เต่าปูลู | |
---|---|
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Testudines |
อันดับย่อย: | Cryptodira |
วงศ์: | Platysternidae Gray, 1869 |
สกุล: | Platysternon Gray, 1831 |
สปีชีส์: | P. megacephalum |
ชื่อทวินาม | |
Platysternon megacephalum , 1831 | |
ชนิดย่อย | |
| |
ชื่อพ้อง | |
|
เต่าปูลู เป็นเต่าน้ำจืดกินเนื้อเป็นอาหารชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Platysternon megacephalum (เป็นภาษาละตินแปลว่า "หัวโต อกแบน") ในสกุล Platysternon วงศ์ Platysternidae ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในวงศ์และสกุลนี้
มีรูปร่างที่แปลกไปจากเต่าชนิดอื่น ๆ กล่าวคือ มีหัวที่โต ปากงุ้มแหลม เล็บที่ทั้ง 4 ข้างแหลมคมมาก มีหางที่ยาวมาก และไม่สามารถหดหัวเข้ากระดองที่เรียวยาวได้ เป็นเต่าที่พบในลำธารน้ำตกบนภูเขาสูงหรือป่าดิบชื้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตอนบนที่ติดกับตอนใต้ของประเทศจีน
กายวิภาค
มีหัวว่าวใหญ่มาก มีขนาดกว้างหัวประมาณครึ่งหนึ่งของความกว้างกระดองหลัง มีปากงุ้มแหลมคล้ายปากนกแก้ว หัวหดเข้ากระดองไม่ได้ แต่มีคอยาวยื่นออกมาได้มาก เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว มีความสามารถในการปีนต้นไม้และก้อนหิน ขาและเท้าของเต่าปูลูมีขนาดใหญ่และแข็งแรงหดเข้ากระดองไม่ได้ ขาหน้าและขาหลังของเต่าปูลูมีเกล็ดหุ้มทั้งหมด ตั้งแต่โคนขามีเกล็ดขนาดใหญ่ ฝ่าเท้ามีเกล็ดขนาดเล็กลงมา นิ้วมีเกล็ดหุ้ม มีเล็บแหลมคม ขาหน้ามี 5 นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มีเยื่อพังผืดเล็กน้อยยึดระหว่างนิ้วเกือบถึงโคนเล็บ หางมีขนาดใหญ่และแข็งแรง มีเกล็ดขนาดใหญ่หุ้มเกล็ดหางด้านบนมี 1 แถว ๆ ละ 1 เกล็ด เรียงจากโคนหางมีประมาณ 11 ถึง 14 แถว เกล็ดหางด้านล่างแถวที่ 1 ถึง 4 มีสี่เกล็ดจากแถวที่ห้าถึงปลายหางมีแถวละสองเกล็ดบริเวณโคนหางและโคนขาหลังมีเดือยหนังแหลมยื่นออกมาจำนวนมาก หางของเต่าปูลูยาวมาก มีความยาวมากกว่าความยาวกระดองหลังในอัตราเฉลี่ยความยาวกระดองหลังต่อความยาวหาง มีค่าเท่ากับ 1:1.34 เต่าปูลูจึงจัดว่าเป็นเต่าที่มีหางยาวที่สุดในโลก
เต่าปูลูขนาดเล็ก ที่ยังไม่โตเต็มวัย เกล็ดสันหลัง มีลักษณะเป็นสันแนวกลางหลังทั้ง 5 แผ่น เกล็ดชายโครง ทั้ง 4 คู่ มีปุ่มหนาที่บริเวณกลางของแต่ละเกล็ด เกล็ดขอบกระดอง มีหยักปลายแหลมเล็กน้อย ส่วนกระดองท้องมีลักษณะดาร์ก ซิมเมตริคอล มาร์กิ้งส์ กระดองหลังสีน้ำตาลแดง กระดองท้องสีเหลือง ผิวหนังด้านท้องสีเหลือง ด้านข้างของหัวทั้งสองด้านจากท้ายตามีเส้นสีดำ 1 คู่ พาดยาวไปทางด้านหลัง ระหว่างกลางเส้นสีดำมีสีเหลือง ขาทั้ง 4 ด้านบนสีดำด้านล่างสีเหลือง แต่เมื่อโตเต็มวัย ลักษณะสันกลางหลัง ปุ่มหนามที่เกล็ดชายโครงและรอยหยักที่เกล็ดขอบกระดอง จะหายไปจนหมด ส่วนลักษณะดาร์ก ซิมเมตริคอล มาร์กิ้งส์ ที่กระดองท้องสีทั้งหมดจะหายไป หรือจางลงจนสังเกตเห็นไม่ชัด เส้นคู่สีดำข้างหัวจะหายไปด้วย
เต่าปูลูตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่พบในประเทศไทย พบที่จังหวัดลำปางมีน้ำหนัก 910 กรัม ความยาวกระดองหลัง 18.7 เซนติเมตร ความกว้างกระดองหลัง 14.5 เซนติเมตร ความกว้างหัว 6.5 เซนติเมตร ความยาวหาง 23 เซนติเมตร
ชนิดย่อยและพฤติกรรม
เต่าปูลู ยังแบ่งเป็นชนิดย่อย ได้ 3 ชนิด คือ
