แมงดา ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: 244–0Ma | |
---|---|
ลักษณะทั่วไปของแมงดา | |
ใต้ท้องของแมงดา | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Arthropoda |
ไฟลัมย่อย: | Chelicerata |
ชั้น: | Merostomata |
อันดับ: | Xiphosura |
วงศ์: | Limulidae , 1819 |
สกุล | |
ชื่อพ้อง | |
|
แมงดา หรือที่บางครั้งเรียกว่า แมงดาทะเล จัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัมอาร์โธรพอด โดยที่ไม่ใช่ครัสเตเชียน แต่เป็นเมอโรสโทมาทา อยู่ในอันดับ Xiphosura และวงศ์ Limulidae
ลักษณะทั่วไป
แมงดาแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้
- ส่วนแรก เป็นส่วนของหัวและอกที่เชื่อมติดกัน เรียกว่า Cephalothorax หรือ Prosoma ซึ่งส่วนนี้จัดเป็นส่วนที่เป็นกระดองซึ่งเป็นเปลือกแข็งที่ห่อหุ้มลำตัว ลักษณะคล้ายรูปเกือกม้า โดยจะมีสันที่บริเวณด้านข้างตามความยาวของกระดอง นอกจากนี้ส่วนแรกของแมงดายังเป็นส่วนที่มีระยางค์ 8 คู่ ซึ่งมีลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันไปตามหน้าที่การใช้งาน โดยคู่ที่ 1 ไม่เจริญ คู่ที่ 2 เป็นก้ามหนีบ มีขนาดเล็ก อยู่บริเวณด้านหน้าของปาก (Chelicerea) คู่ที่ 3–6 เป็นระยางค์ขา ใช้สำหรับการเดิน ซึ่งส่วนปลายขาเดินจะเป็นก้ามหนีบ และมีหนามเล็ก ๆ อยู่เพื่อช่วยในการบดอาหาร ส่วนคู่ที่ 7 เป็นขาเดิน ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดเหงือก และบริเวณปลายของระยางค์คู่นี้จะแยกออกเป็นสี่แฉก ไม่เป็นก้ามหนีบเหมือนกับขาเดินคู่อื่น ๆ มีหน้าที่สำหรับดันพุ้ยดินไปข้างหลังเพื่อฝังตัวในพื้น และระยางค์คู่สุดท้ายหรือคู่ที่ 8 อยู่บริเวณอก ซึ่งลดขนาดลง เรียกว่า "ชิลาเรีย" (Chilaria)
- ส่วนที่สอง เป็นส่วนท้อง มีลักษณะเป็นรูปทรงหกเหลี่ยม บริเวณด้านข้างมีหนาม 6 คู่ ส่วนท้องมีระยางค์ 6 คู่ ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นแบน คู่แรกเป็น "แผ่นปิดเหงือก" (Gill Operculum) ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้กับเหงือก และบริเวณฐานมีช่องสืบพันธุ์ (Genital Pore) 1 คู่ อีก 5 คู่ถัดไปเป็น "เหงือก" (Gill Book) ที่มีรอยพับเป็นริ้ว ๆ ประมาณ 150 ริ้ว เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนก๊าซ แมงดาเป็นสัตว์ที่อยู่รอดได้แม้ไม่มีน้ำเป็นเวลาหลายวัน หากเหงือกนี้ยังเปียกอยู่ เมื่ออยู่ในน้ำ แมงดาจะหายใจโดยใช้วิธีกางเหงือกนี้ขึ้นลง
