidinbriewnnn twemiycawangikhkhrngla 3 6 fxng xyusungcakphun 6 8 emtr misthanaepnstwpakhumkhrxngtam aetkniymeliyngepnstweliyngephraasisnaelahangthiswyngamxangxing 2012 Urocissa erythrorhyncha IUCN Red List of Threatened Species Version 2013 2 subkhnemux 26 November 2013 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2009 09 01 subkhnemux 2010 06 22 aehlngkhxmulxunkhxmulthiekiywkhxngkb Urocissa erythrorhyncha thiwikispichis