บทความนี้ไม่มีจาก |
แก้ว หมายถึง วัสดุแข็งที่มีรูปลักษณะอยู่ตัว และเป็นเนื้อเดียว โดยปกติแล้วเกิดจากการเย็นตัวลงอย่างฉับพลันของวัสดุหลอมหนืด ซึ่งทำให้การแข็งตัวนั้นไม่ก่อผลึก ตัวอย่างเช่น น้ำตาลซึ่งหลอมละลายและถูกทำให้แข็งตัวอย่างรวดเร็ว อาจด้วยการหยดลงบนผิวเย็น น้ำตาลที่แข็งตัวนี้จะมีลักษณะเป็นเนื้อเดียว ไม่แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่เป็นผลึก ซึ่งสามารถสังเกตได้จากรอยแตกหักซึ่งมีลักษณะละเอียด (conchoidal fracture)
แก้วสามารถที่จะเกิดได้หลากหลายวิธี โดยการที่จะเลือกวัตถุดิบจะต้องมีการคำนวณเพื่อหาปริมาณสารที่ต้องการใช้ใน Batch เนื่องจากสารที่ต้องการใช้ใน Batch จะได้มาจากปฏิกิริยาของวัตถุดิบ โดยในระหว่างการหลอมวัตถุดิบ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี และโครงสร้าง โดยจะทำให้เกิดฟองอากาศที่ต้องกำจัดออกไป โดยในผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่ต้องการการขึ้นรูปทรงที่เฉพาะ จะทำโดยมีการใช้กระบวนการทางความร้อนเข้าช่วย เพื่อกำจัด Stress ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็ว และการปรับปรุงให้แก้วมีความแข็งแกร่งขึ้นโดยการอบเทมเปอร์ (Temper)
แก้วที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ จะหมายถึง เฉพาะแก้วที่ทำจาก ซิลิกา (silica)
เนื้อแก้วบริสุทธิ์นั้นจะโปร่งใส ผิวค่อนข้างแข็ง ยากแก่การกัดกร่อน เฉื่อยต่อปฏิกิริยาทางเคมีและชีวภาพ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้แก้วนั้นมีประโยชน์ใช้งานอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามแก้วนั้นถึงแม้จะแข็ง แต่ก็เปราะแตกหักง่าย และมีรอยแตกที่ละเอียดคม คุณสมบัติของแก้วนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายด้วยการผสมสารอื่นลงในเนื้อแก้ว หรือการปรับสภาพด้วยการใช้ความร้อน
แก้วโดยทั่วไปนั้นทำจากซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2-silicon dioxide) ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสารประกอบทางเคมีในแร่ควอตซ์ (quartz) หรือในรูป polycrystalline ของทราย ซิลิกาบริสุทธิ์มีจุดหลอมเหลวที่ 2000 °C (3632 °F) เพื่อความสะดวกในกระบวนการผลิต จะมีการผสมสาร 2 ชนิดลงไปด้วย ชนิดแรกคือโซดาแอช (Soda Ash) ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือ โซเดียมคาร์บอเนต (sodium carbonate-Na2CO3) หรือสารประกอบโพแทสเซียม เช่น โพแทสเซียมคาร์บอเนต เพื่อช่วยให้อุณหภูมิในการหลอมเหลวนั้นต่ำลงอยู่ที่ประมาณ 1000~1500 °C แต่อย่างไรก็ตามสารนี้จะส่งผลข้างเคียงทำให้แก้วนั้นละลายน้ำได้ จึงต้องมีการเติมสารอีกชนิด คือ หินปูน ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือ แคลเซียมคาร์บอเนต (calcium carbonate-CaCO3) (เมื่ออยู่ในเนื้อแก้ว จะกลายเป็นแคลเซียมออกไซด์; calcium oxide-CaO) เพื่อทำให้แก้วนั้นไม่ละลายน้ำ
องค์ประกอบของแก้วที่ใช้ทำภาชนะใช้งานโดยทั่วไป เช่น แก้วน้ำ หรือกระจกใส จะมีองค์ประกอบแต่ละตัวโดยประมาณดังนี้
SiO2 70%
Na2O 15%
CaO 8%
และองค์ประกอบอื่น ๆ อีกเล็กน้อย เช่น MgO, Al2O3, K2O เป็นต้น
อาจมีแก้วพิเศษชนิดอื่น ซึ่งเกิดจากการเติมวัตถุดิบอื่น ๆ ลงไป เพื่อช่วยปรับคุณสมบัติของแก้ว เช่น
- เติมตะกั่ว (จากวัตถุดิบเช่น ลิธาจ; Litharge) และกลายเป็น PbO ในเนื้อแก้ว เพื่อให้แก้วหนักขึ้น เนื้อแก้วหยุ่นเหนียวและแวววาว ซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่าแก้วคริสตัล
- เติมแบเรียมและสังกะสี (BaO, ZnO) เพื่อช่วยทำให้แก้วมีลักษณะคล้ายแก้วคริสตัลโดยไม่ใช้ตะกั่วเป็นต้น
แหล่งข้อมูลอื่น