- ส่วนที่สาม เป็นส่วนของหางที่มีความแข็งและยาว ส่วนปลายเรียวแหลม มีเอ็นแข็งแรงยึดไว้ เพื่อใช้สำหรับการงอตัวหรือฝังตัวลงไปในดิน หรือใช้ในกรณีที่ต้องการอยู่นิ่งกับที่ในทะเลโดยการใช้หางปักลงกับพื้น และยังสามารถใช้ในการพลิกตัวจากการหงายท้อง แต่ไม่ได้ใช้เป็นอาวุธ
แมงดาเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนจานคว่ำหรือชามขนาดใหญ่ มีกล้ามเนื้อทั้งสิ้น 750 มัด มีหัวใจที่ยาวเกือบเท่าขนาดลำตัว มีอัตราการเต้นอยู่ที่ 32 ครั้งต่อนาที (ช้ากว่ามนุษย์ถึงครึ่งหนึ่ง) มีรูเปิด 8 คู่ มีลิ้นเปิดปิดที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดให้ไหลจากเหงือกไปที่ขาและอวัยวะที่สำคัญ มีกระเพาะอาหารธรรมดา เมื่อเวลากินอาหาร แมงดาจะกินทางปากจากนั้นจึงผ่านไปที่สมองก่อนจะไปถึงกระเพาะ แล้วจึงค่อยขับถ่ายออกมา โดยมีอวัยวะเหมือนแขนชิ้นเล็ก ๆ ทำหน้าที่จับอาหารส่งเข้าสู่ปาก ซึ่งสัตว์จำพวกอื่นที่มีอวัยวะแบบเดียวกันนี้ คือ แมงมุมและแมงป่อง ซึ่งเป็นสัตว์ที่เป็นเสมือนญาติใกล้เคียงที่สุด อาหารของแมงดามีด้วยกันหลากหลาย ทั้งสาหร่ายทะเลและสัตว์น้ำมีเปลือกขนาดเล็ก ๆ มีสมองที่มีรูปร่างเหมือนเฟือง ขาของแมงดามีความสามารถใช้สำหรับจับการเคลื่อนไหวหรือดมกลิ่นได้ มีดวงตาหลายคู่ที่ด้านข้างและด้านหลังที่เหมือนกับแมลง เห็นภาพได้เป็นสเกลหรือตาราง โดยมีเซลล์รับแสงอยู่ด้านใน ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่มีอยู่ตรงกลาง แต่ตาหลักจะช่วยในการมองเห็นรูปร่างของแมงดาตัวอื่น ๆ ส่วนตัวผู้จะใช้ในการมองหาคู่ ตาคู่ที่เล็กมีความไวกว่า ใช้ตรวจจับรังสีต่าง ๆ ได้ เช่น อัลตราไวโอเล็ต รวมถึงแสงจันทร์เพราะเป็นสัตว์ที่มีวิถีชีวิตคู่กับน้ำขึ้นน้ำลง และยังมีตาที่อยู่ด้านท้องที่ตรวจจับทิศได้แม้ลำตัวจะหงายท้องก็ตาม และส่วนหางก็ยังตรวจจับแสงได้อีกด้วย แม้จะมีร่างกายดูเหมือนเทอะทะ แต่ทว่าร่างกายของแมงดากลับยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี
แมงดาเพศเมียภายในร่างกายจะมีการผลิตไข่อยู่ตลอดเวลาเพื่อรอเวลาผสมพันธุ์และวางไข่
วงจรชีวิต
ในช่วงฤดูร้อน ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกันยายนของทุกปี แมงดาจะขึ้นมาวางไข่บนบกตามแนวชายหาด ในวันที่มีน้ำทะเลขึ้นสูงสุด 2–3 วัน โดยตัวผู้จะเกาะบนหลังเพศเมียโดยการใช้ตะขอเกี่ยวตัวเมียเอาไว้ตลอดฤดูการผสมพันธุ์ แมงดาเพศเมียจะใช้ขาคู่ที่ 6 ในการขุดทรายเพื่อใช้ในการวางไข่ซึ่งมีจำนวนหลายร้อยฟอง แล้วตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อผสมกับไข่ในหลุมทันที จากนั้นตัวเมียจึงทำการกลบไข่ด้วยทรายและโคลนตามเดิม เมื่อไข่แมงดาได้รับการปฏิสนธิเวลาผ่านไปประมาณ 14 