- เต่าปูลูเหนือ หรือ เต่าปูลูจีน (P. m. megacephalum) เป็นเต่าปูลูขนาดเล็ก มีขนาดเล็กกว่าชนิด P. m. pequense มาก มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มีความความแตกต่างที่ชัดเจนมากที่สุดมีเพียงแห่งเดียว คือเกล็ดเหนือโคนหาง เกล็ดขอบกระดอง มีจำนวน 11 คู่ เท่ากัน (, 1979 รายงานว่ามี 9 คู่) กระดองท้องของเต่าปูลูเหนือจะเป็นสีเหลืองส้ม ผิวหนังใต้คางสีเหลืองทอง ผิวหนังบริเวณโคนขาจนถึงโคนหางเป็นสีเหลืองอมชมพูเกล็ดเหนือโคนหางซึ่งมี 1 อัน มองเห็นไม่ชัดเจน เมื่อโตเต็มที่ เกล็ดเหนือโคนหาง จะมองเห็นชัดเจน เต่าปูลูเหนือพบในจีน ส่วนในประเทศไทยพบน้อยมาก โดยจะพบเฉพาะจังหวัดที่อยู่เหนือสุดเท่านั้น ตัวที่ใหญ่สุดที่พบที่จังหวัดลำปางมีน้ำหนัก 570 กรัม ความยาวกระดองหลัง 14.5 เซนติเมตร ความยาวกระดองท้อง 11.3 เซนติเมตร ความกว้างหัว 5.4 เซนติเมตร ความกว้างกระดองหลัง 11 เซนติเมตร ความยางหาง 24 เซนติเมตร
- เต่าปูลู (P. m. pequense) พบในพม่า, ไทย
- เต่าปูลู (P. m. shiui) พบที่เวียดนามเหนือ, กัมพูชา และลาว
เต่าปูลู เป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในลำธารน้ำบนภูเขาสูงเท่านั้น พบในประเทศจีนตอนใต้และในชายแดนที่ติดกับไทย, ลาว และพม่า มีนิสัยดุ กินเนื้อและลูกไม้เปลือกแข็งเป็นอาหาร รวมถึงลูกนกด้วย กินอาการโดยวิธีการฉกงับ มีความสามารถปีนป่ายขอนไม้ หรือโขดหินได้เก่ง หากินในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน ส่วนกลางวันจะหลบซ่อนตามซอกหิน ความแตกต่างระหว่างเพศผู้และเพศเมีย คือ ตัวผู้มีหางยาวมากกว่า และรูเปิดก้น ของตัวผู้จะอยู่ไปทางปลายหางมากกว่า และตัวผู้จะมีอวัยวะเพศ อยู่ภายในรูเปิดก้น เต่าปูลูเมื่อยังเล็ก กระดองจะมีลายสีเหลืองและสีน้ำตาล ส่วนตัวเต็มวัยสีเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลเขียวมะกอก ผสมพันธุ์ในน้ำ วางไข่คราวละ 3–5 ฟอง ไข่เปลือกแข็งสีขาว รูปทรงกระบอกหัวท้ายรี ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร เชื่อว่ามีอายุยืนได้ถึง 200 ปี
สถานภาพในธรรมชาติ
สถานภาพปัจจุบัน เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ เนื่องจากถูกคุกคามถิ่นที่อยู่อาศัยและถูกจับเป็นสัตว์เลี้ยงและปรุงยาสมุนไพรด้วยเชื่อว่าเป็นยาที่ใช้บำรุงสมรรถนะทางเพศ โดยชาวจีนจะรับซื้อในราคาที่แพง นอกจากนี้แล้วยังมีการให้กัดกันเพื่อเป็นเกมการพนันอีกด้วย
ในประเทศไทย นอกจากที่จังหวัดลำปางแล้ว เต่าปูลูยังพบได้ที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อุทยานแห่งชาติคลองตรอน อำเภอน้ำปาด, จังหวัดพิษณุโลก พบที่อำเภอนครไทย, จังหวัดน่าน พบที่ป่าห้วยหลวง ตำบลเรือง อำเภอเมืองน่าน, อุทยานแห่งชาติขุนน่าน และ อุทยานแห่งชาตินันทบุรี รวมถึงอีกหลายที่ในจังหวัดภาคเหนือ
ในปัจจุบันมีโครงการอนุรักษ์เต่าปูลูอยู่ที่ หมู่บ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ จังหวัดแพร่ และ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
สำหรับการนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น เต่าปูลูมักไม่ค่อยรอด เนื่องจากเป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในน้ำที่มีสภาพเป็นลำธารน้ำตกเท่านั้น อีกทั้งยังปีนป่ายเก่ง มีอุปนิสัยดุ จะฉกงับทุกอย่าง จึงทำให้เป็นเต่าที่เลี้ยงยากมาก
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
- Asian Turtle Trade Working Group 2000. Platysternon megacephalum 2008-09-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. Downloaded on 29 July 2007.