wikipedia, แบบไทย, วิกิพีเดีย, วิกิ หนังสือ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, mp3, วิดีโอ, mp4, 3gp, jpg, jpeg, gif, png, รูปภาพ, เพลง, เพลง, หนัง, หนังสือ, เกม, เกม, มือถือ, โทรศัพท์, Android, iOS, Apple, โทรศัพท์โมบิล, Samsung, iPhone, Xiomi, Xiaomi, Redmi, Honor, Oppo, Nokia, Sonya, MI, PC, พีซี, web, เว็บ, คอมพิวเตอร์
bthkhwamniimmikarxangxingcakaehlngthimaidkrunachwyprbprungbthkhwamni odyephimkarxangxingaehlngthimathinaechuxthux enuxkhwamthiimmiaehlngthimaxacthukkhdkhanhruxlbxxk eriynruwacanasaraemaebbnixxkidxyangiraelaemuxir aekw hmaythung wsduaekhngthimiruplksnaxyutw aelaepnenuxediyw odypktiaelwekidcakkareyntwlngxyangchbphlnkhxngwsduhlxmhnud sungthaihkaraekhngtwnnimkxphluk twxyangechn natalsunghlxmlalayaelathukthaihaekhngtwxyangrwderw xacdwykarhydlngbnphiweyn natalthiaekhngtwnicamilksnaepnenuxediyw imaesdngihehnthunglksnathiepnphluk sungsamarthsngektidcakrxyaetkhksungmilksnalaexiyd conchoidal fracture twhmakrukthithacakaekw aekwsamarththicaekididhlakhlaywithi odykarthicaeluxkwtthudibcatxngmikarkhanwnephuxhaprimansarthitxngkarichin Batch enuxngcaksarthitxngkarichin Batch caidmacakptikiriyakhxngwtthudib odyinrahwangkarhlxmwtthudib caekidkarepliynaeplngthangekhmi aelaokhrngsrang odycathaihekidfxngxakasthitxngkacdxxkip odyinphlitphnthechingphanichythitxngkarkarkhunrupthrngthiechphaa cathaodymikarichkrabwnkarthangkhwamrxnekhachwy ephuxkacd Stress thiekidkhunenuxngcakkareyntwlngxyangrwderw aelakarprbprungihaekwmikhwamaekhngaekrngkhunodykarxbethmepxr Temper aekwthicaklawthunginbthkhwamni cahmaythung echphaaaekwthithacak silika silica enuxaekwbrisuththinncaoprngis phiwkhxnkhangaekhng yakaekkarkdkrxn echuxytxptikiriyathangekhmiaelachiwphaph sungepnkhunsmbtithithaihaekwnnmipraoychnichnganxyangkwangkhwang xyangirktamaekwnnthungaemcaaekhng aetkepraaaetkhkngay aelamirxyaetkthilaexiydkhm khunsmbtikhxngaekwnisamarthepliynaeplngidngaydwykarphsmsarxunlnginenuxaekw hruxkarprbsphaphdwykarichkhwamrxn aekwodythwipnnthacaksilikxnidxxkisd SiO2 silicon dioxide sungxacxyuinrupkhxngsarprakxbthangekhmiinaerkhwxts quartz hruxinrup polycrystalline khxngthray silikabrisuththimicudhlxmehlwthi 2000 C 3632 F ephuxkhwamsadwkinkrabwnkarphlit camikarphsmsar 2 chnidlngipdwy chnidaerkkhuxosdaaexch Soda Ash sungmixngkhprakxbhlkkhux osediymkharbxent sodium carbonate Na2CO3 hruxsarprakxbophaethsesiym echn ophaethsesiymkharbxent ephuxchwyihxunhphumiinkarhlxmehlwnntalngxyuthipraman 1000 1500 C aetxyangirktamsarnicasngphlkhangekhiyngthaihaekwnnlalaynaid cungtxngmikaretimsarxikchnid khux hinpun sungmixngkhprakxbhlkkhux aekhlesiymkharbxent calcium carbonate CaCO3 emuxxyuinenuxaekw caklayepnaekhlesiymxxkisd calcium oxide CaO ephuxthaihaekwnnimlalayna xngkhprakxbkhxngaekwthiichthaphachnaichnganodythwip echn aekwna hruxkrackis camixngkhprakxbaetlatwodypramandngni SiO2 70 Na2O 15 CaO 8 aelaxngkhprakxbxun xikelknxy echn MgO Al2O3 K2O epntn xacmiaekwphiesschnidxun sungekidcakkaretimwtthudibxun lngip ephuxchwyprbkhunsmbtikhxngaekw echn etimtakw cakwtthudibechn lithac Litharge aelaklayepn PbO inenuxaekw ephuxihaekwhnkkhun enuxaekwhyunehniywaelaaewwwaw sungeriykodythwipwaaekwkhristl etimaeberiymaelasngkasi BaO ZnO ephuxchwythaihaekwmilksnakhlayaekwkhristlodyimichtakwepntnaehlngkhxmulxunwikimiediykhxmmxnsmisuxthiekiywkhxngkb aekw wikisxrs mibthkhwamcak ekiywkb Glass