วัน เปลือกไข่ก็จะแตกออกด้วยแรงเสียดสีของเม็ดทราย ลูกแมงดาที่ฟักตัวออกมามีลักษณะเหมือนพ่อแม่ จากนั้นในช่วงการเจริญเติบโตตัวอ่อนแมงดาจะล่องลอยตามกระแสน้ำ และกว่าจะถึงระยะตัวเต็มวัย ตัวอ่อนแมงดาต้องมีการลอกคราบหลายครั้งด้วยกัน และอัตราการลอกคราบก็จะลดลงเมื่อโตเต็มวัย ซึ่งอาจเป็น 10–20 ครั้งต่อปี โดยในการลอกคราบแต่ละครั้งก็จะเพิ่มส่วนของดวงตาขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งไม่มีในสัตว์น้ำชนิดไหนที่มีแบบนี้ แมงดาที่โตเต็มที่จะมีอายุประมาณ 9–12 ปี (โดยเฉลี่ย 11 ปี) จึงมีความพร้อมที่จะสามารถสืบพันธุ์และวางไข่ได้ โดยเพศเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าเพศผู้ จากการศึกษาพบว่าแมงดามีอัตราการรอดชีวิตภายใน 1 ปีแรกเพียง 0.003 เท่านั้น (หรือราว 30 ตัว ในทุก ๆ 1,000,000 ตัว) ทั้งนี้แมงดายังมีศัตรูตามธรรมชาติอีก คือ นกทะเล ในช่วงที่ยังเป็นไข่หรือตัวอ่อน ปลาทะเลขนาดใหญ่ และเต่าทะเล แมงดาเป็นสัตว์ที่มีอัตราการเติบโตช้า มีอายุขัยโดยเฉลี่ย 40 ปี
การจำแนก
ทั่วโลกมีแมงดามีทั้งหมด 4 ชนิด ใน 3 สกุล แต่พบในประเทศไทย 2 ชนิด คือ แมงดาถ้วย (Carcinoscorpius rotundicauda) และแมงดาจาน (Tachypleus gigas)
- สกุล Carcinoscorpius
- แมงดาถ้วยหรือแมงดาทะเลหางกลม (Carcinoscorpius rotundicauda) พบในอินเดีย จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมทั้งไทย) และเอเชียตะวันออก รวมทั้งอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง
- สกุล Limulus
- แมงดาแอตแลนติก (Limulus polyphemus) พบตามชายฝั่งทางตะวันออกบริเวณเหนืออ่าวเม็กซิโก
- สกุล Tachypleus
- แมงดาจานหรือแมงดาทะเลหางเหลี่ยม (Tachypleus gigas) พบในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมทั้งไทย)
- แมงดาญี่ปุ่นหรือแมงดาจีน (Tachypleus tridentatus) พบตามชายฝั่งเอเชียตะวันออก
การปรับตัวเชิงวิวัฒนาการของแมงดา
แมงดาเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ได้ขึ้นจากน้ำมาเพื่อวางไข่บนบกซึ่งได้วิวัฒนาการมาเป็นแมลงจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นฟอสซิลมีชีวิตอีกจำพวกหนึ่งในโลก แมงดาในยุคก่อนประวัติศาสตร์มีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากแมงดาในยุคปัจจุบันเท่าไหร่นัก โดยมีสัตว์ที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ ไทรโลไบต์ที่เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคเพอร์เมียน และต้องใช้การลอกคราบหลายครั้งกว่าที่จะเติบโตขึ้นมาเหมือนกับแมงดา