- Fritz, Uwe (2007). "Checklist of Chelonians of the World" (PDF). Vertebrate Zoology. 57 (2): 264–265. ISSN 18640-5755. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-17. สืบค้นเมื่อ 29 May 2012.
{{}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|coauthors=
ถูกละเว้น แนะนำ (|author=
) ((help)) - Untamed China with Nigel Marven ที่อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส
- ITIS
- วารสารของกรมประมง พ.ศ. 2542
- Rhodin, Anders G.J.; Paul van Dijk, Peter; Iverson, John B.; Shaffer, H. Bradley (2010-12-14). "Turtles of the World 2010 Update: Annotated Checklist of Taxonomy, Synonymy, Distribution and Conservation Status" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (pdf)เมื่อ 2010-12-15. สืบค้นเมื่อ 2010-12-15.
- "ครอบครัวข่าวเช้า". ช่อง 3. 2017-12-04. สืบค้นเมื่อ 2017-12-04.[]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-11-11. สืบค้นเมื่อ 2022-11-11.
- พบ ‘เต่าปูลู’ เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกนันทบุรี ชี้ความสมบูรณ์ผืนป่า
แหล่งข้อมูลอื่น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Platysternon megacephalum ที่วิกิสปีชีส์
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
etapulusthanakarxnurksiklsuyphnthu IUCN 2 3 karcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Chordatachn Reptiliaxndb Testudinesxndbyxy Cryptodirawngs Platysternidae Gray 1869skul Platysternon Gray 1831spichis P megacephalumchuxthwinamPlatysternon megacephalum 1831chnidyxyP m pequense Gray 1831 P m megacephalum Gray 1870 P m shiui Ernst amp McCord 1987chuxphxngPlatysternon megacephalum Gray 1831 Platisternon megacephalus Gray 1834 Platysternon megacephalus Gray 1835 Emys megacephala Schlegel 1838 Platysternon magacephalum Fitzinger 1843 Platysternum megacephalum Boulenger 1889 Platysternon platycephalum Mertens 1959 ex errore Platysternum megalocephalum Stanek 1959 ex errore Platysternon megacephalum megacephalum Wermuth 1960 Platysternon magacephalum megacephalum Pritchard 1979 Platysternon megacephalum tristernalis Schleich amp Gruber 1984 Platysternon megacephalum tristornalis Alderton 1988 ex errore Platysternon peguense Gray 1870 Platysternon megacephalum peguense Wermuth 1960 Platysternon megacephalum vogeli Wermuth 1969 Platysternon megacephalum penguense Nutaphand 1979 ex errore Platysternon megacephalum penuense Nutaphand 1979 ex errore Platysternon megacephalum peguensis Sharma 1998 ex errore Platysternon megacephalum shiui Ernst amp McCord 1987 etapulu epnetanacudkinenuxepnxaharchnidhnung michuxwithyasastrwa Platysternon megacephalum epnphasalatinaeplwa hwot xkaebn inskul Platysternon wngsPlatysternidae sungmiephiyngchnidediywethannthixyuinwngsaelaskulni miruprangthiaeplkipcaketachnidxun klawkhux mihwthiot pakngumaehlm elbthithng 4 khangaehlmkhmmak mihangthiyawmak aelaimsamarthhdhwekhakradxngthieriywyawid