ประโยชน์
นอกจากจะมีประโยชน์ในการเป็นอาหารของมนุษย์แล้วยังพบว่า แมงดามี (Hemocyanin) เนื่องจากมีทองแดงผสมอยู่เป็นจำนวนมาก เซลล์เม็ดเลือดขาวของแมงดามีความไวมากในการตรวจจับเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งถูกนำมาใช้ประโยชน์ในวงการแพทย์ โดยการใช้เลือดแมงดาไปสกัดเป็นสารที่เรียกว่า (LAL) ในการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่อาจจะปนเปื้อนในวัคซีน, การผลิตยา หรือในอุปกรณ์การแพทย์ต่าง ๆ ซึ่งหากมีจุลชีพก่อโรคแม้เพียงหนึ่งในล้านส่วน โปรตีนที่สกัดได้จากเลือดแมงดาจะเกิดการจับตัวกันเป็นก้อนทันทีเพื่อทำการปกป้องร่างกายไม่ให้เป็นอันตราย และในปัจจุบันพบว่ามีการนำไปผสมลงในวัคซีนเพื่อนำไปสู่กระบวนการการให้วัคซีนแก่ผู้ป่วย เชื่อว่าการที่เลือดของแมงดาเป็นสีน้ำเงินและสามารถตรวจจับแบคทีเรียได้เป็นอย่างดีนั้น เกิดจากการที่สภาพร่างกายของแมงดาวิวัฒนาการขึ้นมาเพราะสภาพของน้ำทะเลในยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นเต็มไปด้วยแบคทีเรีย โดยการดูดเลือดจากตัวแมงดานั้นไม่ได้ทำให้แมงดาตาย เพียงแต่แต่ละตัวใช้เลือดราวร้อยละ 30 เท่านั้น (มีการตายราวร้อยละ 15 หรือราว 40,000 ตัวต่อปี) โดยใช้เข็มจิ้มลงไปในส่วนที่เป็นหัวใจ แมงดาจะงอตัว ร่างกายจะผลิตเลือดใหม่ขึ้นทดแทนทันที แต่ก็ต้องใช้เวลานานหลายเดือนเช่นกันกว่าร่างกายจะผลิตเลือดขึ้นมาทดแทนได้เท่ากับปริมาณที่สูญเสียไป ซึ่ง LAL ที่ได้จากแมงดานั้นมีราคาซื้อขายที่แพงมาก และวิทยาการปัจจุบันยังไม่สามารถผลิตสังเคราะห์หรือเลียนแบบได้
อ้างอิง
- "Integrated Taxonomic Information System". Integrated Taxonomic Information System - Report. สืบค้นเมื่อ 2007-02-28.
- Kōichi Sekiguchi (1988). Biology of Horseshoe Crabs. Science House. .
- ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด, ๒๕๓๙. ๙๗๖ หน้า. หน้า ๖๕๘-๖๕๙. ISBN
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-14. สืบค้นเมื่อ 2017-05-06.
- "สารคดี แมงดา สัตว์ประหลาดหุ้มเกราะ". ไทยพีบีเอส. 2015-05-07. สืบค้นเมื่อ 2017-04-23.
- [ http://tolweb.org/treehouses/?treehouse_id=4861 2016-03-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน]
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-03-17. สืบค้นเมื่อ 2017-05-06.
- อารมณ์ มุจจินทร์,หรรษานานาสัตว์,วารสาร อพวช. มีนาคม 2551 หน้า 52
- [1][]
- แมงดา
- . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-20. สืบค้นเมื่อ 2017-05-06.
- (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2017-05-06.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ไข่แมงดามีพิษถึงตาย
- เว็บไซต์แมงดา (อังกฤษ)
- http://www.arkive.org/horseshoe-crab/limulus-polyphemus/image-G124986.html 2017-05-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
aemngda chwngewlathimichiwitxyu 244 0Ma PreꞒ Ꞓ O S D C P T J K Pg Nlksnathwipkhxngaemngdaitthxngkhxngaemngdakarcaaenkchnthangwithyasastrxanackr Animaliaiflm Arthropodaiflmyxy Cheliceratachn Merostomataxndb Xiphosurawngs Limulidae 1819skulCarcinoscorpius Limulus TachypleuschuxphxngXiphosuridae karphsmphnthukhxngaemngda aemngda hruxthibangkhrngeriykwa aemngdathael cdxyuinpraephthstwimmikraduksnhlnginiflmxarothrphxd odythiimichkhrsetechiyn aetepnemxorsothmatha xyuinxndb Xiphosura aelawngs Limulidaelksnathwipaemngdaaebngxxkidepn 3 swn dngni swnaerk epnswnkhxnghwaelaxkthiechuxmtidkn eriykwa Cephalothorax hrux Prosoma sungswnnicdepnswnthiepnkradxngsungepnepluxkaekhngthihxhumlatw lksnakhlayrupekuxkma odycamisnthibriewndankhangtamkhwamyawkhxngkradxng nxkcakniswnaerkkhxngaemngdayngepnswnthimirayangkh 8 khu sungmilksnaruprangthiaetktangkniptamhnathikarichngan odykhuthi 1 imecriy khuthi 2 epnkamhnib mikhnadelk xyubriewndanhnakhxngpak Chelicerea khuthi 3 6 epnrayangkhkha ichsahrbkaredin sungswnplaykhaedincaepnkamhnib aelamihnamelk xyuephuxchwyinkarbdxahar swnkhuthi 7 epnkhaedin thimihnathithakhwamsaxadehnguxk aelabriewnplaykhxngrayangkhkhunicaaeykxxkepnsiaechk imepnkamhnibehmuxnkbkhaedinkhuxun mihnathisahrbdnphuydinipkhanghlngephuxfngtwinphun aelarayangkhkhusudthayhruxkhuthi 8 xyubriewnxk sungldkhnadlng eriykwa chilaeriy Chilaria swnthisxng epnswnthxng milksnaepnrupthrnghkehliym briewndankhangmihnam 6 khu swnthxngmirayangkh 6 khu sungmilksnaepnaephnaebn khuaerkepn aephnpidehnguxk Gill Operculum thahnathipxngknxntrayihkbehnguxk aelabriewnthanmichxngsubphnthu Genital Pore 1 khu xik 5 khuthdipepn ehnguxk Gill Book thimirxyphbepnriw praman 150 riw ephuxephimphunthiinkaraelkepliynkas aemngdaepnstwthixyurxdidaemimminaepnewlahlaywn hakehnguxkniyngepiykxyu emuxxyuinna aemngdacahayicodyichwithikangehnguxknikhunlng swnthisam epnswnkhxnghangthimikhwamaekhngaelayaw swnplayeriywaehlm miexnaekhngaerngyudiw ephuxichsahrbkarngxtwhruxfngtwlngipindin hruxichinkrnithitxngkarxyuningkbthiinthaelodykarichhangpklngkbphun aelayngsamarthichinkarphliktwcakkarhngaythxng aetimidichepnxawuth aemngdaepnstwthimiruprangehmuxncankhwahruxchamkhnadihy miklamenuxthngsin 750 md mihwicthiyawekuxbethakhnadlatw mixtrakaretnxyuthi 32 khrngtxnathi chakwamnusythungkhrunghnung miruepid 8 khu milinepidpidthikhwbkhumkarihlewiynkhxngeluxdihihlcakehnguxkipthikhaaelaxwywathisakhy mikraephaaxaharthrrmda emuxewlakinxahar aemngdacakinthangpakcaknncungphanipthismxngkxncaipthungkraephaa aelwcungkhxykhbthayxxkma odymixwywaehmuxnaekhnchinelk