epnetathiphbinlatharnatkbnphuekhasunghruxpadibchuninphumiphakhexechiytawnxxkechiyngittxnbnthitidkbtxnitkhxngpraethscinkaywiphakhmihwwawihymak mikhnadkwanghwpramankhrunghnungkhxngkhwamkwangkradxnghlng mipakngumaehlmkhlaypaknkaekw hwhdekhakradxngimid aetmikhxyawyunxxkmaidmak ekhluxnihwidrwderw mikhwamsamarthinkarpintnimaelakxnhin khaaelaethakhxngetapulumikhnadihyaelaaekhngaernghdekhakradxngimid khahnaaelakhahlngkhxngetapulumiekldhumthnghmd tngaetokhnkhamiekldkhnadihy faethamiekldkhnadelklngma niwmiekldhum mielbaehlmkhm khahnami 5 niw khahlngmi 4 niw mieyuxphngphudelknxyyudrahwangniwekuxbthungokhnelb hangmikhnadihyaelaaekhngaerng miekldkhnadihyhumekldhangdanbnmi 1 aethw la 1 ekld eriyngcakokhnhangmipraman 11 thung 14 aethw ekldhangdanlangaethwthi 1 thung 4 misiekldcakaethwthihathungplayhangmiaethwlasxngekldbriewnokhnhangaelaokhnkhahlngmieduxyhnngaehlmyunxxkmacanwnmak hangkhxngetapuluyawmak mikhwamyawmakkwakhwamyawkradxnghlnginxtraechliykhwamyawkradxnghlngtxkhwamyawhang mikhaethakb 1 1 34 etapulucungcdwaepnetathimihangyawthisudinolk swnhwpinpayinthrrmchati etapulukhnadelk thiyngimotetmwy ekldsnhlng milksnaepnsnaenwklanghlngthng 5 aephn ekldchayokhrng thng 4 khu mipumhnathibriewnklangkhxngaetlaekld ekldkhxbkradxng mihykplayaehlmelknxy swnkradxngthxngmilksnadark simemtrikhxl markings kradxnghlngsinatalaedng kradxngthxngsiehluxng phiwhnngdanthxngsiehluxng dankhangkhxnghwthngsxngdancakthaytamiesnsida 1 khu phadyawipthangdanhlng rahwangklangesnsidamisiehluxng khathng 4 danbnsidadanlangsiehluxng aetemuxotetmwy lksnasnklanghlng pumhnamthiekldchayokhrngaelarxyhykthiekldkhxbkradxng cahayipcnhmd swnlksnadark simemtrikhxl markings thikradxngthxngsithnghmdcahayip hruxcanglngcnsngektehnimchd esnkhusidakhanghwcahayipdwy etapulutwthimikhnadihythisudthiphbinpraethsithy phbthicnghwdlapangminahnk 910 krm khwamyawkradxnghlng 18 7 esntiemtr khwamkwangkradxnghlng 14 5 esntiemtr khwamkwanghw 6 5 esntiemtr khwamyawhang 23 esntiemtrchnidyxyaelaphvtikrrmetapulu yngaebngepnchnidyxy id 3 chnid khux etapuluehnux hrux etapulucin P m megacephalum epnetapulukhnadelk mikhnadelkkwachnid P m pequense mak milksnakhlaykhlungknaetmikhwamkhwamaetktangthichdecnmakthisudmiephiyngaehngediyw khuxekldehnuxokhnhang ekldkhxbkradxng micanwn 11 khu ethakn 1979 raynganwami 9 khu kradxngthxngkhxngetapuluehnuxcaepnsiehluxngsm phiwhnngitkhangsiehluxngthxng phiwhnngbriewnokhnkhacnthungokhnhangepnsiehluxngxmchmphuekldehnuxokhnhangsungmi 1 xn mxngehnimchdecn emuxotetmthi ekldehnuxokhnhang camxngehnchdecn etapuluehnuxphbincin swninpraethsithyphbnxymak odycaphbechphaacnghwdthixyuehnuxsudethann twthiihysudthiphbthicnghwdlapangminahnk 570 krm khwamyawkradxnghlng 14 5 esntiemtr khwamyawkradxngthxng 11 3 esntiemtr khwamkwanghw 5 4 esntiemtr khwamkwangkradxnghlng 11 esntiemtr khwamyanghang 24 esntiemtretapulu P m pequense phbinphma ithyetapulu P m shiui phbthiewiydnamehnux kmphucha aelalaw etapulu