thahnathicbxaharsngekhasupak sungstwcaphwkxunthimixwywaaebbediywknni khux aemngmumaelaaemngpxng sungepnstwthiepnesmuxnyatiiklekhiyngthisud xaharkhxngaemngdamidwyknhlakhlay thngsahraythaelaelastwnamiepluxkkhnadelk mismxngthimiruprangehmuxnefuxng khakhxngaemngdamikhwamsamarthichsahrbcbkarekhluxnihwhruxdmklinid midwngtahlaykhuthidankhangaeladanhlngthiehmuxnkbaemlng ehnphaphidepnseklhruxtarang odymiesllrbaesngxyudanin tangcakstwthwipthimixyutrngklang aettahlkcachwyinkarmxngehnruprangkhxngaemngdatwxun swntwphucaichinkarmxnghakhu takhuthielkmikhwamiwkwa ichtrwccbrngsitang id echn xltraiwoxelt rwmthungaesngcnthrephraaepnstwthimiwithichiwitkhukbnakhunnalng aelayngmitathixyudanthxngthitrwccbthisidaemlatwcahngaythxngktam aelaswnhangkyngtrwccbaesngidxikdwy aemcamirangkayduehmuxnethxatha aetthwarangkaykhxngaemngdaklbyudhyunidepnxyangdi aemngdaephsemiyphayinrangkaycamikarphlitikhxyutlxdewlaephuxrxewlaphsmphnthuaelawangikhwngcrchiwitinchwngvdurxn pramaneduxnkumphaphnththungeduxnknyaynkhxngthukpi aemngdacakhunmawangikhbnbktamaenwchayhad inwnthiminathaelkhunsungsud 2 3 wn odytwphucaekaabnhlngephsemiyodykarichtakhxekiywtwemiyexaiwtlxdvdukarphsmphnthu aemngdaephsemiycaichkhakhuthi 6 inkarkhudthrayephuxichinkarwangikhsungmicanwnhlayrxyfxng aelwtwphucaplxynaechuxphsmkbikhinhlumthnthi caknntwemiycungthakarklbikhdwythrayaelaokhlntamedim emuxikhaemngdaidrbkarptisnthiewlaphanippraman 14 wn epluxkikhkcaaetkxxkdwyaerngesiydsikhxngemdthray lukaemngdathifktwxxkmamilksnaehmuxnphxaem caknninchwngkarecriyetibottwxxnaemngdacalxnglxytamkraaesna aelakwacathungrayatwetmwy twxxnaemngdatxngmikarlxkkhrabhlaykhrngdwykn aelaxtrakarlxkkhrabkcaldlngemuxotetmwy sungxacepn 10 20 khrngtxpi odyinkarlxkkhrabaetlakhrngkcaephimswnkhxngdwngtakhunmaxikdwy sungimmiinstwnachnidihnthimiaebbni aemngdathiotetmthicamixayupraman 9 12 pi odyechliy 11 pi cungmikhwamphrxmthicasamarthsubphnthuaelawangikhid odyephsemiycamikhnadihykwaephsphu cakkarsuksaphbwaaemngdamixtrakarrxdchiwitphayin 1 piaerkephiyng 0 003 ethann hruxraw 30 tw inthuk 1 000 000 tw thngniaemngdayngmistrutamthrrmchatixik khux nkthael inchwngthiyngepnikhhruxtwxxn plathaelkhnadihy aelaetathael aemngdaepnstwthimixtrakaretibotcha mixayukhyodyechliy 40 pikarcaaenk source source source source source source aemngdayipun Tachypleus tridentatus thixawhalxng praethsewiydnam thwolkmiaemngdamithnghmd 4 chnid in 3 skul aetphbinpraethsithy 2 chnid khux aemngdathwy Carcinoscorpius rotundicauda aelaaemngdacan Tachypleus gigas skul Carcinoscorpius aemngdathwyhruxaemngdathaelhangklm Carcinoscorpius rotundicauda phbinxinediy cnthungexechiytawnxxkechiyngit rwmthngithy aelaexechiytawnxxk rwmthngxemrikaehnuxaelaxemrikaklang skul Limulus aemngdaaextaelntik Limulus polyphemus phbtamchayfngthangtawnxxkbriewnehnuxxawemksiok skul Tachypleus aemngdacanhruxaemngdathaelhangehliym Tachypleus gigas phbinexechiyitaelaexechiytawnxxkechiyngit rwmthngithy aemngdayipunhruxaemngdacin Tachypleus tridentatus phbtamchayfngexechiytawnxxkkarprbtwechingwiwthnakarkhxngaemngdaaemngdaepnsingmichiwitaerkthiidkhuncaknamaephuxwangikhbnbksungidwiwthnakarmaepnaemlngcnthungpccubn thuxwaepnfxssilmichiwitxikcaphwkhnunginolk aemngdainyukhkxnprawtisastrmirupranghnataimaetktangcakaemngdainyukhpccubnethaihrnk odymistwthiiklekhiyngthisudkkhux ithrolibtthiepnstwthisuyphnthuipaelwtngaetplayyukhephxremiyn aelatxngichkarlxkkhrabhlaykhrngkwathicaetibotkhunmaehmuxnkbaemngda praoychn nxkcakcamipraoychninkarepnxaharkhxngmnusyaelwyngphbwa aemngdami Hemocyanin enuxngcakmithxngaedngphsmxyuepncanwnmak esllemdeluxdkhawkhxngaemngdamikhwamiwmakinkartrwccbechuxaebkhthieriy sungthuknamaichpraoychninwngkaraephthy odykaricheluxdaemngdaipskdepnsarthieriykwa LAL inkartrwchaechuxaebkhthieriythiepnxntraythixaccapnepuxninwkhsin karphlitya hruxinxupkrnkaraephthytang sunghakmiculchiphkxorkhaemephiynghnunginlanswn oprtinthiskdidcakeluxdaemngdacaekidkarcbtwknepnkxnthnthiephuxthakarpkpxngrangkayimihepnxntray aelainpccubnphbwamikarnaipphsmlnginwkhsinephuxnaipsukrabwnkarkarihwkhsinaekphupwy echuxwakarthieluxdkhxngaemngdaepnsinaenginaelasamarthtrwccbaebkhthieriyidepnxyangdinn ekidcakkarthisphaphrangkaykhxngaemngdawiwthnakarkhunmaephraasphaphkhxngnathaelinyukhkxnprawtisastrnnetmipdwyaebkhthieriy odykardudeluxdcaktwaemngdannimidthaihaemngdatay ephiyngaetaetlatwicheluxdrawrxyla 30 ethann mikartayrawrxyla 15 hruxraw 40 000 twtxpi odyichekhmcimlngipinswnthiepnhwic aemngdacangxtw rangkaycaphliteluxdihmkhunthdaethnthnthi aetktxngichewlananhlayeduxnechnknkwarangkaycaphliteluxdkhunmathdaethnidethakbprimanthisuyesiyip sung LAL thiidcakaemngdannmirakhasuxkhaythiaephngmak aelawithyakarpccubnyngimsamarthphlitsngekhraahhruxeliynaebbidxangxing Integrated Taxonomic Information System Integrated Taxonomic Information System Report subkhnemux 2007 02 28 Kōichi Sekiguchi 1988 Biology of Horseshoe Crabs Science House ISBN 978 4 915572 25 8 rachbnthitysthan phcnanukrm chbbrachbnthitysthan ph s 2525 krungethph xksrecriythsn xcth cakd 2539 976 hna hna 658 659 ISBN 974 8122 79 4 khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 04 14 subkhnemux 2017 05 06 sarkhdi aemngda stwprahladhumekraa ithyphibiexs 2015 05 07 subkhnemux 2017 04 23 http tolweb org treehouses treehouse id 4861 2016 03 08 thi ewyaebkaemchchin khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2010 03 17 subkhnemux 2017 05 06 xarmn muccinthr hrrsananastw warsar xphwch minakhm 2551 hna 52 1 lingkesiy aemngda khlngkhxmulekaekbcakaehlngedimemux 2016 03 20 subkhnemux 2017 05 06 PDF khlngkhxmulekaekbcakaehlngedim PDF emux 2016 03 04 subkhnemux 2017 05 06 aehlngkhxmulxunikhaemngdamiphisthungtay ewbistaemngda xngkvs http www arkive org horseshoe crab limulus polyphemus image G124986 html 2017 05 16 thi ewyaebkaemchchin