epnetathixasyxyuinlatharnabnphuekhasungethann phbinpraethscintxnitaelainchayaednthitidkbithy law aelaphma minisydu kinenuxaelalukimepluxkaekhngepnxahar rwmthungluknkdwy kinxakarodywithikarchkngb mikhwamsamarthpinpaykhxnim hruxokhdhinidekng hakininewlatxneynhruxklangkhun swnklangwncahlbsxntamsxkhin khwamaetktangrahwangephsphuaelaephsemiy khux twphumihangyawmakkwa aelaruepidkn khxngtwphucaxyuipthangplayhangmakkwa aelatwphucamixwywaephs xyuphayinruepidkn etapuluemuxyngelk kradxngcamilaysiehluxngaelasinatal swntwetmwysiepliynipepnsinatalekhiywmakxk phsmphnthuinna wangikhkhrawla 3 5 fxng ikhepluxkaekhngsikhaw rupthrngkrabxkhwthayri yawpraman 4 esntiemtr echuxwamixayuyunidthung 200 pisthanphaphinthrrmchatisthanphaphpccubn epnstwthiesiyngtxkarsuyphnthu enuxngcakthukkhukkhamthinthixyuxasyaelathukcbepnstweliyngaelaprungyasmuniphrdwyechuxwaepnyathiichbarungsmrrthnathangephs odychawcincarbsuxinrakhathiaephng nxkcakniaelwyngmikarihkdknephuxepnekmkarphnnxikdwy inpraethsithy nxkcakthicnghwdlapangaelw etapuluyngphbidthi cnghwdxutrditth thixuthyanaehngchatikhlxngtrxn xaephxnapad cnghwdphisnuolk phbthixaephxnkhrithy cnghwdnan phbthipahwyhlwng tableruxng xaephxemuxngnan xuthyanaehngchatikhunnan aela xuthyanaehngchatinnthburi rwmthungxikhlaythiincnghwdphakhehnux inpccubnmiokhrngkarxnurksetapuluxyuthi hmubannatxng tablchxaeh cnghwdaephr aela xuthyanaehngchatiphuswnthray xaephxnaaehw cnghwdely sahrbkarnamaeliyngepnstweliyngnn etapulumkimkhxyrxd enuxngcakepnetathixasyxyuinnathimisphaphepnlatharnatkethann xikthngyngpinpayekng mixupnisydu cachkngbthukxyang cungthaihepnetathieliyngyakmakduephimChelydridaexangxingAsian Turtle Trade Working Group 2000 Platysternon megacephalum 2008 09 05 thi ewyaebkaemchchin 2006 IUCN Red List of Threatened Species Downloaded on 29 July 2007 Fritz Uwe 2007 Checklist of Chelonians of the World PDF Vertebrate Zoology 57 2 264 265 ISSN 18640 5755 ekb PDF cakaehlngedimemux 2010 12 17 subkhnemux 29 May 2012 a href wiki E0 B9 81 E0 B8 A1 E0 B9 88 E0 B9 81 E0 B8 9A E0 B8 9A Cite journal title aemaebb Cite journal cite journal a imruckpharamietxr coauthors thuklaewn aenana author help Untamed China with Nigel Marven thixinethxrentmuwiedtaebs ITIS warsarkhxngkrmpramng ph s 2542 Rhodin Anders G J Paul van Dijk Peter Iverson John B Shaffer H Bradley 2010 12 14 Turtles of the World 2010 Update Annotated Checklist of Taxonomy Synonymy Distribution and Conservation Status PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim pdf emux 2010 12 15 subkhnemux 2010 12 15 khrxbkhrwkhawecha chxng 3 2017 12 04 subkhnemux 2017 12 04 lingkesiy khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2022 11 11 subkhnemux 2022 11 11 phb etapulu esnthangsuksathrrmchatinatknnthburi chikhwamsmburnphunpa wikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb Platysternon megacephalumaehlngkhxmulxunkhxmulthiekiywkhxngkb Platysternon megacephalum thiwikispichis